กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 826.2 เจ้าสำนักไท่ซ่าง
เซี่ยหย่วนชุ่ยถอนหายใจยาวเหยียด ศิษย์หลานผู้นี้จิตใจช่างร้ายกาจ เรื่องมาถึงขั้นนี้ยังสามารถพูดคุยอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์เช่นนี้ได้ บรรพจารย์ยอดเขาหม่านเยว่ที่ลำดับอาวุโสสูงที่สุดในภูเขาตะวันเที่ยงอย่างเขาถึงกับต้องยอมเก็บกลั้นความคิดชั่วร้ายบางอย่างลงไป ศัตรูตัวฉกาจจากไปแล้ว หากภูเขาลั่วพั่วยอมหยุดมือแต่เพียงเท่านี้จริง ยอดเขาหม่านเยว่ก็ควรจะวางอคติที่มีต่อกันกับยอดเขาอีเซี่ยนของจู๋หวงลงแล้วร่วมมือกันอย่างจริงใจนับแต่นี้ไปหรือไม่?
เทพเจ้าแห่งโชคลาภเถาแยนโปทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
เยี่ยนฉู่ปกปิดสีหน้าตื่นตะลึงระคนยินดีไว้ไม่มิด เพราะว่าตอนที่จู๋หวงพูดประโยคนี้ได้หันมามองตนแล้วยิ้ม ไม่ได้มองเทพเจ้าแห่งโชคลาภเถาของภูเขาชิวลิ่ง
เห็นได้ชัดว่าภูเขาชิวลิ่งที่เดิมทีมีหน้ามีตาอย่างไร้ขีดจำกัดได้ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะต้องตกต่ำ
ต้นไม้ล้มลิงค่างแตกฮือ คนจากลาน้ำชาก็เย็นชืด
แขกที่ยังอยู่ต่อมีน้อยจนนับนิ้วได้
เรือข้ามฟากที่มาเข้าร่วมงานพิธีพากันลอยจากไปเหมือนนกบินออกจากภูเขา ไล่ตามเส้นทางที่คล้ายกับเส้นทางของนกออกเดินทางไปไกล สถานที่อันตรายอย่างภูเขาตะวันเที่ยงนี้ไม่สมควรอยู่นาน
จู๋หวงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พอดีกับที่สามารถอาศัยโอกาสนี้ ฉวยโอกาสเวลานี้ที่ทั้งผู้ถวายงานและเค่อชิงอยู่กันครบถ้วน พวกเรามาเริ่มประชุมครั้งที่สองกันเลย”
เยี่ยนฉู่จึงใช้สถานะบรรพจารย์ผู้คุมกฎของตนตีหน้าเคร่ง โบกมือเอ่ย “พวกคนที่ไม่เกี่ยวข้องรีบลงจากภูเขาไปซะ ไปรออยู่ที่หอถิงเจี้ยน อย่าเดินไปไหนเพ่นพ่าน รอฟังคำสั่งจากศาลบรรพจารย์”
จู๋หวงยิ้มกล่าว “ในเมื่อหยวนเจินเย่ได้ถูกตัดชื่อออกแล้ว ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาของภูเขาตะวันเที่ยงก็จะว่างลงชั่วคราว เถาแยนโป เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เกี่ยวกับหยวนเจินเย่ที่พิทักษ์ภูเขามานานเป็นพันปี จู๋หวงพูดถึงแค่เรื่องที่ถูกตัดชื่อ ไม่พูดเรื่องความเป็นความตาย
เถาแยนโปเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย “เจ้าสำนัก เจอกับหายนะเช่นนี้ ภูเขาชิวลิ่งยากจะปัดความผิดได้ ข้ายินดีที่จะลาออกจากตำแหน่ง ปิดประตูทบทวนตัวเองเป็นเวลาหกสิบปี”
สถานการณ์ใหญ่ผ่านพ้นไปแล้ว ดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์ มีแต่จะล่วงเกินให้ผู้คนเดือดดาล เดือดร้อนให้ตลอดทั้งภูเขาชิวลิ่วถูกเจ้าสำนักที่จิตใจเหี้ยมอำมหิตอย่างจู๋หวงอาฆาตแค้น
