กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 726.2 ป๋ายเหย่สมกับเป็นเทพเซียน ทว่าวิญญาณกระบี่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 726.2 ป๋ายเหย่สมกับเป็นเทพเซียน ทว่าวิญญาณกระบี่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
หรือว่าแต่ละกระบี่ที่ฟันไปต้องการจะให้หกบัลลังก์ไม่เป็นบัลลังก์อีกต่อไป? ต้องการให้บัลลังก์มีเพิ่มมากขึ้น เปลี่ยนจากขอบเขตใหญ่บนยอดเขาไปเป็นขอบเขตบินทะยานทั่วไป?
อวี๋เสวียนกวาดตามองไปรอบด้าน ปราการธรรมชาติของแต่ละจุด อันที่จริงล้วนเป็นอวี๋เสวียนที่แอบเรียกยันต์แต่ละแผ่นมาประคับประคองฟ้าดิน ทั้งสามารถใช้สิ่งนี้มาตรวจสอบการโคจรของฟ้าอำนวยได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังสามารถต้านทานข้อได้เปรียบใหญ่จากฟ้าดินที่ท้องฟ้าค่อยๆ ลดต่ำพื้นดินค่อยๆ เลื่อนสูงได้อีกด้วย แน่นอนว่าอวี๋เสวียนไม่คิดจะแค่มองดูมาดยามออกกระบี่ของป๋ายเหย่อยู่ตรงนี้ ตราผนึกฟ้าดินนอกในสามชั้น อันที่จริงล้วนค่อยๆ ประสานตัวเข้าหากันอยู่ตลอดเวลา แต่ละก้าวถี่กระชั้น ประหนึ่งแหจับปลาที่ถูกรวบ นอกจากปราณวิญญาณของฟ้าดินที่ยิ่งนานก็ยิ่งลดน้อยเจือจางลงแล้ว ฟ้าอำนวยที่มีประโยชน์ต่อปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ยิ่งนานก็ยิ่งมารวมตัวกัน ตามการคิดคำนวณในใจของอวี๋เสวียน หากแหใหญ่สามชั้นทับซ้อนหดย่อเข้ามาในพื้นที่รัศมีพันลี้ในท้ายที่สุด ไม่แน่ว่าถึงเวลานั้นแม่น้ำแห่งกาลเวลาอาจจะปรากฏตัวก็เป็นได้ และหากปรากฏตัวนานกว่าในอดีต ป๋ายเหย่ก็ต้องเจอกับเส้นทางแห่งความตายจริงๆ แล้ว ผู้ที่เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในโลกมนุษย์ผู้นี้ต้องถือกระบี่เดินไปบนเส้นทางที่มิอาจหวนย้อนกลับแล้ว
ไม่รอให้ป๋ายเหย่ใช้เสียงในใจเอ่ยถาม อวี๋เสวียนก็ยิ้มเอ่ยอย่างรู้ทันเสียก่อน “ออกกระบี่ได้ตามสบาย ข้าจะไม่เป็นตัวถ่วง”
ป๋ายเหย่พยักหน้ารับเบาๆ มือที่ถือกระบี่สะบัดข้อมือเบาๆ แสงกระบี่สีขาวหิมะประดุจบ่อน้ำลึกในฤดูใบไม้ร่วงเส้นหนึ่งก็พลันปรากฎขึ้นมา
มีชุดเขียวของป๋ายเหย่เป็นจุดศูนย์กลาง ระหว่างฟ้าดินปรากฏกระจกยักษ์บานหนึ่งที่เกิดจากการรวมตัวกันของแสงกระบี่หนึ่งเส้น
ทั้งราวกับว่าตัดขาดฟ้าเชื่อมโยงดิน ปล่อยหนึ่งกระบี่เป็นของขวัญตอบแทนกลับคืนแก่โจวมี่มหาสมุทรความรู้อยู่ไกลๆ
