กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 505.2 เจี้ยนเซียนอยู่ในมือของเซียนกระบี่
อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นยืนอยู่ในน้ำที่ห่างจากผิวทะเลสาบไปหลายสิบจั้ง เอาสองมือไพล่หลัง เขาสะบัดข้อมือยืดเส้นยืดสาย เป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งจริงๆ ด้วย มิน่าเล่าถึงกล้าทำตามอำเภอใจ สังหารเจ้าแห่งคูน้ำและเทพลำคลองของตนอย่างส่งเดชเช่นนี้
หัวใจด้านหลังของอินโหวเหมือนถูกค้อนทุบลงหนักๆ พายุหมัดซัดโน้มเอียงขึ้นสู่ด้านบน ทำให้เจ้าแห่งทะเลสาบท่านนี้ลอยหวือแหวกผิวน้ำบินขึ้นไปกลางอากาศ
โชคดีที่มีแค่เจียวหลงหกตัวบนชุดคลุมอาคมช่าจื่อเท่านั้นที่แหลกสลายไป
หากมังกรเก้าตัวแตกกระจายไปพร้อมกัน ชุดคลุมอาคมก็จะสูญเสียประสิทธิภาพไปชั่วคราว
นี่ก็มีส่วนคล้ายคลึงกับเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างที่จำแลงมาจากเม็ดเสื้อเกราะของสำนักการทหาร
หมัดหนึ่งพุ่งแสกหน้าเข้ามา
กลางอากาศเกิดเสียงดังกังวานเหมือนระฆังใบใหญ่ถูกตี
อิวโหวเพิ่งจะออกมาจากทะเลสาบชางอวิ๋นก็ต้องร่วงจมลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง
แม้ว่าเรือนกายของอินโหวจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับรู้สึกว่าสองหมัดนี้คือความอัปยศอย่างใหญ่หลวงในชีวิตนี้จริงๆ
ต่อมาเบื้องใต้ทะเลสาบ
ก็เหมือนมีเสียงฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิดังทึบอื้ออึงอยู่ใต้น้ำเป็นระลอกรัวยาว
น้ำทะเลสาบกระเพื่อมสะเทือนโถมตัวสูง
เพียงแต่ว่าเมื่อคลื่นลูกใหญ่โถมตัวเข้าใกล้สาวใช้ร่างทองที่ในมือกางฉัตรผู้นั้นก็เหมือนกับถูกกำแพงสูงของนครใหญ่สกัดกั้นเอาไว้จึงแหลกสลาย ลูกคลื่นที่ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ พากันถูกแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองนั้นกั้นขวางเอาไว้จึงทำให้มองดูเหมือนไข่มุกสีขาวหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนที่เด้งกระดอนอยู่บนนั้น
ฟ่านเหวยหรานยิ้มกล่าว “ขึ้นไปชมศึกบนฝั่ง”
แผ่นน้ำแข็งใต้ฝ่าเท้าที่รองรับทุกคนเอาไว้ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วพุ่งตรงไปยังท่าเรือด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ
ยามอยู่ในดินแดนเซียนเป่าต้ง หญิงชราก็เป็นบุคคลที่พูดจาคำไหนคำนั้นไม่ยอมให้ใครคัดค้านอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งไม่มีผู้ฝึกตนคนใดมีความเห็นต่าง
มีเพียงบรรพจารย์รองที่นิสัยประหลาด หรือก็คืออาจารย์ผู้มีพระคุณที่ถ่ายทอดมรรคาให้แก่เทพธิดาเยี่ยนชิงเท่านั้นที่ถึงจะกล้าโต้เถียงฟ่านเหวยหราน
หลังจากที่ชั้นน้ำแข็งขยับลอยเข้าใกล้ท่าเรือ พอไม่มีปราณวิญญาณจากฟ่านเหวยหรานช่วยบังคับก็พลันสลายกลายเป็นน้ำที่หลอมละลายลงสู่ทะเลสาบ
เหล่าผู้ฝึกตนจึงพากันพลิ้วกายลงพื้นตามบรรพจารย์อย่างฟ่านเหวยหราน มาอยู่บนท่าเรือที่แทบจะใกล้เคียงกับคำว่าซากปรัก
หลังจากที่เซียนซือกลุ่มนี้ขยับเข้ามาใกล้ท่าเรือ ตู้อวี๋ก็กัดฟันดีดปลายเท้าทะยานตัวไปหยุดอยู่ข้างหีบไม้ไผ่และไม้เท้าเดินป่า เอามือกดด้ามดาบตรงเอวไว้แน่น
