กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 735.2 ค่ำคืนที่หิมะตกพักค้างแรมบนภูเขาฝูหรง
บนหัวเรือและบนชายฝั่งของท่าเรือ ทุกคนพูดคุยกันค่อนข้างราบรื่น
นักพรตหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มคงจะไม่รู้ว่าเฉินอิ่นที่อยู่ตรงหน้ามีขอบเขตสูงกว่าที่ตนจินตนาการไว้มากนัก จึงยังพูดคุยอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์ ใช้เสียงในใจคุยเล่นกับอาจารย์ของเขาด้วยการพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ ว่า “ปีนั้นอาจารย์เคยบอกว่าภูเขาลึกมักจะมีต้นไม้พันปี บนโลกนี้น้อยนักจะมีคนอายุร้อยปี อย่างมากสุดยี่สิบกว่าปี นางก็เป็นดั่งคนแก่ไข่มุกเหลืองแล้ว ดูท่าอาจารย์น่าจะเข้าใจผิดแล้ว”
อิ่นเมี่ยวเฟิงลูบหนวดยิ้ม “ค่อนข้างประหลาดอยู่บ้างจริงๆ บางทีในคลังลับของต้าเฉวียนอาจจะมีตำราลับตระกูลเซียนที่เป็นวิชานอกรีต ทำให้รูปโฉมของเหยาจิ้นจือคงเดิมอยู่ได้ หากจะบอกว่าเหยาจิ้นจือไม่ได้แอบฝึกตน ข้าไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
คลังสมบัติของต้าเฉวียน ลำพังเพียงแค่กิจการสองแห่งของจวนเทพภูเขาจินหวงและศาลเทพวารีทะเลสาบซงเจินในปีนั้นก็มิอาจดูแคลนได้แล้ว สกุลหลิวต้าเฉวียนก่อตั้งแคว้นมาสองร้อยกว่าปี มีสมบัติเก็บไว้นับไม่ถ้วน น่าเสียดายที่ถูกฮ่องเต้ของพวกเราขนไปที่ใต้หล้าแห่งที่ห้าหมดแล้ว ไม่รู้ว่าทุกวันนี้จะเหลือทรัพย์สมบัติอีกสักเท่าไร”
แสงกระบี่เส้นหนึ่งจำแลงเป็นสายรุ้งพุ่งมาถึง ก่อนจะหล่นลงบนหัวเรือของเรือลำนี้
โจวมี่ยิ้มกล่าว “มาเร็วไม่สู้มาได้จังหวะเหมาะพอดี นั่งลงดื่มชาสิ”
เฝ่ยหรานกลับฉีกหน้ากากออก กลับคืนสู่รูปโฉมเดิม เอ่ยเสียงหนักเคร่งเครียด “โจวมี่ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?!”
โจวมี่ย้อนถาม “ไม่ควรถามก่อนหรือว่าสรุปแล้วข้าทำอะไรลงไปแล้วบ้าง?”
