กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 897.5 ตะวันจันทราล้วนเป็นดั่งจอกแหนที่ลอยบนน้ำ
เซียนกระบี่โอสถทองคนนั้นไปถึงข้างแผงก็โยนแหจับปลาลงบนพื้น ชี้ไปยังชามเหล้าสามใบบนโต๊ะ ออกเสียงเอ่ยเตือนกลุ่มคนที่เดินมาจากริมฝั่งด้วยภาษากลางของใบถงที่พูดได้ไม่คล่องแคล่วนัก “ข้าคือเค่อชิงที่ยังไม่ได้รับการบันทึกชื่อชั่วคราวของภูเขาเซียนตู”
ผู้ฝึกกระบี่เถาหรานแนะนำตัวเองก่อน จากนั้นยื่นนิ้วข้างหนึ่งชี้ไกลๆ ไปยังชามเหล้าสามใบบนโต๊ะ “บอกไว้ก่อนว่าตอนนี้กฎมีการเปลี่ยนแปลง แต่ละฝ่ายออกกระบวนท่าคนละสามครั้ง”
ส่วนเรื่องที่ว่าภูเขาเซียนตูอยู่ที่ไหน ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองที่เป็นเค่อชิงไม่ได้รับการบันทึกชื่อผู้นี้ อันที่จริงตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าอยู่ทางทิศเหนือ คนที่เป็นเจ้าประมุขชั่วคราวก็คือเด็กหนุ่มชุดขาวแซ่ชุยคนนั้น
การที่เขา ‘แปรพักตร์’ หนึ่งเพราะในอดีตตนได้รับบาดเจ็บท่ามกลางสงครามครั้งนั้น จิตแห่งกระบี่แทบจะแหลกสลาย จิตแห่งมรรคาก็ยิ่งเละเทะมากกว่า อันที่จริงก็เป็นเพียงแค่โอสถทองกระดาษเปียกไร้ความสามารถเท่านั้น
ไม่ยินดีจะไปทำงานในที่ว่าการ ชั่วชีวิตนี้จะไม่มีทางไปเด็ดขาด เพราะมิอาจทนเห็นพฤติกรรมของพวกคนที่ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างได้
ไม่อย่างนั้นต่อให้สภาพจะย่ำแย่แค่ไหน เถาหรานก็ยังเป็นขอบเขตโอสถทอง ทั้งยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรต้องเปิดเผยหน้าตาออกมาหาเงินเทพเซียนอย่างน่าขายหน้า ทำตัวเป็นพวกลิ่วล้อที่รับเงินของคนอื่นมาแล้วช่วยกำจัดเคราะห์แทนคนเขาเช่นนี้
เพียงแต่พอมาถึงที่นี่ เขากลับเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้จริงๆ ศักยภาพต่างกันเกินไป เจ้าคนที่มีรูปโฉมเป็นเด็กหนุ่มผู้นั้นถึงกับมีขอบเขตก่อกำเนิด
อีกอย่างก็คืออีกฝ่ายรับปากตนว่าวันใดที่ได้รับตำแหน่งเค่อชิงของภูเขาเซียนตูอย่างเป็นทางการก็จะได้รับสมบัติหนักบนภูเขาที่มีระดับขั้นเป็นสมบัติอาคมซึ่งสามารถนำมาใช้ซ่อมแซมจิตแห่งกระบี่ หล่อเลี้ยงบำรุงจิตวิญญาณด้วยความอบอุ่นชิ้นหนึ่ง
เพียงแต่ว่าคำพูดสวยหรูที่ดีแต่พูดประเภทนี้ เขาไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจัง ผู้ฝึกตนอิสระก็มีดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือรู้จักยอมรับว่าตัวเองขี้ขลาด
