กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 953.2 สายเหวินเซิ่ง
หลิวเหล่าเฉิง เจ้าสำ นักเจินจิ้งคนปัจจุบัน หรือก็คือผู้ฝึกตน
อิสระห้าขอบเขตบนคนแรกของแจกันสมบัติทวีป
ความนัยในถ้อยคำนี้ของเขาก็คือ หากตอบตกลงกับเขาใน
เรื่องนั้น หลิวจื้อเม่าก็จะได้เป็นเจ้าสำ นักรุ่นที่สี่ในประวัติศาสตร์ของ
สำ นักเจินจิ้งแล้ว
หลิวจื้อเม่าส่ายหน้า “ชีวิตต่ำต้อยนี้ของข้า ไม่อาจเป็นบุคคล
อันดับหนึ่งได้หรอก ก่อนหน้านี้เคยคิดอยากจะเป็นผู้ครองทะเลสาบ
ซูเจี่ยนแทนที่เจ้าสำ นัก ทุ่มเทความคิดจิตใจแทบตาย วางแผนไว้
มากมายขนาดนั้น ก็ยังเป็นการใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำอยู่ดี หากไม่เป็น
เพราะรู้จักหลักการที่ว่าเป็นคนควรเหลือพื้นที่เว้นว่างไว้สักเสี้ยว ก็
เกือบจะรักษาชีวิตน้อยๆ นี่ไว้ไม่ได้แล้ว ทุกวันนี้คิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยัง
หวาดผวาไม่คลาย เจ้าสำ นักอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”
หลิวเหล่าเฉิงพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะได้เตรียมการอย่าง
อื่น”อยู่ดีๆ หลิวจื้อเม่าก็ทอดถอนใจเอ่ยว่า “อากาศเก่าเสื้อผ้าตัว
เก่า แต่คนกลับยังรอคอยความหวังอย่างใหม่”
หลิวเหล่าเฉิงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “คนบนภูเขาอย่าได้พูด
ภาษาของคนล่างภูเขาเลย”
หลิวจื้อเม่าใช้เสียงในใจถามหยั่งเชิง “ทางฝั่งของหูจวินคนใหม่
คบค้าสมาคมด้วยง่ายหรือไม่?”
หลิวเหล่าเฉิงกล่าว “ตอนนี้นับว่ายังพอใช้ได้ วันหน้าต้องยาก
มากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับปีนั้น เทียบกับการ
งัดข้อประลองปัญญากับนักบัญชีหนุ่มคนนั้น ถึงอย่างไรก็ผ่อนคลาย
กว่าหลายส่วน”
หลิวจื้อเม่าพลันหัวเราะดังลั่น “มิอาจจินตนาการได้เลยจริงๆ
ว่าข้ากับหลิวเหล่าเฉิงแห่งเกาะกงหลิ่วจะมาเดินเล่นด้วยกัน
ยามค่ำคืนโดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกอีกฝ่ายฆ่าตายเช่นนี้”
หลิวเหล่าเฉิงคลี่ยิ้ม หันหน้าไปมองในทะเลสาบ เกาะทั้งหลาย
เหมือนเรือที่หยุดนิ่งไม่ขยับล่องเรือท่ามกลางคลื่นถาโถมยามราตรี คนบนเรือมิกล้าร่าย
กวีเกี่ยวกับสาวงาม ด้วยกลัวว่าเจียวหลงจะได้ยิน
ทะเลสาบซูเจี่ยนในอดีต ไม่ว่าใครก็ต้องระมัดระวังตัว
