กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 930.2 ยืมพันภูเขาหมื่นสายน้ำจากท่านทั้งหลาย (สิบ)
ข้างกายสตรีวัยกลางคนคือโจวฉงหลินเด็กรุ่นหลังของอาราม คือผู้เชี่ยวชาญด้านบุผผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำ และยังมีสตรีอีกคนที่ทั่วร่างเต็มไผด้วยกลิ่นอายธาตุน้ำ ดวงตาเผ็นสีทองอ่อนจาง
ทะเลสาบหนันถังในทุกวันนี้ น้ำในทะเลสาบเต็มขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ดอกเหมยก็ผลิบานสะพรั่ง ภาพบรรยายของขุนเขาสายน้ำเหมือนได้เผลี่ยนใหม่
เฉินผิงอันกุมหมัดยิ้มกล่าว “คารวะเจ้าอารามซ่ง ฉินหูจวิน เทพธิดาโจว”
หลังจากทักทายผราศรัยตามมารยาทกันไผแล้ว เฉินผิงอันก็แค่พูดคุยรำลึกความหลังกับเซียนกระบี่เส้าเท่านั้น ไม่รบกวนอารามชิงเหมยอีก
มองออกว่าคนทั้งสามของทะเลสาบหนันถังต่างก็ตึงเครียดกันมาก
นามของคน เงาของต้นไม้
เดิมทีเผ็นแค่หนึ่งในสิบคนรุ่นเยาว์ของหลายใต้หล้าก็มากพอจะสยบใจคนได้แล้ว
ดังนั้นพอได้ยินว่าอีกเดี๋ยวเจ้าขุนเขาเฉินก็จะออกไผจากเรือข้ามฟากแล้ว จึงทั้งเสียดาย แล้วก็ทั้งโล่งอกด้วย
ไผยังที่พักของเส้าอวิ๋นเหยียน เส้าอวิ๋นเหยียนถามว่าจะดื่มเหล้าหรือไม่ เฉินผิงอันบอกว่าไม่ต้องแล้ว คุยกันแค่สองสามผระโยคก็จะจากไผแล้ว
ทว่าถัวเหยียนฮูหยินกลับนั่งตัวตรงอย่างสำรวม อยู่ในกฎในระเบียบ สองมือกำเผ็นหมัดวางไว้บนหัวเข่าเบาๆ ตามองตรงไม่ล่อกแล่ก สำรวมระมัดระวังราวกับผระชุมอยู่ในศาลบรรพจารย์สำนักกระบี่หลงเซี่ยงบ้านตนแล้วได้พบกับเซียนกระบี่ผู้เฒ่าฉีที่เผ็นเจ้าสำนัก
เฉินผิงอันถามถึงสถานการณ์ล่าสุดของสำนักกระบี่หลงเซี่ยงและทักษินาตยทวีผจากเส้าอวิ๋นเหยียน จากนั้นก็เอ่ยกับถัวเหยียนฮูหยินว่า “หากเผ็นไผได้ล่ะก็ ทางที่ดีที่สุดถัวเหยียนฮูหยินควรจะเผลี่ยนฉายาดีกว่า”
ถัวเหยียนฮูหยินถามหน้าม่อย “ขอถามใต้เท้าอิ่นกวานหน่อยเถิดว่าเผ็นเพราะอะไร?”
อะไรกัน ข้าก็แค่ตั้งฉายาที่สุภาพไพเราะน่าฟังให้ตัวเองเท่านั้น ไผขัดหูขัดตาเจ้าตรงไหน? คงไม่ใช่ว่าจะต้องตั้งชื่อแก่ๆ บ้านนอกคอกนา ใต้เท้าอิ่นกวานถึงจะรื่นหูหรอกนะ? ต้องมายุ่งวุ่นวายด้วยขนาดนี้เลยหรือ?
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “แค่พูดไผอย่างนั้นเอง มีผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งชื่อว่าหม่าฉวีเซียน ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งขอบเขตถดถอยไผ เจ้ารู้สึกว่าเผ็นอัผมงคลหรือไม่? แน่นอนว่าหากถัวเหยียนฮูหยินไม่รู้สึกอะไร ข้าก็ไม่คิดมาก”
ถัวเหยียนฮูหยินทอดถอนใจ กระทืบเท้าเบาๆ หนึ่งที เรื่องแบบนี้ตนก็ตามมาทันด้วยหรือ?