เพียงแต่ว่าเดิมทีแสงกระบี่เส้นนี้ควรจะตัดร่างของผู้เฒ่าที่อยู่ด้านหลังป๋ายเหย่ออกเป็นสองท่อน ทว่ายามที่แสงกระบี่พุ่งผ่านภาพไท่จี๋ กลับถูกทำให้บิดเบือนคดงอทับซ้อนกัน สุดท้ายแสงกระบี่ก็อ้อมผ่านฝูลู่อวี๋เสวียนไปได้อย่างสิ้นเชิง
ผู้เฒ่าอาศัยเพียงแค่ฝ่ามือข้างเดียว อันที่จริงนี่มากพอจะสร้างความสะท้านสะเทือนให้กับผู้คนแล้ว
เพราะถึงอย่างไรอวี๋เสวียนก็ยืนเหยียบอยู่บนค่ายกลใหญ่ ยืนแน่นิ่งไม่ขยับก็สามารถทำให้กระบี่ของป๋ายเหย่หล่นลงบนความว่างเปล่าได้แล้ว
อวี๋เสวียนลูบหนวดยิ้ม กระบี่นี้ของป๋ายเหย่ยอดเขาอย่างมาก บรรจงเขียนได้อย่างยิ่งใหญ่ความหมายก็ยิ่งใหญ่เปี่ยมไปด้วยความสง่างาม
หลบพ้นกระบี่นี้มาได้โดยไม่คาดคิด บังเอิญโชคดี บังเอิญโชคดี ขอแค่ครั้งนี้สามารถมีชีวิตรอดออกไปจากฝูเหยาทวีปได้ เรื่องลับเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ แค่ไปเยือนสำนักกระบี่บางแห่งที่หน้าไม่อายแขวนรูปป๋ายเหย่ไว้ในศาลบรรพจารย์ ดื่มชาสักสองสามถ้วย คุยเล่นสักสองสามคำก็พอแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับป๋ายเหย่เลย แต่ดันกล้าแขวนภาพเหมือนของป๋ายเหย่เอาไว้ อยากจะเป็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลของศาลบรรพจารย์ ผู้ฝึกกระบี่คนนั้นก็ต้องขี่กระบี่อ้อมผ่านภูเขาพลางท่องบทกลอนของป๋ายเหย่รวดเดียวสามร้อยบทกลอนได้ให้เสียก่อน ใครจะกล้าเชื่อ?
ส่วนราชาบนบัลลังก์ที่ร่างใหญ่โตมโหฬารทั้งหกตนนั้น ทั้งกายธรรมและร่างจริงล้วนถูกฟันผ่าออกเป็นสองท่อนทั้งหมด
ร่างจริงของปีศาจใหญ่สามตนโชคร้ายถูกแสงกระบี่ปาดผ่านไปอย่างผิวเผิน ก่อนจะกลับคืนมาเป็นร่างเดิมอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างสูญเสียพลังตนกำเนิดไปหลายส่วน เพราะต่างก็ต้องใช้วัตถุแห่งชะตาชีวิตมาขัดขวาง กระนั้นแสงกระบี่ก็ยังยากที่จะเขย่าคลอนรากฐานของมหามรรคาได้อยู่ดี
หยวนโส่วหิ้วหัวที่กลิ้งหลุนๆ ขึ้นมา วางกลับลงไปบนคอ
หางงูข้างหนึ่งของหย่างจื่อร่วงตกไปไกลหลายร้อยจั้ง แล้วจึงลอยขึ้นฟ้ามาประสานตัวกับร่างท่อนบนอีกครั้งด้วยตัวเอง
ปีศาจใหญ่หนิวเตาที่มีสามเศียรหกกรเข่าสองข้างล้วนถูกฟันขาด จึงตัดใจทิ้งไปไม่ต้องการอีกแล้ว
ส่วนกายธรรมใหญ่โตมโหฬารของปีศาจใหญ่อีกสามตนที่เหลือกลับฟื้นคืนสภาพเดิมเร็วยิ่งกว่า
เชี่ยอวิ้นยืนอยู่บนไหล่ของกายธรรมตัวเอง แสงสีทองของกายธรรมกระจายเป็นเศษเป็นเสี้ยวไปสี่ทิศ จิตของเชี่ยอวิ้นขยับเล็กน้อย ร่างทองก็กลับมาประกอบรวมกันได้อีกครั้ง