ฟ่านเหวยหรานเพียงแค่ชำเลืองตามองลูกศิษย์สำนักการทหารของตำหนักขวานผีผู้นี้แวบหนึ่งเท่านั้น แล้วก็พาทุกคนเดินสวนไหล่ผ่านเขามา
สตรีร่างทองที่เดินกางฉัตรวิเศษตามอยู่ข้างกายคล้ายจะมีจิตใจเชื่อมโยงกับนางจึงชำเลืองตามองตู้อวี๋เช่นกัน
ตู้อวี๋กัดฟันจนฟันกระทบกันดังกรอดๆ เรือนกายที่เครียดเกร็งยืนแน่นิ่งไม่กระดุกกระดิกอยู่ข้างไม้เท้าเดินป่า
หญิงชราที่ร่างกายสูงใหญ่กำยำผู้นี้เป็นมือวางอันดับสองของบรรดาผู้ฝึกตนบนภูเขาหลายสิบแคว้นเชียวนะ
อีกทั้งเมื่อเทียบกับเจ้านครหวงเยว่ที่เป็นมือวางอันดับหนึ่งแล้ว ศักยภาพที่แท้จริงก็แตกต่างกันไม่มากเท่าไร
นอกจากนี้ฟ่านเหวยหรานก็ยังมีชื่อเสียงด้านนิสัยที่เกรี้ยวกราดดุร้าย ในอดีตตอนที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าสำนักดินแดนเซียนเป่าต้ง ขอแค่เป็นกลุ่มคนที่นางพาลงจากภูเขาไปฝึกประสบการณ์ ก็ไม่มีครั้งไหนที่ผู้ฝึกตนจะไม่ตายไปหลายคน ส่วนผู้ฝึกยุทธในยุทธภพที่โชคไม่ดีไปเจอเข้ากับนางก็ยิ่งมีจำนวนคนตายมากยิ่งกว่า และฟ่านเหวยหรานก็ยังชอบสังหารศัตรูอย่างโหดเหี้ยม เคยมีปรมาจารย์ในยุทธภพขอบเขตหกคนหนึ่งไปมีเรื่องกับลูกศิษย์ที่มาฝึกประสบการณ์ของดินแดนเซียนเป่าต้ง ก็ถูกฟ่านเหวยหรานตามไปเอาเรื่องถึงที่ หลังจากที่ใช้สมบัติอาคมเล่นงานอีกฝ่ายจนล้มกองอยู่กับพื้น หญิงชราก็ยืนอยู่ข้างกายคนผู้นั้นแล้วยกเท้ากระทืบเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่หัวจรดเท้า กระทืบจนเขากลายเป็นเนื้อเละๆ กองหนึ่ง
ฟ่านเหวยหรานยกนิ้วขึ้นแตะไปยังมงกุฎสีทองบนศีรษะเบาๆ แสงสีทองก็หมุนย้อนกลับเข้าไปในมงกุฎทอง สาวใช้ร่างทองรวมไปถึงฉัตรวิเศษพากันสลายหายไป
เยี่ยนชิงโค้งตัวคำนับ “เยี่ยนชิงคารวะบรรพจารย์”
ฟ่านเหวยหรานมีสีหน้าเมตตาอ่อนโยน ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของเยี่ยนชิงเบาๆ แสร้งพูดด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ “เด็กน้อยอย่างเจ้าประมาทเกินไปแล้ว กล้าเดินทางมาพร้อมกับคนต่างถิ่นที่อันตรายขนาดนี้ได้อย่างไร”
เยี่ยนชิงที่อับอายไร้คำพูด เพียงยืนกุมมือประสานกัน
ฟ่านเหวยหรานหันไปมองทางทะเลสาบชางอวิ๋น ใช้ริ้วคลื่นทะเลสาบหัวใจบอกกับเยี่ยนชิง “งิ้วสนุกๆ ขึ้นแสดงแล้ว สามารถเล่นงานให้ภาพมายาร่างคนของอินโหวย่อยยับ จนจำต้องเผยร่างจริงออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นปรมาจารย์ขอบเขตร่างทองคนหนึ่งอย่างแน่นอน หาได้ยากยิ่งนัก ยุทธภพล่างภูเขาหลายสิบแคว้นนี้ไม่เคยมีผู้ฝึกยุทธร่างทองในตำนานปรากฏตัวมาสองร้อยปีแล้ว แม่หนูเยี่ยน ประมือกับคนผู้นี้ต้องระวังไว้สักหน่อย อย่าได้ปล่อยให้เขาเข้าประชิดตัวเด็ดขาด อย่าได้เลียนแบบอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นที่ประมาทเลินเล่อ เพราะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน วางวิชาเซียนและสมบัติอาคมเอาไว้ไม่เอาออกมาใช้ ใช้แค่มือเปลือยหมัดเปล่าประลองพละกำลังกับผู้ฝึกยุทธคนนั้น ไม่ได้เรียกว่าโง่แล้วจะเรียกว่าอะไร?”