เพียงแต่ว่านอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เขาหวั่นไหวอย่างแท้จริง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินทอง คนแซ่ชุยบอกว่าตัวเองรู้จักกับผู้ฝึกกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่อยู่หลายคน วันหน้าสามารถช่วยแนะนำให้เขารู้จักได้
เถาหรานกึ่งเชื่อกึ่งกังขา แน่นอนว่าข้อกังขาต้องมีมากกว่า
เพราะหากจำไม่ผิด ผู้ฝึกกระบี่ของใบถงทวีปที่เคยไปฝึกประสบการณ์ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ดูเหมือนว่าจะมีแค่ผู้ฝึกกระบี่ที่ชื่อว่าหวังซือจื่อคนเดียวเท่านั้น
เหมือนกับตน ต่างก็เป็นผู้ฝึกตนอิสระที่เป็นที่รังเกียจของผู้คนเหมือนกัน อีกฝ่ายไปกำแพงเมืองปราณกระบี่ตอนที่มีขอบเขตเป็นโอสถทอง
แม้จะบอกว่าตอนไปเป็นโอสถทอง ตอนกลับก็ยังเป็นโอสถทอง แต่อาศัยการที่เขากล้าไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่เพียงลำพัง อีกทั้งยังยินดีลงสู่สนามรบ เถาหรานก็ยินดีจะนับถืออีกฝ่ายจากใจจริง
แต่สมองของเจ้าหมอนี่ต้องมีปัญหาแน่นอน ถึงได้ไปเป็นผู้ถวายงานในศาลบรรพจารย์ของสำนักใบถง เปลี่ยนจากวีรบุรุษล่างภูเขาไปเป็นสุนัขรับใช้ของบนภูเขา เขาจะคิดว่าตัวเองมองคนผิดไปก็แล้วกัน
สภาพการณ์ของเถาหรานในเวลานี้ก็เป็นจุดจบที่ตัวเองรนหาที่เองเหมือนกัน สังหารสัตว์เดรัจฉานน้อยเผ่าปีศาจขอบเขตโอสถทองไปตัวหนึ่งได้เพราะอีกฝ่ายประมาท เพียงแต่ว่าไม่นานเขาก็ถูกสัตว์เดรัจฉานเฒ่าขอบเขตก่อกำเนิดที่เป็นองค์รักษ์ของอีกฝ่ายทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มหนึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักในศึกครั้งนั้น สภาพแทบไม่เหลือดี หากคิดจะซ่อมแซมก็ต้องเป็นหลุมไร้ก้นที่กินเงินนับไม่ถ้วนแน่นอน อันที่จริงปีนั้นเมื่อควันปืนผุดขึ้นจากทั่วสารทิศ ที่ไหนบ้างที่ไม่ใช่สนามรบที่ศักยภาพแตกต่าง เป็นการเข่นฆ่าที่เอนล้มไปทางด้านเดียว?
เมืองหลวง เมืองหลวงสำรอง นครประจำเขตประจำจังหวัดจำนวนนับไม่ถ้วนถูกกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจหอบม้วนผ่านไป ผู้ฝึกกระบี่ที่มีชาติกำเนิดจากผู้ฝึกตนอิสระผู้นี้อดทนข่มกลั้นเอาไว้ได้ เกี่ยวผายลมอะไรกับข้าด้วย
ถึงท้ายที่สุดกลับเพียงแค่เพราะเรื่องเล็กๆ เรื่องเดียว คงเป็นเพราะสมองของตนก็มีปัญหาเหมือนกันกระมัง เอาเป็นว่าสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
ช่วยไม่ได้ ความทุกข์ยากบางอย่างต่อให้เผชิญกับมันครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่รู้จักจำ ชั่วชีวิตนี้มีสันดานแบบนี้ซะแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้
คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายก็มีเพียงเจียงซ่างเจินที่เดิมทีตนมีอคติต่อเขามากที่สุดที่ถึงจะถือว่าเป็นลูกผู้ชาย
ด่าเจียงซ่างเจิน ต้องมีเหตุผลด้วยหรือ? ไม่ต้องหรอก
แล้วนับประสาอะไรกับที่เขาก็มีเหตุผลอยู่หลายข้อจริงๆ ยกตัวอย่างเช่นในอดีตเทพธิดาบนภูเขาสองคนที่ตนชื่นชมถึงกับถูกหมูตัวเดียวกันหลอกล่อไปได้
ในฐานะเจ้าประมุขสกุลเจียงแห่งพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา เถาหรานด่าเท่าไรก็ยิ่งสะใจเท่านั้น แล้วก็เพราะว่าตัวเองขอบเขตต่ำ เอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็คงไปด่าต่อหน้าแล้ว
แต่ในฐานะอดีตเจ้าสำนักกุยหยก การกระทำของเจียงซ่างเจิน เถาหรานกลับด่าไม่ออกจริงๆ
ดังนั้นก่อนที่ชุยเซียนซือจะจากไปจึงยังคุยโวใหญ่โตยิ่งกว่าแผ่นฟ้ากับตน
บอกว่าหากกลายเป็นเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขาเซียนตู วันหน้าต่อให้ด่าเจียงซ่างเจินต่อหน้า เจียงซ่างเจินก็ยังไม่กล้าเถียงกลับ แล้วยังจะส่งยิ้มให้ด้วย
ดังนั้นทุกวันนี้เถาหรานจึงช่วยคนเขาเฝ้ากิจการอยู่ที่นี่เพียงลำพัง เมื่อเป็นเช่นนี้ตนจึงดีกว่าหวังซือจื่อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่างก็เป็นสุนัขเฝ้าบ้านนี่นะ แต่ในเมื่อภูเขาเซียนตูไม่มีชื่อเสียงแม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะดีกว่าสำนักใบถงกระมัง
ส่วนจะเริ่มงานก่อสร้างขุดดิน สร้างท่าเรื่องแห่งนี้ต่ออีกครั้งอย่างเป็นทางการเมื่อไร ชุยเซียนซือบอกว่าต้องรอไปถึงปีหน้า เขาพูดจาน่าเชื่อถือว่ามีตะพาบกลุ่มหนึ่งคิดจะแย่งกิจการของตน ล้อเล่นหรือไร
คอยดูเถอะ หากมีใครมาเขาจะสู้ตายกับพวกมันให้ดู
เด็กหนุ่มชุดขาวสะบัดชายแขนเสื้อสีขาวหิมะโบกมือเป็นวงกว้าง วาดวงกลมวงใหญ่ บอกว่าถึงเวลานั้นที่นี่ก็จะเป็นทัศนียภาพที่หนึ่งแคว้นมีท่าเรือตะวันออกตะวันตกสองแห่งแล้ว
ชินแล้วก็ดีไปเอง อีกฝ่ายเป็นพวกชอบคุยโวนี่นะ
โชคดีที่ตบะขอบเขตก่อกำเนิดเป็นของจริง
เฉินผิงอันใช้เสียงในใจยิ้มเอ่ย “พวกเราต่างก็มาจากภูเขาเซียนตู”
เถาหรานอึ้งตะลึง เป็นคนกันเองครึ่งตัวหรือ?
ได้ยินว่าอีกฝ่ายมาจากภูเขาเซียนตู เถาหรานก็รู้สึกสงสัยใคร่รู้อยู่บ้าง นี่เป็นคนของภูเขาเซียนตูกลุ่มแรกที่เถาหรานได้พบเจอเว้นจากชุยเซียนซือ เพียงแต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนผู้ฝึกตน กลับเหมือนผู้ฝึกยุทธเต็มตัวมากกว่า?
แต่ก็มองออกว่า เทียบกับชุยเซียนซือแล้วดูเป็นคนปกติ ท่าทางเป็นการเป็นงานมากกว่า
คงไม่ใช่ว่าเป็นศิษย์ลูกศิษย์หลานของก่อกำเนิดผู้เฒ่าชุยหรอกกระมัง?
