กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 618.3 ใครจะคู่ควรกับหนิงเหยา
พอได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยนั้น ฟ่านต้าเช่อก็ไม่ได้หันหน้าไปพูดคุยกับเฉินผิงอัน ยามออกกระบี่ก็ยิ่งไม่วอกแวกเสียสมาธิ
นี่ก็คือผู้ฝึกกระบี่ที่เคยชินกับการเข่นฆ่าในสนามรบมานานแล้ว
ฟ่านต้าเช่อไม่ได้ลังเลหรือรู้สึกลำบากใจใดๆ เขาออกกระบี่ตามคำบอกของเฉินผิงอัน ทำตามคำบอกของเถ้าแก่รองผู้นี้ ไม่พยายามร่วมมือกับพวกเฉินซานชิวเพื่อสังหารปีศาจอีก เพียงแค่ฉวยโอกาสคอยลอบโจมตี แทงกระบี่ใส่เผ่าปีศาจที่ใกล้จะตายเหล่านั้น เฉินผิงอันเคยบอกไว้นานแล้วว่า เก็บหัวคนบนสนามรบก็คือการเก็บเงิน ล้วนต้องอาศัยความสามารถที่แท้จริงทั้งหมด ใครกล้าพูดว่าข้าไม่ต้องการ ข้าผู้อาวุโสก็จะอมเหล้าถ้ำสวรรค์หลีจูที่ดีที่สุดของกำแพงเมืองปราณกระบี่พ่นใส่หน้าคนผู้นั้น
เฉินผิงอันชมศึกอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยเตือนต่ออีกว่า “ฟ่านต้าเช่อ ห่างจากกระบี่ของเจ้าไปสิบสองจั้ง เผ่าปีศาจที่บาดเจ็บสาหัสตนนั้นกำลังแกล้งตาย ไป ไปมอบกระบี่ให้มันอีกสักที”
กระบี่ที่คมกริบแทงทะลุศีรษะของเผ่าปีศาจที่กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้น
เฉินผิงอันกวาดตามองสนามรบทางแถบนั้นแวบหนึ่งก็เอ่ยต่อว่า “ฟ่านต้าเช่อ เจ้าสามารถบังคับกระบี่บินให้ออกมาจากสนามรบของพวกเตี๋ยจ้างชั่วคราว ไม่ต้องจงใจไปไล่ตามพวกเขา ไปยังจุดที่ห่างไกลอีกสักหน่อย ศพทั้งหมด ไม่ต้องสนใจว่าจะแกล้งตายหรือไม่ ล้วนแทงซ้ำให้ครบ ออกกระบี่ใส่คนพวกนี้ค่อนข้างจะปลอดภัยมั่นคง เพราะโอกาสที่จะเป็นนักรบเดนตายนั้นมีน้อยที่สุด อย่าได้ละโมบในความสมบูรณ์แบบมากเกินไป เรื่องของผลงานทางการศึกนี้ ขอแค่กระบี่บินของเจ้าไม่ได้รับความเสียหายถึงรากฐาน อย่างไรก็ถือว่าได้สร้างความชอบแล้ว แถมยังมีมากมายด้วย เจ้าก็ถือเสียว่าสนามรบทางทิศใต้คือลานประลองยุทธใหม่เอี่ยมแห่งหนึ่ง คิดอยากจะไล่ตามฝีเท้าของพวกเฉินซานชิวให้ทัน นอกจากจะต้องออกกระบี่ได้แล้วก็ต้องมองให้มากคิดให้มาก ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็จะสามารถคาดการณ์ทิศทางการออกกระบี่ของพวกเขาได้ ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะไม่รู้สึกว่าตัวเองช่วยให้เสียเรื่องอีก”
“ถอนกระบี่! นั่นคือนักรบเดนตาย ให้เจ้าอ้วนเยี่ยนไปหยอกเล่นดูก่อน”