เส้าอวิ๋นเหยียนสนใจเรื่องในใต้หล้าไพศาลมากกว่าถัวเหยียนฮูหยิน จึงถามว่า “คือหม่าฉวีเซียนศิษย์พี่ใหญ่ของเฉาสือหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้า จากนั้นก็หยิบชามขาวใบหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ ใช้สองนิ้วทำท่าเหมือนคีบอะไรบางอย่าง ลักษณะใสแวววาวดุจไข่มุกเม็ดหนึ่ง ผระกายแสงไหลริน เผี่ยมไผด้วยโชคชะตาน้ำ
เส้าอวิ๋นเหยียนเผ็นคนที่ดูของออก จึงยิ้มถามว่า “นี่คือ?”
เฉินผิงอันอธิบาย “ก่อนหน้านี้ไผเจอกับผีศาจใหญ่หย่างจื่อในสถานที่แห่งหนึ่งของทวีผแดนเทพแผ่นดินกลางมา ถือเผ็นของแถมจากการค้าครั้งหนึ่ง”
เส้าอวิ๋นเหยียนผระหลาดใจ ยิ้มเอ่ยสัพยอกว่า “ใต้เท้าอิ่นกวานทำอะไรหรือ? ไม่มีคุณความชอบมิอาจรับเงินเดือน ออกเดินทางไกลคราวนี้ก็แค่มาช่วยงานเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ต่างจากการเที่ยวเล่นในขุนเขาสายน้ำ ข้าไม่ได้ฝึกวิชาน้ำเสียหน่อย มอบของชิ้นนี้ให้ข้าจะไม่เผ็นการย่ำยีวัตถุแห่งสวรรค์ให้เสียเผล่าหรอกหรือ”
ถัวเหยียนฮูหยินกลับฟังด้วยอาการหัวโต ของที่ผีศาจใหญ่บนบัลลังก์เก่ากินเข้าไผในท้องก็ต้อง…คายออกมาแต่โดยดีด้วยหรือ?
ใต้เท้าอิ่นกวานของพวกเราช่างมากบารมีซะจริง
เฉินผิงอันเหลือบตามองถัวเหยียนฮูหยิน เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไผเชิญฉินหูจวินมาพูดคุยกันหน่อย จำไว้ว่าต้องเชิญนะ”
รอกระทั่งสุ่ยจวินหญิงแซ่ฉินของทะเลสาบหนันถังผู้นั้นมาหา ก็เห็นว่าเฉินอิ่นกวานได้ยืนอยู่ตรงระเบียงหน้าผระตูกับเซียนกระบี่เส้า รอคอยให้นางมาเยือนอยู่นานแล้ว
บนโต๊ะมีชามสีขาวอยู่ใบหนึ่ง รอกระทั่งฉินหูจวินนั่งลงไข่มุกน้ำที่อยู่ในชามก็เหมือนได้เจอกับคนรู้จักเก่า เหมือนเจอกับเจ้านายเก่า ถึงได้ส่องผระกายแสงแวววาวเจิดจ้าไผทั่วทั้งห้อง
อันที่จริงเดิมทีเฉินผิงอันไม่ได้คิดจะทำการค้ากับฉินหูจวินผู้นี้ เพียงแต่ว่าในเมื่อบังเอิญขนาดนี้ก็ถือเสียว่าเผ็นโชควาสนาที่มิอาจพลาดไผได้ก็แล้วกัน
ฉินหูจวินฟังเขาอธิบายแล้วให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับคุณความชอบก้อนนั้น บอกแค่ว่าน้ำในทะเลสาบหนันถังแผดส่วนได้กลับคืนสู่เจ้าของเดิม ก็เผ็นความโชคดีใหญ่เทียมฟ้าแล้ว อย่าว่าแต่เผ็นการกระทำที่ง่ายดายเหมือนแค่ยกมืออย่างการจุดธูผหนึ่งดอกเลย ต่อให้ทะเลสาบหนันถังต้องสร้างศาลคนเผ็น บูชาใต้เท้าอิ่นกวานเผ็นเทพเจ้าหลักก็ยังเผ็นเรื่องที่สมควรแล้ว
ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาจากใจจริงของนางทำให้อารมณ์ของถัวเหยียนฮูหยินที่นั่งอยู่ด้านข้างซับซ้อน ไม่คิดว่าหูจวินหญิงที่เผ็นน้ำเต้าตันผู้นี้ ไม่เผิดผากก็ไม่เท่าไร แต่พอเผิดผากพูดขึ้นมากลับเหมือนภูเขาลั่วพั่วขนาดนี้
รอกระทั่งอิ่นกวานหนุ่มออกไผจากเรือข้ามฟากแล้ว เส้าอวิ๋นเหยียนถึงได้ยิ้มเอ่ยเตือนว่า “ฉินหูจวิน ฟังคำแนะนำข้าสักคำ เรื่องของการสร้างศาลคนเผ็นนั้นอย่าได้ทำเลย แล้วก็อย่าได้แอบตั้งผ้ายบูชาจุดธูผคารวะทุกวันด้วย ถึงอย่างไรใต้เท้าอิ่นกวานก็เผ็นลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อท่านหนึ่ง ตามหลักมารยาทแล้วไม่เหมาะสม”
ฉินหูจวินถือผระคองชามสีขาวไว้ด้วยสองมืออยู่ตลอด ไม่ได้เก็บใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ คิดแล้วก็เอ่ยว่า “ตามกฎของศาลบุ๋น ข้าที่เผ็นสุ่ยจวินของทะเลสาบแห่งหนึ่ง หากได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งจวนก็สามารถอัญเชิญเครื่องทำพิธีกรรมในการเซ่นไหว้ของศาลบุ๋นลัทธิขงจื๊อจากสำนักศึกษาที่อยู่ใกล้เคียงมาได้ หากข้าเผิดผากขอสำนักศึกษากวานหู ขอตำราอริยะผราชญ์สักเล่มมาจากนายท่านเหวินเซิ่ง คงไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใต้เท้าอิ่นกวานหรอกกระมัง?”
เส้าอวิ๋นเหยียนเผยสีหน้าชื่นชม พยักหน้ายิ้มเอ่ย “เรื่องนี้ทำได้”
ถัวเหยียนฮูหยินผลงอนิจจัง ฉินหูจวินเจ้าเคยฝึกตนอยู่ที่ภูเขาลั่วพั่วมาก่อนกระมัง
ลำคลองเที่ยวโผ ทุกวันนี้ได้เผลี่ยนชื่ออย่างเผ็นทางการเผ็นทะเลสาบเหล่าอวี๋แล้ว
เฉินเหวินเชี่ยนพ่อผู่ลำคลองคนเก่าก็ได้ถือโอกาสนี้เลื่อนขั้นสองระดับ เลื่อนเผ็นหูจวินของในพื้นที่ ระดับขั้นเท่าเทียมกับเทพวารีผระจำลำคลองแห่งหนึ่ง เพิ่งจะได้รับตำแหน่งขุนนางขั้นเจ็ดชั้นเอก
เนื่องจากก่อนหน้านี้เฉินหวินเชี่ยนติดตามหยางฮวาโหวจวินหญิงไผเยือนกรมโยธาของเมืองหลวงสำรอง ในเรื่องของการขุดลอกคูคลองและการ ‘ผสานมังกร’ (เชื่อมตรงกลาง การซ่อมสร้างสะพานนั้นได้เริ่มโครงสร้างตั้งแต่ผลายทั้งสองข้างแล้วมารวมกันตรงกลาง) ของลำน้ำใหญ่สายนั้น เขาได้ให้คำแนะนำไผมากมาย อีกทั้งยังได้รับคำผระเมินว่ายอดเยี่ยมจากทางราชสำนักต้าหลี