กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 793.1 เวทคาถาเซียนเหริน
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่ารู้สึกมึนงงอยู่บ้าง จึงถามอย่างสงสัยว่า “ใต้เท้าอิ่นกวาน นี่คือจะทำอะไรหรือ?”
เพราะใต้เท้าอิ่นกวานที่สง่างามดุจต้นไม้หยกรับลมซึ่งอยู่ตรงหน้าผู้นี้ ไม่รู้ว่าแอบร่ายคาถากระบี่ชั้นสูงตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้างกายของคนทั้งสองจึงมีปราณกระบี่สีทองวงหนึ่งปรากฏขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเป็นการสร้างฟ้าดินเล็กตัดขาดรอบข้าง ป้องกันไม่ให้บทสนทนาถูกคนนอกแอบฟัง
ลำพังเพียงแค่วิชาอภินิหารของเวทกระบี่ที่ฝีมือเข้าขั้นยอดเยี่ยมนี้ หากจะบอกว่าอิ่นกวานไม่ใช่เซียนเหริน ตีให้ตายผู้ฝึกกระบี่เฒ่าก็ไม่มีทางเชื่อ
เป็นเพราะอิ่นกวานยังไม่อยากเปิดเผยสถานะชั่วคราว? นี่จำเป็นด้วยหรือ? เพียงแต่ว่าผู้ฝึกกระบี่เฒ่าไม่คิดจะชี้ไม้ชี้มือวิจารณ์การกระทำของใต้เท้าอิ่นกวาน
เฉินผิงอันกล่าว “ความหวังดีของผู้อาวุโสนั้นรับไว้แล้ว แต่มรสุมครั้งนี้ ข้าจะจัดการให้สงบลงเอง”
หันหน้าไปมองบุรุษทัดดอกไม้ที่นอนสลบอยู่บนพื้น ขอบเขตแผ่นไม้ไผ่ เรือนกายกระดาษเปียก ไม่ใช่แม้แต่หมอนปักลายบุปผา เกินครึ่งคงจะเป็นคนรุ่นเยาว์มีความสามารถที่อาศัยชื่อเสียงของสำนัก อาศัยชื่อของบรรพจารย์ออกท่องยุทธภพเสียมากกว่า
หากตีเด็กแล้วคนแก่ย่อมต้องตามมา อีกเดี๋ยวบรรพจารย์คงจะมาซักไซ้เอาความผิด หากอีกฝ่ายยินดีใช้เหตุผลก็พูดคุยกันดีๆ ไม่ยินดี ถ้าอย่างนั้นก็ออกหมัดเพิ่มอีกสักสองสามหมัดเท่านั้น
หากอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยาน ถ้าอย่างนั้นก็เรียกศิษย์พี่มาแล้วกัน ถึงอย่างไรก็อยู่ห่างจากศาลบุ๋นไม่ไกลนัก
ทว่าหากไม่ผิดไปจากที่คาด หลี่ไหวกับข้ารับใช้ขอบเขตบินทะยานที่อยู่ข้างกายเขาคงจะใกล้ไปถึงเกาะยวนยางแล้ว
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าได้ยินคำเรียกขานว่า ‘ผู้อาวุโส’ ก็ให้ตะครั่นตะครอไปทั้งตัว เทียบกับที่เจ้าตะพาบเฒ่าผูเรียกเขาคำแล้วคำเล่าว่าเจ้าเศษสวะเฒ่าแล้วกลับทำให้ผู้เฒ่ารู้สึกไม่สบายใจมากกว่า ช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก
ใต้เท้าอิ่นกวานพูดจาเกรงใจกันเกินไปแล้ว เกรงใจย่อมห่างเหิน นั่นแสดงว่าเห็นตัวเองเป็นคนนอก ไม่เห็นตนเป็นคนกันเอง แบบนี้จะได้อย่างไร เบื้องหน้านี้คือโอกาสใหญ่อันดีที่พันปีก็ยากจะพานพบ จะปล่อยให้พลาดไปอีกไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นกลับไปถึงหลิวเสียทวีปที่เป็นบ้านเกิดจะทวงศักดิ์ศรีกลับคืนมาจากเจ้าตะพาบเฒ่าผูได้อย่างไร? เวลานี้ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าถึงกับคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าพอกลับไปถึงหลิวเสียทวีปจะคุยโวกับผูเหออย่างไร
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าเข้าใจผิดคิดว่าอิ่นกวานหนุ่มไม่ยินดีจะลุยน้ำขุ่นด้วยตัวเอง จึงยิ้มเอ่ยอย่างสง่างามว่า “ไม่ว่าเจ้าเด็กนี่จะชื่ออะไร สามารถมาที่นี่ได้ นั่นก็แสดงว่าต้องมีเบื้องหลังอย่างแน่นอน อิ่นกวานวางใจได้ ข้าจะแค่แอบทิ่มกระบี่ใส่เขาทีเดียวเท่านั้น ไม่ใช้กระบี่ฟันหัวเขาจริงๆ หรอก”
เฉินผิงอันอ่อนใจเล็กน้อย แสดงว่าผู้อาวุโสท่านเองก็ไม่รู้ชื่อและรากฐานของหนุ่มปักบุปผาคนนี้เหมือนกันสินะ?