“เห็นหรือไม่ เจ้าสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ก็พอจะมีมันสมองอยู่บ้าง ไม่ได้เปรียบจากพวกเฉินซานชิวก็เลยคิดจะบีบเจ้าเป็นมะพลับนิ่ม ในช่วงเวลาอย่างนี้อย่าได้ลังเล หนีเลย น่าเสียดายก็แค่ฝีมือการแสดงแย่ไปหน่อย มีปีศาจที่เผ่นหนีขี้เยี่ยวราดที่ไหนสายตาเด็ดเดี่ยว ส่วนมือไม้ก็ยิ่งมั่นคงแบบนี้บ้าง? ส่วนใหญ่แล้วหากอีกฝ่ายมือมั่นคงก็แสดงว่าใจต้องอำมหิต เจ้าต้องระวังให้มาก ตอนนี้กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเจ้ายังไม่ทนทานมากพอ อีกทั้งยังไม่ใช่ขอบเขตโอสถทอง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่พวกคุณชายที่มีเงินอย่างพวกเจ้าอ้วนเยี่ยน พวกเฉินซานชิวที่สามารถทุ่มเงินนับไม่ถ้วนลงบนกระบี่บินได้ ดังนั้นการออกกระบี่ของเจ้าอย่าเอาแต่เน้นที่ความเร็วและความแม่นยำอย่างเดียว ไม่ใช่คนแบบนั้นก็อย่าออกกระบี่แบบนั้น ข้อนี้เจ้าจำต้องยอมรับ”
“ต้าเช่ออ่า เจ้าอย่าทำให้ชื่อดีๆ นี้ต้องเสียเปล่าเชียวนะ จะดีจะชั่วก็ช่วยสติปัญญาเปิดโล่งสักครั้งหนึ่งได้หรือไม่ เห็นได้ชัดว่าปีศาจใหญ่ขอบเขตโอสถทองที่ร่อแร่ใกล้ตายตัวหนึ่งนอนรอให้กระบี่บินของเจ้าข้ามมันไป โอสถทองถูกเตี๋ยจ้างทำลายจนแหลกเละไปแล้ว ข้าบอกเจ้าว่าอย่าออกกระบี่รวดเร็วอย่างเดียว แต่ไม่ได้บอกให้เจ้าช้าในตอนที่สมควรเร็วนี่นา เห็นไหมนั่น ถูกเจ้าอ้วนเยี่ยนแย่งคุณความชอบไปแล้วไหมล่ะ”
“ตรงตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างไปยี่สิบสามจั้ง เห็นผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจตนนั้นหรือไม่ มันเพิ่งจะเสียสมบัติอาคมชิ้นหนึ่งไปก็เลยเกิดลังเลแล้ว เพียงแต่ถูกปีศาจใหญ่ที่คุมขบวนทัพอยู่ด้านหลังข่มขู่ก็เลยไม่กล้าหันหลังถอยหนี จำต้องเสแสร้งว่าใจกล้าต่อไป ต้าเช่ออ่า มัวอึ้งอยู่ทำไม ฟันมันให้ตายเลยสิ นั่นไง เตี๋ยจ้างแย่งไปอีกแล้ว ต้าเช่ออ่า เจ้าแม่งคงไม่ได้แอบชอบเถ้าแก่ใหญ่ของพวกเราหรอกกระมัง?”
“ตัวที่คุมเชิงอยู่กับเฉินซานชิวนั่น คาดว่าคงเป็นปีศาจใหญ่ก่อกำเนิดที่อำพรางพลังการต่อสู้ที่แท้จริง อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะเป็นคอขวดโอสถทอง เนื้อหนังแข็งและหนา แต่สมบัติอาคมชิ้นนั้นหนักเกินไป สามารถไปช่วยได้ พยายามให้กระบี่บินเรี่ยดินมากที่สุด หากเป็นไปได้ล่ะก็ หาโอกาสแทงที่เป้าของมันซะ พื้นที่สำคัญอย่างศีรษะ หัวใจ อย่าได้ไปทดลอง เห็นได้ชัดว่าเจ้าเดรัจฉานตนนี้ตั้งใจมาเล่นงานพวกเฉินซานชิว การต่อสู้ครั้งนี้ต้องใคร่ครวญให้ดี ต้าเช่ออ่า กระบี่แทงหว่างขานี้มีมาดของเซียนกระบี่มากเลยนะ หยุดเมื่อพอสมควรเถอะ รีบหนีเร็วเข้า ปีศาจใหญ่หมายหัวเจ้าแล้ว ให้ต่งถ่านดำไปรับช่วงต่อแทน”
ปีศาจใหญ่ห้าขอบเขตบนตนหนึ่งที่เดิมทีคอยควบคุมตรวจตราสนามรบคล้ายจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสนามรบแถบนี้
มันยังเป็นผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจขอบเขตหยกดิบตนหนึ่ง แสงกระบี่ที่พลังอำนาจดุดันราวสายรุ้งจึงพุ่งตรงมายังหัวกำแพงเมือง จุดที่แสงกระบี่ชี้ไปก็คือเฉินผิงอันที่โผล่มาแค่หัวเท่านั้น
