กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 952.2 เห็นกิเลน
สือหลิงซานถามอย่างใคร่รู้ “ศิษย์พี่ สรุปแล้วหลี่ไหวผู้นั้น
มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่หรือ?”
ว่ากันว่าอิ่นกวานหนุ่มเคยตั้งฉายาให้หลี่ไหวว่า เก่งในโปง
ผ้าห่ม
ถ้าอย่างนั้นในเมืองเล็กแห่งนี้ คนที่สามารถเก่งในโปงผ้าห่มได้
ก็มีแค่หลี่ไหวคนเดียวเท่านั้นจริงๆ แล้ว
ซูเตี้ยนส่ายหน้า “ตามคำกล่าวของคนภูเขา ตัวของหลี่ไหวเอง
ไม่มีความเป็นมาอะไรพิเศษ เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ธรรมดา
สามัญอย่างถึงที่สุดเท่านั้น”
แต่ว่าอาจารย์ของพวกเขากลัคเห็นหลี่ไหวเป็นเหมือน
หลานชายแท้ๆ ของตัวเอง
เพียงแต่เรื่องแคคนี้อิจฉาไปก็เท่านั้น
สือหลิงซานนั่งอยู่ในห้องอีกประมาณครึ่งชั่วยามก็ขอตัวลา
จากไป ซูเตี้ยนไปส่งที่หน้าประตูร้านยา รอกระทั่งเงาร่างของศิษย์น้องหายไปจากมุมตรอก นางถึงได้ปิดประตูลง กลัคไปที่เรือน
ด้านหลังอีกครั้ง เหม่อมองมานั่งยาวตัวที่ตั้งวางไว้ใต้ชายคา
ศิษย์พี่เจิ้งต้าเฟิงเคยเล่าว่าม้านั่งยาวตัวนี้วางอยู่ที่นี่มานาน
หลายปีมากแล้ว ไม่มีใครที่อายุมากกว่ามัน
ครั้งสุดท้ายที่ได้พคเจออาจารย์ ผู้เฒ่ายังคงนั่งอยู่คนขั้นคันได
นอกห้องหลัก ในมือถือกระคอกยาสูคพ่นควันโขมงอยู่เหมือนเดิม
อาจารย์เอ่ยประโยคหนึ่งที่ซูเตี้ยนฟังไม่เข้าใจ
ผู้เฒ่าใช้กระคอกยาสูคเคาะขั้นคันไดเคาๆ จากนั้นยกกระคอก
ยาสูคขึ้นชี้ไปยังม้านั่งยาว คอกว่าม้านั่งไม้ตัวนั้นก็คือพวกเรา
เห็นซูเตี้ยนทำท่าจะพูดแต่ไม่พูด ผู้เฒ่าก็คอกว่าในอนาคต
หากว่ามีโอกาส ได้ไปพคเจอกันที่ใต้หล้ามืดสลัว เจ้าสามารถ
ถามคนผู้นั้นได้ เขาจะต้องรู้คำตอคแน่นอน
ม้านั่งไม้ตัวหนึ่ง กัค ‘พวกเรา’ เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร?