จู๋หวงจ้องเถาแยนโป เอ่ยเนิบช้าว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผู้คุมกฎเยี่ยนมารับหน้าที่นี่ นับจากนี้ไปภูเขาชิวลิ่งปิดภูเขาร้อยปี วันหน้าผู้ฝึกกระบี่สายของภูเขาชิวลิ่งลงจากเขาไปหาประสบการณ์ต้องฟังคำสั่งจากศาลบรรพจารย์ยอดเขาอีเซี่ยน ห้ามมีความเห็นต่าง รบกวนเซียนกระบี่เถากลับไปแล้วช่วยปลอบใจทุกคนให้ดี อาจารย์ลุงเซี่ยมีชื่อเสียงคุณธรรมดีงาม ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ก็ได้แต่รบกวนให้อาจารย์ลุงออกจากภูเขา ชะลอเรื่องการฝึกกระบี่ไว้ชั่วคราว มารับหน้าที่เป็นผู้คุมกฎของศาลบรรพจารย์”
เซี่ยหย่วนชุ่ยลูบหนวดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คงทำได้เพียงเท่านี้แล้ว”
แม้ว่าในใจของเยี่ยนฉู่จะยังอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง เดิมนึกว่าจะสามารถควบทั้งสถานะบรรพจารย์ผู้คุมกฎและเทพเจ้าแห่งโชคลาภไปพร้อมกัน แต่ได้ดูแลเรื่องเงินทองของสองสำนักบนล่างในอนาคตก็ถือว่าได้กำไรแล้ว
เถาแยนโปได้ยินประโยคนี้ก็เดือดดาลอย่างหนัก ปิดภูเขาร้อยปี ยอดเขาอีเซี่ยนรับผู้ฝึกกระบี่ทุกคนของภูเขาชิวลิ่งไปดูแล?! เจ้าจู๋หวงคิดจะใช้วิธีมีดทื่อแล่เนื้อ ต้องการจะกวาดล้างกองกำลังหลายยอดเขาของผู้ฝึกกระบี่สายภูเขาชิวลิ่งให้สิ้นซากเลยหรือ?
หากปิดภูเขาชิวลิ่งนานถึงหนึ่งร้อยปี ผู้ฝึกกระบี่ของสายนี้ โดยเฉพาะลูกศิษย์รุ่นเยาว์สองรุ่นจะไม่เปลี่ยนความคิด เอาอย่างยอดเขาชิงอู้ หันไปฝึกตนที่ยอดเขาแห่งอื่นกันหมดเลยหรือ?
เติมอิฐเพิ่มกระเบื้อง เจ้าผลักข้าดัน ต่างคนต่างมีความลำบากใจ กำแพงล้มคนช่วยกันผลัก ขนาดคนโง่ยังทำเป็น
จู๋หวงกล่าว “เถาแยนโป เจ้ามีความเห็นหรือ?”
สีหน้าเถาแยนโปเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง เหลือบตามองแผ่นหยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของจู๋หวง สุดท้ายก็ยังส่ายหน้า
แม้ว่าจะเป็นการประชุมในศาลบรรพจารย์ แต่เห็นได้ชัดว่าเดิมทีจู๋หวงไม่คิดจะเปิดโอกาสให้ใครได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ยอดกระบี่ที่ไม่มีศาลบรรพจารย์ วันนี้คำพูดของจู๋หวงจึงเป็นคำขาด
จู๋หวงหันหน้าไปมองบรรพจารย์หญิงจากยอดขาจูอวี๋ เอ่ยว่า “เถียนหว่าน หน้าที่ยังคงเดิม ยังคงดูแลสามส่วน บุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำ รายงานขุนเขาสายน้ำ รายงานในสำนัก”
เถียนหว่านมีสีหน้าตื่นตระหนก พูดเสียงสั่น “เจ้าสำนัก ก็เพราะว่ายอดเขาจูอวี๋รายงานข่าวผิดพลาดถึงได้ทำให้พวกเราประมาทคนหนุ่มสองคนนั้น เถียนหว่านตายร้อยรอบก็มิอาจไถ่ถอนความผิด ยินดีที่จะปิดประตูทบทวนความผิดเฉกเช่นบรรพจารย์เถา”
จู๋หวงยิ้มส่ายหน้า ปฏิเสธคำขอร้องของเถียนหว่าน
แน่นอนว่าเขารู้ว่าสตรีผู้นี้ผิดปกติอย่างมาก
