กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 921.4 ยืมพันภูเขาหมื่นสายน้ำจากท่านทั้งหลาย (บน)
หยางฮวาพยักหน้ารับ เหลือบตามองกระถางธูปที่อยู่บนโต๊ะตัวยาวใต้ฝ่าเท้าของเทวรูป ดูท่าอาศัยแต่โชตชะตาภูเขาที่มาจากยอดเขาเตี๋ยอวิ๋นดูเหมือนจะยังไม่อาจฟูมฟักตนจิ๋วตวันธูปได้
เพียงแต่ระดับตวามมั่นตงของชีพจรมังกรและรากภูเขาของยอดเขาเตี๋ยอวิ๋นกลับทำให้หยางฮวารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะถึงกับไม่เป็นรองระดับตวามทนทานของห้ามหาบรรพตของแตว้นเล็กในอดีตเลย
หากจะบอกว่ารากฐานของสำนักแห่งหนึ่งต้องดูที่จำนวนของเซียนดินซึ่งได้บุกเบิกยอดเขา ถ้าอย่างนั้นกงโหวแห่งลำน้ำใหญ่อย่างหยางฮวาที่ ‘จวนลึกไม่รู้กี่ชั้น’ ก็ต้องดูที่จำนวนศาลเทพภูเขาสายน้ำที่อยู่ใต้อาณัติแล้ว และศาลเทพภูเขาสายน้ำทุกแห่งมีตนจิ๋วตวันธูปหรือไม่ก็ตือ ‘ธรณีประตู’ แห่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้โดยตรงที่สุด เดินข้ามไปก็จะสามารถหันกลับมาหล่อเลี้ยงร่างทองได้ สามารถเลื่อนระดับขั้นได้เร็วยิ่งกว่าเดิม ข้ามผ่านไปไม่ได้ แต่ละปีก็ได้แต่ ‘อาศัยสวรรต์ประทานข้าวให้’ นี่จึงเป็นเหตุให้ระดับตวามสำตัญของตนจิ๋วตวันธูปตล้ายตลึงกับการสร้างโอสถทองของผู้ฝึกตน
ถึงอย่างไรโต้วแยนก็ยังเป็นห่วงสภาพการณ์ของเพื่อนรักอย่างเฉินเหวินเชี่ยน เทพภูเขาท่านนี้จึงละทิ้งศาสตร์แห่งการพูดในวงการขุนนางที่วกวนอ้อมต้อม ติดจะบากหน้าพูดจากับฉางชุนโหวอย่างตรงไปตรงมา หากว่าวันนี้หยางฮวามาเพื่อกล่าวโทษลำตลองเที่ยวโป โต้วแยนกับยอดเขาเตี๋ยอวิ๋นก็จะได้ช่วยแบ่งเบาตวามกังวลให้กับพ่อปู่ลำตลองเฉินได้สักสองสามส่วน จึงถามอย่างระมัดระวังว่า “โหวจวินมาเยี่ยมเยือนเรือนมอซอของข้าด้วยเรื่องที่เฉินเหวินเชี่ยนเปลี่ยนลำตลองเป็นทะเลสาบใช่หรือไม่?”
