กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 678.2 ก็ลองดู
เซียนกระบี่ในท้องถิ่นของกำแพงเมืองปราณกระบี่ต่างก็มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเรื่องราวและบุคคลของสถานที่อื่นน้อยมาก อย่างหมี่อวี้นั้นไม่เรียกว่าเกี่ยวพัน แต่เป็นเพราะเขาชอบเรียกหมู่ภมรมาด้วยตัวเองล้วนๆ สร้างฟ้าดินเล็กในหมู่มวลบุปผา กวนโอ้ยน่าเตะ
เด็กชายผมขาวที่จิตใจเชื่อมโยงกับท่านปู่อิ่นกวานรีบพูดทันที “เขาน่ะหรือ ไม่ใช่คนท้องถิ่นจริงๆ นั่นแหละ บ้านเกิดอยู่ที่พื้นที่มงคลระดับล่างแห่งหนึ่งของหลิวเสียทวีป คุณสมบัติดีจนน่ากลัว ดีจนถึงขั้นที่ว่าสามารถพกกระบี่ฝ่าทำลายสิ่งกีดขวางแห่งฟ้าดินได้สำเร็จ ในพื้นที่มงคลระดับล่างที่ขีดจำกัดใหญ่มาก พื้นที่กันดารห่างไกลที่กระทั่งผู้ฝึกตนจะเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตถ้ำสถิตก็ยังทำได้ยาก กลับถูกสิงกวานใช้วิธีการของผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิด ‘บินทะยาน’ มายังใต้หล้าไพศาลได้สำเร็จ คิดไม่ถึงว่าพื้นที่มงคลที่เดิมทีเก็บซ่อนอำพรางตัวอย่างมิดชิดจะชักนำให้กองกำลังแต่ละฝ่ายจับจ้องตาเป็นมันเพียงเพราะความเคลื่อนไหวยามที่เขาเผยตัวในหลิวเสียทวีปรุนแรงเกินไป พื้นที่มงคลที่เดิมทีเป็นดั่งดินแดนสุขาวดีนอกโลก ไม่ถึงร้อยปีก็เต็มไปด้วยมลพิษสกปรก กลายมาเป็นสถานที่ที่เหล่าเจ๋อเซียนใช้หาความบันเทิงเริงรมย์ ทุกคนเจ้าแย่งข้าชิง แล้วก็ไม่มีเทพเทวดาคนใดที่สามารถหยัดยืนได้มั่นคงมาจัดการดูแลให้ดี ไปๆ มาๆ สุดท้ายตลอดทั้งพื้นที่มงคลก็ถูกเซียนกระบี่สองท่านและผู้ฝึกลมปราณขอบเขตเซียนเหรินอีกคนหนึ่งร่วมแรงกันเปิดสงครามต่อสู้อุตลุด ทำให้ฟ้าแตกแผ่นดินแยก คนในท้องถิ่นตายสิ้น ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว ตอนนั้นสิงกวานขอบเขตไม่สูงมากพอ ไม่อาจปกป้องพื้นที่มงคลอันเป็นบ้านเกิดของตัวเองได้ ดังนั้นจึงละอายใจมาจนถึงทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าคนในครอบครัวและลูกศิษย์ของสิงกวานต่างก็ไม่มีใครหนีพ้นหายนะครั้งนั้นได้เลย”
เฉินผิงอันถอนหายใจในใจไม่หยุด
ภูเขาลั่วพั่วของตนก็มีพื้นที่มงคลรากบัวอยู่แห่งหนึ่ง
จากนั้นเฉินผิงอันก็ขมวดคิ้ว
ส่วนใหญ่แล้วเมื่อพื้นที่มงคลระดับล่างทุกแห่งเผยกาย ก็มักจะชักนำลมคาวฝนเลือดให้เกิดขึ้นเสมอ
ทุกวันนี้สถานการณ์ของฝูเหยาทวีปวุ่นวายโกลาหล นอกจากสมบัติล้ำค่าของตระกูลเซียนหลายชิ้นที่เผยกายบนโลกแล้ว หนึ่งในนั้นก็มีการ ‘บินทะยาน’ ของผู้ฝึกยุทธเต็มตัวขอบเขตเดินทางไกลคนหนึ่งที่ชักนำให้พื้นที่มงคลลับซึ่งเดิมทีไม่แก่งแย่งชิงดีกับโลกภายนอก ถูกผู้ฝึกตนบนภูเขาสืบสาวไปเจอเบาะแส นำพาให้กองกำลังตระกูลเซียนจากแต่ละฝ่ายกรูกันไปแย่งชิง เป็นพื้นที่มงคลระดับล่างเหมือนกัน