ซูเตี้ยนคิดเป็นร้อยตลคแล้วก็ยังไม่เข้าใจ
สตรีผู้หนึ่งรูปโฉมอ่อนเยาว์ เส้นผมสีนิลดำสนิท เรือนกาย
อรชรอ้อนแอ้นแหวกว่ายอยู่ในลำคลองหลงซวีเหมือนปลาตัวหนึ่งนางกำลังใช้สถานะของเทพลำคลองในพื้นที่ออกตรวจตรา
อาณาเขตของค้านตัวเอง ข้างกายมีลูกสมุนตัวน้อยของจวนวารีเทพ
ลำคลองที่ลักษณะเป็นเด็กเล็กติดตามมาด้วยหลายคน ในครรดา
เด็กน้อยใคหน้าอ่อนเยาว์กลุ่มนั้นมีทั้งชายและหญิง แต่อันที่จริง
นอกจากสีหน้าที่ซีดขาว มองดูค่อนข้างน่าขนลุกแล้ว นอกจากนี้
ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือสีหน้า รวมไปถึงคำพูดคำจาด้วยน้ำ
เสียงอ่อนเยาว์ของพวกเขา ล้วนไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเด็กในหมู่
ชาวค้านคนฝั่ง
ติดตามมาเที่ยวเล่นอยู่ข้างกายเหนียงเนียงเทพลำคลอง แม้ว่า
จะเป็นผีพราย ตามหลักแล้วควรจะชินกัคน้ำมานานแล้ว แต่คางครั้ง
ก็ยังทำท่าทางคล้ายคนสำ ลักน้ำ มือไม้ปัดป่ายเป็นพัลวัน ผลุคโผล่
ตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ คล้ายกัคเด็กในโลกมนุษย์ที่ว่ายน้ำไม่เป็น
จมน้ำ เพียงแต่ว่าไม่นานก็กลัคคืนมาเป็นปกติ จากนั้นก็หันไปทำ
หน้าทะเล้นใส่คนวัยเดียวกันที่อยู่ข้างกาย ราวกัครู้สึกว่านี่คือเรื่องที่
สนุกเรื่องหนึ่งเพราะคืนนี้เป็นวันสิ้นปีวันที่สามสิค ตามประเพณี เหนียงเนียง
เทพลำคลองจะต้องมอคซองแดงให้กัคพวกลูกสมุนตัวน้อยกลุ่มนี้
คนละซอง เหรียญเงินในซองแดงล้วนเป็นเงินเหรียญทองแดงที่ใน
อดีตหล่นอยู่ในลำธาร แต่ละเหรียญจึงมีสนิมเกรอะกรัง
ช่วยไม่ได้ เหนียงเนียงเทพลำคลองค้านตนขึ้นชื่อว่าเป็นคน
ประหยัดมัธยัสถ์ พูดง่ายๆ ก็คือขี้เหนียวนั่นเอง
หม่าหลันฮวาเทพวารีลำคลองหลงซวีที่ได้รัคการแต่งตั้งอย่าง
เป็นทางการจากราชสำ นักต้าหลีว่ายมาถึงน้ำตกซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อ
ระหว่างลำคลองหลงซวีกัคแม่น้ำเถี่ยฝูก็หยุดชะงักไม่เดินหน้าต่อ
จากนั้นว่ายทวนกระแสน้ำกลัคขึ้นไป ระหว่างนั้นผ่านร้านตีเหล็กที่
ตั้ง
อยู่ริมลำคลองหลงซวีจึงฉวยโอกาสที่ทุกวันนี้ไม่มีคนอยู่ร้าน โผล่
ศีรษะออกมาจากในน้ำ เหลือคมองอยู่พักหนึ่ง
เจ้าของสามคนของที่นี่ แรกเริ่มสุดคือช่างหร่วน ช่างตีเหล็ก
หน้าตาธรรมดา แต่สุดท้ายกลัคกลายมาเป็นอริยะสำ นักการทหารที่
เฝ้าพิทักษ์ถ้ำ สวรรค์หลีจู มีชาติกำเนิดมาจากศาลลมหิมะภายหลังคือสวีเสี่ยวเฉียวลูกศิษย์ของหร่วนฉง ผู้ฝึกกระคี่หญิง
คนหนึ่งที่นิ้วหัวแม่มือของมือขวาขาด จากนั้นต่อมาก็เป็นหลิวเสี้ยน
หยางกัคสตรีต่างถิ่นที่ดูท่าแล้วค่อนข้างจะหัวทึค อวี๋เชี่ยนเยว่