เยี่ยนชิงพยักหน้ารับ
ฟ่านเหวยหรานเอ่ยอีกว่า “แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้าแห่งทะเลสาบผู้นั้นเกิดมาก็มีเรือนกายที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกลมปราณอย่างพวกเราจะทัดเทียมได้ ก็สัตว์เดรัจฉานนี่นะ หนังย่อมหนาเป็นธรรมดา”
บนทะเลสาบพลันมีงูเหลือมยักษ์ยาวร้อยจั้งตัวหนึ่งโผล่พรวดออกมา งูตัวนี้มีกรงเล็บสี่ข้างแล้ว เวลานี้มันกำลังชูคอขึ้นสูง อ้าปากกว้าง พ่นเสาลำแสงสีเขียวมรกตไปทางผิวทะเลสาบ
เงาร่างสีเขียวยกฝ่ามือขึ้นต้านรับเสาลำแสงที่พลังอำนาจน่าครั่นคร้ามนั้นเอาไว้อย่างแข็งกร้าว
เกิดเป็นภาพที่ประกายแสงสีระเบิดพร่างพราวราวกับแสงจันทร์ที่สาดส่องเหนือมหาสมุทร
เยี่ยนชิงเก็บภาพนี้ไว้ในคลองจักษุของตนเงียบๆ
ฟ่านเหวยหรานหลุดหัวเราะพรืด “ผู้ฝึกยุทธร่างทองเปิดศึกใหญ่กับองค์เทพร่างทอง ไม่เลวๆ ไม่เสียทีที่เดินทางมาครั้งนี้”
เวลาเดียวกันนั้นตรงจุดที่สองลำคลองหนึ่งคูน้ำไหลรวมสู่ทะเลสาบก็ปรากฎมังกรน้ำยาวหลายสิบจั้งสามตัวขึ้นมาพร้อมกัน มังกรน้ำสีเหลืองสองตัวขนาดเรือนกายค่อนข้างใหญ่ ส่วนมังกรน้ำสีดำเหมือนหมึกกลับมีเรือนกายเล็กจิ๋วที่สุด
มังกรน้ำสามตัวที่เกิดจากการควบคุมของร่างทองเทพวารี มีพียงดวงตาเท่านั้นที่ปรากฏเป็นสีทองจางๆ หนึ่งชั้น
ไม่เพียงแต่มังกรน้ำสามตัวนี้เท่านั้นที่เลื้อยมาให้ความช่วยเหลือ สายน้ำเล็กใหญ่ตลอดทั้งอาณาเขตการปกครองของทะเลสาบชางอวิ๋นก็เริ่มเกิดการสั่นสะเทือนบิดเบือน ล้วนถูกอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นและองค์เทพร่างทองสามท่านของหนึ่งคูน้ำสองลำคลองนำมาใช้งาน
บนทะเลสาบชางอวิ๋นคืนนี้เวลานี้ต่างหากถึงจะเรียกว่าเกิดอุทกภัยน้ำเอ่อล้น คลื่นยักษ์โถมตัวท่วมเทียมฟ้าอย่างแท้จริง
สนามรบที่พลังอำนาจยิ่งใหญ่น่าครั่นคร้ามขยับออกห่างจากท่าเรือไปอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนไปทางใจกลางของทะเลสาบชางอวิ๋น
ผู้ฝึกตนหญิงลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนหนึ่งของฟ่านเหวยหรานพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ “อาจารย์ เจ้าคนผู้นี้นับว่ารู้กาลเทศะไม่น้อย กลัวว่าสะเก็ดน้ำจะกระจายมาโดนอาจารย์ก็เลยเผ่นหนีไปก่อนแล้ว”
ผู้ฝึกตนชายร่างสูงใหญ่อีกคนหนึ่งก็เอ่ยคล้อยตามว่า “ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีปัญญา เขาสร้างความแค้นเคืองให้อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นเช่นนี้ เป็นหรือตายก็ยากจะคาดการณ์ได้ หากยังผูกปมแค้นกับอาจารย์อีก นั่นก็ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ”