แต่กระบี่ยาวที่อยู่ด้านหลังหนิงเหยาออกจากฝักมาด้วยตัวเอง หนึ่งกระบี่ฟันเข้าใส่แสงกระบี่ กระบี่บินร่วงลงพื้น กระแทกให้เกิดหลุมใหญ่ที่ฝุ่นตลบคละคลุ้งอยู่ด้านล่างหัวกำแพง ผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจที่โจมตีหนึ่งกระบี่แล้วไม่ได้ผลก็บังคับกระบี่บินให้พุ่งกลับไปด้วยความว่องไว กระบี่บินทะยานไปใต้ดินด้วยวงโคจรที่ไม่แน่นอน สุดท้ายก็ย้อนกลับไปทางเดิม
กระบี่ยาวเล่มนั้นของหนิงเหยาสอดกลับเข้าฝักด้วยตัวเอง สีหน้าของนางเป็นปกติ บังคับกระบี่บินเล่มที่อยู่ห่างไปไกลให้ไล่ล่าเผ่าปีศาจต่อ
ในบรรดาคนกลุ่มนี้มีเพียงกระบี่บินของหนิงเหยาที่หลังจากผ่านไปสามวันสามคืนแล้วก็ยังไม่เคยย้อนกลับมาที่หัวกำแพงมาก่อน
บนสนามรบ มีหลวนเฟิ่งสีทองตัวหนึ่งสยายปีกจากกำแพงเมืองปราณกระบี่บินโฉบไปทางสนามรบทิศใต้เพื่อเข่นฆ่าเผ่าปีศาจ
มีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเซียนกระบี่เกาขุยที่ใหญ่เหมือนเรือข้ามฟากซึ่งทะยานลงมาจากท้องฟ้า
‘เจ็ดสี’ กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของโจวเฉิงกำลังพุ่งทะยานอยู่บนพื้นดินอย่างบ้าคลั่ง ทุกที่ที่ผ่านก็จะต้องมีเศษซากแขนขาจำนวนนับไม่ถ้วนสาดกระเซ็นขึ้นมา
หนิงเหลียนอวิ๋นเจ้าประมุขตระกูลหนิงที่พอร่ายกระบี่แห่งชะตาชีวิตออกมาแล้ว กลางอากาศสูงเหนือสนามรบก็มีทะเลเมฆเป็นแถบๆ ปรากฏขึ้นมา ปราณกระบี่เหมือนสายฝนที่ตกกระหน่ำดิ่งลงมาที่แผ่นดิน
ในกองทัพใหญ่ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็มีปีศาจใหญ่ที่ร่ายใช้วิชาอภินิหาร บังคับให้อีการวมฝูงกันกลายเป็นเมฆดำกว้างใหญ่พุ่งตรงไปยังหัวกำแพงเมือง กระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่จำนวนมากที่หลบไม่ทันก็เอียงกะเท่เร่ กระบี่บินบางส่วนที่จมหายเข้าไปในเมฆดำจะระเบิดแตกโดยตรงเหมือนถูกแท่นโม่บดขยี้ให้เป็นผุยผง ร่างของผู้ฝึกกระบี่ที่อยู่บนหัวกำแพงเมืองจึงกลายเป็นคนเลือด
แน่นอนว่าหนิงเหลียนอวิ๋นย่อมไม่มีทางปล่อยให้ปีศาจใหญ่ที่หวังจะใช้ฝูงอีกาเมฆดำมาทำลายค่ายกลกระบี่ได้สมใจปรารถนา จิตเขาขยับเล็กน้อย ไปบังคับทะเลเมฆหนึ่งในนั้นมา
ฝูงอีกาเมฆดำชนเข้ากับทะเลเมฆของหนิงเหลียนอวิ๋นเซียนกระบี่ผู้อาวุโส
เซียนกระบี่อายุน้อยคนหนึ่งของตระกูลน่าหลันที่ออกกระบี่ไม่บ่อยนักยื่นมือออกมาผลัก ก็เห็นเพียงว่าเหนืออากาศของปีศาจใหญ่ตนที่เรียกฝูงอีกาเมฆดำออกมามีแท่นหยกขาวใสแวววาวแท่นหนึ่งร่วงลงมา ตรงดิ่งกระแทกใส่หัวปีศาจใหญ่ในแนวดิ่ง