กฎเกณฑ์เพียงหนึ่งเดียวก็คือไม่มีกฎเกณฑ์ คิดอยากจะนอนหลับ
อย่างสงบยังไม่ง่าย
ทางฝั่งของห้องตรงหน้าประตูภูเขา ผู้ฝึกตนผีหม่าหย่วนจื้อพา
หงซูคนเฝ้าประตูมาเฝ้าคืนอยู่ที่นี่ด้วยกัน
ถึงอย่างไรในห้องแห่งนี้ก็มีแต่คนที่มีรากฐานบนภูเขาพอๆ กัน
ย่อมมีความใกล้ชิดสนิทใจกันได้หลายส่วน
ยามที่เจิงเย่เล่าเรื่องบางอย่างในอดีตก็มักจะหนีไม่พ้นคนสอง
คน อาจารย์เฉินในอดีต กู้ช่านในภายหลัง
ทุกครั้งที่เจิงเย่พูดถึงฝ่ายหลัง หม่าตู่อี๋ก็อดไม่ไหวเอ่ยสัพยอก
สองสามประโยค ไม่รู้ตัวเลยว่าเมื่อก่อนตัวเองกลัวกู้ช่านแทบตาย
ผลคือพอถึงการบอกลาครั้งสุดท้ายในปีนั้น คนบางคนถึงกับหลั่ง
น้ำตาเงียบๆ สรุปแล้วว่าเสียใจอย่างสุดซึ้งหรือว่าดีใจจนหลั่งน้ำตา
กันแน่นะเจิงเย่มีสีหน้ากระอักกระอ่วน ตนไม่เคยเถียงชนะหม่าตู่อี๋เลย
สักครั้ง ได้แต่พึมพำว่า ใครจะไปรู้ว่ากู้ช่านจะเปลี่ยนนิสัยไปมาก
ก่อนและหลังราวกับเป็นคนละคนกันเลย
“อาจารย์เฉินเคยบอกว่า พวกเราสามารถเป็นบุตรของพ่อแม่
ได้ ในอนาคตก็สามารถกลายเป็นพ่อแม่ของบุตรได้ บางทีอาจ
เป็นการทวงหนี้ครั้งหนึ่ง และบางทีก็อาจเป็นการชดใช้หนี้ครั้งหนึ่ง”
“ตอนที่อาจารย์เฉินพูดมาถึงตรงนี้ก็จะพูดไปยิ้มไป บอกว่าเขา
ก็คือผีทวงหนี้”
คนทั้งห้องเงียบเสียงลง ในกระถางไฟมีเสียงถ่านไม้ปริแตกดัง
เบาๆ
หม่าตู่อี๋พลันเอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า “ทำไมข้าถึงไม่รู้ว่าอาจารย์
เฉินคุยเรื่องพวกนี้กับเจ้าด้วย?”
เจิงเย่เอ่ยอย่างอ่อนใจ “ก็ข้ามีเวลาได้อยู่กับอาจารย์เฉิน
เพียงลำพังบ่อยๆ นี่นา”
หม่าตู่อี๋บ่น “ตอนที่อาจารย์เฉินอยู่กับข้าเพียงลำพัง ทำไม
ไม่คุยเรื่องพวกนี้บ้าง?”เหล้าที่พวกเขาดื่มล้วนเป็นเหล้าหมักจากบ้านเกิดของหงซู
เจิงเย่จึงพูดเรื่องการดื่มเหล้าที่อาจารย์เฉินเคยเล่าให้ฟัง บอกว่าชีวิต
คนมีเรื่องสองเรื่องที่มีนัยให้ขบคิดมากที่สุด การได้กลับมาพบเจอกับ
สหายเก่าอีกครั้งหลังจากลากันไปนาน ดื่มเหล้ากึ่งๆ เมามาย
หันกลับไปมองชีวิตที่ผ่านมา ดื่มชาได้รสหวานเมื่อรสขมจางหาย
สีหน้าของหม่าหย่วนจื้อมีความไม่ยินยอมอยู่หลายส่วน “เจ้า
เด็กเฉินผิงอันผู้นี้ยังพอมีความรู้อยู่บ้าง คนที่เคยกินน้ำหมึกมาก่อน
มักจะไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ”
หงซูกะพริบตาปริบๆ ยิ้มกล่าว “ทำไมถึงไม่เรียกว่าคุณชายเฉิน
แล้วล่ะ?”