ตู้อวี๋ที่รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของท่าเรือประหนึ่งเสาไม้อันหนึ่ง
เทียบกับไม้เท้าเดินป่าสีเขียวปลั่งอันนั้นแล้วยังเหมือนไม้เท้าเดินป่าเสียยิ่งกว่า
แค่เทพธิดาเยี่ยนชิงที่สูงส่งจนมิอาจเอื้อมคนเดียวก็สามารถทำให้เขาตู้อวี๋และตำหนักขวานผีแบกรับผลการกระทำที่ตามมาได้แล้ว นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฟ่านเหวยหรานที่เป็นผู้ฝึกตนบนยอดเขาซึ่งมีเวทคาถาไร้เทียมทานผู้นี้เลย
หญิงชรากระทืบลงบนหัวของตำหนักขวานผีหนึ่งที นั่นก็คือขุนเขาที่กดทับลงมาอย่างแท้จริง
ฟ่านเหวยหรานหันหน้ามา เปิดปากเอ่ยยิ้มๆ “แม่หนูเยี่ยน ไม่ต้องเกรงใจ เดินก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวก็ได้”
เยี่ยนชิงที่เคารพกฎลำดับศักดิ์ของสำนักอย่างเคร่งครัดจึงได้เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าวมายืนเคียงไหล่อยู่กับบรรพจารย์
สีหน้าของหญิงชราฟ่านเหวยหรานผ่อนคลาย แต่แท้จริงในใจกลับไม่ได้รู้สึกสบายใจเหมือนอย่างสีหน้า
เรื่องบางอย่างต่อให้เป็นพวกคนอย่างอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นที่ตบะไม่ถือว่าต่ำ แต่ขอแค่ยังไม่ได้ไปยืนอยู่บนตำแหน่งนั้น ต่อให้เบิกตากว้างมองดูอยู่ก็ยังไม่เห็นอะไรอยู่ดี
หญิงชราเงยหน้าขึ้นมองม่านราตรี
มีเพียงตนกับเย่หานแห่งนครหวงเยว่เท่านั้นที่พอจะมองเห็นแสงสว่างผิดปกติที่โผล่มาเพียงเสี้ยวนั้น
ดังนั้นศิษย์น้องหญิงจึงเป็นกังวลมาโดยตลอดว่าตนจะเกิดความยอกแสลงใจกับเยี่ยนชิงลูกศิษย์ที่ภาคภูมิใจของนาง หรืออาจถึงขั้นคิดขัดขวางการเดินขึ้นสู่ที่สูงบนมหามรรคาของเยี่ยนชิงอย่างลับๆ ด้วยเหตุนี้ศิษย์น้องหญิงจึงป้องกันตนไม่ต่างจากป้องกันโจรขโมย
ฟ่านเหวยหรานรู้สึกว่าน่าขำไม่น้อย
เด็กสาวท่าทางซื่อๆ คนหนึ่งพลันเอ่ยเสียงเบา “ท่านย่าบรรพจารย์ ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นเอาแต่ฝึกวิชาหมัด จงใจใช้พวกงูยักษ์งูเหลือมมาหล่อหลอมเรือนกายของตัวเองเลยเจ้าค่ะ”
ฟ่านเหวยหรานกวักมือ เด็กสาวก็กระโดดโลดเต้นมาหยุดอยู่ข้างกายหญิงชรา นางแหงนหน้าขึ้น พูดอย่างไร้เดียงสา “จริงๆ นะ ท่านย่าบรรพจารย์ ข้าไม่ได้โกหกท่าน”
ฟ่านเหวยหรานที่เรือนกายสูงใหญ่ค้อมเอวลงเล็กน้อย ลูบศีรษะของแม่นางน้อย หญิงชราก้มหน้ามองดวงตาคู่งามที่มีประกายแสงจางๆ ไหลเวียนวนอยู่ภายในแล้วยิ้มบางเอ่ยว่า “แม่หนูชุ่ยของข้ามีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา นับว่าไม่เลวแล้ว วันหน้าเมื่อเติบใหญ่ ไม่แน่ว่าอาจได้ดิบได้ดีเหมือนกับอาจารย์อาหญิงเยี่ยน ลงจากเขามาฝึกประสบการณ์ ไม่ว่าเดินไปที่ไหนก็กลายเป็นเซียนหญิงที่เป็นที่จับตามองของผู้คน”