……
พื้นที่มงคลรากบัว ภาพเหตุการณ์ผิดปกติของฟ้าดินเกิดขึ้นมากมาย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง กรูกันพรั่งพรูประหนึ่งหน่อไม้ฤดูไม้ใบ้ผลิที่แตกหน่อหลังฝน พูดถึงแค่ประกายแสงที่วัตถุดิบวิเศษแห่งฟ้าดินหลายสิบชิ้นชักนำมา ซึ่งพากันปรากฏตัวตามสถานที่ทิวทัศน์งดงามต่างๆ บ้างก็เป็นกระบี่ยาวที่ตกทอดมาจากยุคโบราณที่จู่ๆ แสงกระบี่ก็พวยพุ่งทะลุชั้นฟ้า บ้างก็เป็นผลไม้ตระกูลเซียนบนต้นไม้พันปีที่พลันออกผล มีไอเซียนล่องลอย ซุกซ่อนโชควาสนา ไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่มีปราณวิญญาณเปี่ยมล้นเท่านั้น คือสถานที่ที่ดีเยี่ยมที่สุดในการเลือกตั้งจวนเซียนของผู้ฝึกตนที่เดินขึ้นเขา ระหว่างหนองบึงภูเขาทะเลสาบมหาสมุทรก็ยิ่งมีภูตพืชหญ้าที่ได้รับเงื่อนไขพิเศษจากสภาพแวดล้อมจึงถือกำเนิดขึ้นมา ประเด็นสำคัญคือพวกมันสามารถฟูมฟักแสงศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติได้ส่วนหนึ่ง จึงกลายมาเป็นบุคคลที่คล้ายคลึงกับเทพภูเขาเซียนวารี เทพแห่งผืนดิน พ่อปู่แม่ย่าลำคลอง ขาดแค่ว่ายังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องเท่านั้น และยังมีเทวรูปในศาลจำนวนมากที่ดื่มด่ำกับควันธูปของโลกมนุษย์มานานหลายปี เดิมทีเป็นแค่โครงไม้รูปปั้นดินเผาเท่านั้น ต่อให้บางส่วนจะถือเป็นศาลเถื่อนประจำท้องถิ่น แต่ตอนนี้ก็มีเค้าโครงของร่างทองเกิดขึ้นมาแล้ว และยังเริ่มลืมตามองโลกมนุษย์
ชุยตงซานร่ายวิชาอภินิหารใหญ่ของเซียนเหรินคัดลอกภาพขุนเขาสายน้ำและคลี่ม้วนภาพกางลงบนพื้น คอยดูแลคนบางส่วนที่ขอบเขตยังไม่สูงให้มองเห็นภาพเหตุการณ์อย่างชัดเจน
นักบัญชีเหวยเหวินหลงดวงตาเป็นประกาย สองมือนับนิ้วคำนวณอยู่ในชายแขนเสื้ออย่างว่องไว ในใจก็คิดคำนวณไปไม่หยุด
สหายฉางมิ่งเองก็เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่เลว นางเม้มปากยิ้มจนตาหยี
เฉาฉิงหล่างเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงสงสัย “ศิษย์พี่เล็ก?”
ชุยตงซานอยู่ว่างไม่มีอะไรก็เลยเดินย่ำเท้าอยู่ที่เดิม สะบัดชายแขนเสื้อให้ปลิวไสวเล่น หัวเราะคิกคักเอ่ยว่า “เจ้าเดาไม่ผิด พื้นที่มงคลรากบัวไม่เพียงแต่เลื่อนขั้นเป็นพื้นที่มงคลระดับสูง ยังพุ่งชนไปถึงคอขวดแล้วด้วย พื้นที่มงคลในประวัติศาสตร์ที่มีโชควาสนาเช่นนี้มีไม่เยอะ หากข้าจำไม่ผิด น่าจะมีแค่หกแห่งเท่านั้น ล้วนเป็นผลลัพธ์จากการที่สำนักบนยอดเขาหลายแห่งวางแผนกันมานานหลายร้อยปี ยกตัวอย่างเช่นพื้นที่มงคลป๋ายเลี่ยนของสำนักเบื้องล่างใต้อาณัติฝูลู่อวี๋เสวียน ก็เพื่อให้พื้นที่มงคลมีโชควาสนาเพิ่มมากขึ้นจากเดิม ภูเขาทั่วไปทำได้แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่อาจเพ้อฝันในเรื่องนี้ได้เลย”
