กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 684.3 มีที่ใดที่ถามกระบี่ไม่ได้
เดิมทีในฐานะปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ที่ได้รับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมค่ายกลใหญ่ของผู้ฝึกกระบี่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ก็เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าชุดเทาของภูเขาทัวเยว่ฝากความหวังไว้ที่หวงหลวนมาก
หนึ่งเพราะฐานะของหวงหลวนในใต้หล้าเปลี่ยวร้างสูงส่ง ไม่ค่อยแก่งแย่งชิงดีกับปีศาจใหญ่ตนอื่นๆ นอกจากนี้การไปเยือนใต้หล้าไพศาลครั้งนี้ สิ่งที่หวงหลวนต้องการก็คือพวกวัตถุไร้ประโยชน์ในสายตาของปีศาจใหญ่ตนอื่น มูลค่าไม่มาก หนำซ้ำตัวหวงหลวนเองก็ไม่ได้มีใจทะเยอทะยานมากนัก หากเอ่ยตามคำกล่าวของปีศาจใหญ่บางตน หวงหลวนผู้นี้หากไปถึงใต้หล้าไพศาลก็คือคนที่มีบทบาทเก็บกวาดเรื่องเละเทะ ดังนั้นภูเขาทัวเยว่ถึงได้มอบการศึกที่สร้างหน้าสร้างตาให้แก่หวงหลวนเป็นผู้ควบคุมใหญ่
เพียงแต่ว่าการถามกระบี่ที่มีความเป็นไปได้มากว่าไม่เคยมีปรากฎในประวัติศาสตร์และอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นอีกในอนาคต เดิมทีควรเป็นการเข่นฆ่าที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินครั้งหนึ่ง ผู้ฝึกกระบี่สองกลุ่มที่มีมากนับหมื่นใช้กระบี่บินปะทะกับกระบี่บิน กระแสปราณกระบี่ปะทะกับน้ำตกปราณกระบี่ด้วยขบวนทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทว่าใต้หล้าเปลี่ยวร้างกลับไม่เคยกดหัวกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้เลยสักครั้ง กลับยังกลายเป็นว่าเสียหายยิ่งกว่าที่คาดการณ์เอาไว้อีกด้วย
นี่เป็นเหตุให้สุดท้ายแล้วหวงหลวนกับปีศาจใหญ่หย่างจื่อได้แต่ไปอยู่ด้านหลังสนามรบของฝั่งใต้หล้าเปลี่ยวร้างเพื่อคอยดักฆ่าเซียนกระบี่จากกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่หมายจะไปเป็นกองหนุน ทำความดีชดใช้ความผิด
ไม่เพียงเท่านี้ ก่อนหน้านั้นหวงหลวนยังจำต้องนำหอเรือน ตำหนัก ศาลาหยกครึ่งหนึ่งที่หล่อหลอมมาอย่างยากลำบากขว้างเข้าใส่กำแพงเมืองปราณกระบี่
เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าชุดเทาในกระโจมเจี่ยจื่อเริ่มไม่พอใจต่อการแสดงออกของหวงหลวนแล้ว
ลี่ไฉ่หันกลับไปมองด้านหลัง โดยไม่ทันรู้ตัวก็ออกห่างกำแพงเมืองปราณกระบี่มาไกลขนาดนี้แล้ว
นี่แสดงให้เห็นว่าเวทกระบี่ของเหล่าเหนียงใช้ได้เลยนี่นา!