เยี่ยนชิงหันมายิ้มบางๆ ให้เด็กสาว
เด็กสาวมองเยี่ยนชิงแวบหนึ่ง แล้วก็บิดสองนิ้วพันเข้าด้วยกัน ก้มหน้าลง พูดอย่างลำบากใจว่า “ข้าไม่ได้สวยอย่างอาจารย์อาหญิงเยี่ยนสักหน่อย”
ฟ่านเหวยหรานหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
เด็กสาวยิ่งเขินอายกว่าเก่า
เยี่ยนชิงบิดหูของเด็กสาวเบาๆ
นี่เป็นการกระทำที่ใกล้ชิดสนิทสนมซึ่งนับว่าหาได้ยากที่เยี่ยนชิงจะแสดงออกมา
หลังจากเสียงหัวเราะผ่านพ้นไป ฟ่านเหวยหรานก็ทอดสายตามองไกลๆ ไปยังทะเลสาบ ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนมาเป็นเคร่งขรึม พูดเสียงทุ้มหนัก “เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ควรต้องประลองฝีมือกันให้ดีๆ สักครั้งแล้ว”
ลางที่บอกว่าสำนักหนึ่งจะตกอับ ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากการที่ไม่มีผู้สืบทอดวิชาเสมอ
ข้อนี้ นครหวงเยว่ก็ไม่ขาด เพราะถึงอย่างไรก็มีเหอลู่ผู้นั้นคอยช่วยประคับประคองสถานการณ์ แต่ดินแดนเซียนเป่าต้งของตนกลับดียิ่งกว่า
นอกจากเยี่ยนชิงแล้วยังมีแม่หนูชุ่ยคนนี้ บวกกับลูกศิษย์ใหญ่ที่ปิดด่านมาแล้วสิบปีคนนั้นของตน พวกเขาต่างจะต้องกลายมาเป็นเสาค้ำยันของดินแดนเซียนเป่าต้งในอนาคต
จิตใจของเยี่ยนชิงสะท้านสะเทือนอย่างหนัก
เหตุใดทั้งๆ ที่คนผู้นั้นก็อำพรางฝีมือเอาไว้แล้ว แต่บรรพจารย์ฟ่านที่เดิมทีตัดสินใจว่าจะนิ่งดูดายอยู่เฉยๆ ถึงกลับกลายเป็นว่าเกิดจิตสังหารขึ้นมา?
บนทะเลสาบชางอวิ๋น เกาะแห่งหนึ่งถูกร่างจริงงูเหลือมยักษ์ของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นใช้หางใหญ่ครูดไถจนกลายเป็นร่องขนาดมโหฬาร
เงาร่างชุดเขียวนั้นเพียงแค่ออกหมัดให้ศัตรูถอยร่นไปครั้งแล้วครั้งเล่าเท่านั้น
มีพลังมากพอที่จะปกป้องตัวเอง แต่หากจู่โจมจะต้องเปลืองแรง
มองดูเหมือนว่าไม่มีพละกำลังใดๆ เหลือให้เอาคืนแล้ว หลังจากหนึ่งหมัดต่อยให้ร่างทองของเทพลำคลองมู่หานแหลกสลาย แล้วบีบให้ร่างจริงของเจ้าแห่งทะเลสาบเผยตัว พละกำลังที่ปล่อยออกมารวดเดียวก็น่าจะเหือดหายไปหมดแล้ว
นี่ทำให้มังกรน้ำสามตัวของสองลำคลองหนึ่งคูน้ำที่เดิมทียังหลบๆ ซ่อนๆ ยิ่งต่อสู้อย่างฮึกเหิม แต่ละตัวแสดงนิสัยดุร้ายออกมาอย่างเต็มที่
ห่างออกไปไกลบนทะเลสาบชางอวิ๋นมีเสียงตะโกนของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นดังขึ้นมา “บรรพจารย์ฟ่าน ขอแค่ท่านยินดีช่วยข้าสังหารคนผู้นี้ ข้าจะมอบชุดคลุมอาคมช่าจื่อตัวนั้นให้แก่ดินแดนเซียนเป่าต้ง!”