หม่าหย่วนจื้อร้องเพ้ย “ตกลงกันไว้แล้วว่าจะเขียนหนังสือเล่ม
หนึ่งให้ข้า เขียนเรื่องราวของข้ากับองค์หญิงใหญ่ให้ดีๆ ผลคือมัวแต่
อิดๆ ออดๆ อยู่นั่น ไม่รู้ว่าบทนำเขียนได้สองสามพันตัวอักษรแล้ว
หรือยัง”
หม่าตู่อี๋หันหน้าไปมองหงซู หงซูก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ
บอกเป็นนัยว่าไม่ใช่เรื่องนี้อยู่ดีๆ เจิงเย่ก็คิดถึงสตรีผู้หนึ่ง ผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว
แต่กลับยังมักจะคิดถึงอยู่เสมอ
หม่าตู่อี๋ถามชวนคุยว่า “ถ้าอย่างนั้นอาจารย์เฉินเคยบอก
หรือไม่ว่า การที่ชีวิตนี้ได้เป็นสามีภรรยากัน เป็นเพราะอะไร”
เจิงเย่ยิ้มพลางพยักหน้ารับ ให้คำตอบว่า
“คือการทำตามคำมั่นสัญญาอย่างหนึ่ง”
……
ในระเบียงชั้นบนสุดของสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดของหอสยบ
ปีศาจ นักพรตฉุนหยางที่ถือแส้สะพายกระบี่มองเห็นภาพเหตุการณ์
ผิดปกติแทบจะเวลาเดียวกันกับเสี่ยวโม่และชิงถง
กลางอากาศของพื้นที่รอบด้านซึ่งมีสิ่งปลูกสร้างใต้ฝ่าเท้าของ
พวกเขาแห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลางทยอยกันมีเรือนกายของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
แห่งภูเขาสายน้ำและผู้ฝึกตนที่จุดธูปคารวะปรากฎขึ้นมา พวกเขา
หันหลังให้คนทั้งหลายที่อยู่ในระเบียงของชั้นบนสุด ไล่เรียงกันไป
ตามลำดับ คล้ายกับการเปิดบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำหลาย
สถานที่ในเวลาเดียวกัน แล้วก็เหมือนการประชุม ‘ศาลบรรพจารย์’ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์และจะไม่มีอีกในอนาคต
ความคิดจิตใจเป็นหนึ่ง ประชุมกันแค่เรื่องเดียว ทำแค่เรื่องเดียว
เทพวารีแม่น้ำชงตั้ง หลี่จิ่นได้รับภาพลงลายเส้นสีทองไปสอง
ภาพก็ออกมาจากร้านหนังสือ กลับมาที่จวนน้ำ อาบน้ำผลัดเสื้อผ้า
เปลี่ยนมาสวมชุดขุนนางของเทพวารีที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้อง
จุดธูปน้ำหนึ่งดอก ไหว้ไปทางใบถงทวีปที่อยู่ทิศใต้อย่างเคารพ
นอบน้อม ในใจขอพร พึมพำเบาๆ ขอให้ผู้ที่จากไปในทวีปจากไป
อย่างสงบ ขอให้ผู้ที่มีชีวิตอยู่ในทวีปปลอดภัยไร้ทุกข์
เทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวา เทพวารีท่านหนึ่งที่มีงูเขียวรัดพันอยู่บน
แขน จุดธูปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ขอให้ภูเขาสายน้ำของใบถงทวีปที่ปริ
แตกได้กลับคืนมาสมบูรณ์ดังเดิม ขอให้วิญญาณของเหล่าผู้กล้าบน
สนามรบได้ไปเกิดใหม่
แม่น้ำอวี้เจียง เย่ชิงจู๋เหนียงเนียงเทพวารีจุดธูปน้ำหนึ่งดอก
แล้วก็ท่องพึมพำ ผู้ใหญ่ไม่ถือสาความผิดของผู้น้อย ข้ายินดี
ช่วยเหลือใบถงทวีปสุดกำลังอันน้อยนิดของตัวเองที่มี ขอให้อาณา
ประชาราษฎรมีชีวิตอยู่อย่างผาสุกในพื้นที่มงคลรากบัวของภูเขาลั่วพั่ว เจียวน้ำหงเซี่ยเป็นผู้นำ
พาเหล่าเทพวารีแห่งแม่น้ำลำคลองทั้งหลายในพื้นที่มงคลจุดธูป
หอมกันคนละหนึ่งดอก ควันธูปลอยอ้อยอิ่งอยู่กลางอากาศ
พริบตาเดียวก็พากันลอยไปทางทิศใต้อย่างพร้อมเพรียงกัน
ลำน้ำจี้ตู๋ของอุตรกุรุทวีป สุ่ยเจิ้งแห่งศาลกลางของลำน้ำเก่า ห
ลี่หยวนหลงถิงโหวในทุกวันนี้ เด็กหนุ่มชุดดำผู้มีดวงตาสีทอง ท่อง
คำปรารถนาของตัวเองอยู่ในจวนโหวลำน้ำใหญ่เสียงดังกังวาน
ขอให้ใบถงทวีปมีลมฝนตกต้องตามฤดูกาลทั่วทั้งทวีป
ตำหนักนภากาศหน่วยฉงเสวียนของราชวงศ์ต้าหยวน ราชครู
หยางชิงข่ง เจินเหรินผู้เฒ่าถือแส้หางกวางที่บนด้ามแกะสลักสองคำ
ว่า ‘เทพวาโย’ จุดธูปหอมสามดอก
ข้างกายเจินเหรินผู้เฒ่าคือผู้ฝึกตนขอบเขตหยกดิบที่มีฉายาว่า
‘ถวนหนี’ หยางโฮ่วแจว๋มีสีหน้านอบน้อม สองมือถือจับธูปเหมือนกับ
บรรพบุรุษสกุลหยาง หันหน้าไปทางทิศใต้
ลำคลองเหยาเย่ชายหาดโครงกระดูก เซวียหยวนเซิ่งพ่อปู่
ลำคลองไม่ได้แต่งกายเป็นผู้เฒ่าคนถ่อเรืออีกต่อไป เขาเผยร่างทองสวมชุดคลุมอาคม จุดธูปน้ำ
เสิ่นหลินหลิงหยวนกงแห่งลำน้ำใหญ่ เทพวารีแห่งตำหนัก
หนันซวินเก่า นางเป็นดั่งดอกพุดตานบนภูเขาห่างไกลที่ชูช่อตั้ง
ตระหง่าน ยืนอยู่ตรงหน้าประตูของจวนกง หันหลังให้กับกรอบป้าย
‘จวนเต๋อโหยว’ เสิ่นหลินหันหน้าไปทางทิศใต้ ขอให้ใบถงทวีปมีปีที่
สงบและมีช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่สมบูรณ์
ในอาณาเขตของแคว้นอิ๋นผิง อินโหวสุ่ยจวินแห่งทะเลสาบ
ชางอวิ๋นนำพาหนึ่งทะเลสาบสามลำคลองสองคูน้ำ หูจวินที่สวมชุด