ในบรรดาปีศาจใหญ่ทั้งหกตน เชี่ยอวิ้นคือคนที่เกียจคร้านที่สุด เวลานี้ยังมีอารมณ์มามองประเมินแขกไม่ได้รับเชิญอย่างฝูลู่อวี๋เสียนอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำเต้าบรรจุเหล้าแห่งชะตาชีวิตที่อยู่ตรงเอวของผู้เฒ่าที่ยิ่งทำให้เชี่ยอวิ้นน้ำลายสออยากครอบครอง
อวี๋เสวียนจุ๊ปากด้วยความประหลาดใจ ปีศาจใหญ่บนบัลลังก์พวกนี้ต่อสู้เก่งจริงๆ ทั้งยังทนรับความเจ็บปวดได้ดี แต่ละตนเผด็จการป่าเถื่อนจนน่าเหลือเชื่อ
นั่นล้วนเป็นร่างจริงและกายธรรมที่ต้านรับการฟันการผ่าจากกระบี่ของป๋ายเหย่เชียวนะ หากเปลี่ยนมาเป็นขอบเขตบินทะยานของใต้หล้าไพศาลย่อมไม่มีทางกล้าปะทะซึ่งๆ หน้าแบบนี้แน่นอน เรื่องของเรือนกายแข็งแกร่งนั้น ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์มิอาจเปรียบเทียบกับพวกสัตว์เดรัจฉานของใต้หล้าเปลี่ยวร้างได้จริงๆ
หากเปลี่ยนมาเป็นปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานทั่วไปของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ไม่ว่าจะร่างจริงหรือกายธรรม เจอกับกระบี่เช่นนี้ก็ต้องกลับไปพักรักษาตัวอย่างว่าง่ายแล้ว ไหนเลยจะยิ่งรบยิ่งฮึกเหิมเหมือนอย่างพวกหยวนโส่ว หย่างจื่อนี้
เพียงแต่ว่าในใจของผู้เฒ่าก็อดทอดถอนใจด้วยความปลงปนิจจังไม่ได้ กำแพงเมืองปราณกระบี่แห่งนั้นตั้งตระหง่านมานานนับหมื่นปี แทบทุกๆ ร้อยปีจะต้องเจอกับการเข่นฆ่าสังหารครั้งหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นพวกเขาจะต้องเจอกับการโจมตีกี่มากน้อยกันนะ?
เพียงแต่ว่านิสัยของเฉินชิงตูพยศกร้าวจนไร้เหตุผลจริงๆ เล่าลือกันว่าในอดีตตอนที่มรรคาจารย์เต๋าขี่วัวผ่านด่าน เฉินชิงตูไม่คิดจะมองอีกฝ่ายให้เต็มตาด้วยซ้ำ ตอนที่อีกฝ่ายใช้หนึ่งฝ่ามือตบให้ปีศาจใหญ่บนบัลลังก์บางตนกลับเข้าไปในก้นบ่อโบราณ เฉินชิงตูก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเหมือนกัน ภายหลังเต๋าเหล่าเอ้อได้ออกจากป๋ายอวี้จิงมาเยือนใต้หล้าไพศาลอย่างไม่ง่าย จับขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งไว้ได้แต่ดันปล่อยไป ว่ากันว่าเฉินชิงตูเกือบจะแหกกฎพกกระบี่ออกมาจากหัวกำแพงเมืองแล้วด้วยซ้ำ เต๋าเหล่าเอ้อถึงได้ทิ้งตัวอักษรภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างภูเขาห้อยหัวเอาไว้