เพราะถึงอย่างไรผู้ฝึกตนบนภูเขา คนส่วนใหญ่หากยิ่งมองดูเด็ก ขอบเขตก็จะยิ่งสูง อายุก็จะยิ่งมาก
อีกฝ่ายยิ้มพลางเอ่ยแนะนำตัวเอง “ข้าแซ่เฉิน นามผิงอัน เป็นอาจารย์ของชุยตงซาน”
เจ้าตัวดี เป็นพวกพูดจาไม่น่าเชื่อถืออีกคนหนึ่งแล้ว
ไม่ใช่คนบ้านเดียวกันไม่เข้าประตูบานเดียวกัน?
อาจารย์ของเทพเซียนผู้เฒ่าขอบเขตก่อกำเนิด?
จะดีจะชั่วก็ช่วยเปลี่ยนคำเรียกขานที่เข้าท่าเข้าทีหน่อยได้ไหม อย่างเช่นว่าอาจารย์พ่อ? ผู้ถ่ายทอดมรรคา?
ทำไมเจ้าไม่บอกว่าตัวเองคือเฉินผิงอันแห่งแจกันสมบัติทวีปไปเลยเล่า?
ข้าผู้อาวุโสอยากจะกดหัวเจ้าพวกลูกรักแห่งสวรรค์ เซียนกระบี่หนุ่มห้าขอบเขตบนพวกนี้ไว้แล้วถามว่า สรุปแล้วขอบเขตของพวกเขาได้มาอย่างไรกันแน่ซะจริง
แจกันสมบัติทวีปเล็กๆ แห่งหนึ่ง สถานที่ใหญ่เท่าก้น เวลาสั้นๆ แค่หกสิบปีพื้นที่ของหนึ่งทวีปกลับทยอยกันมีผู้มากพรสวรรค์ด้านวิถีกระบี่ปรากฎตัวถึงสามคน เว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะ หลิวเสี้ยนหยางแห่งสำนักกระบี่หลงเฉวียน เฉินผิงอันแห่งภูเขาลั่วพั่ว ดูเหมือนว่าจะเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบตอนอายุสี่สิบกว่าปีกันทุกคน
มารดามันเถอะ ตอนที่ข้าผู้อาวุโสอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปี เซียนกระบี่หนุ่มกลุ่มนี้ยังสวมกางเกงเปิดก้นเล่นดินโคลนกันอยู่เลยกระมัง
คนชุดเขียวตรงหน้าผู้นี้พกดาบคู่ไว้ตรงเอวข้างหนึ่ง
หากไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัว ดาบแคบสองเล่มนี้ก็ต้องเป็นดาบอาคมที่เซียนซือบนภูเขาเป็นผู้หลอมขึ้นมา
เฉินผิงอันนั่งลงข้างโต๊ะ หยิบเหล้าชามหนึ่งขึ้นมาจิบเหล้าหนึ่งคำ ยิ้มเอ่ยว่า “ได้ยินลูกศิษย์ของข้าบอกว่าเจ้าชื่อเถาหราน เป็นเซียนกระบี่โอสถทองคนหนึ่ง”
เถาหรานที่นั่งยองอยู่ด้านข้างง่วนอยู่กับการตุ๋นปลาตอบกลับง่ายๆ “ก็แค่ขอบเขตโอสถทอง จะถือเป็นเซียนกระบี่ผายลมสุนัขได้อย่างไร”
เฉินผิงอันยิ้มถาม “ขอถามอีกสักคำได้หรือไม่ กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตได้รับความเสียหายได้อย่างไร?”
เถาหรานเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ลองสมมติว่าตัวเองเป็นข้าดูสิ เจ้าจะตอบคำถามข้อนี้ไหม?”