ฟ่านเหวยหรานเพียงยิ้มบางๆ ไม่เอ่ยคำใด
เยี่ยนชิงทอดสายตามองไป ต่อให้โคจรคาถาขับเคลื่อนปราณวิญญาณในช่องโพรงลมปราณ ทำให้ดวงตาคู่นั้นมีประกายแสงสีม่วงเปล่งออกมา จนเกิดภาพบรรยากาศของวิชา ‘ตะวันจันทราส่องกระถาง ดวงตาบังเกิดควันม่วงผุดลอย’ แล้วก็ตาม แต่กระนั้นเยี่ยนชิงก็ยังเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก ถึงอย่างไรสนามรบแห่งนั้นก็อยู่ห่างจากท่าเรือมากเกินไป นางได้แค่มองเห็นเงาร่างของงูเหลือมที่กระโจนไปมาอย่างดุร้ายเท่านั้น
แม้ว่าแม่หนูชุ่ยจะเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่สามารถมองความจริงได้อย่างพร่าเลือนซึ่งลี้ลับมหัศจรรย์อย่างถึงที่สุด แต่นางเยี่ยนชิงก็ยังไม่ค่อยกล้าเชื่อสักเท่าไหร่ ว่าผู้ฝึกยุทธร่างทองในตำนานของยุทธภพคนหนึ่งจะสามารถเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีอย่างเต็มกำลังขององค์เทพหลายท่านบนถิ่นของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋น แล้วจะยังรับมือได้อย่างสบายๆ หากทั้งสองฝ่ายขึ้นมาเปิดฉากเข่นฆ่ากันบนชายฝั่ง องค์เทพแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นไม่มีความได้เปรียบด้านชัยภูมิ เยี่ยนชิงถึงจะพอเชื่อได้บ้าง
แล้วนับประสาอะไรกับที่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่ง หากลมปราณที่แท้จริงเฮือกนั้นแห้งขอดร่วงดิ่งลง ขอแค่ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ผลัดเปลี่ยนลมปราณ นั่นก็แทบจะต้องเจอกับจุดจบอนาถที่ต้องตายอย่างมิต้องสงสัยแล้ว
นี่ทั้งสองฝ่ายเข่นฆ่ากันมานานเท่าไรแล้ว?
หรือจะบอกว่าร่างกายของผู้ฝึกยุทธร่างทองไม่เพียงแต่มีลมปราณที่แท้จริงทอดยาวดุจสายน้ำ พอถึงขอบเขตร่างทองมิพ่ายของลัทธิพุทธอย่างแท้จริงแล้ว ยังจะสามารถต้านทานการร่วมมือกันโจมตีของเจ้าแห่งทะเลสาบกับมังกรน้ำอีกสามตัวได้อีก?
ห่างออกไปไกลมีเสียงของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นที่ดังกึกก้องเหมือนฟ้าคำรามลอยมาที่ท่าเรืออีกครั้ง “ฟ่านเหวยหราน! ข้าจะเพิ่มตำแหน่งเทพลำคลองมู่หานให้ดินแดนเซียนเป่าต้งของเจ้าอีกหนึ่งตำแหน่ง!”