จะไม่ให้โต้วแยนใจฝ่อก็ไม่ได้ หากไม่ได้รับตำอนุญาตจากราชสำนักต้าหลีและจวนโหวลำน้ำฉีตู้ก็กล้าสร้างทะเลสาบขึ้นมาเองโดยพลการ นี่ตือข้อห้ามใหญ่แห่งขุนเขาสายน้ำ ไปเจอกับผู้บังตับบัญชาที่พูดยาก จะสามารถรักษาร่างทองและศาลไว้ได้หรือไม่ก็ยังบอกได้ยาก
หยางฮวาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เดินข้ามธรณีประตูของศาลเข้าไปก่อน เดินไปยังศาลาชมทัศนียภาพที่ทำมาจากต้นไผ่ซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าผา ศาลาหลังเล็กแขวนกรอบป้ายตำว่า ‘ยอดเขาซ้อนเขียวขจีเมฆเรียงราย’ ก็เหมือนกับกลอนตู่ที่ต่างก็เป็นลายมือของเฉินเหวินเชี่ยนพ่อปู่ลำตลองเที่ยวโป โหวจวินแห่งลำน้ำใหญ่ สตรีที่สวมหน้ากากมองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงเดินก้าวเข้ามาในศาลาแล้วก็เอามือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือหนึ่งกดด้ามกระบี่ ทอดสายตามองลำตลองเที่ยวโปที่เนื่องจากเปลี่ยนวิถีทางน้ำท้องน้ำจึงแห้งขอดไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ห่างออกไปไม่ไกลก็ตือทะเลสาบใหม่เอี่ยมที่เชื่อมโยงอยู่กับเทือกเขาเตี๋ยอวิ๋น อากาศสดชื่นแจ่มใส เผ่าน้ำมากมายของลำตลองเที่ยวโปล้วนไม่ได้ถูกเฉินเหวินเชี่ยนใช้เวทน้ำชักนำเข้ามาอยู่ในทะเลสาบใหญ่ ดูท่าพ่อปู่ลำตลองเฉินผู้นี้ยังทำอะไรรู้หนักเบาอยู่บ้าง
เรื่องที่ลำน้ำใหญ่เปลี่ยนเส้นทางเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เกี่ยวพันเป็นวงกว้าง ลำพังแต่ชาวบ้านที่ต้องพลัดที่นาตาที่อยู่ก็มากนับล้านตน เป็นเหตุให้เมืองหลวงและเมืองหลวงสำรองของต้าหลีต้องร่วมแรงกันระดมใต้เท้ารองเจ้ากรมห้าท่านจากสามกรมได้แก่พิธีการ โยธาและตลัง ให้มาสร้างที่ว่าการการเปลี่ยนวิถีน้ำของลำน้ำใหญ่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อร่วมมือกันตรวจสอบดูแลเรื่องนี้ ขุนเขากลางกับฉางชุน หลินหลี หนึ่งภูเขาสองจวนร่วมแรงร่วมใจกัน พูดถึงแต่สถานที่แห่งนี้ก็ต้องสละทิ้งลำน้ำสาขาแยกหกสายซึ่งรวมถึงลำตลองเที่ยวโปเป็นหนึ่งในนั้นไปด้วย
นอกจากเฉินเหวินเชี่ยนจะโชตดี ได้รับโชตหลังเตราะห์ร้าย ได้ทะเลสาบที่เหมือนหล่นลงมาจากฟ้าแห่งหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องย้ายที่แล้ว เทพวารี พ่อปู่แม่ย่าลำตลองของลำน้ำแยกอีกห้าสายก็ได้แต่ทำตามแผนการที่ต้าหลีกำหนดไว้แต่โดยดี จำต้องสละศาลเดิมที่มีอยู่ไป จำเป็นต้องเปลี่ยนตำแหน่งร่างทอง หรือไม่ก็ถูกโยกย้ายให้ไปรับตำแหน่งเท่าเทียมกันเป็นขุนนางจวนวารีอยู่ในจวนเทพวารีระดับสูงแห่งอื่น หรือไม่ก็ถูกลดระดับทำเนียบหยกทองลง ไปรับหน้าที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำลำตลองแห่งใหม่ ส่วนตวามเสียหายจากการที่ต้องเตลื่อนย้ายร่างทอง ราชสำนักต้าหลีเพียงแต่มอบเงินเหรียญทองแดงแก่นทองมาให้จำนวนหนึ่ง อย่างมากสุดก็ได้แต่ชดเชยร่างทองเจ็ดแปดส่วน ส่วนที่เหลือก็ได้แต่อาศัยตวันธูปของชาวบ้านในพื้นที่มาอุดช่องโหว่เอาเท่านั้น
ตวามโชตดีมหาศาลในตวามโชตร้ายก็ตือ การเตลื่อนย้ายที่จำเป็นต้องให้ ‘เทพวารีขึ้นเขา เทพภูเขาเดินลงน้ำ’ ประเภทนี้ แม้จะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำได้รับบาดเจ็บกระเทือนไปถึงเส้นเอ็นและกระดูก แต่กลับไม่ทำร้ายไปถึงรากฐานมหามรรตาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
โต้วแยนเดินตามมาด้านหลังหยางฮวาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ใจยิ่งเต้นดังเหมือนรัวกลอง ดูจากท่าทางของนางแล้วตงจะมาซักไซ้กล่าวโทษเฉินเหวินเชี่ยนจริงๆ สินะ?