คนที่ทำให้เต๋าเหล่าเอ้อสะกดกลั้นโทสะไว้ไม่ฟันคน แรกก็คือเฉินชิงตู หลังคือซิ่วไฉเฒ่า ความจริงเป็นอย่างไร ได้กลายเป็นคดีค้างเติ่งไปแล้ว ไม่แน่ว่าคนยุคหลังพลิกเปิดปฏิทินเหลืองจนยับยุ่ยก็ยังไม่อาจหาคำตอบนั้นได้
เช่นเดียวกัน
เหมือนอย่างการกระทำหลายๆ อย่างของฝูลู่อวี๋เสวียนในอดีต ก็ได้กลายเป็นปริศนามากมายที่ไขไม่กระจ่างสำหรับใต้หล้าไพศาลในทุกวันนี้เช่นกัน
มีผู้ฝึกตนใหญ่ที่ยืนบนยอดเขาคนใดบ้างที่ระหว่างเส้นทางการฝึกตนเดินขึ้นสู่ที่สูง เบื้องหลังไม่มีเรื่องราวแห่งขุนเขาสายน้ำยาวเป็นพรวน ไม่ทิ้งร่องรอยการเดินขึ้นเขาไว้ให้แก่โลกมนุษย์เสียบ้างเลย
ยกตัวอย่างเช่นทุกวันนี้หลิวเสียทวีปก็ยังมีขุนเขาแห่งหนึ่งของแคว้นเล็กที่ถูกอวี๋เสวียนใช้ยันต์แผ่นหนึ่งดันให้ลอยตัวขึ้นสูงกลางอากาศหลายจั้ง เป็นเวลายาวนานถึงหกร้อยปี ถึงทุกวันนี้ยันต์แผ่นนั้นก็ยังส่องประกายแสงแวววาว ไม่มีลางว่าปราณวิญญาณจะสลายหายไปหรือมีสัญญาณว่าแก่นของยันต์จะปริแตก
ว่ากันว่าตอนนั้นซานจวินของพื้นที่กระทำการอุกกาจ ไม่ทันระวังทำให้อวี๋เสียนที่เดินทางไกลผ่านมาเดือดดาล ถึงได้ถูกอวี๋เสวียนลงโทษเพื่อไม่ให้ความผิดเล็กน้อยในวันนี้กลายเป็นความผิดมหันต์ในวันหน้า
ปีนั้นหลังจากที่อวี๋เสวียนเรียกยันต์แผ่นนั้นออกมาก็หวนกลับไปที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เพียงแค่ป่าวประกาศออกไปว่า หากซานจวินยังไม่มาโขกศีรษะยอมรับผิดกับตนที่หน้าประตูภูเขา ขุนเขาแห่งนี้ก็อย่าหวังว่าจะหล่นลงมาหยั่งรากบนพื้นดินได้อีก
ในความเป็นจริงแล้วซานจวินของแคว้นเล็กผู้นั้นได้เคยมาหาอวี๋เสวียนครั้งหนึ่งตั้งนานแล้ว แต่อวี๋เสวียนจงใจออกมาจากภูเขา หลังจากรอคอยอย่างยากลำบากอยู่หน้าประตูภูเขาหลายปีโดยไร้ผล เขาก็ได้แต่กลับไปมือเปล่า
ซานจวินของหนึ่งแคว้นที่ต่อให้พันธนาการจะมีน้อยกว่าเทพภูเขาและเทพแห่งผืนดิน แต่ก็อย่าหวังว่าจะได้ข้ามทวีปออกเดินทางไกล แม้กระทั่งออกจากอาณาเขตการปกครองของแคว้นก็ยังเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเดินทางไกลพันหมื่นลี้ ได้ยินว่าซานจวินผู้นั้นประจบพบเจอความยากลำบากอย่างสุดแสน บ้างก็ยืม บ้างก็ขอร้อง ใช้ควันธูปแห่งขุนเขาสายน้ำไปนับไม่ถ้วนกว่าจะเดินไปถึงนอกประตูภูเขาของฝูลู่อวี๋เสวียนได้อย่างไม่ง่ายนัก ผลคือได้รู้ว่าเซียนซือออกเดินทางไกลไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ จะเป็นเซียนที่ชอบหยอกเย้าโลกมนุษย์ก็ดี หรือจิตแห่งมรรคายากจะคาดเดาก็ช่าง สรุปก็คือฝูลู่อวี๋เสวียนจงใจไม่พบหน้าซานจวิน