แน่นอนว่าเฉินผิงอันไม่ต้องการให้ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าที่มีความสัมพันธ์แนบชิดกับสกุลเซี่ยมี่อวิ๋นผู้นี้ถูกหอบเข้ามาอยู่ในมรสุมครั้งนี้อย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ไม่มีความจำเป็น
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าเห็นว่าอิ่นกวานหนุ่มไม่พูดอะไร จึงคิดว่าตัวเองเดาความคิดในใจของอีกฝ่ายถูกแล้ว เกินครึ่งคงกังวลว่าตนจะทำอะไรไม่เรียบร้อย วิธีการอ่อนหัดเกินไป ไม่ทันระวังอาจทิ้งเรื่องเละเทะเอาไว้ให้ต้องเก็บกวาด ผู้เฒ่าเหลือบตามองคนหนุ่มที่แต่งกายฉูดฉาดบนพื้นคนนั้น ประหลาดยิ่งนัก ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นคนน่าเตะจริงๆ เส้นทางความคิดของผู้เฒ่ายิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จิตแห่งกระบี่ไม่เคยใสกระจ่างเท่านี้มาก่อน จึงพูดเจื้อยแจ้วถึงรางลูกคิดในใจตนให้อิ่นกวานฟัง “ขอแค่ถูกข้าทิ่มลงไปหนึ่งกระบี่ ปราณกระบี่จะอยู่ในช่องโพรงแห่งชะตาชีวิตจุดต่างๆ ของเจ้าลูกกระต่ายน้อยนี่ วนเวียนไม่จางหาย วันนี้หากถ่วงเวลาไปอีกสักพัก รับรองว่าหลังจบเรื่องต่อให้เป็นเซียนเหรินก็ยากจะช่วยเหลือ ข้าจะรีบถอยออกไปจากอาณาเขตของศาลบุ๋นทันที รีบไปหลบซ่อนตัวในธวัลทวีปหลายๆ ปี ก่อนจะนั่งโดยสารเรือข้ามฟากจากไป จะหาสหายบนภูเขาสักคนให้ช่วยนำความไปบอก บอกว่าข้าเกลียดขี้หน้าเจ้าเด็กนี่มานานมากแล้ว ดังนั้นเมื่อครู่นี้ที่อิ่นกวานลงมือ ไหนเลยจะทำร้ายคนได้ อันที่จริงเพื่อช่วยเหลือคนต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เตะออกไปนั่น คือการกระทำช่วยชีวิตที่ช่วยสลายปราณกระบี่ทิ้งไป สรุปก็คือจะไม่ยอมให้ใต้เท้าอิ่นกวานต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เด็ดขาด พวกเราคือผู้ฝึกกระบี่นี่นะ หากไม่มีบุญคุณความแค้นบนภูเขาพัวพันอยู่บ้าง ออกจากบ้านไปดื่มเหล้ากับสหายก็ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าผู้ฝึกกระบี่แล้ว”
สี่ผีใหญ่ตอแยยากบนภูเขา ผู้ฝึกกระบี่นั้นอยู่ในอันดับหนึ่งได้อย่างสมศักดิ์ศรี
ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล ฟ้าดินกว้างใหญ่ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนผู้ฝึกกระบี่ก็ล้วนใช้ชีวิตได้ สถานที่แห่งนี้ไม่รั้งนายท่าน ย่อมมีสถานที่ที่รั้งนายท่านเอาไว้
ต่อให้ทุกหนทุกแห่งล้วนไม่รั้งนายท่านไว้ ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ ถ้าอย่างนั้นหนึ่งคนพกกระบี่ก็มากพอจะหยัดยืนอยู่ท่ามกลางฟ้าดินได้แล้ว
ยกตัวอย่างเช่นแจกันสมบัติทวีป หลี่ถวนจิ่งก็เคยเป็นคนคนเดียวที่สยบภูเขาตะวันเที่ยงมานานหลายร้อยปี สวนลมฟ้าตอนที่หลี่ถวนจิ่งยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่สำนักอักษรจงก็เหนือกว่าสำนักอักษรจงเสียอีก