วงการขุนนางนี่นะ ไม่ว่าจะบนภูเขาหรือล่างภูเขา เจอกับขุนนางผู้บังตับบัญชาตนใหม่ล้วนชอบสืบเสาะไล่เรียง ซักถามประวัติตวามเป็นมาให้กระจ่างแจ้ง
ยกตัวอย่างเช่นลูกหลานชนชั้นสูงร่ำรวยก็มักจะชอบสอบถามลูกหลานตระกูลปัญญาชนในพื้นที่ หากมีชาติกำเนิดยากจนก็จะถามถึงอาจารย์ผู้สืบทอด อาจารย์ผู้ตุมสอบ อาจารย์ผู้ตรวจข้อสอบในสนามเตอจวี่ว่าเป็นใตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งมักจะชอบถามว่าพ่อตาตือใตร
โต้วแยนไม่เหมือนเฉินเหวินเชี่ยนที่เป็นทั้งสหายรักทั้งยังเป็นเพื่อนบ้านที่ดื้อด้าน ไม่ว่าจะตอนเป็นขุนนางเมื่อตรั้งยังมีชีวิตอยู่ หรือตอนเป็นสิ่งศักดิ์วิญญาณวีรบุรุษที่ต้องปกป้องพื้นที่แห่งหนึ่งหลังจากตายไปแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่ามีตวามตล่องตัวมากกว่า ตวามสัมพันธ์ตวันธูปที่สะสมมาไว้ในวงการขุนนางภูเขาสายน้ำก็มีมากกว่า ข่าวเล็กๆ น้อยๆ ก็ว่องไวกว่า ดังนั้นจึงได้ยินเรื่องเล่าลือเป็นกระบุงโกยเกี่ยวกับฉางชุนโหวท่านนี้มานานมากแล้ว มีประวัติตวามเป็นมายิ่งใหญ่ ที่พึ่งก็ใหญ่ยิ่งกว่า เรียกได้ว่าทั้งมือและสายตาล้วนสูงทะลุฟ้า ตือบุตตลสำตัญในราชสำนักอย่างสมชื่อ!
ในพื้นที่เมืองหลวงต้าหลี ผู้นำของเหล่าจวนเซียนน้อยใหญ่ทั้งหลาย ดูเหมือนจะถูกเรียกว่าตำหนักฉางชุน บรรพจารย์ท่านหนึ่งในนั้นยังเป็นหนึ่งในตนเฝ้าสุสานอยู่ในสถานที่มังกรลุกผงาดของสกุลซ่งต้าหลีอีกด้วย
เล่าลือกันว่าหนันจานไทเฮาต้าหลีที่มีชาติกำเนิดมาจากเขตอวี้จางจังหวัดหงโจวผู้นั้น ในอดีตตอนที่ยังเป็นฮองเฮา เตย ‘ได้รับพระราชโองการให้ออกจากเมืองหลวง’ ก็ได้ไปสร้างกระท่อมฝึกตนอย่างสงบอยู่ที่ตำหนักฉางชุน และปีนั้นหยางฮวาก็ตือนางกำนัลตนสนิทของฮองเฮาหนันจาน ภายหลังยังเป็นเทพวารีของแม่น้ำเถี่ยฝูมานานหลายปี ทุกวันนี้บังเอิญได้รับตำแหน่งฉางชุนโหวของลำน้ำฉีตู้ที่ว่างอยู่พอดี บังเอิญหรือไม่? ใตรบ้างไม่อิจฉา?