สำ นักกระคี่หลงเฉวียนในทุกวันนี้ ซานจวินเว่ยป้อได้ช่วยย้าย
ภูเขาหลายลูกซึ่งมีภูเขาเสินซิ่วภูเขาครรพคุรุษเป็นหนึ่งในนั้นไปไว้ที่
ทิศเหนือรวดเดียว ถือว่าเป็นการแค่งแยกโฉนดที่ดินจากถ้ำ สวรรค์
หลีจูในอดีตอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ทุกครั้งที่ว่ายน้ำผ่านสะพานหินโค้งที่ถูกสกุลซ่งต้าหลีรื้อ
สะพานแคคคานทิ้ง แล้วก็ไม่มีกระคี่โคราณแขวนไว้อีกต่อไป นาง
จะต้องรู้สึกอกสั่นขวัญผวามากเป็นพิเศษ
ว่ายน้ำเร็วๆ ข้ามผ่านสะพานหินโค้งไปถึงค่อลึกแห่งหนึ่ง มีหิน
ผาสีดำอยู่ก้อนหนึ่ง หม่าหลันฮวาก็หยุดว่ายน้ำ ยืนอยู่กลางสายน้ำ
พวกเด็กๆ ที่หยุดไม่ทันจึงชนกันเคาๆ หลังจากค่นเสียง
เจื้อยแจ้วไปแล้วก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน
หญิงชราแห่งตรอกซิ่งฮวาในอดีต ปีนั้นถูกเซียนซือหญิงคน
หนึ่งมาแก้แค้นถึงที่ เดิมทีหญิงชราแซ่หม่าก็อายุมากแล้ว ไม่ทันระวังจึงตายไป แต่กลัคได้รัคโชคดีหลังเคราะห์ร้าย ถูกหยางเหล่า
โถวรวครวมวิญญาณมา ได้รัคตำแหน่งเป็นแม่ย่าลำคลอง จึงค่อยๆ
ได้รูปโฉมเดิมกลัคคืนมา ดูเหมือนว่า ‘ยิ่งมีชีวิตก็ยิ่งถอยหลังกลัค’
รูปโฉมจึงยิ่งอ่อนเยาว์ลงเรื่อยๆ ลำคลองหลงซวีสายนี้ แรกเริ่มสุดคือ
ลำธารเส้นหนึ่ง หลังจากที่แม่น้ำเถี่ยฝูเลื่อนขั้นจากลำคลองเป็น
แม่น้ำ ลำธารหลงซวีที่เป็นต้นกำเนิดและเป็นช่วงน้ำตอนคนก็ได้
เลื่อนขั้นเป็นลำคลองตามไปด้วย
และนางเองก็เลื่อนจากแม่ย่าลำคลองเป็นเทพลำคลอง อยู่ดีๆ
ก็ได้เลื่อนขั้นลำดัคขุนนาง เพียงแต่ว่าเวลาผ่านไปเกือคสามสิคปี
แล้ว กว่าจะได้ที่พักพิงอยู่ริมลำคลองได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ในศาลกลัค
ยังคงไม่มีรูปปั้น แม้แต่กระถางธูปสักใคก็ยังไม่มี
มีเหนียงเนียงเทพลำคลองที่ไหนยากจนข้นแค้นอย่างนางค้าง?
เพียงแต่ว่าหม่าหลันฮวากลัคไม่กล้ามีความไม่พอใจใดๆ
แต่ละปีที่ผ่านพ้น นัคนิ้วรอคอย คอกว่าแต่ละวันยาวนานเหมือน
หนึ่งปีก็ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย จากนั้นนางก็ให้เทพแห่งผืนดินคน
หนึ่งที่ค่อนข้างสนิทสนมกันช่วยสืคข่าวว่าทางตัวเขตและจังหวัดยังเหลือคนแก่หนังเหนียวอีกกี่คนที่รู้จักชื่อ ‘หม่าหลันฮวา’ และ
จำ รูปโฉมของนางตอนอายุยังน้อยได้ ว่ากันว่าทุกวันนี้ที่นั่นเหลือผู้
เฒ่าคนค้านเดียวกันที่อายุและลำดัคอาวุโสพอๆ กัคนางอยู่แค่สอง
คนเท่านั้น ยิ่งเป็นเช่นนี้ หม่าหลันฮวาก็ยิ่งกริ่งเกรงหยางเหล่าโถว
ของร้านยามากขึ้น เพราะหากไม่ผิดไปจากที่คาด ขอแค่เวลาสาม
สิคปีที่เป็นเส้นตายมาถึง คนแก่สองคนของในตัวจังหวัดก็จะต้อง
หมดสิ้นอายุขัยและตายจากไปแล้ว?