ปีศาจใหญ่ไม่คิดจะต้านทานแม้แต่น้อย มันขยับกรูดถอยหนีไปด้านหลัง ในรัศมีหลายลี้ของกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจที่ปีศาจตนนั้นเป็นผู้ดูแลถูกแท่นหยกขาวนั่นกระแทกใส่ กลบทับฟ้าดิน เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่ว
ไม่เพียงแค่นี้ ดูเหมือนว่าปีศาจใหญ่จะถูกวิชาอภินิหารแปลกประหลาดอย่างหนึ่งของเซียนกระบี่หมายหัว เพราะไม่ว่ามันจะหนีอย่างไร เปลี่ยนเส้นทางอย่างไรก็ล้วนมีแท่นหยกขาวที่เปี่ยมล้นไปด้วยปณิธานกระบี่นับไม่ถ้วนกระแทกเข้าใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า คนที่ไม่เกี่ยวข้องมากมายพลอยติดร่างแหไปด้วย
แท่นหยกขาวสิบแปดแท่งทยอยกันร่วงลงไป สุดท้ายกลายเป็นกรงขังสยบปีศาจใหญ่ที่ไร้ทางหนีตนนั้นเอาไว้ได้สำเร็จ ปีศาจใหญ่จึงได้แต่เผยร่างจริง ใช้พละกำลังต้านรับแท่นหยกขาวที่กดทับลงมาจากด้านบน เมื่อแท่นหยกขาวที่รอยแตกร้าวลุกลามระเบิดแตกอย่างสิ้นเชิง ร่างทั้งร่างของปีศาจใหญ่ก็ถูกกระแทกลงไปใต้ดิน เพียงแต่ว่าปีศาจใหญ่ที่เลือดเนื้อครึ่งร่างถูกบดขยี้จนแหลกเละกลับจ้องเขม็งใส่เซียนกระบี่ที่ออกกระบี่อย่างดุดัน มันกลายร่างกลับคืนสู่ร่างมนุษย์อีกครั้ง แค่นเสียงเย็นชาในลำคอหนึ่งทีแล้วเลือกจะออกไปจากสนามรบชั่วคราวเพื่อพักรักษาตัว
เซียนกระบี่ที่อยู่บนหัวกำแพงเมืองท่านนั้นก็ออกจากหัวกำแพงทางทิศใต้ ไปพักรักษาตัวที่ทางทิศเหนือ
เซียนกระบี่ท่านหนึ่งเดินทางจากทิศเหนือมายังทิศใต้ เข้ามารับผิดชอบเฝ้าพิทักษ์พื้นที่แถบนี้แทนที่ตำแหน่งคนผู้นี้
ขอแค่มีปีศาจใหญ่กล้าลงมือ ทางหัวกำแพงเมืองแห่งนี้ก็จำเป็นต้องมีเซียนกระบี่ที่ถามกระบี่ให้ของขวัญกลับคืนไป
อีกทั้งปีศาจใหญ่ที่เคยลงมือในสนามรบมาก่อน ครั้งหน้าที่ปรากฏตัว ขอแค่ปรากฎตัวอยู่ในรัศมีของการออกกระบี่ เซียนกระบี่ใหญ่ก็ยังจะเป็นฝ่ายถามกระบี่ก่อนด้วย
ปีศาจใหญ่ใจกล้า ไม่กลัวตาย ยืนอยู่ใกล้ เซียนกระบี่ใหญ่ทั้งหมดอย่างเยว่ชิง หนิงเหลียนอวิ๋น หานไหวจื่อ หลี่ทุ่ยมี่ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในลำดับสิบคนแต่กลับเป็นขอบเขตเซียนเหรินพวกนี้ ไม่ว่าจะออกกระบี่คนเดียว หรือออกกระบี่อย่างพร้อมเพรียงกัน ถึงอย่างไรเมื่อออกกระบี่ไปแล้ว หากไม่อาจทำให้มันบาดเจ็บสาหัสได้ ทุกคนก็จะถูกลดทอนคุณความชอบกันไปคนละหนึ่งส่วน
นี่ก็คือกฎของกำแพงเมืองปราณกระบี่ คือกฎเหล็กข้อหนึ่งที่เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสตั้งขึ้นด้วยตัวเอง
นอกจากนี้แล้ว กองทัพใหญ่เผ่าปีศาจที่มีขอบเขตหยกดิบเป็นผู้นำก็สามารถลงมือให้ตามสบาย จะไม่ถูกเซียนกระบี่ใหญ่บนหัวกำแพงเมืองจงใจเล่นงาน ผู้ฝึกกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่แห่งนี้ตายไปมากน้อยเท่าไร กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็จำต้องยอมรับ