จู๋หวงกล้ามั่นใจเลยว่านางกับภูเขาลั่วพั่วต้องมีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกลับ หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นเพราะมีข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน แต่ช่วยไม่ได้ นี่คือค่าตอบแทนที่ภูเขาตะวันเที่ยงจำเป็นต้องจ่าย คือความจริงใจส่วนหนึ่งที่ยอดเขาอีเซี่ยนและเขาจู๋หวงจำต้องยกสองมือประคองส่งมอบให้เจ้าขุนเขาเฉินคนนั้น
เส้นเอ็นหัวใจของเยี่ยนฉู่หดรัดตัวขึ้นมาทันที ไม่กล้าถือสาเรื่องที่ไม่ได้ควบสองตำแหน่งอะไรอีกแล้ว เพราะถึงอย่างไรยอดเขาสุ่ยหลงต่างหากถึงจะเป็นภูเขาที่ในมือกุมอำนาจใหญ่ด้านการรายงานข่าวอย่างแท้จริง
สตรีหน้าเหม็นอย่างเถียนหว่านผู้นี้ พูดเรื่องไหนไม่พูด ดันมาพูดเรื่องที่จี้ใจคนเสียได้
ส่วนยอดเขาจูอวี๋ อย่าว่าแต่ลูกศิษย์ผู้สืบทอดเลย แม้แต่ลูกศิษย์นักการสักคนก็ยังไม่มี แต่ไหนแต่ไรมาก็มีเพียงเถียนหว่านคนเดียวที่ฝึกตนอยู่ที่นั่น นี่ไม่ได้ชัดเจนว่าต้องการสาดน้ำสกปรกใส่ยอดเขาสุ่ยหลงหรอกหรือ?
อารมณ์ของจู๋หวงซับซ้อน สภาพจิตใจของเจ้าสำนักท่านนี้ไม่ได้นิ่งสงบอย่างที่แสดงออกภายนอก ในความเป็นจริงเขาเหนื่อยล้ามานานแล้ว หากยังมีลมพัดยอดหญ้าไหวแม้เพียงนิด ต่อให้เป็นจู๋หวงก็ยังรู้สึกว่าท่อนไม้แค่ท่อนเดียวก็ยากจะประคองได้ไหว
น้ำลดหินผุด ใจคนถูกเปิดเปลือยออกมา แค่มองก็เห็นได้ชัดเจน ไม่ต้องมองความเลื่อนลอยทำอะไรไม่ถูก ความตื่นตระหนกกระวนกระวายของพวกลูกศิษย์ผู้สืบทอดแต่ละสายที่อยู่ในหอถิงเจี้ยนด้วยซ้ำ พูดถึงแค่ยอดกระบี่แห่งนี้ หากไม่ใช่พวกไร้ฝีมือหัวขี้เลื่อยหรือพวกฉลาดราวกับภูตผี ไม่อย่างนั้นก็เป็นพวกหญ้ายอดกำแพงที่นิ่งดูดาย เลือกจะรักษาตัวรอด ในใจจู๋หวงยิ้มเฝื่อนอย่างห้ามไม่ได้ คำพูดเก่าแก่พูดได้ดีนัก ไม่ใช่คนบ้านเดียวกันไม่เข้าประตูบานเดียวกันไม่ใช่หรือ?
สายตาจู๋หวงกวาดมองไปตามจุดต่างๆ อย่างรวดเร็ว พยายามจะหาร่องรอยของคนผู้นั้น
จู๋หวงกล้ามั่นใจเลยว่า เวลานี้คนผู้นั้นต้องยังอยู่จุดใดจุดหนึ่งในภูเขาแน่นอน
……
ในศาลาชมทัศนียภาพแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นริมหน้าผาของยอดเขาหม่านเยว่ พี่น้องชายหญิงสกุลเจียงอวิ๋นหลินต่างก็ยังอยู่ต่อ
กรอบป้ายของศาลาคือคำว่าศาลากูอวิ๋นที่เขียนด้วยตัวอักษรสีทองบนพื้นสีดำ สองด้านคือกลอนคู่ที่แปะบนเสา เนื้อหาค่อนข้างยาว
อรุณรุ่งเปิดประตูหิมะเต็มภูเขา มองส่งนกกระสาร่อนลมผ่านต้นสน กาลเวลาถูกโยนไว้นอกกาย จันทราในใจเดิมทีกลมเกลี้ยง
สายัณห์เยือนเมามายในความฝัน ข้ารำพันทิวาบินขึ้นฟ้า พืชพรรณบุปผาร่วมเชยชม จุดธูปหอมกลางม่านพิรุณ
เจียงเซิงที่อยู่ในศาลาเอ่ยอย่างสงสัยว่า “ถึงขั้นนี้แล้วภูเขาตะวันเที่ยงยังมีหน้าก่อตั้งสำนักเบื้องล่างอีกหรือ?”