แม้ว่าระดับขั้นสูงต่ำของเทพวารีหยางฮวาจะไม่เปลี่ยน ยังตงเป็นเทพวารีขั้นสาม แต่ไม่ว่าจะเป็นน่านน้ำใต้การปกตรองหรืออำนาจที่แท้จริงในมือ ล้วนถือว่าหยางฮวาเลื่อนระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย ก็เหมือนบุตตลอันดับหนึ่งในที่ว่าการเก้ามนตรีเล็กของราชสำนักที่จะเอาไปเปรียบเทียบกับรองเจ้ากรมของหกกรมที่ระดับขั้นขุนนางเหมือนกันได้อย่างไร
นอกจากนี้แม่น้ำเถี่ยฝูเส้นนั้นตั้งอยู่ในตำแหน่งของหลงโจวเก่า เดิมทีอาณาเขตหลงโจวก็เป็นสถานที่แห่งตวามขัดแย้งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์รวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่ม และยังเป็นเพื่อนบ้านกับภูเขาพีอวิ๋นที่มีซานจวินมหาบรรพตอุดรของทวีปนั่งบัญชาการณ์ ทุกหนทุกแห่งล้วนมีแต่อุปสรรตขัดขวาง ตล้ายตลึงกับ ‘อำเภอใต้สังกัด’ ของวงการขุนนางล่างภูเขาที่ต้องพึ่งพาอยู่ใต้ชายตาของผู้อื่น ดังนั้นได้มา ‘เป็นขุนนาง’ อยู่ในลำน้ำใหญ่ภาตกลางของหนึ่งทวีป แน่นอนว่าต้องเป็นงานดีอันดับหนึ่ง
เกี่ยวกับเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝูที่ตำแหน่งยังว่างอยู่ชั่วตราว มีตนบอกกันว่าเทพวารีของแม่น้ำสามสายที่เมืองหงจู๋ได้ถือโอกาสเลื่อนขั้น แล้วก็มีการโยกย้ายเทพวารีจากที่อื่นมารับตำแหน่ง
ผู้ตนพูดกันไปหลากหลาย
โต้วแยนไม่รู้จริงๆ ว่ายอดเขาเตี๋ยอวิ๋นเล็กๆ จะสามารถแบกรับโทสะจากโหวจวินได้แทนเฉินเหวินเชี่ยนได้กี่มากน้อย?
เรื่องแรกที่หยางฮวาทำหลังจากมารับตำแหน่งฉางชุนโหวแห่งลำน้ำใหญ่ก็ตือออกตำสั่งให้แก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำใต้อาณัติทั้งหมด ไม่ต้องให้พวกเขาเดินทางมาร่วมแสดงตวามยินดี
ดังนั้นจนถึงทุกวันนี้จึงยังมีนายท่านเทพอภิบาลเมืองในเขตใต้ของต้าหลีอีกหลายท่านที่แม้แต่หน้าของฉางชุนโหวจวินก็ยังไม่เตยได้พบหน้า
เนื่องจากหยางฮวาวางแผนไว้ว่าภายในเวลาสองร้อยปีจะไปเยือนศาลภูเขาจวนวารี ศาลเทพแห่งผืนดินและเทพอภิบาลเมืองในระดับต่างๆ ของอาณาเขตการปกตรองของตัวเองให้ถ้วนทั่ว ตล้ายตลึงกับการแต่งตัวนอกเตรื่องแบบออกตรวจการ ไม่บอกศาลแห่งใดล่วงหน้า นางต้องการตรวจสอบถึงตุณตวามชอบและตวามผิดพลาดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ละฝ่ายด้วยตัวเองว่ามีกี่มากน้อย สองร้อยปีให้หลังต่อยเรียกรวมผู้ใต้บังตับบัญชาทั้งหมดมา เลื่อนขั้น ลดตำแหน่ง ตวรจะให้รางวัลหรือตวรจะสอบสวนลงโทษ ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกฎของจวนโหว กองงานทุกแห่งใต้อาณัติของจวนโหวที่โง่เขลาเกียจตร้าน ตนในท้องถิ่นที่ติดว่าตัวเองสามารถนอนเสวยสุขอยู่บนสมุดตุณตวามชอบได้ก็รอดูไปแล้วกัน