คลุมอาคมสีม่วงเข้มสองมือถือธูปคารวะมาทางใบถงทวีปโดย
มีแจกันสมบัติทวีปกั้นกลาง ขออวยพรให้แผ่นดินใหญ่ของใบถงทวีป
ได้วสันต์กลับคืน หมื่นสรรพสิ่งแปรเปลี่ยนใหม่
บนยอดเขามี่เซวี่ยของภูเขาเซียนตู อวี๋ฟู่ซานที่มาจากท่าเรือ
เฮยเซี่ยนจุดธูปแล้วก็หวังให้ชาวประชาของใบถงทวีปมีชีวิตที่สงบสุข
ฝนตกต้องตามฤดูกาล ร้อยธัญพืชอุดมสมบูรณ์ ในและนอกสะอาด
มงคลฉิวตู๋ฉิวเฒ่าที่มาจากแม่น้ำชื่อหลิน อดีตขุนนางของวังมังกร
ลำน้ำใหญ่ หมัวมัวผู้อบรมมารยาทที่รับผิดชอบอบรมสั่งสอน
ระเบียบและมารยาทพิธีการให้กับลูกหลานมังกรผู้นี้ ในมือถือธูป
พึมพำเสียงเบา ขอให้ปีใหม่นี้ใบถงทวีปแม่น้ำลำคลองใสสะอาด ใต้
หล้าผาสุก หวังว่าชาวบ้านของใบถงทวีปแห่งใหม่ เด็กได้รับการ
อบรมสั่งสอน คนแก่มีที่พึ่งพา
ตำหนักปี้โหยวลำคลองม่ายเหอราชวงศ์ต้าเฉวียน หลิ่วโหรว
เหนียงเนียงเทพวารี นางหวังให้ใบถงทวีปในวันหน้าไม่มีสงคราม
พวกชาวบ้านได้กินอิ่มมีเสื้อผ้าสวมอบอุ่น พวกเทพเซียนบนภูเขาก็
วางมาดสูงส่งให้น้อยลง มีเหตุผลให้มากขึ้น
ผู้ครองโชคชะตาน้ำบนบกของใต้หล้าไพศาล ตั้นตั้นฮูหยิน
ฉายา ‘ชิงจง’ ขอพรให้ใบถงทวีปมีสายลมเย็นสบายแสงแดดอบอุ่น
มีฐานะมั่งคั่งและรู้จักมารยาทระเบียบสังคม
หลี่เย่โหวสุ่ยจวินแห่งทะเลทักษิณจุดธูปแล้วก็หวังให้ต้นไม้
แห้งเหี่ยวในขุนเขาสายน้ำของใบถงทวีปได้เจอกับวสันตฤดูอีกครั้งชาวบ้านมีชีวิตสงบสุขได้ทำมาหากิน แว่นแคว้นปกครอง
เจริญรุ่งเรือง ได้ต้อนรับยุคแห่งความสันติสุขอีกครั้ง
ผู้ฝึกตนหญิงอวิ๋นเชียนอดีตเจ้าสำ นักของสำ นักอวี่หลง บรรพ
จารย์ผู้คุมกฎในทุกวันนี้ขอพรในใจ หวังให้แต่ละแคว้นของใบถงทวีป
มีเสียงท่องตำราดังกังวาน ทุกคนได้สวมใส่เสื้อผ้าดีๆ กินอาหาร
สมบูรณ์ อาณาจักรเรืองรุ่ง ประชาราษฎร์สุขสงบ
สถานที่ที่เล่าลือกันว่าเป็นเตาหลอมโอสถของมรรคาจารย์เต๋า
สตรีวัยกลางคนในร้านเหล้าขนาดเล็ก หยางจื่อปีศาจใหญ่บน
บัลลังก์เก่านำพาลูกศิษย์เข้าห้องที่เพิ่งรับมาอย่างกานโจวแม่ย่า
ลำคลองเฉาชิวให้หยิบธูปน้ำขึ้นมาด้วยกัน ขอพรให้ใบถงทวีป
บอกลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ลมฝนตกต้องตามฤดูกาล ห้าธัญพืช