จู๋หวงผู้นั้นเป็นเจ้าสำนักก็เรียกได้ว่าเป็นพวกหน้าหนาเท่ากำแพงจริงๆ ทำให้เจียงเซิงได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
ผู้ฝึกตนบนภูเขาของแจกันสมบัติทวีป ตระกูลชนชั้นสูงตระกูลใหญ่ทั้งหลายล่างภูต่างก็เห็นภาพนี้ บุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำถูกปิดช้าเกินไป
แล้วนับประสาอะไรกับที่ได้ยินมาว่าศาลบุ๋นได้ยกเลิกคำสั่งห้ามรายงานขุนเขาสายน้ำแล้ว อย่างมากสุดวันนี้ภูเขาตะวันเที่ยงอาจจะปิดหูปิดตาคนอื่นได้ แต่กลับปิดปากคนไม่ได้
เจียงซานที่มีสถานะเป็นวิญญูชนลัทธิขงจื๊อพยักหน้าเอ่ย “แน่นอน”
อันที่จริงจู๋หวงคือเจ้าสำนักที่มีกลอุบายและความยืดหยุ่นดีเยี่ยม คนประเภทนี้ฝึกตนอยู่ที่ไหนล้วนเป็นเหมือนปลาได้น้ำ ราวกับว่าขอแค่ไม่ถูกคนสังหารแล้วปล่อยให้เขาคว้าฟางช่วยชีวิตได้สักเส้นสองเส้น เขาก็สามารถหวนกลับคืนสู่ยอดสูงสุดได้อีกครั้ง
เวลานี้เจียงเซิงตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง พอได้ยินสองคำนี้จากพี่ใหญ่กลับรู้สึกไม่อยากเชื่อยิ่งกว่าตอนที่นางได้เห็นหลิวเสี้ยนหยางถามกระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วเดินขึ้นสู่ที่สูงมาตลอดทางเสียอีก
เจียงซานเอ่ย “ก่อตั้งสำนักเบื้องล่าง ไม่ต้องคิดให้มากความ แม้กระทั่งสำนักเบื้องบนอย่างภูเขาตะวันเที่ยงก็ยังต้องย่ำซ้ำรอยเดิม มีสภาพการณ์อย่างเมื่อหลายร้อยปีก่อนหน้านี้ เหมือนถูกหลี่ถวนจิ่งเหยียบอยู่เหนือหัว กดทับจนแทบจะหายใจไม่ออก แน่นอนว่าครั้งนี้สถานการณ์ของภูเขาตะวันเที่ยงอันตรายยิ่งกว่าเดิม เพราะภูเขาลั่วพั่วไม่ใช่สวนลมฟ้า ไม่ได้มีเซียนกระบี่แค่คนเดียว แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้าขุนเขาสองคนอย่างเฉินผิงอันและหลี่ถวนจิ่งต่างก็เป็นเซียนกระบี่ ทว่านิสัยใจคอกลับไม่ค่อยเหมือนกัน”
เจียงซานทอดสายตามองไป ใจคนของภูเขาตะวันเที่ยงทั้งลูกเหมือนเมฆฝนที่มารวมตัวแล้วกระจายออก เปราะบางเหมือนแก้วใส ดุจเมล็ดต้นหลิวที่ปลิวปรายกระจัดกระจาย หลังการถามกระบี่หลายครั้งผ่านไปก็มิอาจต้านทานการโจมตีใดได้จริงๆ
คำว่ารื้อถอนของเหวยเลี่ยง แก่นที่แท้จริงก็คือคำว่าตัดแบ่ง