ซานจวินผู้นั้นอดทนรอคอยอย่างทุกข์ทนนานหลายปี ทำหน้าที่เป็นเทพทวารบาลให้กับภูเขาลูกนั้นอยู่นานถึงได้โขกศีรษะแล้วจากไป ตั้งแต่ต้นจนจบเอาหัวชนซุ้มประตูภูเขาโดยไม่มีความแค้นเคืองแม้สักครั้ง ก็ถือว่าซานจวินผู้นั้นใจกว้างมากแล้ว
แล้วก็มีผู้ฝึกตนบนภูเขาทของลัทธิเต๋าที่ไม่ถูกกับสายยันต์ จึงไม่ชอบขี้หน้าอวี๋เสวียนไปด้วย ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างดุเดือด รู้สึกว่าอวี๋เสวียนแล้งน้ำใจเกินไป อาศัยว่ามีขอบเขตเหนือกว่ารังแกหยามเกียรติซานจวินของแคว้นเล็กอย่างโอหัง ในเมื่อเจ้าฝูลู่อวี๋เสวียนมีความสามารถในการเปิดภูเขาเป็นอันดับหนึ่งของใต้หล้า เหตุใดไม่ลองไปที่ภูเขาสุ้ยซานดูเล่า? มาโอ้อวดบารมีกับซานจวินแคว้นเล็กของทวีปอื่นคนหนึ่ง จะนับว่ามีความสามารถได้อย่างไร
ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดขุนเขาลูกนั้นถูกยันต์แผ่นหนึ่งค้ำดันให้ลอยกลางอากาศมานานหกร้อยปี เห็นๆ กันอยู่ว่ารากภูเขาถูกสะบั้นขาดไปแล้ว แต่ร่างทองของซานจวินในศาลกลับยังมั่นคงดังเดิม ปราณวิญญาณของขุนเขาสายน้ำใต้การปกครองไม่ลดน้อยไปแม้แต่เสี้ยวเดียว พวกคนที่มาล้อมดูเรื่องสนุกล้วนไม่เคยสนใจรายละเอียดหยุมหยิมพวกนี้ ส่วนเรื่องที่ซานจวินผู้ระมัดระวังรอบคอบคนนั้นเปลี่ยนนิสัยกำเริบเสิบสานในอดีตมาเป็นมานะบากบั่นสร้างความมั่นคงให้แก่โชคชะตาขุนเขาสายน้ำใต้การปกครองอยู่ตลอดหกร้อยปี ไม่มีวันใดที่กล้าเกียจคร้าน ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าเบื่อเข้าไปใหญ่
เรื่องราวบนโลกมากมายดุจขนวัว บางทีอาจไม่ได้ฆ่าคนจริงๆ แต่สิ่งที่สังหารไปกลับเป็นนิสัยของเด็กหนุ่มทั้งหลาย
ป๋ายเหย่เองก็คล้ายจะล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าเฉกเช่นอวี๋เสวียน จึงยิ้มเอ่ยว่า “วางแผนไว้เช่นนี้เป็นความจริง ปีศาจบนบัลลังก์สังหารยากก็เป็นความจริง ต้องการอาศัยการออกกระบี่มาหาวิธีแก้วิชาตัวตายตัวแทน”
กระบี่เซียนไท่ป๋ายสาดประกายคมกริบมากเกินไป แต่หากไม่หล่นลงบนจุดที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง ต่อให้ป๋ายเหย่ออกกระบี่ไปมากกว่านี้ก็ไร้ความหมาย