ลำพังเพียงแค่ไข่มุกฉิวจูกองกันเป็นภูเขาลูกย่อมที่ชิงจงฮูหยินจากหลุมน้ำลู่เอาออกมาให้ก็ทำให้โชคชะตาน้ำของพื้นที่มงคลเพิ่มพรวดพราดขึ้นจากเดิมห้าส่วนแล้ว
นอกจากนี้ ปีนั้นการช่วงชิงกันของสิบคนใต้หล้า ราชครูจ้งชิวได้รับโชควาสนาตระกูลเซียนไปอย่างหนึ่ง คือภาพห้าขุนเขาที่แท้จริง แรกเริ่มเพื่อป้องกันอวี๋เจินอี้ จ้งชิวยังพยายามจะทำลายวัตถุชิ้นนี้ ภายหลังได้รับคำชี้แนะจากลู่ไถจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป หลายปีมานี้มอบให้เฉาฉิงหล่างเป็นผู้เก็บรักษาอยู่ตลอด เฉาฉิงหล่างเคยสอบถามทั้งอาจารย์จ้งและศิษย์พี่เล็ก คนหนึ่งบอกว่ายินดีเอาออกมาให้ อีกคนหนึ่งบอกว่าเอามาใช้แล้วไม่มีภัยแฝง ดังนั้นพื้นที่มงคลรากบัวจึงมีห้าขุนเขาใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องให้จักรพรรดิเจ้าแคว้นเป็นผู้แต่งตั้ง ส่วนโชควาสนาตระกูลเซียนที่ได้มาจากหยวนไหลอย่างตำราทองทำเนียบหยกนั้นก็ถูกฝังไว้ในรากภูเขาของภูเขาสูงลูกหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีเค้าโครงของขุนเขาใต้หล้าไพศาล เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับภูเขาที่จำแลงออกมาจากภาพห้าขุนเขาที่แท้จริงแล้ว ระดับขั้นยังต่ำกว่าเล็กน้อย
สระน้ำขนาดเล็กที่อยู่ด้านหลังเรือนไม้ไผ่ภูเขาลั่วพั่วกลายมาเป็นทะเลสาบขนาดมหึมา มีดอกบัวสีม่วงทองดอกหนึ่งส่ายไหวโอนเอนอย่างมีชีวิตชีวา ประกายแสงสีม่วงทองเป็นกลุ่มๆ ค่อยๆ ไหลเอ่อเข้าไปในทะเลสาบ ปราณเต๋าแผ่อวลไปทั่วผิวน้ำ
หนึ่งในทะเลสาบสิบแปดแห่งของทะเลสาบกระบี่ฝูผิง กับยอดเขาแห่งหนึ่งของสำนักกระบี่ไท่ฮุย ล้วนหยั่งรากลงสู่พื้นดินหมดแล้ว และค่อยๆ ผสานรวมกับฟ้าดินแล้ว
นอกจากนี้บรรพจารย์สายป๋ายอวิ๋นของยอดเขาพาตี้ยังมอบทะเลเมฆให้ผืนหนึ่ง สายเถาซานมอบป่าท้อให้ผืนหนึ่ง สายไท่เสียมอบเมฆแดงเพลิงให้ก้อนหนึ่ง และยังมีหยวนหลิงเตี้ยนแห่งยอดเขาจื่อเสวียนที่มอบแก้วป๋ายหลัวให้ใบหนึ่ง ยามที่หล่นลงพื้นจะมีขนาดใหญ่เท่ากับเกาะ คือสถานที่ประกอบพิธีกรรมเล็กๆ ตามธรรมชาติของลัทธิเต๋า
เผยเฉียนขมวดคิ้วเอ่ย “น้ำเต็มย่อมล้น หากไปถึงคอขวดแล้วฝ่าออกไปไม่ได้จะกลายเป็นเรื่องร้าย”
ชุยตงซานรีบหันหน้ากลับมายกนิ้วโป้งให้เผยเฉียนทันใด “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ช่างสายตาดี มีดุลพินิจ!”