เจียงซานยิ้มกล่าว “อาศัยความต่างในระดับหนึ่งที่เฉาผิงทูตผู้ตรวจการกับราชสำนักต้าหลีและกองทัพต้าหลีลงมือกระทำออกมา ไม่อาจพูดได้ว่าทั้งหมด แต่ความหมายก็ยิ่งใหญ่มาก จากนั้นอาศัยหยวนป๋ายที่มีความเป็นไปได้มากว่าจะหันไปฝึกตนอยู่ที่ทะเลสาบซูเจี่ยน ให้จิ้นชิงแห่งขุนเขากลางและสำนักเจินจิ้งโอบล้อมสำนักเบื้องล่างของภูเขาตะวันเที่ยงที่เลือกที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของจูอิ๋งเก่า ภูเขาไฉ่จือภูเขาทายาทของขุนเขาใต้ เทพวารีแม่น้ำยงเจียง เจียวเฒ่าถ้ำเฟิงสุ่ยแม่น้ำเฉียนถังที่อยู่ใกล้บ้านพวกเรา ต่างก็ทำการเลือกกันไปแล้ว หากคิดจะทำเรื่องพวกนี้ให้สำเร็จ จำเป็นต้องให้เจ้าขุนเขาหนุ่มของภูเขาลั่วพั่วคนนั้นเผาผลาญความสัมพันธ์ควันธูปบนภูเขามากมาย แอบเพาะเลี้ยงปลูกฝังเส้นสายไว้อย่างลับๆ แล้วยังต้องมีการแลกเปลี่ยนทางผลประโยชน์ที่เป็นของแท้แน่นอน”
“นี่เป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น”
เจียงซานพูดยาวไม่หยุด “ก้าวที่สองคือเล่นงานภายในของภูเขาตะวันเที่ยง เอาพวกผู้ฝึกกระบี่ของยอดเขาโปอวิ๋น ยอดเขาเพียนเซียน เซียนกระบี่ทุกคนที่เมื่อก่อนมักจะออกจากการประชุมในศาลบรรพจารย์ยอดเขาอีเซี่ยนไปก่อนผู้ใด แบ่งแยกพวกเขาออกจากคนร่วมสำนักที่มักจะนั่งแปะติดเก้าอี้จนการประชุมสิ้นสุดเสมอ ทั้งสามารถทำให้ถาดทรายที่กระจัดกระจายอยู่แล้วแตกแยกมากกว่าเดิม สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นทางหนีทีไล่ที่ซ่อนอยู่ในนี้ ยกตัวอย่างเช่นให้สำนักเบื้องบนอย่างภูเขาตะวันเที่ยงและสำนักเบื้องล่างในอนาคตเริ่มเกิดความแตกแยกที่มิอาจประสานรอยร้าวนับแต่วันนี้เป็นต้นไป”
“หากเปลี่ยนข้าไปเป็นอิ่นกวานหนุ่มของภูเขาลั่วพั่วคนนั้น เมื่อถามกระบี่เสร็จสิ้น หลังจากจากไปแล้วก็จะมีก้าวที่สี่ มองภายนอกดูเหมือนปล่อยภูเขาตะวันเที่ยงทิ้งไว้ไม่สนใจ แน่นอนว่าใครยินดีถามกระบี่ต่อภูเขาลั่วพั่วก็ยินดีต้อนรับ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าภูเขาลั่วพั่วให้หน้าราชสำนักต้าหลีอย่างมาก เก็บบันไดลงไว้ให้กับทั้งสองฝ่าย เพียงแต่ว่าในทางลับร่วมมือกับภูเขากลางและสำนักเจินจิ้งเล่นงานสำนักเบื้องล่างของภูเขาตะวันเที่ยงอย่างเต็มกำลัง ง่ายมาก ขอแค่ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ที่มาจากภูเขาต่างๆ อย่างยอดเขาโปอวิ๋นก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดี ถึงขั้นที่ว่าสามารถทำให้ไม่มีใครกล้าออกจากบ้านไปฝึกประสบการณ์ด้วยซ้ำ”
เจียงเซิงถามอย่างกังขา “ภายนอก? ก้าวที่สี่?”
