กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 869.2 ต่อยตี
อริยะปราชญ์ผู้มีรูปปั้นตั้งบูชาในศาลบุ๋นซึ่งนั่งพิทักษ์ม่านฟ้าไม่ได้ใช้เสียงในใจพูดด้วยซ้ำ เปิดปากเอ่ยตามตรงว่า “ข้าไม่อยู่”
หม่าขู่เสวียนได้ยินแล้วก็หัวเราะก๊ากดังลั่น คิดไม่ถึงว่าอาจารย์เฮ้อที่มีคุณสมบัติได้กินเนื้อหัวหมูเย็นๆ ผู้นี้จะมีอารมณ์ขันด้วย
ไม่สนใจเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่น่าสงสารกลุ่มนั้นอีก หม่าขู่เสวียนไปนั่งอยู่ข้างกายอวี๋สืออู้
เกาหมิงเอ่ยถาม “เหล่าหม่า ขอพูดอะไรกับท่านหน่อยได้ไหม”
หม่าขู่เสวียนยิ้มกล่าว “มีลมก็รีบผาย”
เกาหมิงถาม “ข้าเปลี่ยนไปอยู่กับภูเขาลั่วพั่ว ไปเป็นลูกศิษย์ของเฉินผิงอันแทนได้ไหม? ข้ารู้สึกว่าไปที่นั่น อยู่กับอิ่นกวาน อาจจะได้ดีกว่านี้”
สาวใช้สู่เตี่ยนและศิษย์พี่ของเด็กหนุ่มหันมามองหน้ากันตาปริบๆ
พวกเขาต่างก็รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้หากไม่ปิดปากเงียบไม่เอ่ยอะไร ขอแค่เปิดปากพูดขึ้นก็มักจะเป็นคำพูดที่เหลวไหลเสมอ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะใจกล้าเทียมฟ้าถึงเพียงนี้ ไม่ว่าคำพูดอะไรก็กล้าพูดจริงๆ
เกาหมิงก้มหน้าลงลูบมีดผ่าฟืนที่ตัวเองรักเล่มนั้น พึมพำกับตัวเองว่า “อย่างน้อยออกจากบ้านก็มีหน้ามีตา ไม่เหมือนติดตามท่านเหล่าหม่าขึ้นเหนือล่องใต้ เจอกับเซียนซือบนภูเขา ไม่ว่าจะชายหรือหญิง สายตาที่มองข้าล้วนแปลกประหลาด บรรพจารย์ลุงอวี๋ ประโยคนั้นพูดว่าอย่างไรแล้วนะ?”
อวี๋สืออู้กล่าว “คานบนไม่ตรงคานล่างเอียง”
เกาหมิงพยักหน้ารับอย่างแรง “ใช่!”