ในที่สุดโจวมี่ลี่ก็มีพื้นที่ให้แสดงฝีมือ นางกอดคานหาบสีทองและไม้เท้าเดินป่าสีเขียวไว้ในอ้อมอก มือทั้งสองปรบกันรัวเร็วแต่กลับไร้เสียง
คำว่าคอขวดก็คืออาณาเขตของพื้นที่มงคลที่ความใหญ่เล็กก็ถูกกำหนดมาไว้แน่นอนแล้ว และพื้นที่มงคลดอกบัวของอารามกวานเต๋าในอดีตก็ถือว่ามีอาณาบริเวณเล็กที่สุดในบรรดาพื้นที่มงคลเจ็ดสิบสองแห่งด้วย
หากปราณวิญญาณฟ้าดินในโลกมนุษย์ของพื้นที่มงคลมีมากเกินไป ก็จะกลายเป็นว่าอะไรที่มากเกินก็ไม่ดี นอกจากจะส่งผลกระทบต่อร่างกายและชะตากรรมของมนุษย์ธรรมดาแล้ว ยังจะชักนำให้เกิดภัยธรรมชาติและหายนะจากคนหลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่นโชคชะตาน้ำเข้มข้นเกินไป เป็นเหตุให้คลื่นน้ำถาโถมท่วมทับพื้นที่พันหมื่นลี้ หรือไม่ดวงตะวันลอยค้างอยู่กลางอากาศไม่ไปไหน แก่นตะวันเจิดจ้าพร่างพราวสาดส่องแสงไปหมื่นลี้ คอยแผดเผาพื้นที่มงคลอยู่ตลอด ก็จะเกิดภัยแล้งหลายปีที่คร่าชีวิตหมื่นสรรพสิ่ง แก่นดวงจันทร์เข้มข้นหล่นลงโลกมนุษย์ก็จะทำให้วิญญาณหยินภูตผีถือกำเนิด จับกลุ่มกันล่องลอยยามค่ำคืน บ้างก็เป็นภูตตามขุนเขาสายน้ำที่กราบไหว้ดวงจันทร์หมายหลอมเรือนกายที่จะกรูกันมาออกอาละวาดไปทั่วโลกมนุษย์
ดวงจันทร์เต็มดวงย่อมกลายเป็นจันทร์เสี้ยว นี่ก็คือสัจธรรมของมหามรรคา พื้นที่มงคลหลายแห่งที่มีคน ‘บินทะยาน’ สาเหตุก็อยู่ที่เรื่องนี้ ลูกรักแห่งสวรรค์เหล่านี้คือคนที่ฟ้าดินเมตตาเอ็นดู มีโชควาสนาติดตัว ในบางความหมายแล้วพวกเขาจำต้องออกไป เพราะหากฝืนรั้งอยู่ต่อในพื้นที่มงคล ถ้าไม่ถูกวิถีฟ้าสยบกำราบ ถูกมองเป็นโจรชั่วขุนนางเลวที่หมายจะช่วงชิงบัลลังก์ ทำให้โชคชะตาของทั้งร่างถูกฟ้าดินเอากลับคืนไป ก็จะต้องจากไปตามสถานการณ์ ดังนั้นประวัติศาสตร์จึงมีการผุดขึ้นมาของพื้นที่มงคลแห่งแล้วแห่งเล่าคล้ายก้อนหินที่ผุดหลังน้ำลด เพียงแต่ว่าบางแห่งกลับนำพาหายนะให้มาเยือน ยกตัวอย่างเช่นสิงกวานคนสุดท้ายของกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่เพราะคนคนเดียวฝ่าตราผนึกฟ้าดินจึงชักนำให้ผู้ฝึกตนของใต้หล้าไพศาลเกิดความละโมบอยากครอบครอง สุดท้ายเดือดร้อนให้ตลอดทั้งพื้นที่มงคลถูกทุบทำลายจนเละไม่เหลือซาก