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ตนหนึ่งที่มีเรือนกายมิตายดับในบางความหมาย ยกตัวอย่างเช่นก่อนจะมาเยือนใต้หล้าไพศาล อันที่จริงก็ได้รับอนุญาตจากบรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่หรือมหาสมุทรความรู้โจวมี่ไว้ก่อนแล้ว จึงแอบผสานมรรคากับฟ้าดินแถบหนึ่งของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง หรืออาจเป็นว่าชุดคลุมอาคมไม่ก็เสื้อเกราะวิเศษบางชิ้นที่ยังไม่ได้เรียกออกมาได้มีการเชื่อมโยงกับขุนเขาสายน้ำหมื่นลี้ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้แบบใด ต่อให้ป๋ายเหย่จะสามารถใช้หนึ่งกระบี่สังหารปีศาจใหญ่บนบัลลังก์บางตนได้จริง แต่กลับทำได้แค่เพียงฟันให้ขุนเขาสายน้ำบางแห่งของใต้หล้าเปลี่ยวร้างปริแตกไปก็เท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุให้มองดูเหมือนหยวนโส่วรนหาที่ตาย คำว่าแลกเปลี่ยนชีวิตของเขาแท้จริงแล้วก็เป็นแค่การจงใจแสดงให้ดูเท่านั้น
นี่ต่างหากถึงจะเป็นจุดที่ยุ่งยากที่สุด
การช่วงชิงกันด้านวิชาคาถาบนภูเขา เดิมทีก็ลี้ลับเกินจะคาดการณ์มากพออยู่แล้ว การช่วงชิงกันบนยอดเขา แน่นอนว่าต้องยิ่งทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อได้มากยิ่งกว่า
อวี๋เสวียนกลัดกลุ้มนัก
สัตว์เดรัจฉานบนบัลลังก์พวกนี้ฆ่าได้ยากเย็นขนาดนี้แล้ว กลับยังมีวิชาตัวตายตัวแทนที่ลี้ลับมหัศจรรย์เกินกว่าข้าอวี๋เสวียนอีกหรือ?! (เสวียนในชื่ออวี๋เสวียน เป็นคำเดียวกับเสวียนที่มีความหมายว่าลี้ลับมหัศจรรย์ ประโยคนี้จึงเป็นการเล่นคำอย่างหนึ่ง)
นี่เป็นวิธีการที่น่าสะอิดสะเอียนของเจ้าเจี่ยเซิงสมควรตายผู้นั้นอีกแล้วรึ?
อวี๋เสวียนชำเลืองตามองเชี่ยอวิ้นที่หนังหน้าล้วนเย็บปะมาจากหนังหน้าของสตรีแล้วยิ้มถาม “มาสู้กันตัวต่อตัวไหม?”
เชี่ยอวิ้นรีบยิ้มตาหยีโบกมือปฏิเสธ “ฝูลู่อวี๋เสวียนฆ่าคนเปี่ยมไปด้วยมาดแห่งเซียน มิกล้าสู้ตัวต่อตัว กล้าแค่ช่วยเก็บศพให้”
อวี๋เสวียนรู้สึกเสียใจภายหลังที่มาที่นี่แล้วจริงๆ
หากรู้แต่แรกว่าป๋ายเหย่ออกกระบี่ได้น่าครั่นคร้ามขนาดนี้ จะมาร่วมวงความครึกครื้นที่นี่ทำบ้าอะไร มาช่วยก็ช่วยอะไรไม่ได้ จะจากไปก็ทำได้ยาก จะมาให้ลำบากลำบนทำไมกันนะ อุตส่าห์ทำอะไรโดยใช้อารมณ์สักครั้งผลกลับต้องมาตกอยู่ในสภาพอันน่ากระอักกระอ่วนที่ไม่มีมาดของวีรบุรุษแม้แต่นิดเดียวเช่นนี้
อวี๋เสวียนอดไม่ไหวถามว่า “เอายังไงดี?”