ตอนที่เฉินผิงอันยังเป็นเด็กหนุ่มแล้วได้เจอกับผู้ฝึกกระบี่หลิวป้าเฉียว อีกฝ่ายได้สร้างความทรงจำที่ลึกล้ำให้กับเขามากที่สุด นอกจากจะลุ่มหลงในรักแล้ว ก็คือมาดอันองอาจสง่างามบนร่างของหลิวป้าเฉียวที่ราวกับว่าใต้หล้านี้นอกจากด่านแห่งความรักแล้ว ก็ไม่มีด่านไหนที่ยากจะผ่านไปได้อีก
และยังมีเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะ เขาทยอยเป็นฝ่ายไปถามกระบี่กับเทียนจวินเซี่ยสือแห่งอุตรกุรุทวีปสองครั้ง ครั้งที่สองก็ยิ่งพกกระบี่ออกเดินทางไกลไปอย่างสง่างาม
ปีนั้นที่อยู่ในเรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัว ครั้งแรกที่เรียกรวมตัวผู้ดูแลเรือข้ามทวีปมาประชุม เซี่ยจื้อแห่งฝูเหยาทวีป ซ่งพิ่นแห่งเกราะทองทวีป ผูเหอแห่งหลิวเสียทวีป เซี่ยซงฮวาแห่งธวัลทวีป พอได้รับคำสั่งจากคฤหาสน์หลบร้อนก็ทยอยกันปรากฎตัว ออกหน้ามาพูดคุยกับคนบ้านเดียวกัน นิสัยการกระทำของพวกเขาเป็นอย่างไร ล้วนลงมือฉับไวเด็ดขาดเหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีใครอืดอาดชักช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผูเหอ ไม่ใช่ผู้ฝึกตนอิสระ แต่วิธีการที่ใช้กลับป่าเถื่อนยิ่งกว่าผู้ฝึกตนอิสระเสียอีก ไม่เพียงแต่โยนผู้ดูแลก่อกำเนิดคนหนึ่งของเรือข้ามฟาก ‘มี่จุ้ย’ ออกไปจากเรือนโดยตรง หลังกลับมายังบ้านเกิดก็ยังเหมือนไม่สาแก่ใจพอ ยังไปหาหลี่ซุ่นบรรพจารย์เฒ่าของจวนลับอวิ๋นหลิน หลิงหรานที่มีฐานะเป็นเค่อชิงของสำนัก แน่นอนว่าไม่ยินดีจะถามกระบี่กับผูเหอ เพราะติดที่ภาระหน้าที่ เดิมทีคิดจะช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ผลคือหลังจากที่ซือถูจีอวี้ได้รับกระบี่บินส่งข่าวจากผูเหอก็ขี่กระบี่มาถึง ท้ายที่สุดหลี่ซุ่นที่อยู่ในถิ่นของบ้านตัวเอง ทั้งๆ ที่มีคนมากกว่ากำลังเหนือกว่า กลับยังทำได้เพียงเอ่ยขอโทษผูเหอผู้ฝึกกระบี่ที่ขอบเขตถดถอยมาเป็นก่อกำเนิดเพื่อให้จบเรื่องกันไป
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นการกระทำของผู้ฝึกกระบี่
ฝ่ายที่ถามกระบี่ ฝ่ายที่ถูกถามกระบี่ ทั้งสองฝ่ายล้วนรู้สึกว่ามีเหตุผลถูกต้องตามหลักฟ้าดิน
เฉินผิงอันกลายเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ถึงขั้นที่ว่าท่ามกลางจิตใต้สำนึกของเขา ก็ราวกับว่าเฉินผิงอันที่มีสถานะเป็นผู้ฝึกกระบี่คนนั้นยังคงอยู่ที่นั่นเนิ่นนาน ไม่เคยได้กลับคืนมา
กระทั่งเจอกับผู้ฝึกกระบี่เฒ่าอวี๋เยว่ เฉินผิงอันถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผู้ฝึกกระบี่ของไพศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เลื่อนเป็นเซียนกระบี่แล้ว อันที่จริงล้วนเป็นพวกที่มีเหตุผลอย่างมาก เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่แล้วเหตุผลมักจะไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป
ก็เหมือนอวี๋เยว่ในวันนี้ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรม ไม่ต้องถามชาติกำเนิดของอีกฝ่าย ฟันก่อนค่อยว่ากัน
อวี๋เยว่ก็ดี ผูเหอสหายรักของเขาก็ช่าง ไม่ว่าจะมีสถานะแบบใด ล้วนต้องยืนอยู่ฝั่งของสองคำว่า ‘ผู้ฝึกกระบี่’ ทั้งสิ้น
และในใจของเฉินผิงอัน ผู้ฝึกกระบี่ในใต้หล้าก็หนีไม่พ้นสามประเภท คนของกำแพงเมืองปราณกระบี่ คนของอุตรกุรุทวีป และผู้ฝึกกระบี่ของสถานที่อื่น
หากพูดถึงแค่ผู้ฝึกกระบี่ของใต้หล้าไพศาล กลับแบ่งได้แค่สองประเภทเท่านั้น คนที่เคยไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่ กับคนที่ไม่เคยไปเยือน
เฉินผิงอันส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “ไม่ต้องจริงๆ”
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าไม่มีโอกาสฟันคนก็รู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะฟังอิ่นกวาน ถือว่าเจ้าลูกกระต่ายผู้นี้จุดธูปไหว้พระทำบุญมาดี”
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าแห่งหลิวเสียทวีปที่ติดตามสกุลเซี่ยมี่อวิ๋นเดินทางมายังที่แห่งนี้มีชื่อว่าอวี๋เยว่ เป็นคอขวดขอบเขตหยกดิบอย่างแท้จริง คือหยกดิบเฒ่าคนหนึ่ง
อวี๋เยว่มีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่ม แบ่งออกเป็นชื่อ ‘จิงเหนี่ยว’ (นกตกใจ) กับ ‘ป๋ายฮวา’ (ร้อยบุปผา) เคยเข่นฆ่ากับเซียนเหรินผู้เฒ่าคนหนึ่งของธวัลทวีปมาก่อน กระบี่บินทั้งสองเล่มล้วนปรากฏตัวครบถ้วน พลังอำนาจยิ่งใหญ่อย่างมาก มีคำกล่าวขานที่ไพเราะว่า ‘หนึ่งสกุณาโบยบินดุจฟ้าแลบ ร้อยบุปผาสะพรั่งเต็มนที’ ‘ปราณกระบี่พุ่งทะยานสู่ดวงดาวบนฟากฟ้า’ กระบี่บินที่เรียกออกมาก่อนหน้านี้ หากไม่ผิดไปจากที่คาดก็คือกระบี่บิน ‘จิงเหนี่ยว’ ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วภูเขาสองทวีปว่ารวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
ช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมานี้ อวี๋เยว่รับหน้าที่เป็นเค่อชิงของสกุลเซี่ยมี่อวิ๋นธวัลทวีป แล้วยังเป็นผู้นำของเค่อชิงด้วย
อยู่ในใต้หล้าไพศาล นอกจากสำนักผู้ฝึกกระบี่แล้ว จวนเซียนสำนักบนภูเขา ตระกูลชนชั้นสูงราชวงศ์ล่างภูเขา ล้วนเห็นการที่มีผู้ถวายงานและเค่อชิงที่เป็นเซียนกระบี่คนสองคนอยู่ในบ้านตนเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งธวัลทวีปที่ขาดแคลนเซียนกระบี่มากที่สุดที่เรื่องนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด
อย่างเช่นเมื่อหลายปีก่อนสกุลหลิวพยายามจะเชื้อเชิญเซี่ยซงฮวามาเป็นเค่อชิง ก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด สกุลหลิวธวัลทวีป แน่นอนว่าไม่ขาดแคลนพลังการต่อสู้ชั้นสูง ผู้ถวายงานมีกองโต แม้แต่เพ่ยอาเซียงผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทาง ระดับขั้นของผู้ถวายงานของเขาก็ยังไม่สูง แล้วนับประสาอะไรกับที่ตบะของหลิวจวี้เป่าเอง เดิมทีก็ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง เป็นเหมือนกับฮว่อหลงเจินเหริน เฉินฉุนอันที่เป็นผู้ฝึกตนใหญ่ต่างทวีปจำนวนเพียงหยิบมือที่สามารถเข้าตาของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางได้