ไม่ว่าผู้ฝึกกระบี่คนใดก็ตามที่ออกกระบี่อย่างเต็มกำลังความสามารถ สังหารปีศาจเข่นฆ่าศัตรู ก็ควรจะเรียนรู้วิธีรักษาตัวรอดจากการเข่นฆ่าครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านมา
เซียนกระบี่คนหนึ่งตายไปแล้วก็คือตายแล้ว
ผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ยังไม่ได้เป็นเซียนดิน แต่กลับมีความเป็นไปได้มากมายนับไม่ถ้วน
หากไม่เป็นเช่นนี้ เซียนกระบี่ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้แต่ละท่านจะมาจากไหน ผู้ฝึกกระบี่ที่ออกกระบี่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ นั้นได้แต่อาศัยการปกป้องอย่างระมัดระวังของพวกเซียนกระบี่ที่ตายไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
นี่จึงเป็นเหตุให้เฉินชิงตูเอ่ยประโยคนั้นกับหนิงเหยา สำหรับในใจของเขาแล้ว ไม่มีใครที่ไม่สามารถตายได้!
นี่ก็คือความจริงอันโหดร้ายที่ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมานี้เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสไม่เคยปิดบังเด็กรุ่นหลังคนใด
สงครามอันโหดเหี้ยม การเข่นฆ่าที่อันตราย มีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
และสองปลายสุดของหัวกำแพงเมือง รวมไปถึงอากาศสูงเหนือกำแพงเมืองปราณกระบี่ สถานที่ที่อริยะของสามลัทธิอย่างเต๋า พุทธ ขงจื๊อเฝ้าพิทักษ์ ก็ยิ่งเงียบเชียบไร้สรรพสำเนียง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสนามรบที่ถูกอำพรางไว้ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญมากกว่า
อริยะผู้เฒ่าลัทธิเต๋าที่นั่งพิทักษ์อยู่บนจุดที่สูงที่สุดของม่านฟ้าคอยโบกหางกวางสีขาวหิมะในมือตัวเองขับไล่ไอเมฆหมอกอย่างต่อเนื่อง ประหนึ่งปัญญาชนผู้ว่างงานที่นั่งอยู่เดียวดายบนยอดเขา โบกพัดดับร้อน ทิ้งชื่อเสียงเลื่องลือเป็นพันปี
ภิกษุที่นั่งอยู่บนเบาะรองนั่งท่องบทสวดเบาๆ ดอกบัวสีทองผลิบานอยู่เต็มพื้น แล้วพากันลอยขึ้นกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะกลายมาเป็นแม่น้ำสายยาวสีทองเส้นหนึ่ง ด้านในคือประทีปดอกบัวที่ล่องลอยอยู่มากมาย
อริยะลัทธิขงจื๊อนั่งตัวตรงอย่างสำรวม ด้านหน้าคลี่กางตำราอริยะปราชญ์เล่มหนึ่ง อักษรสีทองบนตำราแต่ละตัวลอยออกมาจากในหนังสือ เมื่ออ่านตำราของอริยะปราชญ์เล่มหนึ่งจบ ในตำราก็ไม่เหลือตัวอักษรแม้แต่ตัวเดียว อริยะจึงเปิดตำราอริยะปราชญ์เล่มต่อไป