พื้นที่มงคลถ้ำเมฆาที่สกุลเจียงเป็นผู้ครอบครองขึ้นชื่อว่าพื้นที่กว้างขวางจำนวนประชากรเยอะ ต่อให้ทุ่มเงินไปไม่หยุด แต่ก็เพราะการฝึกตนในหลายๆ ครั้งชักนำหายนะมาเยือน เป็นเหตุให้พื้นที่มงคลถ้ำเมฆาไม่เคยไปถึงคอขวดได้เสียที ส่วนพื้นที่มงคลหานซูของสกุลหลิวธวัลทวีป คาดว่าคงเป็นพื้นที่มงคลที่มีผู้คนน้อยที่สุดแล้ว มีเพียงคนเก็บหยกกลุ่มใหญ่ที่สกุลหลิวตั้งใจอบรมปลูกฝังเท่านั้นที่ทำงานอยู่ในพื้นที่มงคลตลอดทั้งปี และก็มีเซียนซือหญิงทำเนียบวงศ์ตระกูลของสำนักอื่นที่เป็นฝ่ายไปหาสกุลหลิวธวัลทวีปด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้กลายเป็นคนเก็บหยกที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อ ไม่ได้รับเงินเดือน เพราะถึงอย่างไรคำว่าเก็บหยกนี้ก็คือการคบค้าสมาคมกับเงินเกล็ดหิมะตลอดทั้งปี จึงมีประโยชน์ต่อการฝึกตนอย่างมาก ขณะเดียวกันสกุลหลิวก็ได้ครอบครองพื้นที่มงคลอีกแห่งหนึ่งที่มีจำนวนประชากรเยอะที่สุด พื้นที่มงคลลวี่อิน คือพื้นที่มงคลระดับล่างที่สกุลหลิวไม่คิดจะโยนเงินเทพเซียนเข้าไปด้านในแม้แต่เหรียญเดียว มีคนมากถึงเก้าสิบล้านคน หากมีผู้ฝึกตนโชคดีได้เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตถ้ำสถิตก็จะถูกพาออกไปจากพื้นที่มงคลลวี่อินทันที คนนอกรู้แค่ว่านี่เป็นข้อเรียกร้องของผู้ถวายงานบรรพจารย์สองท่านของสำนักคำนวณ
แน่นอนว่าชุยตงซานย่อมมีวิธีเตรียมไว้รับมือ ไม่มีทางยอมให้คอขวดของพื้นที่มงคลกลายเป็นภัยแฝงเด็ดขาด หรือจะพูดให้ถูกก็คือ หนึ่งในบุคคลที่ดูแลพื้นที่มงคลเก่งที่สุดในใต้หล้านี้อย่างเจียงซ่างเจิน ได้มีการเตรียมการมาไว้ก่อนแล้ว
ชุยตงซานมองสถานที่ขุนเขาเขียวน้ำใสแห่งหนึ่งในโลกมนุษย์ใต้ฝ่าเท้า ที่นั่นมีต้นหลิวอยู่ต้นหนึ่ง บนต้นไม้แขวนแกนม้วนภาพไว้แกนหนึ่ง ชุยตงซานเอื้อมมือคว้า แกนภาพก็ลอยเข้ามาอยู่ในมือ คลายเส้นด้ายสีทองที่รัดพันแกนม้วนภาพออก เอาวางไว้ตรงหน้าในแนวขวาง แกนม้วนภาพลอยอยู่กลางอากาศ ชุยตงซานใช้สองนิ้วปาด ม้วนภาพพลันคลี่ออกในเสี้ยววินาที ผืนภาพพุ่งออกไปในแนวขวางไม่หยุด สุดท้ายเผยให้เห็นเป็นภาพขุนเขาสายน้ำหมื่นลี้ที่ลำพังเพียงแค่ตัวกระดาษของม้วนภาพก็ยาวถึงร้อยจั้งแล้ว
นี่คือของขวัญหนักชิ้นหนึ่งที่เจียงซ่างเจินมอบให้แก่พื้นที่มงคล ซื้อมาจากบรรพจารย์ผู้เฒ่าท่านหนึ่งของพื้นที่มงคลกระดาษขาว เดิมทีเป็นม้วนภาพที่เขาสร้างขึ้นโดยวัดตัวจากพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา หลังจากที่สัมผัสพื้นหยั่งรากแล้ว ขอแค่อาณาเขตน่านฟ้าของพื้นที่มงคลกว้างขวางมากพอ ถูกปราณวิญญาณที่เปี่ยมล้นอาบแช่สักร้อยกว่าปี ก็จะกลายมาเป็นขุนเขาสายน้ำของจริง นอกจากนี้ชาวบ้านลี้ภัยของใบถงทวีปที่ก่อนหน้าถูกเจียงซ่างเจินกักตัวไว้ ส่วนใหญ่ก็ล้วนเดินออกมาจากพื้นที่มงคลในแจกันสมบัติทวีป ผู้ฝึกลมปราณแทบทั้งหมดล้วนจากไป แต่กลับเหลือชาวบ้านไว้สองแสนกว่าคน ไม่รู้ว่าเจียงซ่างเจินใช้วิธีการเช่นใด เกินครึ่งน่าจะทั้งใช้บารมีข่มขู่และทั้งใช้ผลประโยชน์หลอกล่อ สุดท้ายจึงเลือกจะอยู่ต่อในพื้นที่มงคลเพื่อรอฟังคำสั่งจาก ‘ท่านเทพเทวา’