เจียงซานยิ้มกล่าว “พวกคนของท่าเรือป๋ายลู่และยอดเขาชิงอู้ไม่เป็นโล้เป็นพายกันมานานแล้ว เซี่ยหย่วนชุ่ยแห่งยอดเขาหม่านเยว่เป็นพวกรู้จักมองดูสถานการณ์มากที่สุด เหลิ่งฉี่แห่งยอดเขาฉงจือก็เชี่ยวชาญการตีสนิทผู้แข็งแกร่งมากที่สุด เยี่ยนฉู่ชอบเจาะหาช่องทางเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์ ภูเขาชิวลิ่งสูญเสียหยวนเจินเย่ที่แทบจะเป็นผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาบ้านตนไป สูญเสียพลังต้นกำเนิดไปมากที่สุด ไม่อย่างนั้นอันที่จริงเถาแยนโปก็จะกลายเป็นตัวเลือกของเจ้าสำนักเบื้องล่างที่เหมาะที่สุดและมีความหวังมากที่สุด ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นเพราะเหตุใด ภูเขาตะวันเที่ยงตกมาอยู่ในสภาพการณ์เช่นนี้ก็แตกต่างจากปีนั้นที่หลี่ถวนจิ่งใช้กำลังของคนคนเดียวสยบกำราบภูเขาตะวันเที่ยงอย่างสิ้นเชิง”
“หลี่ถวนจิ่งสามารถถามกระบี่ต่อภูเขาตะวันเที่ยงได้ทุกเมื่อ จะสังหารผู้ฝึกกระบี่คนใดก็ได้ แต่ภูเขาตะวันเที่ยงในสามร้อยปีนั้นแบกรับแรงกดดัน มีศัตรูร่วมกัน เพราะทุกคนต่างก็ไม่รู้สึกว่าสวนลมฟ้าแห่งหนึ่ง หลี่ถวนจิ่งคนหนึ่งจะสามารถทำให้ภูเขาตะวันเที่ยงล่มสลายได้จริงๆ แต่ภูเขาลั่วพั่วจับมือกันมาร่วมงานพิธีในครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป เป็นเหตุให้การเข้าร่วมงานพิธีในครั้งนี้ก็คือก้าวที่สามของอิ่นกวานหนุ่ม ทำให้ทุกคนของภูเขาตะวันเที่ยง นับตั้งแต่บรรพจารย์ผู้เฒ่าไปจนถึงลูกศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดทุกคนต่างเข้าใจเรื่องหนึ่งอยู่ในใจ อย่าได้ใช้ไม้แข็งปะทะไม้แข็งกับภูเขาลั่วพั่วเด็ดขาด ใครคิดจะแก้แค้นก็คือความฝันของคนปัญญาอ่อน คนที่อายุมากสู้ไม่ไหว คนที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มคนรุ่นเยาว์อย่างอวี่หลิ่นยังพ่ายแพ้จนมีสภาพทุลักทุเล อู๋ถีจิงก็จากไปแล้ว จิตใจคนแตกฉานวุ่นวายถึงเพียงนี้ แข่งเรื่องวางแผนก็สู้ไม่ได้ ฝีมือต่างกันมาก แข็งเจอแข็ง งัดข้อกันก็ยิ่งไม่ต้องหวัง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจียงเซิง ข้าถามเจ้า หากเจ้าเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของภูเขาตะวันเที่ยง นอกจากยังต้องฝึกตนอยู่ในภูเขาต่อไป แล้วยังจะทำอย่างไรได้อีก?”
เจียงเซิงถามหยั่งเชิง “ทะเลาะกันเองภายใน?”
เจียงซานพยักหน้า แต่จากนั้นก็ส่ายหน้า “ใช่แล้วก็ไม่ใช่”
เจียงเซิงเอ่ยอย่างเดือดดาล “เอาอีกแล้วหรือ?!”
เจียงซานที่ดื่มเหล้าน้อยมากหยิบเหล้ากาหนึ่งออกมาจิบหนึ่งอึก เอนตัวพิงเสาศาลา ทอดสายตามองไกลไปยังยอดเขาอีเซี่ยน “ในสายตาของคนนอกคือการทะเลาะกันเองภายใน แต่ในสายตาของภูเขาตะวันเที่ยงกันเองคือการต่างคนต่างช่วงชิงกันที่สมเหตุสมผล ฝ่ายนอกแย่งชิงจะเป็นผู้สืบทอด ผู้สืบทอดแย่งชิงอันดับเก้าอี้บนยอดเขาต่างๆ แย่งชิงวัตถุดิบวิเศษแห่งฟ้าดินที่จำเป็นสำหรับการหลอมกระบี่ ผลประโยชน์ไม่แบ่งแยก เดินบนเส้นทางฝึกตนได้ไม่ง่าย เดินขึ้นสู่ที่สูงก็ยากยิ่งกว่า ทุกหนทุกแห่งล้วนต้องแย่งชิง”
“เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน มีแต่จะแข่งขันกันดุเดือดมากกว่าเดิม แล้วจู่ๆ ก็พลันค้นพบว่าที่แท้ภูเขาตะวันเที่ยงที่ไร้ศัตรูทัดทานในใจตน ไม่ใช่บุคคลที่มีหวังจะเข้าไปแทนที่สำนักโองการเทพอะไรเลย ต่อให้ศาลบรรพจารย์บนยอดเขาอีเซี่ยนถูกสร้างขึ้นใหม่ก็ดูเหมือนว่าจะตกอยู่ในอันตรายล่อแหลมทุกวัน กังวลว่าวันใดนึกจะไม่มีก็ไม่มีแล้ว”
——