อุดมสมบูรณ์ แผ่นดินสงบสุข
ฉางชุนโหวแห่งลำน้ำฉีตู้ของแจกันสมบัติทวีป เทพวารีหยาง
ฮวาจุดธูปน้ำแล้วพึมพำในใจว่าขอให้หมื่นสรรพสิ่งเจริญรุ่งเรือง ชาว
ประชาซื่อสัตย์กตัญญู นำพาไปสู่ช่วงเวลาที่ดีและอุดมสมบูรณ์
ข้าวสาลีที่เพาะปลูกในอดีตได้ผลเก็บเกี่ยวเฟื่องฟูฉินหูจวินแห่งทะเลสาบหนันถังจุดธูปขอพรด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น
ศรัทธา ขอให้ห้าธัญพืชของใบถงทวีปสุกงอม รวงข้าวปูแผ่เต็มบ้าน
แม่น้ำเที่ยวโปที่ได้เปลี่ยนชื่อและเลื่อนขั้นเป็นทะเลสาบเหล่า
อวี๋ เฉินเหวินเชี่ยนได้ถูกทางฝั่งของจวนฉางชุนโหวและราชสำ นักต้า
หลีบันทึกลงเอกสาร เลื่อนขั้นเป็นหูจวินของพื้นที่หนึ่งอย่าง
เป็นทางการแล้ว หลังจากที่เฉินเหวินเชี่ยนถือศีลกินเจก็จุดธูป
น้ำหนึ่งดอก คารวะภูเขาสายน้ำของใบถงทวีปอย่างนอบน้อมอยู่
ไกลๆ ขอให้ดินแดนตะวันออกและตะวันตกของใต้หล้าไพศาลอยู่
ห่างไกลจากภัยพิบัติ ร่ำรวยแข็งแรงปลอดภัยนับแต่นี้ไป
นอกจากนี้ก็ยังมีหลินหลีป๋อแห่งลำน้ำฉีตู้แจกันสมบัติทวีป
เฉาหย่งอดีตเฉียนถังจ่าง ในอาณาเขตแคว้นหวงถิงก็มีบรรพจารย์
เปิดภูเขาของจวนจื่อหยาง อู๋อี้บุตรสาวคนโตของเจียวเฒ่า เทพวารี
ลำคลองเถี่ยเชวี่ยนเก่า เกาเนี่ยง เหนียงเนียงเทพวารีแม่น้ำป๋ายกู่
เซียวหลวน…ทุกคนต่างทยอยกันปรากฏตัว
กลางอากาศเหนือเมืองหลวงสำ รองของแจกันสมบัติทวีป ป๋า
ยอวี้จิงจำ ลองปีนั้นชุยฉานได้ขอยืมตัวอักษรแห่งชะตาชีวิตของอริยะปราชญ์
สองตัวอย่าง ‘ภูเขา’ และ ‘น้ำ’ อักษรภูเขาเป็นตัวอักษรแห่ง
ชะตาชีวิตของผู้อำนวยการใหญ่สถานศึกษาหลี่จี้
ก็เหมือนอย่างที่เฉินผิงอันคาดเดา อักษร ‘น้ำ’ ที่ศิษย์พี่ชุยฉาน
ยืมมา แน่นอนว่าเป็นของผู้อาวุโสที่สถานประกอบพิธีกรรมอยู่ใน
ทะเลสาบซูเจี่ยน ผู้ที่เคยเขียนตำรา ‘เวิ่นเทียน’ (ถามฟ้า)
เคยมอบ ‘ซานกุ่ย’ ‘เซ่อเจียง’ และ ‘ตงจวิน’ ‘เจาหุน’ สี่เล่มให้
กับเหวินเซิ่ง
อาจารย์ผู้เฒ่าท่านนี้ไม่ได้อยู่ในระบบสายบุ๋นของศาลบุ๋น
ถือเป็นผู้ที่ตั้งสำ นักขึ้นเอง เป็นเหตุให้ ‘ธูปทางใจ’ ของอาจารย์ผู้เฒ่า
จะเป็นธูปน้ำก้านหนึ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในฟ้าดิน