การกระทำที่เป็นการส่งถ่านกลางหิมะอย่างแท้จริงสองอย่างนี้ ม้วนภาพขุนเขาสายน้ำหมื่นลี้เป็นเช่นนี้ ชาวบ้านธรรมดาที่ร่างกายและจิตวิญญาณครบถ้วนทั้งสองแสนคนก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ ขอแค่พวกเขาสืบเผ่าพันธุ์ แตกกิ่งก้านสาขาอยู่ที่นี่ ก็จะช่วยเพิ่มสีสันให้กับพื้นที่มงคลที่เป็น ‘ลายเส้นขาวดำ’ ได้อีกหลายส่วน
เว่ยป้อเอ่ยชื่นชมจากใจจริง “เมื่อเทียบกับผู้ถวายงานโจวแล้ว ข้าละอายใจที่สู้ไม่ได้”
ในฐานะประมุขสกุลเจียงและเจ้าสำนักกุยหยก เจียงซ่างเจินได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำเพื่อภูเขาลั่วพั่วอย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ
เป็นผู้ถวายงานเป็นได้ถึงขั้นนี้ แม้แต่ชุยตงซานยังนึกอยากจะมอบกรอบป้ายอักษรทองคำว่า ‘คุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้า’ ให้กับพี่โจวเฝยจริงๆ
ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะทำอะไร ขอแค่เจียงซ่างเจินตั้งใจก็ล้วนทำได้โดดเด่นทุกเรื่อง
การ ‘เบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวมมาใช้ส่วนตน’ เพียงหนึ่งเดียวก็คือเจียงซ่างเจินได้เก็บพื้นที่เล็กๆ แห่งหนึ่งไว้ให้กับตัวเอง เขาปักกิ่งหลิวกิ่งหนึ่งเอาไว้ พอสัมผัสพื้นก็แตกหน่อให้ร่มเงา คงเพราะหวังว่าวันหน้าจะได้พาคนงามมาท่องเที่ยวชานเมืองที่นี่ได้สะดวกกระมัง
พอมีขุนเขาสายน้ำหมื่นลี้เพิ่มเข้ามา ปราณวิญญาณของพื้นที่มงคลที่เดิมทีมีแนวโน้มว่าจะชะงักแข็งค้างก็เริ่มโคจรได้อย่างเป็นธรรมชาติ พากันกรูเข้าหาขุนเขาสายน้ำ ‘ว่างเปล่า’ เหล่านั้น
จูเหลี่ยนหัวเราะร่า “ผู้ถวายงานโจวเป็นคนมหัศจรรย์จริงๆ หาได้ยากยิ่งบนโลกมนุษย์”
จากนั้นจูเหลี่ยนก็มองไปทางเผยเฉียน เผยเฉียนรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
จูเหลี่ยนจึงอธิบายว่า “ปีนั้นผู้ถวายงานโจวเพียงแค่พบเจอหน้าข้าก็เหมือนคนที่รู้จักกันมานาน ได้ประลองวิชากันไปคำรบหนึ่ง ฝีมือสูสีกัน แต่สุดท้ายแพ้ให้เจ้า อีกทั้งผู้ถวายงานโจวยังยอมรับความพ่ายแพ้ทั้งปากทั้งใจด้วย”
เผยเฉียนคิดแล้วก็พึมพำขึ้นว่า “นี่มันอะไรกับอะไรกัน”
โจวหมี่ลี่โคลงศีรษะน้อยเบาๆ ถือว่าเป็นการเคาะประตูทักทายเผยเฉียนแล้ว เผยเฉียนกดศีรษะนางไว้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่ต้องพูด พ่อครัวเฒ่าพูดจาเหลวไหล ไม่มีเรื่องเช่นนั้นเสียหน่อย สายเรือนไม้ไผ่ของพวกเรา แต่ละคนล้วนปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความจริงใจ”