“เลือกไม่ได้ว่าควรไปเกิดในครรภ์ไหน การกราบไหว้อาจารย์ก็พอๆ กัน ต้องยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี”
หม่าขู่เสวียนไม่โกรธกลับกันยังขำ อีกทั้งยังหัวเราะอย่างเบิกบานใจมาก ดูไม่เหมือนเสแสร้งแกล้งทำ เขาลูบศีรษะของเด็กหนุ่ม “อีกอย่าง อาจารย์เองก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีเสียหน่อย บอกแล้วว่าจะพาเจ้าไปเป็นเทพเซียนฝึกตนอยู่บนภูเขา ติดตามข้ามากินดีอยู่ดี ทั้งสองเรื่องนี้ข้าล้วนทำได้แล้ว”
เกาหมิงคิดแล้วก็พยักหน้าเอ่ยว่า “ก็จริงนะ”
ตอนนั้นที่อยู่ร้านเหล้าของเมืองเล็ก ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเผ่นหนีไปยังไม่ลืมยกมีดผ่าฟืนในมือเช็ดคราบเลือดไปบนศพ
อันที่จริงคนบ้านเดียวกันกลุ่มนั้นไม่ได้ไล่เขาไป แล้วก็ไม่ได้ตำหนิที่เขาฟันคนส่งเดช ก่อหายนะครั้งใหญ่
คงเป็นเพราะเด็กซื่อบื้อที่เติบใหญ่มาด้วยกันผู้นี้ ยามที่ต่อยตีขึ้นมามักจะลงมือหนักสุด แล้วยังชอบเสนอตัวอยู่แนวหน้าสุดด้วย
ทว่าเมื่อเด็กหนุ่มเห็นความใจฝ่อ ความหวาดกลัวและความขี้ขลาดในดวงตาของพวกเขากลับรู้สึกว่าน่าเบื่อ
หากกลุ่มของหม่าขู่เสวียนไม่ได้ปรากฏตัว เขาก็คงติดตามคนบ้านเดียวกันมั่วสุมอยู่ด้วยกันต่อไป เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีสถานที่อื่นให้ไปเยือนอยู่แล้ว
แต่ในเมื่อตอนนั้นหม่าขู่เสวียนบอกแล้วว่าสามารถติดตามเขาไปเป็นเทพเซียนได้ เด็กหนุ่มมีดผ่าฟืนจึงอยากรู้ว่าอะไรคือเทพเซียน
เกาหมิงถามอย่างใคร่รู้ “เหล่าหม่า ท่านกับเฉินผิงอันเป็นคนบ้านเดียวกันไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่ถูกกันเสียล่ะ? ท่านไปมีเรื่องกับใครดันไม่มี ดันไปมีเรื่องกับเขาเนี่ยนะ”
หม่าขู่เสวียนยกสองมือขึ้น สอดรองไว้ใต้ท้ายทอย หรี่ตายิ้มเอ่ย “ในบรรดาคนวัยเดียวกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นข้าที่ชนะเขาได้สองครั้ง?”
เด็กหนุ่มเงยหน้าเอ่ยชมเชย “ถ้าอย่างนั้นเหล่าหม่าท่านก็ใช้ได้เลยนี่นา เคยมีหน้ามีตากับเขามาก่อนด้วย”
หม่าขู่เสวียนชี้ไปที่อวี๋สืออู้ “แต่ทุกวันนี้คนที่ทำให้เฉินผิงอันกริ่งเกรงได้อย่างแท้จริงก็คือบรรพจารย์ลุงอวี๋ของพวกเจ้า”
คนคนเดียวได้ครอบครองโชคชะตาบู๊สามส่วน
มีเทพคุ้มครองตามความหมายที่แท้จริง
อวี๋สืออู้มองผู้เยาว์ทั้งหลายแล้วส่ายหน้า ยิ้มเอ่ย “พวกเจ้าเชื่อจริงๆ หรือ?”