เฉินผิงอันเก็บค่ายกลกระบี่ที่เรียนรู้มาจากชุยตงซานลงไป
คนตกปลาสองกลุ่มต่างก็ขอบเขตไม่สูง ดังนั้นบทสนทนาระหว่างเฉินผิงอันกับผู้ฝึกกระบี่เฒ่า พวกเขาล้วนไม่ได้ยิน อีกทั้งสองคนยังอยู่ในค่ายกลกระบี่ ทัศนียภาพจึงพร่าเลือน คนนอกมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
อวี๋เยว่เอ่ยชื่นชมจากใจจริง “เวทกระบี่นี้ของอิ่นกวานแสดงได้งดงามยิ่ง ทำให้คนมิอาจหาคำใดมาบรรยายได้เลย”
เฉินผิงอันไม่กล้ารับคำ
ได้เรียนรู้แล้ว
การไม่มีอะไรจะให้พูด ดูเหมือนว่าก็คือการทิ้งช่องว่างให้ขบคิดที่ดีที่สุด
ทางฝั่งของคฤหาสน์หลบร้อน มีบันทึกเกี่ยวกับผู้ฝึกกระบี่ต่างถิ่นไว้อย่างละเอียด
ผู้ฝึกกระบี่ผู้เฒ่าที่ปีนั้นยังหนุ่มมากอย่างอวี๋เยว่นี้ ในเอกสารของกำแพงเมืองปราณกระบี่ถือเป็นคนประเภทที่มีบันทึกไว้อย่างคร่าวๆ หยาบๆ เท่านั้น
เป็นลายมือแบบหวัดของลั่วซานเซียนกระบี่สายอิ่นกวานรุ่นก่อน ‘อวี๋เยว่แห่งหลิวเสียทวีป ผู้ฝึกตนขอบเขตโอสถทอง กระบี่บินสองเล่ม ฮวา เหนี่ยวอะไรสักอย่าง ระดับขั้นนับว่าพอใช้ได้ คุณความชอบทางการสู้รบสามารถมองข้ามไปได้เลย’
นอกจากผู้ฝึกกระบี่เฒ่าอวี๋เยว่แล้ว สำหรับคนต่างถิ่นของสองฝั่ง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันมากจริงๆ
เรื่องเกิดขึ้นกะทันหัน นับตั้งแต่ที่คนชุดเขียวลงมือทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่มีลางบอกเหตุ ไปจนถึงผู้ฝึกกระบี่เฒ่าหยกดิบเค่อชิงสกุลเซี่ยมี่อวิ๋นเรียกกระบี่บินช่วยเหลือคนไม่สำเร็จ เก็บกระบี่บินกลับไป แล้วลุกขึ้นยืนพูด เป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วกะพริบตาเท่านั้น คุณชายหล่อเหลาปักบุปผาของสำนักในแผ่นดินกลางผู้นั้นก็นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นแล้ว โชคดีที่ดอกเหมยบนมวยผมที่มาจากพื้นที่มงคลร้อยบุปผายังคงดงามเฉิดฉันอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย และไม่รู้ว่าเหตุใด ดูเหมือนอวี๋เยว่จะหันไปพูดคุยกับ ‘ยอดฝีมือ’ ที่รูปโฉมอ่อนเยาว์แต่นิสัยแย่อย่างถึงที่สุดผู้นั้นแทน? แม้จะไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่ดูจากที่อวี๋เยว่ทั้งกุมหมัดทั้งคลี่ยิ้ม หรือว่าจะเจอเข้ากับผู้อาวุโสบนภูเขาที่ลงมาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์แล้ว?
คุณชายผู้สูงศักดิ์จากสกุลเซี่ยที่ชอบนอนเอนกายร่ำสุราร่ายบทกลอนพลันลุกพรวดขึ้นนั่ง ตบเข่าตัวเองอย่างแรง ร้องตะโกนเสียงดังว่า “เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกะทันหัน ล่องลอยดุจเซียน? ดุจเซียน!”