เฉินผิงอันพยักหน้ายิ้มรับ “มีเหตุผล วันหน้าพวกเราค่อยหาโอกาสมาดื่มเหล้าร่วมกันสักหลายๆ มื้อ ยินดีเล่าให้ฟังตอนไหนก็ค่อยเล่าแล้วกัน”
เถาหรานหลุดหัวเราะพรืด “เลิกใช้มุกนี้เถอะ ข้าไม่สนิทสนมกับเจ้า ข้าก็แค่มาขอข้าวของภูเขาเซียนตูพวกเจ้ากิน มิอาจฉี่ลงโถเดียวกับผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่ชอบโอ้อวดบารมีได้หรอก”
เฉินผิงอันยิ้มรับ แล้วจึงหันหน้าไปมองแม่น้ำใหญ่สายนั้น
ตามคำอธิบายตัวอักษรของอาจารย์สวี่ ไหว (ต้นไหว) แก่ก่อเกิดไฟ รวมไขเป็นหลิน (หลินคำนี้แปลว่าฟอสฟอรัส หลินเดียวกับ ‘ชื่อหลิน’ ที่เป็นชื่อของแม่น้ำในเรื่อง)
เถาหรานเห็นว่าเจ้าคนผู้นั้นคล้ายจะรอกินปลาตุ๋นของตัวเอง ผู้ฝึกกระบี่ก็ยิ่งมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ ขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยเสียงขุ่น “ดื่มเหล้าเปล่าๆ ไม่จ่ายเงินก็ช่างเถอะ แต่พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะมาขอกินเปล่าๆ ได้”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เซียนกระบี่เถาไม่เหมือนผู้ฝึกตนอิสระเลยนะ”
เถาหรานหน้าดำ หันหน้ามาเอ่ย “ช่วยหุบปากได้ไหม?”
เฉินผิงอันชูชามเหล้าในมือขึ้น ต้องได้แน่อยู่แล้ว
เสี่ยวโม่ยิ้มถาม “เซียนกระบี่เถา อยากให้ข้าช่วยไหม?”
เถาหรานเอ่ยอย่างหงุดหงิด “ไปไกลๆ”
เสี่ยวโม่ยิ้มบางๆ พร้อมพยักหน้ารับ ชูชามเหล้าในมือขึ้นเลียนแบบคุณชายบ้านตน ตกลง
เถาหรานใช้หางตามองประเมินคนกลุ่มนี้ น่ารำคาญก็จริงอยู่ แต่นิสัยนับว่าพอใช้ได้
หากอีกฝ่ายกลับไปฟ้องอาจารย์ชุย หาเรื่องเล่นงานตน ก็เชิญพวกเจ้านินทาว่าร้ายลับหลังตามสบายเถอะ อย่างมากข้าผู้อาวุโสก็แค่ไม่เป็นเค่อชิงผายลมสุนัขนี่แล้ว
ถึงท้ายที่สุดเถาหรานที่หุงข้าวต้มปลาเสร็จก็ไปนั่งยองอยู่ไม่ไกล กินคนเดียวอย่างเอร็ดอร่อย
เฉินผิงอันวางชามเหล้าที่ว่างเปล่าลง เอ่ยว่า “เซียนกระบี่เถา ขิงใส่น้อยลงหน่อย อบเชยใส่มากไปสักนิด”
เถาหรานแสยะปาก ค่อนข้างน่าสนใจ คำพูดนี้นับว่ารื่นหูอยู่บ้าง
เฉินผิงอันไม่คิดจะรอพบนายบ่าวอย่างเส้าพอเซียนและเหมิงหลงที่นี่
ลุกขึ้นเตรียมจากไป เฉินผิงอันยิ้มเอ่ยว่า “วันหน้ากลับไปที่ภูเขาเซียนตู ข้าจะเลี้ยงปลาตุ๋นที่แท้จริงเจ้าเอง”
เถาหรานกลอกตามองบน
เห็นว่าเจ้าคนที่เรียกตัวเองว่าเฉินผิงอันบอกจะกลับก็กลับจริงๆ ผู้ฝึกกระบี่ท่านนี้ลังเลเล็กน้อยก็ถามว่า “เฉินผิงอันไหน คงไม่ใช่เฉินผิงอันแห่งภูเขาลั่วพั่วแจกันสมบัติทวีปหรอกกระมัง?”