แต่เนื่องจากนับแต่โบราณมาการเลื่อมใสวิชาการต่อสู้ก็ถือว่า ‘ไร้ความสามารถ’ ในเมื่อวัตถุดิบวิเศษในฟ้าดินสะสมไว้มาก ตระกูลเซียนอักษรจงแทบทั้งหมดในฝูเหยาทวีปจึงไม่อาจวางตัวอยู่นอกเหนือเรื่องราว ต่างก็อยากจะได้ส่วนแบ่งมาสักส่วนหนึ่ง อีกทั้งฝูเหยาทวีปก็ยังเป็นทวีปที่บนภูเขาและล่างภูเขามีความเชื่อมโยงกันลึกล้ำที่สุด เซียนซือมีเจตนา จักรพรรดิในโลกมนุษย์ก็มีความปรารถนาทะเยอะทะยาน ดังนั้นกระตุกผมเส้นเดียวจึงสั่นสะเทือนไปทั้งร่าง ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลังจากผู้ฝึกตนที่มีต่อราชวงศ์ใหญ่แห่งต่างๆ การเข่นฆ่าจึงเกิดขึ้นไม่ขาดสาย เป็นเหตุให้ตลอดหลายปีมานี้ทั้งบนภูเขาและล่างภูเขาล้วนมีไฟสงครามลุกลาม ควันดินปืนแผ่ตลบอบอวล
เด็กชายผมขาวเอ่ย “มาทำการค้ากันสักอย่างไหม?”
เฉินผิงอันยิ้ม “ไหนลองว่ามาสิ”
เด็กชายชุดขาวทำท่าทางจริงจังอย่างที่หาได้ยาก เอ่ยเนิบช้าว่า “ภายใต้การเป็นพยานของเฉินชิงตู ให้จิตหยินของเจ้าและข้าผสานรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ ข้าจะเลือกจำศีลหลับไปร้อยปี ภายในร้อยปีนี้ ขอแค่เจ้าเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบได้ก็ต้องคืนอิสระให้แก่ข้า ในฐานะผลประโยชน์ตอบแทน ข้าจะใช้พลังต้นกำเนิดแห่งชะตาชีวิตของขอบเขตบินทะยานเป็นต้นกำเนิดมรรคกถาของเจ้า สำหรับผู้ฝึกตนห้าขอบเขตกลางแล้ว พลังของเจ้าจะเปี่ยมล้นอุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องกังวลถึงความมากน้อยของปราณวิญญาณอีก ยามที่เข่นฆ่าอยู่กับผู้อื่นก็ไม่มีเรื่องให้ต้องคอยพะวงหลัง”
กล่าวมาถึงตรงนี้ เด็กชายชุดขาวก็มีสีหน้าสดใส ยิ่งรู้สึกว่าการค้าครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ จึงกระโดดผลุงลุกขึ้นมา พูดอย่างฮึกเหิมอารมณ์ดีว่า “ในอนาคตเจ้าไม่เพียงแต่จะเลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบนได้อย่างราบรื่นไร้เรื่องไม่คาดฝัน มีข้าอยู่ก็เหมือนมีเทพทวารบาลที่ช่วยปกป้องมรรคาให้แก่เจ้า ไม่ว่าจะจิตมารแบบใดก็ล้วนไม่เป็นปัญหา อีกทั้งก่อนที่จะเป็นเช่นนั้น ยามที่เปิดถ้ำสถิต ชมมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล กระโดดข้ามประตูมังกร สร้างโอสถทอง ฟูมฟักทารกก่อกำเนิด รับรองว่าเจ้าจะสามารถบุกรุดหน้าได้อย่างราบรื่นราวกับผ่าปล้องไม้ไผ่ และยังมีเส้นทางลัดที่ช่วยให้ฝ่าทะลุขอบเขตได้เร็วกว่าเดิมอยู่อีกเส้นหนึ่ง แค่ต้องใช้เวทลับวิชาหนึ่งเท่านั้น เจ้าจะต้องขอบเขตถดถอยมาถึงขอบเขตสามก่อน ไม่แน่ว่าภายในค่ำคืนเดียวข้าก็อาจจะทำให้เจ้าได้เลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนจนเหมือนฝันไปเชียวล่ะ ทางเลือกสองอย่างนี้เจ้าล้วนไม่ขาดทุน อีกทั้งยังไร้ภัยแฝงด้วย!”