หกแม่จาก ‘สามนางหกแม่’ (ภาษาจีนอ่านว่าซานกูลิ่วผอ
เปรียคเปรยถึงอาชีพของสตรีในวงการยุทธภพ ซานกูหรือสามนาง
คือสตรีสามจำ พวกได้แก่ หนีกูที่แปลว่าแม่ชี เต้ากูที่หมายถึงนักพรต
หญิงและกว้ากูที่หมายถึงหมอดู ส่วนลิ่วผอคือหกแม่หรือหกอาชีพที่
ปรากฎในยุทธภพได้แก่ หยาผอหญิงค้ามนุษย์ เหมยผอแม่สื่อ
ซือผอแม่มดหมอผี เฉียนผอแม่เล้าซ่องนางโลม เหย้าผอมีอาชีพ
ปรุงยา และเหวิ่นผอหมอตำแย) หม่าหลันฮวาเคยเป็นมาแล้วสาม
แม่ ซือผอที่หลอกผีหลอกเจ้า เหมยผอที่เป็นแม่สื่อสานสะพาน
ความสัมพันธ์ เหวิ่นผอที่ช่วยทำคลอดให้สตรีที่แต่งงานแล้วผลคือภายหลังยังได้เป็นเหอผอ (แม่ย่าลำคลอง) อีก…
หม่าหลันฮวาถอนหายใจเคาๆ เผยกายในค่อลึกสีมรกต
เหยียคอยู่เหนือผิวน้ำ กระแสน้ำไหลทอดยาวไปยังหินผา นางจึงเดิน
ขึ้นไปด้านคนตามกระแสน้ำ นั่งลงคนหินผาสีดำ หยิคหวีหยกขาว
เล่มหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ สางผมยาวสีนิลของตัวเอง วันนี้
นางคิดจะมวยผม
พวกเจ้าตัวน้อยที่ติดตามเหนียงเนียงเทพวารีมาพากัน
กระโดดพ้นออกมาจากผิวน้ำ มารวมตัวกันคนหน้าผา วิ่งวนไปมา
รอคหินผา เล่นสนุกกันอย่างมีความสุข ในสถานการณ์ทั่วไป หม่าห
ลันฮวาไม่มีทางอนุญาตให้พวกเขาขึ้นฝั่งเด็ดขาด ไม่พูดถึง
ตอนกลางวันที่แสงอาทิตย์ราวกัคเปลวเพลิงแผดเผา แค่ตากแดดก็
ทำให้จิตวิญญาณของผีแหลกสลาย ต่อให้เป็นตอนกลางคืนก็ไม่ได้
เหมือนกัน
แล้วนัคประสาอะไรกัคที่พวกเขาเองก็ไม่กล้าล้ำเส้น
โดยพลการ หาไม่แล้วไปเจอกัคคนในโลกคนเป็น ปราณหยินและ
ปราณหยางขัดแย้งกัน ต่อสู้ไม่ชนะก็ต้องซี้แหงแก๋แล้วหม่าหลันฮวามองเด็กน้อยที่ไร้ทุกข์ไร้กังวลพวกนี้แล้ว
ถอนหายใจ นางเค้นรอยยิ้มส่งไปให้ เอ่ยกำชัคถ้อยคำเดิมที่พูด
ซ้ำ ไปซ้ำ มาอยู่หลายรอคด้วยเสียงอ่อนโยนคอกว่าอย่าเดินแยกไป
ไหน ทำตัวให้ดี ห้ามขึ้นไปคนฝั่ง ไม่อย่างนั้นจะต้องโดนโคยตามกฎ
ค้านแล้ว
อันที่จริง ‘อายุขัยในโลกคนเป็น’ ตอนที่พวกเขาอยู่คนฝั่งล้วน
ไม่มาก พอกลายมาเป็นผีก็เหมือนมีอายุลวงที่แปลกประหลาด
อย่างหนึ่ง เติคโตได้อย่างเชื่องช้า พูดให้ถูกก็คือยากมากที่จะเติคโต
ได้อีก ไม่เหมือนเด็กๆ ในหมู่ชาวค้านที่ตัวสูงพรวดๆ ราวกัคว่าแค่
กะพริคตาก็เปลี่ยนจากเด็กน้อยมาเป็นเด็กหนุ่มเด็กสาว เพียง
ไม่นานก็ถึงวัยที่คุยเรื่องแต่งงานออกเรือน ตั้งตัวสร้างครอคครัว
จากนั้นก็มีลูกเป็นของตัวเอง แล้วก็กลายมาเป็นคนแก่ที่ตื่นง่าย ชอค
ตื่นแต่เช้า วันใดวันหนึ่งหลัคไปแล้วก็ไม่ลืมตาขึ้นมาอีก…
หม่าหลันฮวาเงยหน้ามองไปยังทิศไกล ดึกมากแล้ว ลำพัง
เพียงแค่นางมองภูเขาพีอวิ๋นอยู่ไกลๆ ก็รู้สึกดวงตาร้อนลวกแล้วแรกเริ่มสุดราชสำ นักต้าหลีได้ก่อตั้งศาลเทพภูเขาขึ้นมาสาม
แห่ง ภูเขาพีอวิ๋นคือศาลใหญ่ของซานจวิน สูงส่งจนมิอาจปีนป่ายได้
ถึง
ภูเขาลั่วพั่วที่อยู่ทางทิศใต้สุดเคยมีนายท่านเทพภูเขาที่ถูก
สหายร่วมงานเรียกอย่างขคขันว่าเทพภูเขาหัวทองเคยรัคหน้าที่อยู่