เฉินผิงอันออกมาจากสนามรบข้างกายฟ่านต้าเช่อแล้ว ไปปรากฏตัวอยู่ข้างกายผังหยวนจี้ เรียกไฮเหลยและซงเจินกระบี่บินสองเล่มให้ช่วยสร้างเวทอำพรางตา แล้วก็หยุดเมื่อพอสมควรเท่านั้น จากนั้นก็ไปอยู่ข้างกายเกาเหย่โหวและซือถูเหว่ยหรัน ช่วยเหลืออีกฝ่ายเล็กๆ น้อยๆ จุดที่มีเซียนกระบี่เฝ้าพิทักษ์ เขาจะไม่รั้งรออยู่นาน แต่หากเป็นผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตกลางที่เคยไปดื่มเหล้าที่ร้าน เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เฉินผิงอันก็จะหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เพียงแต่เรียกกระบี่จำลองสองเล่ม แต่ยังเรียกกระบี่บินชูอีสืออู่ให้ออกมาสังหารศัตรูอย่างคล่องแคล่วฉับไว แต่จะไม่อยู่ที่ใดที่หนึ่งนานเกินไปเด็ดขาด แล้วก็จะไม่ทยอยออกกระบี่ตามกันไปในแนวเส้นเดียว ส่วนใหญ่แล้วจะกลับมาเจอกันบนสนามรบที่ก่อนหน้านี้เคยออกกระบี่ไป จากนั้นพอแยกกันก็พุ่งออกไปหลายร้อยลี้ หากช่วยกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่เล่มหนึ่งได้ก็จะช่วย หากถือโอกาสสังหารปีศาจได้ก็จะฆ่า จะไม่อวดเก่ง และละโมบในคุณความชอบเด็ดขาด
ไม่เพียงเท่านี้ เพราะเดี๋ยวๆ เขาก็เป็นเด็กหนุ่มชุดดำสีหน้าทึ่มทื่อ อีกเดี๋ยวก็กลายเป็นผู้เฒ่าที่ใบหน้าผอมตอบ
ขณะที่เฉินผิงอันกำลังลังเล ชั่งน้ำหนักใบหน้าของสตรีที่อยู่ในมือว่าควรจะใส่มันดีหรือไม่ ก็มีเซียนกระบี่ท่านหนึ่งที่ทำหน้าที่เฝ้าพิทักษ์ขบวนรบทนมองไม่ไหวอีกต่อไป ใช้เสียงในใจด่าขำๆ ว่า “ท่านผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสองอย่างเจ้า ช่วยมียางอายบ้างได้หรือไม่?”
เซียนกระบี่ท่านนี้สนิทสนมกับเยว่ชิงและหมี่ฮู่มาก ตอนที่จั่วโย่วไปถามกระบี่เยว่ชิง เขาก็คือหนึ่งในเซียนกระบี่ที่ออกจากนครไปช่วยห้ามทัพ
เฉินผิงอันชูนิ้วกลางให้เซียนกระบี่ท่านนั้น จากนั้นก็กัดฟัน สวมใบหน้าปลอมอย่างเด็ดเดี่ยว กระโดดขึ้นไปบนหัวกำแพง ยามที่ก้าวเดินเรือนกายก็ยักย้ายไปมาเหมือนสตรีจริงๆ
จากนั้นก็แอบออกกระบี่ช่วยเหลือผู้ฝึกกระบี่อายุน้อยกลุ่มหนึ่ง เซียนกระบี่ที่อยู่ห่างไปไกลคนนั้นอึ้งตะลึงไปก่อน จากนั้นก็หัวเราะก๊ากไม่หยุด รู้สึกนับถือบัณฑิตสายของเหวินเซิ่งที่เดิมทีไม่ได้รู้สึกดีด้วยเท่าไรนี้มากจริงๆ
หลังจากหัวเราะไปแล้ว มองแผ่นหลังของคนหนุ่มที่ชุดคลุมอาคมของหอภูษามีเลือดซึมออกมา เซียนกระบี่ก็เก็บความคิดจิตใจทั้งหมดไป แล้วช่วยปกป้องกระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่มากมายที่ออกไปจากหัวกำแพงต่อ
เซียนกระบี่หันหน้ามองไปทางทิศใต้ จับตามองรายละเอียดบนสนามรบทุกอย่าง ขณะเดียวกันส่วนลึกในใจก็เกิดความคิดหนึ่งว่า คงจะมีเพียงคนหนุ่มที่เป็นเช่นนี้กระมังถึงจะสามารถเป็นศิษย์น้องเล็กของจั่วโย่ว สามารถทำให้เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสลงเดิมพันสำคัญกับตัวเขาได้
แล้วก็ถึงจะคู่ควรกับหนิงเหยา