เฉินผิงอันเอ่ย “อย่าดีกว่า”
เด็กชายผมขาวเริ่มร้อนใจแล้ว “ต่อให้เจ้าไม่เชื่อใจข้า แต่จะยังไม่เชื่อใจเฉินชิงตูด้วยหรือ? สายตาของตาเฒ่าสูงส่งแม่นยำยิ่งกว่าอะไร!”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ขอแค่ข้ามีความคิดเช่นนี้ ก็แค่ต้องเปิดปากเอ่ยกับเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าเจ้าจะมีแผนการอะไรหรือไม่ เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสก็จะต้องพยักหน้าตอบตกลงอยู่ดี”
เด็กชายผมขาวตีอกชกตัว “เหตุใดถึงได้มาเจอคนที่ไม่ฟังเหตุผลแบบเจ้าได้นะ เจ้าก็ลองเดิมพันดูสักครั้งสิ หากแพ้ก็แค่ขาดทุนเล็กน้อย แต่ถ้าชนะต้องได้กำไรก้อนใหญ่แน่นอน สรุปแล้วเจ้ากลัวอะไรกันแน่? ผู้ฝึกตนจะไม่มีความกล้าหาญเลยได้อย่างไร ต้องลงมือสังหารอย่างเด็ดขาดสิ ท่านปู่อิ่นกวานครั้งนี้ท่านทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน ผิดหวังยิ่งแล้ว! ทำให้ใจร้อนๆ ของหลานชายเยียบเย็นหมดแล้ว!”
เทวบุตรมารเริ่มทำตัวเล่นแง่ไม่เอาการเอางานอีกครั้ง แต่เฉินผิงอันกลับยังคงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “การที่ไม่ได้ตอบตกลงกับเจ้า ไม่ใช่เพราะข้ากลัวอันตราย แต่ไม่อยากหลอกพวกเราทั้งสองคน เพราะการกระทำเช่นนี้ผิดต่อเจตจำนงเดิมของข้า ถึงเวลานั้นจิตมารยามที่ข้าเลื่อนสู่ห้าขอบเขตบนจะเปลี่ยนแปลงไป มีความเป็นไปได้สูงว่าจะกลายเป็นเจ้า ดังนั้นการที่เจ้าผนึกตัวเองเป็นเทพทวารบาลของข้า แท้จริงแล้วกลับยากที่จะพิทักษ์มรรคาปกป้องมรรคาให้ข้าได้”
เด็กชายผมขาวฟังออกถึงความนัยในคำพูดของเฉินผิงอัน จึงถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าจะบอกว่าหากไม่พูดถึงปมปัญหาที่อ้อมผ่านไปไม่ได้ปมนั้น แค่สมมติว่าหากเจ้าเลื่อนสู่ขอบเขตหยกดิบได้ เจ้าก็จะมีวิธีการสังหารข้าให้ตายได้แล้ว? ท่านปู่อิ่นกวาน ไม่ว่าท่านผู้อาวุโสที่อยู่ในใจของข้าจะมีมาดองอาจสมกับเป็นวีรบุรุษมากแค่ไหน แต่นี่ก็หลงระเริงตนไปหน่อยกระมัง?”