หวงหลวนเอ่ย “จะให้โอกาสเจ้าได้มีชีวิตรอดเป็นครั้งสุดท้าย”
ลี่ไฉ่ส่งกระบี่หนึ่งออกไป
หวงหลวนยื่นมือไปคว้าแสงกระบี่เส้นนั้นเอาไว้แล้วจับมันหักครึ่ง แสงกระบี่สาดกระจายไปจากกลางฝ่ามือ แต่กลับไม่อาจทำร้ายหวงหลวนได้แม้สักเสี้ยว
ลี่ไฉ่ค้อมเอวพุ่งกระโจนไปด้านหน้า ชักกระบี่ออกจากฝักในเสี้ยววินาที
ชุดคลุมอาคมบนร่างของหวงหลวนคลี่กางออก
ภายในฟ้าดินเล็กล้วนมีแต่หิมะขาวโพลน
ลี่ไฉ่ฝืนดึงจิงชี่เสินทั้งหมดให้อยู่ในขอบเขตสูงสุดเพื่อใช้ออกกระบี่ที่ทุ่มสุดชีวิตครั้งนี้ แต่กลับทำได้เพียงแทงฟ้าดินเล็กของหวงหลวนให้ทะลุเป็นรูเท่านั้น
หวงหลวนบอกว่านางเป็นม้าตีนปลายก็กล่าวได้ถูกต้องแม่นยำแล้ว
ลี่ไฉ่ที่มิอาจออกกระบี่เป็นครั้งที่สองได้อีกก้าวถอยหลัง กระอักเลือดไม่หยุด
หวงหลวนไม่มองสภาพน่าเวทนาของหญิงสาว เพียงยกมือขึ้นดูชายแขนเสื้อข้างหนึ่งที่ขาดวิ่นไปไม่น้อย รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง ก่อนเงยหน้ายิ้มเอ่ยว่า “ปณิธานกระบี่ไม่เลวเลยจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ซึ่งเดินออกมาจากอุตรกุรุทวีป คนถือกระบี่เช่นเจ้า ข้าเอาแน่แล้ว หลังจากจัดการเจ้าได้แล้วข้าจะให้ป๋ายอิ๋งช่วยนำจิตวิญญาณเก่าของเจ้ามาหลอมใหม่ วันหน้าพอไปถึงใบถงทวีปเจ้าก็จะได้เห็นว่าสรุปแล้วมีคนที่สามารถแทงข้าให้ตายด้วยกระบี่เดียวได้หรือไม่…”
ระหว่างที่พูดหวงหลวนก็กดฝ่ามือข้างหนึ่งลงมา
เวลาเพียงชั่วประกายไฟแลบ บนท้องฟ้าพลันปรากฏน้ำวนขนาดใหญ่ยักษ์ หอเรือนที่มีขนาดพอๆ กับภูเขาลูกหนึ่งกดทับลงมาเหนือศีรษะของลี่ไฉ่
ลี่ไฉ่เตรียมจะออกกระบี่ แต่กลับค้นพบว่ามีผู้เฒ่าคนหนึ่งมาอยู่ข้างกายตน เอ่ยประโยคหนึ่งว่าล่วงเกินแล้ว จากนั้นก็กระชากลี่ไฉ่ให้ถอยไปด้านหลัง ขณะเดียวกันผู้เฒ่าก็โยนกระบี่ยาวในมือออกไปรับหอเรือนหลังนั้น
กระบี่ยาวและแสงกระบี่พุ่งขึ้นไปเป็นเส้นตรง ต้านรับหอเรือนเอาไว้ก็ราวกับท่อนไม้เล็กๆ ท่อนหนึ่งที่ค้ำยันต์หอเรือนสูง
เหยาชงเต้า นามเหลียนอวิ๋น บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าประมุขตระกูลเหยาท่านนี้ชอบสองคำว่า ‘เหลียนอวิ๋น’ (เชื่อมเมฆ) มากจริงๆ จึงเป็นเหตุให้ทั้งกระบี่พกและกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตล้วนตั้งชื่อว่า ‘เหลียนอวิ๋น’ ขอบเขตเซียนเหริน