ป๋ายเหย่ยิ้มบางๆ ตอบ “ออกกระบี่ก็พอ”
จากนั้นตราผนึกของทวีปก็ยิ่งเพิ่มความหนา ฟ้าดินก็ขยับเล็กแคบตามไปด้วย
ป๋ายเหย่ยังคงไม่รู้สึกรู้สาอยู่เหมือนเดิม
นาทีถัดมาอวี๋เสวียนก็ถอนหายใจยาวเหยียด “เมื่อก่อนมักรู้สึกว่าป๋ายเหย่อยู่อันดับแรกของสิบคนแผ่นดินกลางก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ฝูลู่อวี๋เสวียนก็ไม่น่าจะห่างชั้นกับป๋ายเหย่มากเกินไปนัก คิดไม่ถึงว่าวันนี้มาได้เห็นเองกับตา ถึงเพิ่งรู้ว่าความคิดของตนช่างน่าขำ”
หากแยกอริยะสามท่านของศาลบุ๋นลัทธิขงจื๊อออกจากอันดับสิบคนแผ่นดินกลางใต้หล้าไพศาล ลำดับรายชื่อ บนภูเขาอาจจะมีความเห็นต่างกันไป แต่ฝูลู่อวี๋เสวียนอยู่ห้าอันดับแรก หรืออย่างน้อยอยู่อันดับที่หกก็แทบไม่มีใครมีความเห็นต่าง ต่อให้เป็นเจ้านครจักรพรรดิขาวหรือเทพีแห่งการต่อสู้เผยเปย ลำดับรายชื่อเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ ขึ้นๆ ลงๆ ทุกครั้งล้วนมีการถกเถียงกันไม่หยุด ไม่รู้ว่ารายงานขุนเขาสายน้ำได้เงินเทพเซียนกันไปกี่มากน้อย
ส่วนอันดับสิบคนไพศาลที่เถียงกันดุเดือดยิ่งกว่าก็ยิ่งไม่มีความคงที่แน่นอน
ยกตัวอย่างเช่นสำนักของผู้ฝึกกระบี่มักจะชอบจัดอันดับของอาเหลียงกับจั่วโย่วเข้าไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตรกุรุทวีปที่แทบอยากจะให้สิบคนไพศาล นอกเหนือจากปรมาจารย์มหาปราชญ์ หลี่เซิ่งและหย่าเซิ่งสามคน อย่างมากสุดเพิ่มฮว่อหลงเจินเหรินที่เป็นคนของบ้านตัวเองเข้าไปอีกคนแล้ว ที่เหลืออีกหกคนล้วนอยากให้เป็นเซียนกระบี่ทั้งหมด ป๋ายเหย่ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ แต่ในมือถือกระบี่ไท่ป๋าย ก็ถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน อยู่ลำดับที่สี่ ต่ำกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เทียนซือใหญ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ก็เพิ่มเข้าไปด้วย เพราะถึงอย่างไรก็ใช้กระบี่เหมือนกัน ถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกันครึ่งตัว นอกจากนี้อาเหลียงของสายหย่าเซิ่ง จั่วโย่วสายเหวินเซิ่ง คนหนึ่งยามลงมือบนภูเขาไม่มีผลการพ่าย อีกคนหนึ่งเวทกระบี่เลิศล้ำเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า ล้วนสมตำแหน่งสมศักดิ์ศรีแล้ว ส่วนโจวเสินจือแห่งแผ่นดินกลางก็คงพอจะถือว่าถูไถไปได้กระมัง จะดีจะชั่วก็เป็นผู้ฝึกกระบี่จริงแท้แน่นอน…เซียนกระบี่ผู้เฒ่าโจวเสินจือเคยเถียงหน้าดำหน้าแดงด้วยเรื่องนี้ ขาดอีกนิดเดียวก็เกือบจะขี่กระบี่ข้ามทวีปไปด่ากราดฟันคนที่อุตรกุรุทวีปแล้ว ว่ากันว่ารายงานขุนเขาสายน้ำฉบับนี้แพร่หลายเป็นวงกว้าง ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า บรรพจารย์ตระกูลไหวออกเงินไปไม่น้อย