คิดไม่ถึงว่ามือดาบชุดเขียวผู้นั้นจะพยักหน้ายิ้มรับ “หากไม่ผิดไปจากที่คาด ข้าก็คือคนผู้นั้นแล้ว”
เถาหรานอึ้งค้างไร้คำพูด จากนั้นก็กระตุกมุมปาก หันไปร้องเพ้ยอีกด้าน
โชคดีที่คนทั้งกลุ่มกลายร่างเป็นรุ้งยาวจากไปไกลในชั่วพริบตา
……
เดินทางกลับเหนือ ระหว่างทางไปหยุดพักที่ราชวงศ์ต้าเฉวียน เข้าพักที่โรงเตี๊ยมตระกูลเซียนซึ่งมีชื่อว่าคฤหาสน์เถาหยวนของท่าเรือใบท้อซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองหลวง
จ่ายเงินร้อนน้อยของเฉินผิงอันไปสองเหรียญ นี่ยังเป็นราคาของเรือนสองหลังที่เล็กที่สุดเท่านั้น แค่ดีกว่าห้องเดี่ยวเล็กน้อย
ในโรงเตี๊ยมยังมียันต์สาวงาม ‘เรือนหยิน’ ของหอซูอี๋เก่าที่ถูกเซียนซือภายนอกซึ่งไม่ใช่คนของอวี้จือก่างซื้อไว้ ทุกวันนี้พวกนางก็คือหนึ่งในป้ายอักษรทองของคฤหาสน์เถาหยวน
อีกทั้งหากอิงตามข่าวลือเล็กๆ จากใต้เท้าเจ้าเมือง เถ้าแก่เนี้ยะที่อยู่เบื้องหลังคฤหาสน์เถาหยวนแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในสาวงามที่ได้รับการประเมินของกระดานแยนจือ ลำดับรายชื่อไม่ต่ำ
แขกที่เข้าพักที่นี่ ตอนออกไปจากโรงเตี๊ยม คฤหาสน์เถาหยวนจะมอบกล่องของขวัญใบหนึ่งให้โดยไม่คิดเงิน ด้านในบรรจุยันต์ไม้ท้อหนึ่งแผ่นและมีกระดาษดอกท้ออีกหลายแผ่น พัดดอกท้อหนึ่งเล่ม อันที่จริงหากรวมกันแล้วอย่างมากสุดก็แค่สิบกว่าเหรียญเงินเกล็ดหิมะเท่านั้น แต่ว่ามันมีความหมายไม่น้อย จ่ายเงินก้อนใหญ่ เคยเข้าพักที่คฤหาสน์เถาหยวน ย่อมไม่สะดวกจะเอาไปป่าวประกาศให้คนนอกรู้ เป็นวิธีชั้นต่ำเกินไป แต่หากออกไปนอกบ้านแล้วพกยันต์ไม้ท้อไว้ที่เอว ถือพัดดอกท้อไว้ในมือ หรือไม่ยามส่งจดหมายกระบี่บินให้กับสหายก็ใช้กระดาษดอกท้อเขียนตัวอักษร
คนนอกเห็นเข้าก็จะเข้าใจได้เอง
เป็นคนมีเงินที่เคยเข้าพักที่คฤหาสน์เถาหยวนมาก่อนจริงๆ
หากเข้าพักในเรือนเดี่ยวยังมีกระบี่ไม้ท้อเล็กจิ๋วมอบให้อีกสองเล่ม วิธีใช้ก็มีมากมาย สามารถนำไปห้อยประดับพัดใบท้อได้ หรือเซียนซือหญิงจะนำมาประดับผมต่างปิ่นปักผมก็ได้
ยกตัวอย่างเช่นคุณชายอวี่เหวินที่เจอบนเรือท่องเที่ยวข้ามแม่น้ำเพ่ยเจียงก่อนหน้านี้ก็คือคนมีเงินประเภทนี้
ไปเยือนแจกันสมบัติทวีป จำเป็นต้องดื่มเหล้าหมักของตำหนักฉางชุน มาเยือนใบถงทวีปก็จำเป็นต้องเข้าพักที่คฤหาสน์เถาหยวน
นี่ต่างหากถึงจะเรียกว่าคนทำการค้าเป็นอย่างแท้จริง
การที่ยอมจ่ายเงินมือเติบเช่นนี้เพราะเฉินผิงอันให้ชุยตงซานช่วยนัดคนคนหนึ่งมาพบกันที่นี่อย่างลับๆ