สาวใช้สู่เตี่ยนกับลูกศิษย์วั่งจู่กึ่งเชื่อกึ่งกังขา
มีเพียงเด็กนุ่มมีดผ่าฟืนที่พยักหน้าเอ่ย “เชื่อสิ ทำไมจะไม่เชื่อล่ะ”
อวี๋สืออู้ยิ้มรับ หันหน้าไปมองทางทิศใต้
ในสายตาของเขา สรรพชีวิตทั้งหมดที่มีสติปัญญา ความเป็นความตายล้วนเหมือนมดตัวหนึ่ง แต่กลับงดงามดุจเทพเจ้า
ศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง ในพื้นที่ลับขุนเขาสายน้ำแห่งหนึ่งของสวนกงเต๋อ ผู้ฝึกกระบี่หลิวชาเปลี่ยนจากจอมยุทธเคราดกผู้กล้าหาญที่เดินกร่างได้ทั่วใต้หล้าเปลี่ยวร้าง กลายมาเป็นคนตกปลาคนหนึ่งที่หลงใหลในการตกปลา
เรื่องอย่างการตกปลานี้ ช่างทำให้คนลุ่มหลงได้ง่ายจริงๆ
ข้อพิถีพิถันในการตกปลาของหลิวชายิ่งนานก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ คันเบ็ดตกปลา ข้องตกปลานั้นไม่ต้องพูดถึงแล้ว นอกจากนี้คือตำแหน่งในการตกปลา ตะขอตกปลา เส้นเอ็นที่ใช้ตกปลา ตกปลาแบบจมตกปลาแบบลอย เหยื่อล่อที่ใช้ตกปลา ที่แท้ล้วนมีความรู้ทั้งสิ้น ทุกวันนี้ ‘มรรคกถา’ ของหลิวชาพัฒนารุดหน้าไปมาก เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
แน่นอนว่าเงื่อนไขก็คือหลิวชาจงใจกดขอบเขต ใช้สายตา พละกำลังของมนุษย์ธรรมดามาตกปลาอยู่ที่นี่ หากไม่ทำเช่นนี้การตกปลาก็ไม่มีความบันเทิงใดๆ ให้กล่าวถึง
วันนี้ได้ปลามาเยอะ หลิวชาจึงต้มแกงปลาให้ตัวเองหม้อหนึ่ง ก่อนหน้านี้ได้ขอพวกฟืน ข้าวสาร น้ำมัน เกลือบางส่วนมาจากทางฝั่งของศาลบุ๋น คิดว่าจะซื้อลูกปลามาปล่อยเลี้ยงไว้ในทะเลสาบเสียหน่อย หากเรื่องแค่นี้ศาลบุ๋นยังขี้งก ถ้าอย่างนั้นหลิวชาก็จะจ่ายเงินซื้อมาเอง ทั้งเงินค่าลูกปลาและเงินค่าเดินทาง เขาจะออกเองทั้งหมด
หย่างจื่อปีศาจใหญ่บนบัลลังก์เก่าถูกกักตัวไว้ในกลุ่มเทือกเขาอัคคีแห่งหนึ่งที่เงียบสงัดไร้ผู้คน เล่าลือกันว่าที่นั่นเคยเป็นเตาหลอมโอสถแห่งหนึ่งของมรรคาจารย์เต๋า
สตรีผู้หนึ่งที่ปักปิ่นเรียบง่ายสวมกระโปรงผ้า หน้าตาธรรมดาสามัญมาเปิดร้านเหล้าร้านหนึ่งในพื้นที่เงียบสงัดริมน้ำติดภูเขา เวลาปกติไม่มีลูกค้าแม้แต่ผีสักตน นางเองก็ไม่ถือสา
หลี่เซิ่งให้นางรับปากแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นอกจากห้ามข้ามดินแดนแล้วก็คือห้ามทำร้ายชีวิตคนอื่น นอกจากนี้ในอาณาเขตพันลี้ นางล้วนสามารถไปมาได้อย่างเสรี