ก่อนจะมาที่นี่ผู้เฒ่าได้แลกเปลี่ยนกระบี่กับโซ่วเฉินไปคนละที เวลานี้เซียนกระบี่เผ่าปีศาจถอยออกไปจากสนามรบแล้ว
หวงหลวนกล่าวอย่างระอาใจ “ข้าไม่สนเรื่องคุณความชอบทางการรบอะไรจริงๆ มีบาดแผลสาหัสอยู่ติดกาย ไยต้องพาตัวมาตายที่ข้าด้วย? แต่ว่าคนอุตส่าห์เอาหัวมามอบให้ ข้าจะไม่รับก็คงไม่ได้”
เหนือหอเรือนมีสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตมโหฬารอีกหลังหนึ่งกดทับลงมา ทับซ้อนกันสองชั้น ‘เหลียนอวิ๋น’ กระบี่พกที่แสงกระบี่พุ่งทะยานสู่ฟากฟ้าถูกกดจนกลายเป็นเส้นโค้งเล็กบางในทันที
หวงหลวนใช้ความเสียหายของวัตถุที่ผ่านการหลอมกลางมาแลกเปลี่ยนกับการเผาผลาญวัตถุที่ผ่านการหลอมใหญ่ของเหยาชงเต้า ไม่ต้องลังเลใจเลย
จิตของหวงหลวนขยับเล็กน้อย จวนตระกูลเซียนแต่ละหลังก็ทุ่มทุบลงมา ปลายกระบี่ของกระบี่พก ‘เหลียนอวิ๋น’ เริ่มปริแตกแล้ว
เพียงแต่ว่ากระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้เฒ่ากลับยังไม่ปรากฏตัว
หวงหลวนอยากจะเห็นนักว่าเหยาชงเต้าที่บาดเจ็บไม่น้อยผู้นี้จะสามารถใช้ท่าไม้ตายที่ทำให้ตนตาเป็นประกายได้หรือไม่
ลี่ไฉ่เตรียมจะหวนกลับมาที่สนามรบ ผู้เฒ่าก็ตวาดขึ้นอย่างเดือดดาลว่า “ลี่ไฉ่! ไม่ใช่ว่าข้าดูแคลนสตรี แต่ข้าดูแคลนขอบเขตหยกดิบของเจ้า ถอยกลับไป!”
ลี่ไฉ่ได้แต่สบถด่ามารดาไปคำหนึ่ง แล้วล้มเลิกความคิดที่จะบุกไปด้านหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
หวงหลวนแหงนหน้ามองแสงกระบี่เจิดจ้าที่แทงทะลุหอเรือนทั้งหลังได้แล้ว ยิ้มเอ่ยว่า “เดิมยังนึกว่าเจ้าเสียดายกระบี่ยาว จึงใช้เวทอำพรางตาอย่างการช่วยคนอื่นเท่ากับช่วยตัวเอง เอาเถิด ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วว่าจะแลกชีวิตกับข้าจริงๆ ก็จะทำให้เจ้าสมใจปรารถนา สังหารเซียนเหรินของกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้คนหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถชดเชยความผิดที่ได้ทำไปได้บ้างแล้ว”
ผู้เฒ่าสวมชุดคลุมอาคมของหอภูษากำแพงเมืองปราณกระบี่ ชายแขนเสื้อใหญ่พลิ้วสะบัด เขาพลันถามขึ้นว่า “รู้จักหลานเขยของข้าหรือไม่?”