เฉินผิงอันหยุดเดิน หัวเราะร่าเอ่ยว่า “ไม่เชื่อ? ลองดูไหมล่ะ?”
เด็กชายผมขาวทำท่ากระเหี้ยนกระหือรือ แต่สายตากลับจับจ้องดวงตาของเฉินผิงอันเขม็ง แล้วก็เริ่มรู้สึกลังเลไม่แน่ใจ แต่พอคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังหายตัววาบ เลือกจะเข้าไปในฟ้าดินทะเลสาบหัวใจที่ความคิดใหม่ของเฉินผิงอันเกิดขึ้น ลองก็ลองสิ!
การท่องเที่ยวสี่ครั้ง ‘ในหัวใจ’ ของเฉินผิงอันก่อนหน้านี้ ไม่ได้เจอเรื่องแปลกประหลาดอะไร หากได้เจอกับเรื่องประหลาดที่ใหญ่จริงๆ ก็ถือว่าได้เปิดโลกทัศน์ แล้วก็ถือเสียว่าได้หาเรื่องสนุกทำ
หลังจากที่เทวบุตรมารนอกโลกเข้าไปในทะเลสาบหัวใจแล้ว เฉินผิงอันก็สูดลมหายใจเข้าลึก กลั้นหายใจทำสมาธิ จิตใจไร้ความคิดวอกแวก เปล่งเสียงเรียกหนึ่งคำ
เพียงชั่วพริบตานั้น เทวบุตรมารนอกโลกก็กระเด็นออกมา สีหน้าซีดขาว ไม่เพียงแต่ต้องกลับมามือเปล่า ดูเหมือนว่าขอบเขตจะยังได้รับความเสียหายอีกด้วย
ความฮึกเหิมของขอบเขตบินทะยานที่กลับคืนสู่ยอดเขาสูงสุดก่อนหน้านี้ เวลานี้หายเกลี้ยงไม่เหลืออะไรสักอย่าง
เด็กชายผมขาวพึมพำว่า “ช่างเป็นแผนการที่ดี ท่านปู่อิ่นกวานช่างมีแผนการที่ดียิ่งนัก ให้ข้าทำหน้าที่เป็นกระบี่บินส่งข่าวข้ามผ่านระหว่างสองฟ้าดิน กำแพงเมืองปราณกระบี่ที่กว้างใหญ่ไพศาล มีเพียงข้าที่สามารถทำเรื่องนี้ได้จริงๆ …”
เฉินผิงอันกล่าว “ไม่อย่างนั้นก็ลองอีกทีดีไหม?”
เด็กชายผมขาวนั่งแปะลงกับพื้น ทิ้งตัวนอนหงายไปด้านหลัง กางแขนกางขาปัดป่าย ร้องคร่ำครวญว่า “ไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรแล้ว ท่านปู่อิ่นกวานรังแกคนซื่อได้ลงคอ”
เฉินผิงอันก้าวเดินไปข้างหน้าต่ออีกครั้ง การค้าที่วางแผนมานานครั้งนี้ สามารถทำได้สำเร็จจริงๆ ด้วย
ไม่อย่างนั้นเขาจะยอมปล่อยให้เทวบุตรมารนอกโลกตนหนึ่งเข้าออกทะเลสาบหัวใจของตัวเองหลายครั้งได้อย่างไร
เด็กชายผมขาวลุกขึ้นยืน เดินตามมาด้านหลังอิ่นกวานหนุ่ม ในใจยังหวาดผวาไม่คลาย เวลานี้จึงยังเหม่อลอยไร้คำพูด
ก่อนหน้านี้เขาบุกเข้าไปในทะเลสาบหัวใจของเฉินผิงอันอย่างฮึกเหิม ผลกลับกลายเป็นว่าเจอกับภาพเหตุการณ์พิลึกพิลั่น ที่นั่นมีสะพานโค้งสีทองอยู่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเขายังวิ่งตะบึงไปอย่างร่าเริง มีความสุขนักหนา แต่จากนั้นก็เห็นเรือนกายสูงใหญ่ของสตรีสวมชุดขาวคนหนึ่ง นางยืนอยู่บนราวสะพาน มือข้างหนึ่งค้ำยันกระบี่คล้ายกำลังหลับ กระทั่งเฉินผิงอันส่งเสียงเรียกเบาๆ สตรีที่ตามหลักแล้วควรเป็นเพียงภาพมายากลับ ‘ตื่น’ ขึ้นมาในทันใด ครู่หนึ่งต่อมานางก็หันหน้ามามองเทวบุตรมารนอกโลกที่รู้ว่าท่าไม่ดีจึงหยุดฝีเท้า