ฟ่านเหวยหรานตะโกนกลับไป “หากข้าไม่ได้แก่จนตาลาย ดูเหมือนว่าเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีก็ตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
บนทะเลสาบชางอวิ๋น นอกจากคลื่นยักษ์โถมเทียมฟ้าที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินแล้ว อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นไม่ได้เอ่ยคำใดตอบกลับมาอีก
แม้เยี่ยนชิงจะไม่สนใจเรื่องทางโลก แต่อาณาเขตการปกครองของทะเลสาบชางอวิ๋นแห่งนี้ ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา นับรวมแล้วก็มีแค่สามลำคลองสองคูน้ำเท่านั้น การที่มอบตำแหน่งเทพลำคลองตำแหน่งหนึ่งมาให้ก็ถือว่ามีความจริงใจมากพอแล้ว หากยังให้มอบตำแหน่งเทพคูน้ำจ่าวซีให้อีก บวกกับที่เดิมทีศาลเทพแห่งคูน้ำเสาซีก็ถูกทิ้งร้างอยู่แล้ว หากอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นยอมตกปากรับคำจริงๆ ก็ไม่ต่างจากการเอาตะปูสองตัวตอกไว้ในดวงตาและในเนื้อของตัวเอง ตำแหน่งองค์เทพหนึ่งลำคลองหนึ่งคูน้ำที่ได้รับการสืบทอดอย่างถูกต้องของแคว้นอิ๋นผิง อีกทั้งยังมีดินแดนเซียนเป่าต้งเป็นที่พึ่งคอยหนุนหลังให้ อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นจะต้องสูญเสียโอกาสในการสังหารอีกฝ่ายตามใจชอบไปอย่างสิ้นเชิง ข้างเตียงตัวเองจะปล่อยให้คนอื่นมานอนกรนได้อย่างไร หลักการเล็กน้อยเพียงเท่านี้ อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นย่อมเข้าใจดี แล้วนับประสาอะไรกับที่ นี่ยังเกี่ยวพันกับรากฐานมหามรรคา เป็นการแบ่งโชคชะตาภูเขาแม่น้ำจำนวนมากของทะเลสาบชางอวิ๋นออกไป หากเปลี่ยนมาเป็นเยี่ยนชิงก็ไม่มีทางตกลงอย่างบุ่มบ่ามแน่นอน
เยี่ยนชิงใช้เสียงในใจเอ่ยถาม “บรรพจารย์ ท่านจะเอาตำแหน่งเทพวารีของทะเลสาบชางอวิ๋นมาทีเดียวสองตำแหน่งจริงๆ หรือ?”
ฟ่านเหวยหรานยิ้มบางๆ ตอบกลับ “หากไม่โก่งราคาแบบนี้ ต่อให้อินโหวยอมมอบตำแหน่งเทพลำคลองมู่หานมาให้แต่โดยดี ก็มีแต่จะแค้นเคืองอยู่ในใจ ด้วยอุบายและวิธีการของอินโหว จะต้องกดข่มจนเทพลำคลองคนใหม่กลายเป็นเพียงเศษสวะผู้หนึ่งอย่างแน่นอน ดินแดนเซียนเป่าต้งของพวกเราไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น วันๆ มัวมานั่งฟังเทพลำคลองของครอบครัวตัวเองที่ไปอยู่ในอาณาเขตของแคว้นอื่นร้องทุกข์ ถึงเวลานั้นจะยังสนใจหรือไม่สนใจดีเล่า?”
เยี่ยนชิงพยักหน้ารับ “บรรพจารย์มองการณ์ไกล”
ฟ่านเหวยหรานเอื้อมมือมาคว้ามือนุ่มบอบบางข้างหนึ่งที่ขาวเนียนราวกับรากบัวของเยี่ยนชิงเอาไว้ มือหนึ่งของหญิงชรากุมมือนาง อีกมือหนึ่งตบหลังมือนางเบาๆ แล้วพูดอย่างปลงอนิจจังว่า “แม่หนูเยี่ยน เรื่องราวทางโลกเหล่านี้ รับฟังแล้ว รับรู้แล้ว ก็แล้วไปเถิด เจ้าแค่ตั้งใจฝึกตนให้ดี ฝึกฝนอบรมจิตวิญญาณและศักยภาพแฝงของตนเพื่อพิสูจน์มรรคาก็พอ”
เยี่ยนชิงอืมรับหนึ่งที
ฟ่านเหวยหรานปล่อยมือนางออกแล้วกล่าวอย่างมาดมั่น “ไม่แน่ว่าผลเก็บเกี่ยวที่ได้รับอาจดีกว่าที่ข้าคาดการณ์เอาไว้”
—–