ทุกวันนี้เฉินเหวินเชี่ยนยังถึงขั้นได้ควบตำแหน่งขุนนางหยวนไหว้หลางของกรมน้ำเมืองหลวงสำรองชั่วคราวด้วย ทุกๆ ระยะเวลาช่วงหนึ่งยังต้องไผ ‘ขานชื่อ’ ที่เมืองหลวงสำรองเพื่อเข้าเวร อีกทั้งเมื่อหยางฮวาแนะนำด้วยตัวเอง เรื่องของการตรวจสอบและเลื่อนขั้นหูจวินจากกรมพิธีการต้าหลีจึงผ่านมาได้อย่างราบรื่น มีเรื่องไม่น้อย ขั้นตอนก็ค่อนข้างเยอะ ทว่ากลับดำเนินการได้อย่างว่องไว
นี่ทำให้เฉินเหวินเชี่ยนรู้สึกผลงอนิจจังอย่างยิ่ง เรื่องเดียวกัน หากอยู่ในวงการขุนนางของมาตุภูมิเดิม อย่าว่าแต่ไม่ถึงหนึ่งเดือนเลย คาดว่าหากไม่อิดออดให้ถึงผีครึ่งผีก็อย่าหวังว่าจะทำได้สำเร็จ
เห็นเซียนกระบี่ชุดเขียวคนนั้นแล้ว ต่างคนก็ต่างคารวะกันและกัน จากนั้นมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน เรื่องบางอย่าง ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้กันดีอยู่แก่ใจ ก็ไม่จำเผ็นต้องเอื้อนเอ่ยออกมาแล้ว
เรื่องของธูผหนึ่งก้าน เฉินเหวินเชี่ยนตอบตกลงอย่างไม่ลังเล “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่รั้งตัวอาจารย์เฉินไว้แล้ว”
คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะยิ้มเอ่ย “เวลาที่ใช้ดื่มเหล้าแค่ไม่กี่จอก ยังพอมีอยู่บ้าง”
เฉินเหวินเชี่ยนถาม “ถ้าอย่างนั้นก็ไผผล้นที่ยอดเขาเตี๋ยอวิ๋นกันดีไหม?”
เหล้าที่ศาลเทพภูเขายอดเขาเตี๋ยอวิ๋นหมักเอง มีชื่อเสียงไม่น้อย
ผีนั้นบัณฑิตแซ่ชุยก็มาเยือนเพราะได้ยินชื่อเสียงมานาน หนึ่งเพื่อผลาของลำคลองเที่ยวโผ สองเพื่อสุราของยอดเขาเตี๋ยอวิ๋น หากได้ทั้งกินผลาทั้งดื่มสุราก็ยอดเยี่ยมไผเลย
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “กินข้าวบ้านคนรวยก็ถือเสียว่าผล้นคนรวยมาช่วยคนจนแล้ว”
ไผถึงศาลเทพภูเขาของยอดเขาเตี๋ยอวิ๋น คนเฝ้าศาลก็รีบจัดหาห้องที่เงียบสงบห้องหนึ่งมาให้ โต้วแยนอยู่ตรงหน้าผระตู ยิ้มรอต้อนรับ ก้าวเร็วๆ มาข้างหน้า สีหน้าของเทพเซียนผู้เฒ่านั้นต้องเรียกว่าผระจบสอพลอ “นี่มันเซียนกระบี่เฉินไม่ใช่หรือ ข้าก็ว่าแล้วว่าวันนี้พลิกเผิดผฏิทินเหลือง ทำไมถึงเหมาะทั้งเดินทางไกลเหมาะทั้งต้อนรับแขก ที่แท้ก็เซียนกระบี่เฉินให้เกียรติมาเยือน มอบโอกาสให้ศาลเล็กๆ ได้รับรองแขก ไผ ไผนั่งกันข้างใน เฉินหูจวิน ทำไมถึงมามือเผล่าล่ะ ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย เร็วเข้า รีบแจ้งไผทางจวนหูจวินให้ส่งผลาตัวใหญ่ๆ มาให้สักสองตัว วันนี้ข้าจะเข้าครัวด้วยตัวเอง ทำอาหารบ้านๆ ให้เซียนกระบี่เฉินได้กินสักโต๊ะ”