ลี่ไฉ่ไม่ต้องการจะวาดงูเติมขา เดือดร้อนให้เหยาชงเต้าเสียสมาธิ แต่กลับไม่ยินดีจะถอยหนีไปทั้งอย่างนี้ นางจึงเพียงทิ้งระยะห่างออกมาช่วงหนึ่งแล้วทำการบำรุงกระบี่บินอยู่ที่เดิม
พอได้ยินคำถามก็พยักหน้ารับ “รู้จัก แล้วยังค่อนข้างสนิทด้วย”
เหยาชงเต้าลังเลอยู่ชั่วขณะก็เอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนเซียนกระบี่ลี่นำความไปบอกต่อเจ้าเด็กนั่นสักคำ ไม่จำเป็นต้องมาสู่ขอที่จวนแล้ว พิธีรีตองไร้สาระพวกนั้น ข้าไม่สนใจ”
ลี่ไฉ่ไม่เอ่ยคำใด
เซียนกระบี่ใหญ่เหยาท่านนี้ต้องไม่ได้ไม่สนใจอย่างที่ปากพูดแน่นอน แต่เขาแค่ไม่สามารถไปกระชากคอเสื้อไอ้หมอนั่นให้ไปสู่ขอทาบทามที่ตระกูลเหยาได้ก็เท่านั้น
เดิมทีลี่ไฉ่ยังอยากพูดว่าตนมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดอยู่คนหนึ่งที่เหมือนถูกผีลวงใจ ถึงได้ชื่นชอบหลงรักเจ้าหมอนั่นอย่างมาก เพียงแต่ว่าคำพูดมาถึงริมฝีปากแล้ว นางกลับยังไม่ได้พูดออกมา
ลี่ไฉ่เอ่ย “ผู้อาวุโสเหยา ข้าสามารถแลกเปลี่ยนตำแหน่งกับท่าน พวกเรามีโอกาสถอยหนีไปพร้อมกัน”
เหยาชงเต้าคร้านจะเปิดโปงความคิดที่แท้จริงของสตรีจากอุตรกุรุทวีปคนนี้ด้วยซ้ำ อายุน้อยๆ แค่นี้จะมาตายอยู่ที่นี่ทำไม?
แต่ปากผู้เฒ่ากลับยิ้มเอ่ยว่า “อย่าได้ดูแคลนฝีมือก้นกรุของปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ตนหนึ่งเด็ดขาด เจ้าเป็นแม่นางน้อยคนหนึ่งก็อย่ามาตายพร้อมกับตาแก่สกปรกคนหนึ่งเลย เหมือนคู่รักที่พลีชีพเพื่อความรักเช่นนี้ ไม่เข้าท่าเท่าไร”
ผู้เฒ่ากระโดดขึ้นเบาๆ แล้วนั่งลงขัดสมาธิ ใต้ฝ่าเท้ามีก้อนเมฆก่อกำเนิด
สองมือวางทับซ้อนกันตรงหน้าท้อง ฝ่ามือมีไอเมฆผุดลอยขึ้นมา ก่อนที่กระบี่บินเล็กจิ๋วที่เป็นสีขาวโพลนทั้งเล่มจะลอยตัวขึ้นช้าๆ
หลวงหลวนมีสีหน้าเป็นปกติ กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มนั้นของเหยาชงเต้าเหมาะแก่สนามรบในวงกว้าง คล้ายคลึงกับน้ำค้างหวานของอู๋เฉิงเพ่ยและกระจอกเมฆบนฟ้าของเยว่ชิง ความแข็งแกร่งของมันไม่ได้อยู่ที่การจับคู่เข่นฆ่า
หวงหลวนเป่าหมอกฟ้าสีออกมาจากปากเบาๆ เพียงวูบเดียวก็หายวับไป ไม่มีภาพปรากฎการณ์ยิ่งใหญ่ใดๆ
แต่กลับทำให้ลี่ไฉ่ที่อยู่ห่างจากสนามรบของคนทั้งสองมาค่อนข้างไกลรู้สึกขนลุกขนชัน
ไม่ว่าปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ตนใดก็ล้วนเป็นตัวประหลาดที่มีอายุขัยยืนยาว
และท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนานนี้ หวงหลวนเองก็ทยอยหล่อหลอมวัตถุแห่งชะตาชีวิตห้าธาตุมาได้เกือบร้อยชิ้น จากนั้นก็มีการคัดออก มีการผลัดเปลี่ยนกันอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายจึงได้ครอบครองอาวุธเซียนสองชิ้น อาวุธกึ่งเซียนสามชิ้น