บนสมุดบัญชีเล่มเล็กของเผยเฉียนในอดีต ได้วาดภูเขาลูกเล็กที่แบ่งฝักฝ่ายอย่างชัดเจนไว้มากมาย ยกตัวอย่างเช่นนางกับพี่หญิงหน่วนซู่และหมี่ลี่น้อย แน่นอนว่าต้องอยู่ในสายเรือนไม้ไผ่ที่เป็นผู้สืบทอดมากๆ ที่สุด สายเฝ้าประตูมีเจิ้งต้าเฟิงกับหยวนไหล สายตรอกฉีหลงมีพวกคนที่ดูแลร้านอย่างพวกสือโหรว และยังมีสายเดินนิ่ง เดินเล่น เดินละเมอ…
ชุยตงซานเอ่ย “เรื่องของการเก็บเงินคิดบัญชีต่อจากนี้ก็คงต้องรบกวนให้ผู้คุมกฎฉางมิ่งและอาจารย์เหวยวิ่งวุ่นหลายก้าวหน่อยแล้ว เดี๋ยวหงเซี่ยจะพาอวิ๋นจื่อไปช่วย ตัวอยู่ท่ามกลางโชคแต่ดันไม่รู้ นอนเสวยสุขไม่ยอมทำอะไร แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่สมควร”
หงเซี่ยเอ่ยเสียงเบา “หงเซี่ยน้อมรับคำสั่ง”
เฉินหลิงจวินเอ่ย “นับข้าไปด้วยอีกคน”
ชุยตงซานยิ้มมองนายท่านใหญ่เฉินที่พอเดินลงน้ำสำเร็จเวลาเดินเท้าก็คล้ายจะลอยขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นก็นับรวมเจ้าไปด้วยอีกคน? จะให้นับรวมพี่น้องบ้านเจ้าคนนั้นเข้าไปด้วยไหมล่ะ?”
การเดินทางไปเยือนอุตรกุรุทวีปครั้งนี้ เฉินหลิงจวินเดินทางไปกลับทะลุหนึ่งทวีป ยามเดินลงน้ำก็เรียกได้ว่าระมัดระวังอย่างมาก ทว่าเรื่องอย่างการตัดหัวไก่เผากระดาษเหลืองสาบานเป็นพี่น้องนั้น กลับใจกล้าไม่น้อย ไม่เลอะเลือนเลยสักนิด
เฉินหลิงจวินทำคอย่น ขยับเท้าก้าวใหญ่ห่างไปด้านข้าง แล้วค่อยขยับห่างไปอีกก้าวใหญ่ๆ ก่อนเอาสองเท้าประกบติดกัน ดังนั้นจึงไปยืนอยู่ข้างกายเจ้าเด็กโง่เฉินหน่วนซู่พอดี เอ่ยหยั่งเชิงว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถิด ดีไหม?”
ชุยตงซานไม่สนใจลูกพี่ใหญ่แห่งความใจกล้าของภูเขาลั่วพั่วผู้นี้อีก ตอนแรกก็มีคนพายเรือเฒ่าที่ ‘ต่อยตีไม่เคยชนะ โต้เถียงไม่เคยพ่ายแพ้’ จากนั้นก็มีหลิ่วชื่อเฉิงที่ ‘ศิษย์พี่ของข้าคือเจิ้งจวีจง’ และ ‘ข้ากับเฉินผิงอันคือสหายรักกัน’ ตอนนี้ยังมีเฉินหลิงจวินที่กล้าด่าหร่วนฉงว่าหน้าไม่อาย ตบไหล่ลู่เฉินไปสองที แล้วยังเรียกตัวเองเป็นพี่เป็นน้องกับผู้พิฆาตมังกรอีก แต่ละคนแม่งเป็นคนมีความสามารถกันทั้งนั้น แล้วยังเป็นคนประเภทได้แต่พบเจอมิอาจเรียกร้องอีก
บุคคลผู้เป็นวีรบุรุษองอาจที่ต่อให้มองไปทั่วใต้หล้าไพศาลแล้วก็ยังมีอยู่แค่กี่ไม่คนนี้ ภูเขาลั่วพั่วได้ยึดครองตำแหน่งหนึ่งในนั้นได้ แม้แต่ชุยตงซานก็ยังรู้สึกว่าน่าสนใจอย่างมาก
——