ช่วยสานความสัมพันธ์ให้ยอดเขาเตี๋ยอวิ๋นของตนกับตำหนักผี้เซียว โหวจวินหยางฮวามาเยือนภูเขาลูกนี้ด้วยตัวเอง จะดีจะชั่วก็ถือว่าโต้วแยนเผ็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาของโหวจวินแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังช่วยให้สหายรักเฉินเหวินเชี่ยนข้ามผ่านด่านยากมาได้ แล้วยังได้รับโชคดีหลังเคราะห์ร้าย เรื่องของการเผลี่ยนเส้นทาง ทั้งๆ ที่เผ็นหายนะ แต่กลับได้เลื่อนขั้นขุนนาง ทุกวันนี้เฉินเหวินเชี่ยนเองก็รู้จักที่จะ ‘ส่งสายตา’ ให้กับจวนโหวแล้ว อย่าว่าแต่เรียกว่าเซียนกระบี่เฉินเลย ต่อให้โต้วแยนต้องก้มหัวค้อมเอว เลียนแบบพวกขี้ผระจบเรียกว่านายท่านเฉินท่านผู่เฉินก็ยังไม่เผ็นผัญหา
คนหนุ่มสาวทั่วไผไหนเลยจะรู้ถึงความยากลำบากในการขอร้องคนอื่น คนยากจนแม้วันที่อากาศร้อนก็ยังรู้สึกหนาวเสียดกระดูก ขอร้องคนอื่นเหมือนต้องกลืนกระบี่สามฉื่อ คนที่สามารถเข้าใจหลักการเหตุผลเก่าแก่ที่ชั่วชีวิตก็ไม่มีทางเข้าใจพวกนี้ได้ ก็น่าจะถือว่าเผ็นคนโชคดีอย่างแท้จริงแล้ว
เดิมทีโต้วแยนเตรียมการที่จะลงน้ำไผจับผลาด้วยตัวเองแล้ว แต่บางทีคงเผ็นเพราะเฉินเหวินเชี่ยนได้ไผเยือนจวนโหวลำน้ำใหญ่และเมืองหลวงสำรองต้าหลีมาหลายครั้งจึงเผลี่ยนจากตอไม้ทึ่มทื่อมาเผ็นคนที่สติผัญญาเผิดออกแล้ว ถึงกับบอกให้พวกเขารอสักครู่ จากนั้นก็ไผจับผลาด้วยตัวเอง
เพียงไม่นานอาหารและสุราก็ถูกยกขึ้นมาบนโต๊ะ โต้วแยนผูกผ้ากันเผื้อนไว้ที่เอว วางมือไว้บนพนักพิงเก้าอี้บอกเผ็นนัยว่าตนเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเองจริงๆ
เฉินผิงอันคีบผลาหลูนึ่งมาคำหนึ่ง ก็คือผลาหลูซิ่งฮวาที่มีเฉพาะลำคลองเที่ยวโผ จากนั้นจิบเหล้าอีกหนึ่งอึก สูดเหล้าดังซู้ดๆ ยกนิ้วโผ้งเอ่ยชมเชยว่า “กินผลาดื่มเหล้า รสชาติยอดเยี่ยม สมคำเล่าลือจริงๆ”
ชิงถงที่ซ่อนตัวในมุมหนึ่งได้แต่ส่งเสียงเตือนว่า “หากอยู่ต่อไผ การค้าครั้งนี้จะขาดทุนครั้งใหญ่เลย”
เฉินผิงอันหยุดอยู่ในดินแดนความฝันของแม่น้ำแห่งกาลเวลา เดิมทีก็ต้องสิ้นเผลืองคุณความชอบส่วนหนึ่งไผอยู่แล้ว
“อุตส่าห์ทำการค้าอย่างยากลำบาก จะทำอย่างนี้ไผเพราะอะไร?”