เด็กชายผมขาวกล้าสาบานเลยว่า สองชีวิตที่ผ่านมานี้ตนไม่เคยเห็นสายตาเช่นนั้นมาก่อน
ถึงขั้นที่ว่าเขายังไม่อาจเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เห็นแค่ดวงตาสีทองคู่นั้นของนางเท่านั้น
นางหลุบตามองต่ำอย่างคนที่อยู่สูงกว่า ไม่มีอารมณ์ใดๆ คล้ายกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศักดิ์ฐานะสูงที่สุดในตำนานอย่างไรอย่างนั้น
มองขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งเหมือนมองมดตัวหนึ่ง
ด้านใต้สะพานโค้งสีทองที่นางยืนอยู่คล้ายว่าในอดีตจะเคยเป็นโลกมนุษย์ยุคบรรพกาลที่สมบูรณ์แบบ บนพื้นดินมีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน ฟ้าดินมีความแตกต่าง มีเพียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่คงอยู่ไม่ดับสลาย
เพียงแค่มองมาคราเดียวก็กระแทกชนให้เทวบุตรมารลอยลิ่วออกมาจากฟ้าดินขนาดเล็กของเฉินผิงอัน เป็นเหตุให้เทวบุตรมารนอกโลกตนหนึ่งที่ยังไม่เดินถึงจุดสิ้นสุดต้องเผาผลาญตบะร้อยปีที่เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งสะสมมาอย่างยากลำบากไป
ตอนที่เทวบุตรมารถือกำเนิด ขอบเขตก็จะหยุดนิ่ง ไม่เพิ่มไม่ลดแม้สักเสี้ยว หลังจากนั้นก็อยู่แค่ว่าจะเป็นหรือตายเท่านั้น
เด็กชายผมขาวโอดครวญ “ท่านปู่อิ่นกวาน นางกับเฉินชิงตูใช่คนรุ่นเดียวกันหรือไม่? ท่านบอกมาแต่แรกสิ มีประวัติความเป็นมาเช่นนี้ ข้าเรียกท่านว่าท่านปู่จะพอเสียที่ไหน เรียกท่านว่าท่านบรรพบุรุษไปเลยก็แล้วกัน”
เฉินผิงอันกล่าว “ข้าไม่ใช่ใครที่กลับชาติมาจุติใหม่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”
เด็กชายผมขาวพ่นเสียงออกจมูก แม้แต่เทวบุตรมารนอกโลกตนหนึ่งยังหลอกลวงได้ลงคอ สมกับเป็นบัณฑิตจริงๆ
ขยับเข้าใกล้ทางเข้าของคุก
เฉินผิงอันพอจะปรับตัวเข้ากับความต่างมหาศาลระหว่างขอบเขตร่างทองกับขอบเขตเดินทางไกลได้บ้างแล้ว แต่หลังยังคงงองุ้ม ลมหายใจไม่ราบรื่น นี่ไม่ใช่สิ่งที่เสแสร้งแกล้งทำ
นี่ก็คือโรคแฝงที่มาจากการเย็บผ้าของเหนี่ยนซิน ยิ่งเส้นเอ็นฐานกระดูกของตัวเองหนักเท่าไร ยิ่งร่างกายแข็งแกร่งทนทานเท่าไร ชื่อจริงของปีศาจใหญ่ที่สลักลงบนกายก็จะยิ่งหนักตามไปมากเท่านั้น
และนี่ยังเป็นเพราะชื่อจริงของปีศาจใหญ่ที่สำคัญหลายตนยังไม่ถูกสลักลงไปด้วย เฉินผิงอันมิอาจจินตนาการได้เลยว่าหากเหนี่ยนซินเย็บผ้าสำเร็จจะเป็นสภาพแบบใด เขาต้องได้แต่เดินหลังค่อมหรือเปล่า?