วันนี้คนที่มาดื่มเหล้าที่นี่รวมกันแล้วได้หนึ่งโต๊ะอย่างที่หาได้ยาก คือนายท่านเทพภูเขาที่มีบุคลิกสุภาพสง่างาม และยังมีแม่ย่าลำคลองที่มีลักษณะเป็นเด็กสาว อีกสองคนที่เหลือคือภูตภูเขาที่หลอมเรือนกายได้ประสบความสำเร็จแล้ว
เพียงแต่ว่าลูกค้าสี่คนที่มาดื่มเหล้าต่างก็ไม่รู้รากฐานความเป็นมาของหย่างจื่อ เพียงแค่เห็นเถ้าแก่เนี้ยะของร้านเหล้าเป็นภูตเผ่าน้ำที่พอจะฝึกตนได้ประสบความสำเร็จบ้างเล็กน้อย
วันนี้หย่างจื่อนั่งอยู่ที่โต๊ะเหล้าตัวหนึ่งเพียงลำพัง เปิดอ่าน ‘ตำราใหม่’ เล่มหนึ่งที่ไพศาลสั่งห้ามอ่านมานานแล้ว บนตำรามีเรื่องราวนิทานชาดกที่เกี่ยวกับการฆ่างูสองตัว ทำเอาหย่างจื่อที่ได้อ่านทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง
นายท่านเทพภูเขาที่นั่งอยู่โต๊ะด้านข้างยังคงคุยโวว่าสตรีหน้าเหม็นอย่างปีศาจใหญ่หย่างจื่อผู้นั้น ทุกวันนี้ถือว่าอยู่ในการปกครองของตนแล้ว ทุกวันตนจะต้องไปลาดตระเวนที่ปล่องภูเขาไฟบางแห่งรอบสองรอบ สตรีผู้นั้นตกใจจนอกสั่นขวัญผวา ไม่กล้ามองตนตรงๆ ด้วยซ้ำ
แม่นางน้อยที่เป็นแม่ย่าลำคลองเท้าคางด้วยสองมือ มองไปยังทะเลทรายเหลืองกว้างใหญ่ด้านนอกด้วยสายตาไม่พอใจ ว่ากันว่าสตรีมีชะตาของเมล็ดพันธ์ผัก แต่งงานออกเรือนก็ไม่ใช่ว่าเมล็ดพันธ์ผักหล่นลงพื้น หว่านไปตรงไหนก็ต้องอยู่ตรงนั้น ช่างชมขื่นยิ่งนัก
ภูตภูเขาตนหนึ่งจึงยิ้มประจบ บอกว่าเหนียงเนียงเทพลำคลองท่านยังเป็นสาวน้อยวัยขบเผาะ แต่งงานออกเรือนอะไรกัน หรือว่าถูกใจข้าเข้าให้แล้ว ได้เลยๆ ความสามารถบนเตียงของพี่ชายอย่างข้า เป็นที่ยอมรับว่าสุดยอดเชียวล่ะ
มันไม่กลัวเด็กสาวที่สวมยศสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้หรอกนะ เพราะหากเทียบกันแล้วในวงการขุนนางภูเขาสายน้ำนางก็เป็นแค่เสมียนคนหนึ่งเท่านั้น แล้วนับประสาอะไรกับที่มาเป็นแม่ย่าลำคลองตัวน้อยๆ อยู่ที่นี่ก็เท่ากับเจอหายนะแท้ๆ แค่ได้ดูแลลำคลองเส้นหนึ่งอย่างน่าเวทนา หากเอ่ยตามคำกล่าวของนายท่านเทพภูเขาบ้านตน แม่นางน้อยสวมเสื้อผ้าบางเบา ชะตาชีวิตต้องยากจนเหน็ดเหนื่อย
แม่ย่าลำคลองน้อยเหล่ตามองภูตภูเขาตนนั้น ได้ยินคำพูดสัปดน นางก็แค่หัวเราะหึหึ ทิ้งประโยคอาฆาตไว้ว่า หมัดเดียวต่อยให้เป้ากางเกงเจ้าระเบิดได้
ภูตภูเขาตบโต๊ะจนโต๊ะเป็นรู หย่างจื่อเงยหน้ามองไป ยิ้มเอ่ย รีบจ่ายเงินชดใช้มาเร็ว