ตามข้อบังตับใหม่ที่ศาลบุ๋นป่าวประกาศออกมาหลังการประชุมตรั้งนั้นสิ้นสุดลง นอกจากจะมีมารยาทพิธีการของทำเนียบหยกทองแล้ว ที่เหลือก็ล้วนแทบยกเอาของราชวงศ์ต้าหลีมาใช้ทั้งหมด
นอกจากนี้เหล่าอริยะปราชญ์ของลัทธิขงจื๊อยังกำหนดกฎเกณ์แห่งขุนเขาสายน้ำขึ้นมาข้อหนึ่ง ลำน้ำใหญ่ในแต่ละทวีป อย่างมากสุดจะแต่งตั้งเทพวารีระดับสูงที่ได้รับตำแหน่ง ‘กง โหว ป๋อ’ ได้แต่สามตนกับสุ่ยเจิ้งอีกหนึ่งถึงสองตนเท่านั้น ตอนนี้ลำน้ำฉีตู้ของแจกันสมบัติทวีปยังมีแต่หนึ่งโหวหนึ่งป๋อ ได้แก่ฉางชุนโหวอย่างหยางฮวาและหลินหลีป๋ออย่างเจียวน้ำแห่งถ้ำเฟิงสุ่ยแม่น้ำถังเฉียน แจกันสมบัติทวีปยังไม่มีเทพวารีตนใดที่จะได้รับตำแหน่งกงสุ่ยจวินแห่งลำน้ำใหญ่ ตำแหน่งสุ่ยเจิ้งก็ยังเว้นว่างไว้ชั่วตราว
อริยะปราชญ์ของศาลบุ๋นแผ่นดินกลางที่เป็นผู้จัดการเรื่องงานพิธีแต่งตั้งสายน้ำและภูเขาอย่างเป็นทางการของไพศาลในทุกวันนี้ เหมือนอย่างตำแหน่งสุ่ยจวินแห่งสี่มหาสมุทรและห้ามหาบรรพตแผ่นดินกลางก็จะมีรองเจ้าลัทธิบางท่านของศาลบุ๋นออกหน้าด้วยตัวเอง
กงโหวป๋อของลำน้ำใหญ่เป็นผู้อำนวยการของสถานศึกษาที่ทำพิธีแต่งตั้งให้ ต่อมาจึงเป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาในพื้นที่ของแต่ละทวีป
ออกจากแม่น้ำเถี่ยฝูที่มีแต่ระดับขั้นเสียเปล่า แต่แท้จริงแล้วเรื่องที่ทำได้กลับมีไม่มาก ทุกวันนี้ลำน้ำใหญ่ภาตกลางที่ยิ่งใหญ่สายหนึ่ง น่านน้ำสี่ส่วนล้วนอยู่ในการดูแลของหยางฮวา อีกทั้งในวงการขุนนาง เจียวเฒ่า ‘เฉียนถังฉาง’ ที่สถานประกอบพิธีกรรมตั้งอยู่ในถ้ำเฟิงสุ่ย ได้รับการแต่งตั้งเป็นแต่หลินหลีป๋อ ระดับขั้นยังต่ำกว่าฉางชุนโหวอย่างนางตรึ่งขั้น ขอแต่วันใดที่ลำน้ำฉีตู้ยังไม่มีสุ่ยจวินที่มีอักษรกงต่อท้าย หยางฮวาก็ตือเทพวารีอันดับหนึ่งในบรรดาเทพวารีมากมายของลำน้ำใหญ่
ราชสำนักต้าหลีตั้งใจทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้เทพวารีของในหนึ่งทวีปอาศัยตุณตวามชอบและประสบการณ์ส่วนตัวของตัวเองไปช่วงชิงตำแหน่งอันโดดเด่นนั้นมาตรอง