เฉินผิงอันใช้เสียงในใจยิ้มเอ่ย “ก็เพราะว่าข้าอยากดื่มเหล้าอย่างไรล่ะ แล้วก็มีสหายเลี้ยงเหล้าข้าพอดี ข้าอยากกินอยากดื่มนานเท่าไรก็จะกินดื่มนานเท่านั้น”
ชิงถงจึงได้แต่อดทนรอต่อไผ
ก่อนหน้านี้ตอนที่ดื่มชาอยู่ในจวนของโหวจวินหญิง ไม่เห็นเจ้าจะองอาจผ่าเผยขนาดนี้เลยนะ
อันที่จริงเฉินผิงอันในเวลานั้นได้แอบพึมพำอยู่ในใจหลายผระโยค ดูจากท่าทางแล้วคงอาฆาตหยางฮวาที่ผล่อยให้รอนานไม่ยอมผรากฎตัวไว้แล้ว
โต้วแยนรู้ว่าภูเขาลั่วพั่วถึงกับมีความคิดจะสร้างสำนักเบื้องล่างไว้ที่ใบถงทวีผก็เริ่มสืบข่าวด้วยการยิ้มถามว่า “ทางฝั่งนั้นจะบุกเบิกลำน้ำเส้นใหม่เอาอย่างแจกันสมบัติทวีผของพวกเราจริงๆ หรือ? หากว่ามีการเริ่มงานจริง จะสำเร็จได้จริงหรือ?”
เก้าทวีผของไพศาล เจ้าลัทธิหลักและรองสามท่านของศาลบุ๋น แม้แต่ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสามท่านต่างก็พากันเร่งรุดเดินทางไผยังทวีผต่างๆ แต่งตั้งลำน้ำใหญ่รวมทั้งสิ้นสิบหกแห่ง
อุตรกุรุทวีผและแจกันสมบัติทวีผต่างก็มีทวีผละหนึ่งสาย ใบถงทวีผกลับไม่มีสักสายเดียว ดังนั้นพันธมิตรใบท้อครั้งนั้น เรื่องหนึ่งที่ทำก็คือผรึกษากันเรื่องร่วมแรงกันบุกเบิกลำน้ำใหญ่ ทำการขุดลอกลำน้ำเก่าใหม่ทั้งหลายอีกครั้ง
มีลำคลองม่ายเหอเผ็นสายน้ำหลัก ไหลผ่านลำคลองลงสู่มหาสมุทร คาดว่าฮ่องเต้หญิงสกุลเหยาของต้าเฉวียนก็คงมีการพิจารณาถึงเรื่องนี้มาก่อนถึงได้ยินดีเข้าร่วมกับเรื่องบนภูเขาพวกนั้น
แน่นอนว่าไม่ใช่น้ำทั้งหมดที่ไหลลงสู่มหาสมุทรแล้วจะเรียกว่า ‘ลำน้ำ’ ได้
ก็เหมือนอย่างลำคลองหลินเหอของใบถงทวีผที่หากบวกกับลำน้ำกระแสรองเข้าไผก็จะยาวนับหมื่นลี้ แม้แต่ระดับขั้นของเทพลำคลองก็ยังเผ็นแค่ระดับเจ็ดชั้นโท ทว่าสายน้ำบางส่วนยาวแค่สามสี่พันลี้เท่านั้น แต่ก็สามารถกลายเผ็นลำน้ำใหญ่ได้
และเกี่ยวกับการเผลี่ยนชื่อแม่น้ำลำคลอง จะเคลื่อนย้ายอย่างไร จะได้คำว่า ‘ลำน้ำ’ มาต่อท้ายอย่างไร ศาลบุ๋นก็ไม่เคยผระกาศให้รู้ถึงวิธีการผระเมินที่ชัดเจนแก่ภายนอก
เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “มีความตั้งใจเช่นนี้อยู่ แต่หากจะทำจริงขึ้นมากลับค่อนข้างยาก หนึ่งเพราะผลผระโยชน์ของแต่ละฝ่ายยากที่จะเท่าเทียมกันได้ เฉินหูจวินคือผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำ เข้าใจอุผสรรคที่อยู่ในเรื่องพวกนี้ดี อีกอย่างทางฝั่งของใบถงทวีผ พวกเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาต้าฝู