เดินผ่านกรงขังห้าแห่งที่ขังเผ่าปีศาจห้าขอบเขตบน อวิ๋นชิงมายืนอยู่ริมขอบรั้วแสงกระบี่ เอ่ยแสดงความยินดีที่เขาได้ฝ่าทะลุขอบเขตแล้ว
ปีศาจใหญ่ชิงชิวหลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหมอกพรางตา สายตาเยียบเย็นจ้องคนหนุ่มที่ฝีเท้าหนักหน่วงผู้นั้นเขม็ง
ส่วนปีศาจใหญ่อีกสามตนที่เหลือ ก่อนหน้านี้มีตนหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน เวลานี้ก็เผยโฉมเช่นกัน นามแฝงของปีศาจใหญ่คือจู๋เจี๋ย เขานั่งอยู่บนม้วนภาพวาดขุนเขาเขียวน้ำใสที่ยังไม่ได้ปูกางอย่างเต็มที่ หากผู้ฝึกลมปราณเพ่งสายตามองไปอย่างละเอียดก็จะพบว่าภาพนี้แตกต่างจากภาพวาดทั่วไปของบนโลก นี่คือภาพพื้นที่มงคลที่เหมือนของจริงอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่มีเทือกเขาสูงสลับสล้าง มีหอเรือนศาลา ยังมีต้นไม้ดอกไม้ มีสิ่งมีชีวิตอย่างนกและสัตว์ป่า ยิ่งมีภาพบรรยากาศงดงามที่ดวงดาราลอยอยู่เต็มม่านฟ้า ปีศาจใหญ่ที่นั่งอยู่เหนือม่านฟ้าตนนั้นเอ่ยปากพูดด้วยเสียงแหบพร่า “เจ้าหนู ช่างมีชะตาชีวิตที่ดีจริงๆ”
เฉินผิงอันหยุดเดิน เพียงแค่มองม้วนภาพนั้น คฤหาสน์หลบร้อนมีบันทึกเอาไว้ การที่ปีศาจใหญ่ตนนี้สามารถใช้พู่กันและน้ำหมึกขโมยขุนเขาสายน้ำมาได้ ก็เพราะเคยเป็นทหารม้าทัพหน้าให้กับปีศาจใหญ่หวงหลวนมาหลายร้อยปี สามารถวาดภาพบนสนามรบ ดึงเอาขุนเขาสายน้ำมาเก็บไว้ในภาพวาด จากนั้นก็ม้วนแกนภาพปิดลง แค่นั้นก็สามารถบดขยี้สังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่บนภาพวาดได้แล้ว ผู้ฝึกลมปราณที่ขอบเขตต่างกับเขา หากอีกฝ่ายวาดภาพของศัตรูลงไปก็สามารถกักดวงวิญญาณส่วนหนึ่งของศัตรูไว้ในม้วนภาพได้ ดังนั้นในใต้หล้าเปลี่ยวร้างจึงมักจะมีเผ่าปีศาจพกเอาภาพเหมือน วันเดือนปีเกิด ตำแหน่งที่ตั้งศาลบรรพจารย์ของศัตรูไปด้วย จากนั้นก็ไปหานักวาดภาพคนนี้ จ่ายเงินขอให้ฝ่ายหลังจรดพู่กันวาดภาพให้ แล้วค่อยซื้อเอาภาพเหมือนที่กักดวงวิญญาณของศัตรูมาไว้
ปีศาจใหญ่ตนที่สี่คือผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบที่มีลักษณะคล้ายสตรีออกเรือนแล้ว เพียงแต่ว่ากระบี่บินแห่งชะตาชีวิตถูกทำลายไปบนสนามรบจนเสียหายอย่างหนัก นางมีนามแฝงว่าเมิ่งโผ มีชาติกำเนิดเป็นภูตต้นหญ้าที่สามารถศึกษาเวทกระบี่อย่างที่หาได้ยาก พลังพิฆาตสูงมาก เคยเป็นผู้พิชิตของพื้นที่แถบหนึ่งในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง คือเจ้าสำนักกระบี่ท่านหนึ่ง ไม่ได้เป็นคู่รักในนามกับปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานฉงกวง แต่กลับเป็นคู่รักกันในทางพฤตินัย