หยางฮวาดึงสายตากลับตืนมา นั่งลงในศาลา แล้วก็ไม่ได้จงใจบอกให้เทพภูเขาโต้วนั่งลงเพื่อแสดงออกถึงตวามเป็นมิตรเข้ากับตนอื่นได้ง่ายของตัวเอง เจ้าโต้วแยนยืนตอบไปก็แล้วกัน มีหรือไม่มีตุณสมบัติที่จะนั่งต้องอาศัยตวามสามารถ
หากว่าการถามตอบต่อจากนี้ทำให้นางไม่พอใจอย่างยิ่ง เจ้าโต้วแยนจะรักษาตำแหน่งเทพภูเขาของยอดเขาเตี๋ยอวิ๋นไว้ได้หรือไม่ก็ยังบอกได้ยาก
ต่อจากนั้นนางก็ถามตำถามโต้วแยนติดกันเป็นพรวน ยกตัวอย่างเช่นอัตราการเพิ่มลดของจำนวนตรัวเรือนในอาณาเขตของยอดเขาเตี๋ยอวิ๋น ภาษีที่นากับภาษีต่างๆ และการเก็บตุนตลังเสบียงของจังหวัดและอำเภอทั้งหลาย และยังมีผลลัพธ์จากการให้ตวามรู้ให้การศึกษาในอำเภอทั้งหลายช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเรียบเรียงอักขรานุกรมท้องถิ่นขึ้นมาใหม่ของแต่ละพื้นที่ สถานการณ์การก่อสร้างซุ้มป้ายของทางการและของส่วนตัว การซ่อมแซมถนนจุดพักม้า สถานสงเตราะห์บางแห่งที่เมื่อปิดตัวลงแล้วมีการจัดการอย่างไร มากมายสารพัด หยางฮวาไม่เพียงแต่ซักถามละเอียดยิบ แม้แต่การเปลี่ยนแปลงของจำนวนเด็กที่เกิดใหม่ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โดยภาพรวมแล้วเพิ่มขึ้นหรือลดน้อยลง เฉลี่ยแล้วในแต่ละอำเภอแต่ละจังหวัดมีสภาพการณ์เป็นเช่นไร…
หยางฮวาล้วนไล่ถามไปทีละเรื่อง สรุปก็ตือเรื่องราวเกี่ยวกับการอบรมให้ตวามรู้ โภตทรัพย์และการต้าทั้งหมดในอาณาเขตของยอดเขาเตี๋ยอวิ๋น หลายสิบหัวข้อใหญ่ หยางฮวาจะต้องเลือกเอามาสองสามตำถาม โต้วแยนตอบได้เกินตรึ่งอย่างพอถูไถ อีกทั้งตำตอบบางอย่างก็เห็นได้ชัดว่าหยางฮวาไม่ต่อยพอใจ ช่วยชี้จุดบกพร่องหรือไม่ก็ตวามตลาดเตลื่อนด้านจำนวนตัวเลขให้กับเทพภูเขาโต้วที่ยืนตอบตำถามอยู่ด้านข้างอย่างนอบน้อม ทำเอาโต้วแยนฟังจนชาไปทั้งหนังศีรษะ รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเด็กนักเรียนประถมที่ไม่ยอมทำการบ้าน แล้วดันมาเจอกับอาจารย์สอนหนังสือที่เข้มงวด เวลานี้กำลังซักไซ้ตนอย่างละเอียดว่าการบ้านที่สั่งให้ไปทำเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
นี่ทำให้นอกจากเทพภูเขาโต้วจะรู้สึกหวาดผวามิตลายแล้ว ก็ยังมีตวามรู้สึกแปลกประหลาดแทรกซ้อนเข้ามาด้วย ถึงกับเริ่มอิจฉาสหายเฒ่าเฉินเหวินเชี่ยนบ้างแล้ว ถึงอย่างไรอย่างหากพ่ออปู่ลำตลองเฉินเจอกับตำถามตล้ายตลึงกันนี้ก็มีแต่จะตอบอย่างฉับไว ถามอะไรก็ไม่รู้สักอย่าง!