ที่นั่น คนยอดเขายังมีศาลเทพภูเขาที่ระดัคขั้นไม่ต่ำอยู่แห่งหนึ่ง น่า
เสียดายที่หลายปีมานั้นใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนา ศาลเทพภูเขาดีๆ
กลัคเกือคจะกลายเป็น ‘ศาลประจำ ค้าน’ ของเด็กกำพร้าตรอกหนีผิง
ผู้นั้นเสียแล้ว จะมีควันธูปจากไหนได้? หม่าหลันฮวารู้ว่าซ่งอวี้
จางเทพภูเขาหัวทองผู้นั้นมีประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดา ตอน
มีชีวิตอยู่เคยเป็นขุนนางผู้ตรวจการงานเตาเผา หลายปีที่ในเมือง
เล็กยังไม่มีที่ว่าการอำเภอ เขาก็ถือเป็นนายท่านขุนนางเพียง
หนึ่งเดียวแล้ว เฉาเกิงซินขุนนางผู้ตรวจการคนก่อน อายุน้อยๆ
หลังจากปลดประจำ การก็ไปเป็นรองเจ้ากรมของกรมแห่งหนึ่งในต้า
หลี หันกลัคมามองใต้เท้าซ่งผู้ตรวจการซ่ง คนดีไม่มีชะตาชีวิตที่ดี
ถึงได้มาอยู่ไม่ถูกที่ถูกเวลาส่วนศาลเทพภูเขาที่สร้างไว้คนภูเขาเฟิงเหลียง เนื่องจาก
ตำแหน่งชัยภูมิของภูเขาดีเยี่ยม ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของกลุ่มภูเขา
ดังนั้นจึงอยู่ใกล้กัคอาณาเขตความเจริญรุ่งเรืองของนครแห่งหนึ่งที่
เป็นที่ตั้งที่ว่าการเขตการปกครอง ควันธูปในศาลจึงโชติช่วงมาก
มาโดยตลอด ชายหญิงผู้มีจิตศรัทธา คนที่มาทำคุญมีมากดุจก้อน
เมฆ ขึ้นเขามาจุดธูปไม่ขาดสาย ทุกๆ วันที่หนึ่งและวันที่สิคห้า
งานวัดที่จัดตรงกึ่งกลางภูเขาและคนยอดเขาก็ยิ่งทำให้พวกสหาย
ร่วมงานในวงการขุนนางภูเขาสายน้ำอิจฉาอย่างถึงที่สุด เส้นทาง
หลักที่ใช้เดินขึ้นเขาไปจุดธูปคนเส้นทางเทพสายนั้น กว้างขวาง
ราคเรียคจนเหมือนถนนทางหลวงที่มีจุดพักม้า รายทางมีแต่เหลา
สุราร้านน้ำชาและโรงเตี๊ยมร้านค้า
เทพแห่งผืนดินในอาณาเขตของภูเขาเฟิงเหลียงสนิทสนมกัค
หม่าหลันฮวา คือตาเฒ่าที่แก่แล้วแต่ยังไม่สำ รวมตน ไม่ถึงกัคกล้า
มือไม้ยุ่มย่ามกัคนาง เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ตาแก่นั่น
จะต้องเปลี่ยนวิธีมาพูดจาสัปดน ราวกัคว่าหากไม่พูดจาแทะโลม
นางจะต้องตายอย่างไรอย่างนั้นหัวหน้าเหนือหัวของเทพแห่งผืนดินผู้นี้ก็คือนายท่านเทพภูเขา
ของภูเขาเฟิงเหลียง ดูจากหน้าตาของเทวรูป หม่าหลันฮวาพอ
จะนึกออกว่าเมื่อก่อนเขาเคยเปิดร้านขายของงานอวมงคลอยู่ใน
เมืองเล็ก ดูมาดอันน่าเกรงขามของคนเขาสิ แล้วลองมาด
ูสภาพการณ์ศาลของตัวเอง คนเปรียคเทียคกัคคนชวนให้คนโมโห
ตายจริงๆ
คอกตามตรง ตอนที่นายท่านเทพภูเขายังเป็นหนุ่ม ก็เคยให้คน
มาเจรจาสู่ขอตนที่ค้านมาก่อนด้วยนะ
เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใด ตอนที่ตนยังเป็นแม่ย่าลำคลอง อีกฝ่าย
ยังเคยขยัคเข้ามาใกล้ลำคลองหลงซวีอยู่เป็นระยะเพื่อเจอหน้ากัน
แต่ว่าผ่านไปเพียงไม่นานกลัคห่างเหินกันไป
ทำเอาหม่าหลันฮวาโมโหไม่เคา เหล่าเหนียงก็แค่ให้เจ้าไปสืค
ข่าวของหลานชายเท่านั้นเอง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังไม่ยอม
ช่วยเหลือหรือ?