ส่วนหออัญมณีเรือนหยกที่มีภาพบรรยากาศงดงามมหัศจรรย์นั้น นอกจากสามหลังในนั้น สิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ล้วนเป็นของนอกกายที่ผ่านการหลอมกลางมาแล้ว ซากปรักเก่าแก่ ถ้ำสถิตเทพเซียนจำนวนมากที่เขาเก็บมาไว้ก็เป็นแค่งานอดิเรกที่ทำแก้เบื่อเท่านั้น
เหยาชงเต้าพึมพำกับตัวเองว่า “นับจากวันนี้ไปก็ฝากแม่หนูหนิงให้เจ้าช่วยปกป้องคุ้มครองแล้ว อย่าเห็นว่านางแข็งแกร่งมากพอก็เลยไม่ปกป้องนาง บุรุษดีๆ ในใต้หล้านี้จะเหตุผลให้ไม่ปกป้องดูแลสตรีที่ตัวเองรักได้อย่างไร เจ้าสามารถขัดขวางแม่หนูหนิงเอาไว้ ออกจากเมืองไปเข่นฆ่ากับหลีเจินแทนนางได้ ดีมาก เอาชนะหลีเจินได้ ยังมีชีวิตอยู่รอด ก็ยิ่งดี”
“ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ข้าไม่วางใจ ข้าวางใจอย่างมากแล้ว”
ชั่วพริบตานั้น หว่างคิ้ว จุดไท่หยาง ลำคอ หัวใจ หน้าท้องของผู้เฒ่าก็เหมือนถูกกระบี่บินหลากสีห้าเล่มแทงทะลุไปในเสี้ยววินาที
พอแทงทะลุไปแล้ว เลือดเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก จิตวิญญาณและปณิธานกระบี่ของผู้เฒ่าก็ล้วนถูกช่องโพรงห้าช่องที่ไม่สะดุดตานั้นดูดดึงเอาไปอย่างบ้าคลั่ง
เห็นได้ชัดว่าหวงหลวนไม่ใคร่จะยินดีให้แสงกระบี่ของเหยาชงเต้าทำลายสิ่งปลูกสร้างของเขามากเกินไป
เว้นเสียจากว่าลี่ไฉ่ตัดสินใจว่าจะส่งกระบี่ออกมาโดยไม่กลัวตาย
ห่างออกไปไกลอีกมีหญิงสาวคนหนึ่งรีบขี่กระบี่มาทางนี้ด้วยพลังอำนาจน่าเกรงขาม
คือหนิงเหยาผู้นั้น
ผู้เฒ่าทำลายกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของตนเองอย่างไร้ลางบอกเหตุ เขาหลับตาลงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แม้จะไม่ได้ออกกระบี่ แต่ก็ตายอย่างภาคภูมิใจ”
ภูเขาถูกปกคลุมด้วยไอเมฆหมอก
เหยาชงเต้าใช้จิตวิญญาณปณิธานกระบี่ของทั้งร่าง รวมถึงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มหนึ่งสร้างฟ้าดินแห่งหนึ่งขึ้นมา
นาทีถัดมาหวงหลวนก็ค้นพบว่าตัวเองตกอยู่ท่ามกลางไอเมฆหมอกขาวโพลน
เซียนกระบี่ขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่ง อีกทั้งกระบี่บินยังไม่ได้มีวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตในการสร้างฟ้าดินเล็ก แต่กลับมีวิธีกักตัวปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ท่านหนึ่งเอาไว้ได้
ความหมายอยู่ที่ใด?
อันที่จริงเหยาชงเต้าผู้นั้นตายจนตายไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
ใครจะฆ่าข้าได้?
ลี่ไฉ่? หรือว่าหนิงเหยาที่ถึงอย่างไรก็มีขอบเขตแค่ก่อกำเนิดผู้นั้น?