จากนั้นนางก็เอ่ยเสริมมาประโยคหนึ่งว่า ความสามารถบนเตียงต้องพูดว่าฉวงจื่อ ไม่ใช่ฉวงตี้
จอมยุทธพเนจรคนหนึ่งที่ยามอยู่ในอุตรกุรุทวีปทำเรื่องดีโดยไม่เคยทิ้งนามเอาไว้เดินทางเตร็ดเตร่มาถึงท่าเรือตระกูลเซียนแห่งหนึ่งที่ไม่ใหญ่มากนัก จ่ายเงินซื้อตำราตราประทับสองร้อยเซียนกระบี่มาเล่มหนึ่ง เดิมทีเขาคิดว่าราคาถูก เอามาอ่านฆ่าเวลาก็ดี คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝัน เพราะพอเปิดไปหนึ่งหน้าหนึ่งก็เห็นว่าตัวอักษรด้านใต้ตราประทับเป็นสามคำว่า ‘ยอมให้สามกระบวนท่า’
ทำเอาตู้อวี๋ดวงตาเป็นประกายวาบ ใต้เท้าอิ่นกวานผู้นี้ก็ช่างเป็นคนมหัศจรรย์คนหนึ่งจริงๆ
หากผู้อาวุโสคนดีเดินทางไกลไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่ พวกเขาจะต้องพูดคุยกันถูกคอแน่นอน
ศาลเทพอัคคีเมืองหลวงของต้าหลี สารถีผู้เฒ่าไปหาเฟิงอี๋
นางยังคงนั่งเมากรึ่มๆ อยู่บนขั้นบันไดซุ้มดอกไม้ ส่งเสียงเรอดังเอิ้ก
สารถีผู้เฒ่าเอ่ยอย่างอัดอั้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่เมืองหลวงต้าหลี อยู่ดีๆ ก็เกิดความเคลื่อนไหวรุนแรงขนาดนั้น อย่างน้อยที่สุดต้องมีขอบเขตเริ่มต้นที่บินทะยาน หรือไม่บางทีก็อาจเป็นขอบเขตสิบสี่ในตำนานแล้ว
แม้ภาพบรรยากาศที่น่าตะลึงนั้นจะเกิดขึ้นเพียงครู่ก็หายวับไป แต่สำหรับตาเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มายาวนานอย่างพวกเขาแล้ว ยิ่งสามารถเก็บและปล่อยได้ตามใจปรารถนาเช่นนี้ก็ยิ่งได้รับการประเมินที่สูง
เฟิงอี๋ยิ้มเอ่ย “ในที่สุดก็รู้จักกลัวแล้วหรือ?”
สารถีเฒ่ายกสองแขนกอดอก หลุดหัวเราะพรืด “ข้าผู้อาวุโสต้องกลัวอยู่แล้ว!”
เป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครเจอก็ต้องกลัวกันทั้งนั้น มีอะไรให้ต้องอวดเก่งกันล่ะ
อีกอย่างที่นี่ก็ไม่มีคนนอกสักหน่อย
เฟิงอี๋ไม่ปิดบังท่าทางสมน้ำหน้าคนอื่นของตัวเอง แกว่งกาเหล้าเอ่ยสัพยอกว่า “คนนอกมองบุปผาในม่านหมอกก็ช่างเถิด แต่พวกเราต่างก็ได้เห็นคนรุ่นเยาว์ของถ้ำสวรรค์หลีจูเดินทีละก้าวจนเติบโตกลายมาเป็นคนแก่กับตาตัวเอง ทำไมถึงยังไม่ระวังเช่นนี้”
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนเจ้านำความไปบอกเจ้าเด็กนั่น บอกว่าข้ากลัวแล้ว รับรองว่าวันหน้าเจอเขา ข้าจะต้องเดินอ้อมผ่านไปทันที”
“แล้วทำไมไม่ไปบอกเองล่ะ?”