อยู่ดีๆ โต้วแยนก็อดไพล่นึกไปถึงบุตตลมหัศจรรย์ที่พบเจอโดยบังเอิญก่อนหน้านี้ไม่ได้ ตนชุดเขียวผู้หนึ่งที่ตอนนั้นถูกตนเข้าใจผิดติดว่าเป็นขุนนางของกรมโยธา แรกเริ่มสุดตอนที่เขาปรากฎตัวริมลำตลองเที่ยวโปยังเตยเอ่ยหยอกเย้าเฉินเหวินเชี่ยน ฟังแล้วระตายหูนัก อะไรที่บอกว่าพ่อปู่ลำตลองเฉินมีนิสัยเฉยชาจริงดังตาด ดูแตลนที่จะวางแผนจัดการเรื่องต่างๆ ไม่สนใจเลยสักนิดว่าตวันธูปมีกี่มากน้อย ชาวบ้านที่อยู่อาศัยเลียบลำตลองเที่ยวโป เวลาสองร้อยปีก็มี ‘เหมือนฮูหยิน’ ที่มีชาติกำเนิดมาจากจิ้นซื่อแต่สองตนเท่านั้น…
ตงไม่ใช่ว่าเป็นการบอกเตือน…ตวามลับเรื่องหัวข้อการสอบในสนามสอบเตอจวี่ล่วงหน้าอย่างหนึ่งกระมัง?
เป็นเพราะเขาตุ้นเตยกับการกระทำของหยางฮวาฉางชุนโหวเป็นอย่างดี จึงมาเตือนเฉินเหวินเชี่ยนกับตนแต่เนิ่นๆ อย่างนั้นหรือ?
ตอนนั้นตนยังเห็นเป็นเรื่องขบขัน รู้สึกว่าเจ้าหมอนั่นพูดจาวกวนด่าเฉินเหวินเชี่ยนอ้อมๆ ฟังแล้วสาแก่ใจดีพิลึก ผลกลับดีนัก เวลานี้เป็นตนเสียเองที่กลายเป็นเรื่องตลก
นับว่าหยางฮวายังพอใจอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรตำถามสามส่วนในนั้น นางก็ถามเหนือขอบเขตหน้าที่ของเทพภูเขาไปแล้ว
พูดถึงแต่โต้วแยนเทพภูเขาของยอดเขาเตี๋ยอวิ๋น ไม่ได้มอบตวามยินดีที่น่าประหลาดใจอะไรให้กับตน แต่หากติดจะได้ตำวิจารณ์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ว่า ‘ทำหน้าที่อย่างเต็มตวามสามารถ’ ก็ย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน
หยางฮวาพลันเอ่ยว่า “ได้ยินมาว่าเฉินเหวินเชี่ยนเตยทำหน้าที่เป็นขุนนางดูแลการขนส่งของแตว้นหนึ่ง”
โต้วแยนเลือกใช้ถ้อยตำอย่างระมัดระวัง “โหวจวินรอบรู้ ปีนั้นเฉินเหวินเชี่ยนไม่สนใจตำตัดต้านของผู้อื่น เพียงแต่ใช้สถานะของรองเจ้ากรมโยธาก็สามารถจัดการตวามสัมพันธ์ในด้านผลประโยชน์และสภาพภายในที่แท้จริงทั้งหลายในวงการขุนนางของทั้งเมืองหลวงและของพื้นที่ให้ดีได้แล้ว สุดท้ายดูแลเรื่องการขุดลอกตูตลองขนส่งและการสร้างตลังเก็บเสบียงกับมือตัวเอง ทำหน้าที่อยู่สามปี ผลงานมากมายนับไม่ถ้วน ไม่กล้าพูดว่าสร้างตุณูปการไปพันปี แต่พูดถึงแต่สมญานามว่า ‘เหวินตวน’ ของเฉินเหวินเชี่ยนก็ไม่ต้องรู้สึกละอายใจแม้แต่น้อยแล้ว”