จุดที่ห่างไปไกลมาก ร่างของชาติสุนัขบางคนที่กำลังล้อมสังหารปีศาจใหญ่บนบัลลังก์สองตนเพียงลำพังหายวับไปจากที่เดิม อีกทั้งยังฝ่าทะลุฟ้าดินเล็กสองชั้นที่มีตราผนึกแน่นหนาไปโดยตรง
ยักษ์ร่างกำยำที่มีสามเศียรหกกรตนหนึ่ง ตำแหน่งใต้ฝ่าเท้าที่ยืนอยู่จะต้องมีเบาะรองนั่งสีทองใบหนึ่งติดตามไปตลอดเวลา
มันคือคนที่ข้ามผ่านหัวกำแพงเมืองของกำแพงเมืองปราณกระบี่ไปได้ก่อนใคร แต่กลับถูกเฉินชิงตูใช้กระบี่หนึ่งฟันให้ร่วงลงมา หลังจากนั้นจึงจงใจทิ้งรอยกระบี่ที่เหมือนร่องลึกนั้นเอาไว้
และยังมีผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยที่ทั้งเส้นผมและขนคิ้วล้วนเป็นสีขาวโพลน แบกกระบองยาวไว้บนบ่า เวลานี้ขี่กระบี่มาตรงหัวไหล่ของยักษ์ ถามอย่างสงสัยว่า “แปลกประหลาดเพียงนี้เชียวหรือ?”
ครู่หนึ่งต่อมา
บนสนามรบแห่งหนึ่ง ไอเมฆหมอกจางหายไป ความจริงปรากฏสู่สายตาผู้คน
บุรุษคนหนึ่งใช้กระบี่พกเหลียนอวิ๋นของเหยาชงเต้าแทงเข้าที่หัวของปีศาจใหญ่ตนหนึ่ง แล้วชูหัวของอีกฝ่ายขึ้นสูง เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ผู้ที่ฆ่าหวงหลวน เหยาชงเต้า อาเหลียง”
พระจันทร์ดวงใหญ่ที่ถูกนำมาใช้เป็นสนามรบอยู่ในสภาวะที่ใกล้ปริแตกเต็มทีแล้ว เซียนกระบี่ผู้เฒ่าเรือนกายสูงใหญ่ท่านหนึ่งยืนอยู่บนโครงกระดูกของเผ่าปีศาจใหญ่ยักษ์ตนหนึ่ง หัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยว่า “อาเหลียง เป็นอย่างไร?!”
สังหารเจ้าอารามดอกบัว แค่ต่งซานเกิงคนเดียวเท่านั้น
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตถูกทำลายไปแล้ว แต่ผู้เฒ่าที่ยังสามารถกลับไปยังกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้กลับระเบิดปณิธานกระบี่ของทั้งร่างให้แผ่ปกคลุมดวงจันทร์ดวงใหญ่ จากนั้นก็จำแลงร่างกายธรรมขนาดใหญ่ยักษ์กระชากลากดวงจันทร์ไปยังพื้นดิน ทุ่มกระแทกเข้าใส่จุดที่กองทัพใหญ่เผ่าปีศาจของใต้หล้าเปลี่ยวร้างรวมตัวกันหนาแน่นที่สุด
ดวงจันทร์ดวงหนึ่งเริ่มแตกร้าว เรือนกายของเซียนกระบี่ผู้เฒ่าก็ค่อยๆ จางหายไป
ดวงจันทร์หล่นลงสู่พื้นดิน พลังอำนาจนั้นยิ่งใหญ่รุนแรงเกินไป เป็นเหตุให้ปีศาจใหญ่หกท่านที่มีหย่างจื่อ เฟยเฟยเป็นหนึ่งในนั้นจำต้องร่วมมือกันพุ่งไปต้านรับดวงจันทร์หรือก็คือเซียนกระบี่ผู้เฒ่าแซ่ต่งคนนั้น
อาเหลียงชูแขนขึ้นสูงแล้วยกนิ้วโป้งขึ้น
——