“แค่เห็นเจ้าเด็กนั่นก็ไม่รู้ว่าความโมโหผุดมาจากไหนแล้ว ไม่ต้องเจอกันจะดีกว่า”
หลักๆ แล้วเป็นเพราะเจ้าเด็กนั่นไร้คุณธรรม ไม่ให้โอกาสที่จะพูดจาไม่เข้าหูกันแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายแค่เจอหน้ากัน มองสบตากันทีเดียวก็ผูกปมแค้นกันแล้ว
สารถีเฒ่ายิ่งพูดยิ่งอัดอั้น ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา “อยู่ว่างๆ ก็ไม่มีอะไรทำ เอาเหล้าหมักร้อยบุปผามากาหนึ่งสิ”
รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เฟิงอี๋ยอมมอบเหล้าให้เขากาหนึ่งจริงๆ “วันนี้ใจกว้างนะ”
เฟิงอี๋พูดกลั้วหัวเราะ “ไม่กลัวจะถูกโจรขโมย กลัวแต่จะถูกโจรจำฝังใจ”
……
บนเส้นทางระหว่างพื้นดินของใต้หล้าเปลี่ยวร้างกับดวงจันทร์ดวงหนึ่ง แสวงสว่างจุดหนึ่งพลันเปล่งประกายเจิดจ้า
ที่แท้ก็เป็นป๋ายเจ๋อที่เดินย่ำแม่น้ำแห่งกาลเวลา ออกเดินทางมาจากลำคลองเย่ลั่ว ในที่สุดก็ลงมือขัดขวางการลากดวงจันทร์ของผู้ฝึกกระบี่สี่คน
ป๋ายเจ๋อร่ายกายธรรมออกมา ชุดขาวโบกสะบัด ลำพังเพียงแค่มือใหญ่ข้างหนึ่งของกายธรรมก็มากพอจะกำดวงจันทร์ดวงหนึ่งได้แล้ว
เพียงแต่ชั่วพริบตานั้นก็มีคนขยับตัวอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่เช่นกัน เดินก้าวหนึ่งขึ้นฟ้า เผยกายธรรมใหญ่โตโอฬารที่มีความสูงเท่ากัน เป็นกายธรรมที่สวมชุดลัทธิขงจื๊อร่างหนึ่ง
มือหนึ่งจับหัวกายธรรมของป๋ายเจ๋อกดลงไป ผลักอีกฝ่ายกลับไปที่โลกมนุษย์
กายธรรมของป๋ายเจ๋อพลันสลายหายไป เพียงแต่ว่ามาโผล่บนม่านฟ้าจุดที่สูงกว่าเดิม เหวี่ยงหวัดใส่หัวของกายธรรมชุดลัทธิขงจื๊อนั้น ปล่อยหมัดต่อยออกไปเต็มแรง
กายธรรมชุดลัทธิขงตื๊อระเบิดแตกดังปัง
นาทีถัดมาก็มาโผล่อยู่ด้านหลังกายธรรมของป๋ายเจ๋อ บิดคอของฝ่ายหลังหักดังกร๊อบ
หนึ่งใต้หล้าไพศาล หนึ่งใต้หล้าเปลี่ยวร้าง
นภากาศส่งเสียงสะเทือนเลือนลั่น
การ ‘ประลองเวท’ ครั้งหนึ่งที่มองดูเหมือนเรียบง่ายอย่างถึงที่สุด ไม่เหมือนการประลองของคนบนภูเขาแม้แต่น้อย ทว่าแท้จริงแล้วท่วงทำนองที่เหลืออยู่ของมรรคกถาทั้งสองฝ่ายได้ไหลกรูซัดกรากเข้าไปในใต้หล้ามืดสลัวนานแล้ว
จิตใจของปีศาจใหญ่บรรพกาลตนนั้นสะท้านไหวสุดขีด เผ่นดีกว่า เผ่นดีกว่า ไม่อย่างนั้นอยู่ที่นี่ก็เท่ากับรอความตายเชียวนะ
มันไม่กล้าไปที่ฉานกงด้วยซ้ำ ได้แต่อำพรางเรือนกาย ทิ้งตัวเป็นเส้นตรงดิ่งไปยังโลกมนุษย์
มารดามันเถอะ ถึงกับเป็นจอมปราชญ์น้อยที่นิสัยร้ายเจ้าอารมณ์ที่สุด แล้วยังต่อยตีเก่งที่สุดผู้นั้น!