หลูอิงผู้ถวายงานอันดับหนึ่งแห่งอารามจินติ่ง
หลูอิงเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือเฝ่ยหรานผู้ครองเปลี่ยวร้าง
ก่อกำเนิดเฒ่าที่ครอบครอง ‘นรลักษณ์ศาสตร์แห่งวิถีเทพบรรพกาล’ ซึ่งเป็นดั่งซี่โครงไก่ผู้นี้ก็เป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง
สามารถทัดเทียมกับอวิ๋นเหมี่ยวเซียนเหรินแห่งหอเซียนจิ่วเจินได้
คนผู้หนึ่งมั่นใจไม่คลางแคลงว่าทุกคนล้วนเมามาย มีเพียงข้าที่ตื่นอยู่ คิดว่าเขาเป็นเจ้านครจักรพรรดิขาว
อีกคนหนึ่งมาดมั่นแน่ใจ คิดว่าเฉินผิงอันคือร่างจำแลงของเฝ่ยหรานแห่งใต้หล้าเปลี่ยวร้าง
ล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์บนภูเขาที่ต่อให้เดินถือโคมตามหาก็ยังยากจะพบเจอ ในความคิดของเฉินผิงอัน ถือว่าด้อยกว่าพี่เทียนไฉแห่งภูเขาตะวันเที่ยงที่ทำอะไรระมัดระวังรอบคอบ ควบคุมดูแลเรื่องรายงานข่าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เฉินผิงอันอ่านรายงานข่าวของแผ่นดินกลางที่เพิ่งออกจากเตามาสดๆ ร้อนๆ ฉบับนั้นแล้วก็ถอนหายใจ
สำนักซานไห่แห่งทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมีความแค้นอะไรกับตนงั้นหรือ?
ไม่เสียแรงที่เป็นคฤหาสน์เถาหยวน ข่าวสารว่องไวกว่าภูเขาสำรองตัวสำนักทั่วไปมากนัก
ก็จริงนะ ผู้ฝึกตนของใบถงทวีปในทุกวันนี้ ไหนเลยจะมีเงินเหลือและมีเวลาว่างมากพอจะมารวบรวมข่าวจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง อย่างมากสุดก็แค่ทำความเข้าใจกับความเคลื่อนไหวของแจกันสมบัติทวีปและอุตรกุรุทวีปเท่านั้น
แล้วนับประสาอะไรกับที่ทุกวันนี้คำวิจารณ์เกี่ยวกับใบถงทวีปเป็นอย่างไร ทุกคนล้วนรู้กันดีอยู่แก่ใจ ไยต้องหาเรื่องลำบากใส่ตัวด้วยเล่า อยากจ่ายเงินซื้อคำด่านักหรือ?
หันไปมองรายงานขุนเขาสายน้ำบนภูเขาในท้องถิ่นหลายฉบับ บทความที่มีเนื้อหาเยอะที่สุดยังคงเป็นเรื่องของกระดานแยนจือภูเขาฮวาเสินของพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา การประเมินยังแบ่งออกเป็นสองฉบับหลักกับรองด้วย
ฉบับหลัก สตรีที่ติดอันดับก็มีเหยาจิ้นจือฮ่องเต้หญิงแห่งต้าเฉวียน สวี่ชิงจู่เจ้าแห่งถ้ำมังกรขาว และยังมีสตรีที่เป็นเจ้าสำนักว่านเหยาในพื้นที่มงคลสามภูเขาอย่างหันเจี้ยงซู่ด้วย
ฉบับรอง มีลิ่งหูเจียวอวี๋แห่งเสี่ยวหลงชิว นักพรตหญิงคนหนึ่งของอารามจินติ่ง ท่านหญิงแห่งราชวงศ์สกุลอวี๋ และยังมีจอมยุทธหญิงในยุทธภพอีกคนหนึ่ง