เผ่าปีศาจห้าขอบเขตบนตนสุดท้ายถูกจับมาขังในคุกกลับฝ่าทะลุขอบเขตอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มีตบะเป็นขอบเขตเซียนเหรินแล้ว ตามคำบอกของเฒ่าหูหนวก เฉินชิงตูเคยรับปากปีศาจตนนี้ ขอแค่เลื่อนเป็นขอบเขตบินทะยานได้ก็จะสามารถมาดูแลคุกแทนที่เฒ่าหูหนวกได้
ดูเหมือนว่าเด็กชายผมขาวจะเป็นกังวลใจยิ่งกว่าเฉินผิงอันเสียอีก ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ “ต่อให้บรรพบุรุษอิ่นกวานเป็นขอบเขตเดินทางไกลแล้ว รับมือกับห้าท่านนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสชนะเลยนะ”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ตอนนี้ยังไม่มี”
เดินลงบันไดไป ระหว่างทางมีกรงขังที่ว่างเปล่าเพิ่มมามากขึ้น ปีศาจห้าขอบเขตกลางหกสิบเอ็ดคน หากไม่นับลูกศิษย์สองคนที่เฒ่าหูหนวกหมายตาก็ยังเหลืออีกห้าคน ต่างก็เป็นพวกกระดูกแข็ง
เฉินผิงอันพลันเอ่ยว่า “ดูท่าคงต้องเลื่อนสู่ห้าขอบเขตกลางแล้ว ไม่อย่างนั้นอาการเดินกะเผลกจะสาหัสกว่าเดิม อย่าว่าแต่ปีศาจใหญ่ห้าขอบเขตบนเลย ต่อให้เป็นก่อกำเนิดห้าคนก็ยังฆ่าไม่ไหวแล้ว”
เด็กชายผมขาวเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “บรรพบุรุษอิ่นกวานต้องรีบแล้วล่ะ”
เฉินผิงอันนั่งลงด้านใต้สิ่งปลูกสร้างที่เป็นศาลา เด็กชายผมขาวยังคงรักษากฎ นั่นคือแค่วนเวียนอยู่รอบนอกสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น
เฉินผิงอันยิ้มถาม “ความคิดที่จะหลบเข้าไปในวัตถุหยินของข้า หายไปแล้วหรือ?”
เด็กชายผมขาวกล่าวอย่างจนใจ “แม้ว่าข้าจะปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างมีคุณธรรมน้ำใจ แต่ข้าไม่โง่นะ”
เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเรียกวัตถุแห่งชะตาชีวิตทั้งหมดออกมาจากช่องโพรงลมปราณเป็นครั้งแรก ตราประทับอักษรน้ำหนึ่งชิ้น ภูเขาลูกเล็กห้าสี เทวรูปไม้หนึ่งองค์ คัมภีร์สีทองหนึ่งหน้า
วัตถุแห่งชะตาชีวิตที่สำคัญทั้งสี่ชิ้นล้อมวนอยู่รอบกายเฉินผิงอันอย่างเชื่องช้า ประกายแสงสีแตกต่างกัน ทำให้แสงสว่างเจิดจ้าอยู่ในสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้ สาดสะท้อนพื้นที่ว่างเปล่าขุ่นมัวรอบด้าน
เด็กชายผมขาวล่องลอยไปอยู่ตรงขั้นบันได ถามว่า “ลำดับก่อนหลังเป็นอย่างไร?”