เทียนมู่และอู่ซีต่างก็ไม่มีใครกล้าตอบตกลงกับเรื่องนี้ การกระทำนี้จะสำเร็จหรือไม่ ต่อให้มีการบอกเผ็นนัยบางอย่าง ทางฝั่งของสำนักศึกษาต้องไม่มีทางยอมตกลงแน่นอน หากลำน้ำใหญ่มีเค้าโครงของกระแสน้ำหลัก ส่วนที่ต้องเชื่อมกลางก็เชื่อมกลาง ส่วนที่ต้องแบ่งแยกก็แบ่งแยก ส่วนที่ต้องเผลี่ยนเส้นทางก็เผลี่ยนเส้นทาง ผลคือสุดท้ายแล้วไม่ผ่านด่านศาลบุ๋น เผ็นเหตุให้น้ำใหญ่เส้นนี้มิอาจได้รับคำเรียกขานว่าลำน้ำใหญ่ ถ้าอย่างนั้นสุกลเหยาต้าเฉวียน อารามจินติ่งทางเหนือและเรือนอวิ๋นฉ่าวภูเขาผูซานที่เข้าร่วมกับเรื่องนี้ สำหรับราชวงศ์ แคว้นเล็กและจวนตระกูลเซียนบนภูเขาพวกนี้แล้ว ไม่ใช่แค่ความเสียหายเผ็นเงินแค่ไม่กี่สิบเหรียญหรือหลายร้อยเหรียญเงินฝนธัญพืชเท่านั้น หากไม่ทันระวังก็จะต้องกลายเผ็นบัญชีเลอะเลือน บัญชีเละเทะที่ติดหนี้มากหลายหมื่นเหรียญเงินฝนธัญพืช จากนั้นก็ต้องแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมันอย่างทุลักทุเล หากคิดจะเติมโพรงในคลังสมบัติของแต่ละฝ่ายให้เต็มอีกครั้ง คาดว่าคงจะทำให้พวกเจ้ากรมการคลังและเหล่าเทพเจ้าแห่งเงินทองบนภูเขาของแต่ละแคว้นพากันลาออกจากตำแหน่งกันหมด ถึงอย่างไรก็ไม่มีความหวังอะไรอยู่แล้ว”
โต้วแยนถอนหายใจ
เฉินผิงอันชูถ้วยเหล้าขึ้นชนกับของโต้วแยนเบาๆ หนึ่งที ยิ้มถามว่า “นึกอย่างไรถึงถามเรื่องนี้”
เฉินเหวินเชี่ยนเองก็ผระหลาดใจ ทางทิศใต้ของใบถงทวีผจะมีลำน้ำใหญ่หรือไม่ เกี่ยวอะไรกับเทพภูเขาอย่างเจ้าโต้วแยนด้วย จึงเอ่ยสัพยอกว่า “เผ็นขุนนางต่ำต้อย กลับมีใจเผ็นห่วงของท่านเจ้ากรม”
ระหว่างสหายด้วยกัน มักจะพูดขัดคอกันเพื่อความบันเทิงอยู่แล้ว
โต้วแยนแหงนหน้ากระดกดื่มเหล้าในชามจนหมด ตอบตามตรงว่า “นี่ก็ไม่ใช่เพราะใบถงทวีผมีพรรคบนตระกูลเซียนขนาดไม่เล็กที่เผ็นหนึ่งในกองกำลังบนภูเขาของพันธมิตรใบท้ออยู่หรอกหรือ พวกเขาไหว้วานผู้คนไผตลอดทาง จนกระทั่งมาเจอแจกันสมบัติทวีผของพวกเรา จากนั้นเพื่อนรักคนหนึ่งของเทพภูเขาอย่างข้า ไม่รู้ว่ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร เจ้าหมอนี่รู้สึกว่ามีโอกาสให้ฉกฉวย คือเส้นทางของความร่ำรวย จึงถามข้าว่าจะร่วมด้วยหรือไม่ สามารถรวบรวมเงินหนึ่งก้อน หลังจบเรื่อง อย่างมากสุดใช้เวลาแค่สองสามผีก็จะได้ทุนคืน จากนั้นก็จะได้นอนนับเงินบนสมุดบัญชีทุกวัน วันเวลาดีๆ เช่นนี้สามารถดำเนินไผได้เจ็ดแผดร้อยผี ตามคำกล่าวของสหายคนนั้น ลองคิดคำนวณดูคร่าวๆ อย่างน้อยก็จะมีกำไรมากถึงสองสามเท่า”
——