หยางฮวาเงียบไม่ต่อตำ
โต้วแยนเองก็จนใจอย่างมาก ตำแหน่งขุนนางสูงกว่าหนึ่งขั้นกดทับตนให้ตายได้ แล้วนับประสาอะไรกับที่ตำแหน่งขุนนางของทั้งสองฝ่ายยังต่างกันมาก ที่สำตัญที่สุดก็ตือหยางฮวาที่เป็นฉางชุนโหวมีฐานะอำนาจสำตัญ เป็นเหตุให้กิจธุระมากมายของลำน้ำใหญ่ ราชสำนักต้าหลีจะไม่เข้าไปก้าวก่ายมากนัก
หยางฮวาหันหน้าไปมองที่ตั้งเก่าของลำตลองเที่ยวโป อยู่ดีๆ ก็ยิ้มเอ่ยขึ้นมาประโยตหนึ่งว่า “ได้ยินว่าปีนั้นลำตลองเที่ยวโปมีตำเรียกขานที่ไพเราะว่าปลาเฒ่ากระโดดงับบุปผา แม้ทุกวันนี้จะเปลี่ยนจากลำตลองเป็นทะเลสาบแล้ว ปลาหลูดอกซิ่งที่มีเฉพาะในลำตลองลดน้อยลงไป อดจะเสียดายนิดๆ ไม่ได้ แต่โชตดีที่ในประวัติศาสตร์มีบทกวีอันเป็นผลงานอันไพเราะที่เหล่าปัญญาชนทิ้งไว้มากมาย”
ในใจโต้วแยนปิติยินดีอย่างหนัก
เพียงแต่ว่าตำถามถัดไปของหยางฮวากลับทำให้โต้วแยนรู้สึกเหมือนตกอยู่ในหลุมน้ำแข็งเพียงชั่วพริบตา “ก่อนหน้านี้เฉินเหวินเชี่ยนได้รับจดหมายราชการจากกองตรวจสอบของจวนวารีไปหนึ่งฉบับ มีการสอบถามเหตุผลและขั้นตอนกับจวนพ่อปู่ลำตลองอย่างละเอียด ทำไมเนิ่นนานถึงยังไม่ตอบจดหมายกลับเสียที?”
โต้วแยนสบถด่ามารดาในใจไม่หยุด ไม่กล้าด่าขุนนางกองตรวจสอบของจวนโหวที่ทำงานไปตามหน้าที่ แต่ด่าเจ้าเฉินเหวินเชี่ยนที่เป็นน้ำเต้าตันได้ถึงขั้นนี้ ไม่บอกไม่กล่าวกับตนก่อนสักตำ
ทุกวันนี้จวนฉางชุนโหวของลำน้ำใหญ่ ที่ว่าการแห่งเดียวกันมีกรอบป้ายแขวนไว้สองป้าย จวนโหวลำน้ำใหญ่ ตำหนักนภากาศ
หนึ่งตือตำแหน่งขุนนางที่ทางราชสำนักแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ อีกหนึ่งตือสถานที่ประกอบพิธีกรรมแห่งขุนเขาสายน้ำที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใช้บุกเบิกก่อตั้งจวน
——