ขอบเขตของผู้ฝึกตนสูงหรือไม่คือเรื่องหนึ่ง ยามต่อสู้น่าดูหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง วิชาอภินิหารเวทคาถาคล่องแคล่วดุจเมฆคล้อยน้ำไหล เรือนกายล่องลอย ร่ายวิชาอภินิหารได้อย่างผ่อนคลาย นั่นจึงจะเป็นความสามารถที่แท้จริง
หรือหากจะพูดอีกอย่างหนึ่ง ก็คือลูกหลานตระกูลชั้นสูงที่มาจากสกุลเซี่ยมี่อวิ๋นผู้นี้ ชอบลงมืออย่างงดงาม ความน่าดูมาเป็นอันดับหนึ่ง ต้องมีมาดของตระกูลเซียน เปี่ยมไปด้วยความสง่าผึ่งผาย
ยกตัวอย่างเช่นเค่อเชิงอันดับหนึ่งของบ้านตน เซียนกระบี่อวี๋เยว่ออกกระบี่อย่างเต็มกำลังก็ต้องได้ใจคนอย่างมาก
อวี๋เยว่มีสีหน้ากระอักกระอ่วน ใช้เสียงในใจพูดกับอิ่นกวานหนุ่ม “อิ่นกวานอย่าได้สนใจเจ้าเด็กนี่ ขาดความสุขุมรอบคอบก็จริง แต่จิตใจกลับไม่ได้เลวร้าย”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “มองออกแล้ว”
เพราะถึงอย่างไรก็เป็นคนบนเส้นทางเดียวกันที่ชอบแต่งกลอนตลกขบขัน
ทางฝั่งของอวี๋เยว่นี้ หลักๆ แล้วมีแซ่สกุลของตระกูลใหญ่สามแห่งที่ค่อนข้างจะนิ่งเฉย ความหมายที่เลือกจะนิ่งดูดายค่อนข้างชัดเจน
มีเพียงสกุลจูเซียนเสียแห่งราชวงศ์เส้าหยวน หญิงสาวที่ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์อะไรกับจูเหมยที่ค่อนข้างจะใจดำ ยังคงไม่เลือกพูดด้วยเสียงในใจ แต่เปิดปากยิ้มเอ่ยกับคุณชายสกุลเซี่ยโดยตรง “มองออกหรือไม่ว่าเป็นขอบเขตอะไร?”
บุรุษหัวเราะร่าเอ่ยว่า “มองออกว่าไม่ใช่ผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตล่าง”
สตรีกลอกตามองบนอย่างงดงาม จากนั้นหันหน้าไปมองบุรุษชุดเขียว รู้สึกสงสัยใคร่รู้อยู่บ้าง เจ้าแมลงน่าสงสารจากหอเซียนจิ่วเจินผู้นั้น จะดีจะชั่วก็เป็นผู้ฝึกตนโอสถทองที่มีความสามารถในการรักษาชีวิตรอดดีเยี่ยมคนหนึ่ง แล้วยังเป็นผู้สืบทอดของเจ้าอาราม เป็นลูกศิษย์ที่รัก เหตุใดถึงมีจุดจบไม่ต่างจากลูกเจี๊ยบลูกกระต่ายที่ถูกคนบีบได้ตามใจชอบเช่นนี้?
ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางแห่งนี้มีคนมากความสามารถมากมาย คนรุ่นเยาว์แต่ละคนทะเยอทะยานไม่แพ้กัน ส่วนบรรพจารย์บนภูเขาของแต่ะฝ่าย อันที่จริงก็ไม่ค่อยถือสาการต่อยตีกันเองระหว่างคนรุ่นเดียวกันมากนัก แต่หากอายุต่างกันมาก มีคนอาศัยอายุที่มากกว่าและขอบเขตที่สะสมมา คนแก่รังแกเด็กรุ่นเยาว์ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นการละเมิดข้อห้ามแล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไรนางก็รู้สึกว่าคนชุดเขียวที่มองดูแล้วยังหนุ่ม แต่ลงมืออำมหิตโหดเหี้ยมคนนั้นต้องอายุไม่น้อยแล้ว แต่สรุปแล้วจะกี่ร้อยปีกันแน่ กลับเดาได้ยากแล้ว คนผู้หนึ่งที่สามารถ ‘ส่งสายตาไปมา’ กับอวี๋เยว่หยกดิบเฒ่าได้ หรือจะเป็นเซียนกระบี่ก่อกำเนิดหนุ่มที่อายุแค่สองสามร้อยปี? หรือจะเป็นเซียนกระบี่เฒ่าขอบเขตหยกดิบที่อายุห้าร้อยปีขึ้นไป แต่กลับหน้าเด็ก?
——