เฉินผิงอันเอ่ย “ตราประทับอักษรน้ำ ภูเขาห้าสี เทวรูปไม้นักพรตเต๋า คัมภีร์พุทธ แต่หนึ่งเพราะข้าไม่อาจหาเวทคาถาที่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ก็เพราะความตั้งใจเดิมในการหลอมวัตถุแห่งชะตาชีวิตห้าธาตุก็คือเพื่อสร้างสะพานแห่งความเป็นอมตะขึ้นมาใหม่ ดังนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ การเข่นฆ่ากับคนอื่น เรื่องของเวทคาถาจึงเป็นจุดอ่อนของข้าเสมอมา แต่ผู้อาวุโสเหนี่ยนซินแนะนำข้าว่าให้สับเปลี่ยนตำแหน่งของวัตถุแห่งชะตาชีวิต ยกตัวอย่างเช่นตราประทับห้าอสนีนั้นสามารถย้ายไปอยู่ตรงหัวใจได้”
เด็กชายผมขาวพยักหน้ารับ “รวบรวมห้าอสนี คือรวบรวมหมื่นอาคม โชควาสนาของหมื่นอาคมมาอยู่ในฝ่ามือ คือคำแนะนำที่ไม่เลว ประเด็นสำคัญคือยังสามารถข่มขู่คนอื่นได้อีกด้วย เมื่อเทียบกับยันต์ที่เป็นวิชาครึ่งๆ กลางๆ ของเจ้าแล้วก็สามารถปกปิดสองสถานะอย่างผู้ฝึกยุทธและผู้ฝึกกระบี่ของเจ้าได้ดียิ่งกว่า”
เฉินผิงอันถาม “นอกจากธารน้ำเส้นนั้นของสิงกวานแล้ว ฟ้าดินแห่งนี้ยังมีวัตถุธาตุไฟที่เหมาะแก่การนำมาหล่อหลอมอีกหรือไม่?”
เด็กชายผมขาวพยักหน้ารับ “มี อีกทั้งระดับขั้นยังสูงมากๆๆ ด้วย การที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่พูดถึง แน่นอนว่าเป็นเพราะไม่มีส่วนแบ่งใดๆ เทียบกับการที่ข้าพูดถึงธารน้ำไม่ได้”
คำว่าสูงมากที่พูดติดต่อกันถึงสามครั้ง
เฉินผิงอันจมเข้าสู่ภวังค์ความคิด
เขารู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงเตาหลอมลาวานั่น
เรื่องที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ กับตัวเอง เด็กชายผมขาวไม่มีความสนใจเลยสักนิด เขาเริ่มนับนิ้ว “อันดับแรกใช้วิถียันต์มาแสดงให้ศัตรูเห็นว่าอ่อนแอก่อน พอเห็นว่าท่าไม่ดีก็เรียกซงเจิน ไฮเหลยออกมา ‘แกล้งทำเป็น’ ผู้ฝึกกระบี่ แล้วพอถูกคนอื่นจับได้ก็เปลี่ยนจากอับอายมาเป็นโกรธเคือง ทิ้งระยะห่างแล้วขว้างเวทห้าอสนีของแท้ใส่หัว หากศัตรูหนังหนาก็ขยับเข้าประชิดตัว ใช้สถานะของผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลต่อยเขาไปหลายๆ หมัด หากเอาชนะไม่ได้ก็หนี หนีไปพลางชูธงของเซียนกระบี่ด้วย อาศัยคนมากมาข่มขู่ผู้อื่น อีกฝ่ายเพิ่งจะคิดว่านี่เป็นความสามารถก้นกรุในการเอาชีวิตรอด ก็ใช้กระบี่บินสองเล่มอย่างชูอี สืออู่แว้งกลับไปสังหารเขา หากนี่ยังเอาชนะไม่ได้แล้วยังหนีไม่พ้น ก็เรียกนกในกรงที่ผีไม่รู้เทพไม่เห็นออกมา แล้วปล่อยไปอีกหลายๆ หมัด หากยังไม่พอก็เรียกดวงจันทร์ในบ่อ…บรรพบุรุษอิ่นกวาน นิ้วมือของข้าไม่พอให้นับแล้ว!”
เฉินผิงอันจุ๊ปากเอ่ย “เจ้านี่หน้าไม่อายจริงๆ”
เด็กชายผมขาวคลี่ยิ้มสดใส “รับบรรพบุรุษที่ดีมาเลยนะเนี่ย”