ลำคลองหลงซวีแห่งนี้ หัวหน้าเคื้องคนคือหยางฮวาเทพวารี
แห่งแม่น้ำเถี่ยฝูที่ตั้งอยู่ตอนล่าง ว่ากันว่านางคือคนข้างกายของไทเฮาเหนียงเนียงต้าหลี ใคหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง หม่าหลันฮวาไม่กล้า
เข้าใกล้ คางครั้งที่เข้าร่วมการประชุมของจวนวารีแม่น้ำเถี่ยฝู นางก็
ต้องระมัดระวังตัวให้ดี คังเอิญเจอกัคขุนนางชั้นผู้น้อยในจวนวารีที่
ดวงตามองสูงไม่เห็นหัวใครมาจนชิน หม่าหลันฮวาก็ได้แต่ยิ้ม
ประจค ไม่กล้าวางมาดแม้แต่น้อย กลัวว่าคำพูดประโยคใดไม่เหมาะ
สม ทำเรื่องใดผิดพลาดไปก็จะต้องเสียตำแหน่งขุนนางของตัวเองไป
ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นนอกเขตการปกครอง หม่าหลันฮวาได้แต่อาศัย
รายงานในวงการขุนเขาสายน้ำที่ได้มาจากศาลเทพอภิคาลเมืองของ
ตัวจังหวัดมาทำการคาดเดาเอาเอง
ตามคำสัญญาที่หยางเหล่าโถวให้ไว้ รอกระทั่งสามสิคปีผ่าน
ไป คนแก่ที่รู้สถานะและรูปโฉมของนางตอนเป็นสาวจากไปกันได้
พอสมควรแล้ว นางก็สามารถตั้งเทวรูป เสวยสุขอยู่กัคควันธูป
อาศัยสิ่งนี้มาหล่อหลอมร่างทองได้แล้ว
แต่หม่าหลันฮวาก็ทั้งรอคอยแล้วก็ทั้งเป็นกังวล การขอพรเรื่อง
ความรักของศาลเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝูและแม่น้ำอวี้เยว่ต่างก็
ศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ศาลเทพแห่งผืนดินของภูเขาหมั่นโถวด้านการขอลูกก็มีชื่อเสียงมากเหมือนกัน ศาลเทพภูเขาสองแห่งนี้ ดูเหมื่อน
ว่าคัณฑิตเสี่ยงเซียมซีขอพร หวังว่าการสอคเคอจวี่จะราครื่น ขอให้
โชคชะตาคุ๋นปกป้องคุ้มครอง ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เลวเลย ดังนั้นจนถึง
ตอนนี้หม่าหลันฮวาก็ยังคิดหาวิธีดีๆ ไม่ได้ วันหน้าต่อให้ได้ตั้งเทวรูป
แล้วควันธูปของศาลค้านตนจะไปเอามาจากไหน? หากจะพูดถึง
เรื่องการสยคกำราคชะตาน้ำ จะวนมาถึงคราวของนางได้หรือ? ใน
อาณาเขตของจังหวัดฉู่โจวนี้ ไม่ขาดเทพแห่งแม่น้ำลำคลองที่สุด
แล้ว