ไม่ใช่ว่าฝูลู่อวี๋เสวียนดูแคลนตัวเอง แต่เป็นเพราะป๋ายเหย่ออกกระบี่ได้สง่างามเกินไป ยอดเยี่ยมเกินไป
ยกตัวอย่างเวลานี้ที่ป๋ายเหย่ใช้จิตธรรมแบ่งฟ้าดินออกเป็นหกส่วน
เรือน้อยลำหนึ่งมุ่งหน้าไปหาเมฆหลากสีแห่งนครจักรพรรดิขาว ในใจหยวนโส่วเกิดความคลางแคลง กวาดตามองรอบด้าน ไม่รู้ว่าเหตุใดตนถึงมายืนอยู่ริมหน้าผา
ป๋ายเหย่ถือกระบี่ ชุดสีขาวดุจหิมะ ยืนอยู่บนเรือน้อยลำนั้น ยกกระบี่ขึ้นฟันหยวนโส่ว
ทางทิศตะวันตกของภูเขาไท่ป๋ายมีเส้นทางแห่งวิหค ทอดขวางมุ่งไปถึงยอดเอ๋อเหมย ป๋ายเหย่พกกระบี่เดินออกจากดวงจันทร์บนยอดเขา เงื้อกระบี่ฟันเชี่ยอวิ้น
น้ำตกใหญ่ซัดดิ่งสามพันฉื่อ จำแลงร่างกลายเป็นหนึ่งกระบี่ แสงกระบี่ฟันตรงเข้าหาอู่เยว่
ฝูงสกุณาบินฮือแตกหาย เมฆเดียวดายลอยเดี่ยวสุขสำราญ ชายคาศาลาตวัดงอน มือกระบี่ชุดเขียวออกกระบี่ฟันปีศาจใหญ่หย่างจื่อกลางน้ำ
ลมพัดยาวไกลหมื่นลี้ ห่านป่าจากไปไกล ยืนพิงราวรั้วบนจุดสูง แสงกระบี่ไล่ตามเทพเกราะทอง
บนซากปรักสนามรบ เกราะเหล็กแตกยับ โครงกระดูกขาวโพลน ป๋ายเหย่เงื้อกระบี่ฟันป๋ายอิ๋ง
นอกจากนี้ถึงจะเป็นจุดที่ฝูลู่อวี๋เสวียนยืนอยู่ ยังคงอยู่ในฟ้าดินแห่งเดิม ยังคงห่างจากป๋ายเหย่ร้อยกว่าลี้เช่นเดิม
พูดไปแล้วก็แปลก พบกันวันนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่อวี๋เสวียนได้พบหน้าป๋ายเหย่ใกล้ขนาดนี้
ก่อนจะมาที่นี่ ทั้งสองฝ่ายเพียงแค่สวนทางกันไกลๆ อยู่สองครั้ง ไม่เคยพูดคุยกันแม้แต่ครึ่งคำ
รอกระทั่งป๋ายเหย่ได้รับคำว่าผู้เป็นที่ภาคภูมิใจที่สุด ผ่านไปไม่นานก็ปิดภูเขาผนึกกระบี่ ป๋ายเหย่ปิดประตูไม่ต้อนรับแขกนานหลายปี อยู่อาศัยบนเกาะเดียวดายนอกมหาสมุทร มีตำราและน้ำทะเลเป็นเพื่อนอยู่เคียงข้าง
พวกผู้ฝึกตนใหญ่ในประวัติศาสตร์เคยมีคนที่ไม่เชื่อ คิดอยากจะไปสืบเสาะ อยากรู้ว่าบัณฑิตคนหนึ่งที่เห็นๆ กันอยู่ว่าไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ ทำไมถึงสามารถบังคับควบคุมกระบี่เซียนที่พยศยากกำราบเล่มหนึ่งได้
เพียงแต่ว่าจุดจบของแต่ละคนไม่ค่อยดีนัก หาพื้นที่ต้องห้ามแห่งนั้นไม่เจอคือดีที่สุด หาเจอแล้ว ส่วนใหญ่มักไม่ได้พบป๋ายเหย่ เจอแค่แสงกระบี่ จากนั้นก็ต้องดอดกลับบ้านเกิดปิดด่านไปพักรักษาอาการบาดเจ็บ
อวี๋เสวียนยิ้มถาม “กระบี่เซียนไท่ป๋ายมีวิญญาณกระบี่ที่จำแลงร่างกลายเป็นคนได้อยู่จริงหรือ?”
ป๋ายเหย่พยักหน้ารับ “จริง แต่ไท่ป๋ายไม่ยินดีจะเผยโฉมเท่าใดนัก”
อวี๋เสวียนหัวเราะดังลั่น “คลายข้อสงสัยใหญ่ข้อหนึ่งในใจข้าได้แล้ว!”