ดูเหมือนว่าเรื่องของการจุดธูปของเทพวารีในแต่ละทวีป
จะมีอาจารย์ผู้เฒ่าท่านนี้รับผิดชอบเป็นคนปิดท้าย
อาจารย์ผู้เฒ่ายังเชื้อเชิญคนทั้งหลายให้เข้ามาในความฝัน
ขอยืมหมื่นขุนเขาหนาหนักจากท่านความคิดท่องผ่านหกคัมภีร์ จิตข้ามนทีมหาสมุทร ผูก
จินตนาการถึงมหาบรรพต ข้าคือเจ้าแห่งวิถีบูรพา
ขุนเขาเหนือของแจกันสมบัติทวีป เว่ยป้อแห่งภูเขาพีอวิ๋น จิ้น
ชิงซานจวินแห่งขุนเขากลาง ซานจวินหญิงแห่งขุนเขาใต้ ฟ่านจวิ้น
เม่า ต่างคนต่างจุดธูปภูเขาคนละดอกเพื่อขอพรกำจัดเคราะห์ภัยให้
กับใบถงทวีป
ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง หอเซียนจิ่วเจินที่อยู่ในอาณาเขต
ของราชวงศ์ต้ายง เซียนเหรินอวิ๋นเหมี่ยวและคนรักเว่ยจื่ออยู่ในพื้นที่
มงคลที่ปริแตกซึ่งเต็มไปด้วยมลพิษสกปรก ภูตผีจับกลุ่มรวมกัน
ร่วมกันจุดธูปคารวะไปยังใบถงทวีป
ภูเขาสุ้ยซานแห่งแผ่นดินกลาง ซานจวินโจวโหยว ฉายาเทพว่า
‘ต้าเจี้ยว’ เผยกายธรรมร่างทองใหญ่โตมโหฬาร หันหน้าไปทาง
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของใต้หล้าไพศาล สองมือจับประคองธูป
หนึ่งในสองภูเขาทายาทของขุนเขาใหญ่จวีซวี เจินเหรินพสุธา
แห่งภูเขาเหนี่ยวจวี่ นักพรตเฟิงจวิน
กงซินโจวเทพภูเขาผู้เฒ่าของภูเขาเซียงเฝ่ยแจกันสมบัติทวีป โต้วแยนเทพภูเขาของยอดเขาเตี๋ยอวิ๋น เหวย
เว่ยเทพภูเขาแห่งสันเขาเฟินสุ่ย นำพาเทพหญิงสองคนที่มีเทวรูปตั้ง
วางอยู่ในศาลหันหน้าไปทางทิศเหนือ จุดธูปคารวะอยู่ไกลๆ
สุดท้ายคนผู้หนึ่งที่คล้ายกับปิดท้ายการจุด ‘ธูปภูเขา’ ให้กับวิญ
ญาณวีรบุรุษแห่งขุนเขาในใต้หล้า ถึงกับเป็นหลวี่เหยียน นักพรตฉุน
หยางที่ ‘ร่างจริง’ อยู่ในแจกันสมบัติทวีป
ในระเบียงชั้นบนสุดของหอสยบปีศาจ เสี่ยวโม่และชิงถงต่างก็
ประสานมือคารวะขอบคุณนักพรตฉุนหยางที่อยู่ข้างกาย
หลวี่เหยียนยิ้มบางๆ พลางก้มหัวคำนับกลับคืน
ควันธูปลอยอวล แสงดาวพร่างพราว
สายน้ำแต่ละหยดรวมตัวกันเป็นแม่น้ำลำคลอง ดินทับถม
กลายเป็นภูเขา ลมพัดฝนก่อตัว
ปรมาจารย์มหาปราชญ์มองเงาร่างเหล่านั้นที่ค่อยๆ สลายหาย
ไปแล้วลูบหนวดยิ้มเอ่ย “วันหน้าจะให้ทางฝั่งของศาลบุ๋นจดเรื่องราว
นี้และพวกเขาลงไปในบันทึกด้วย”
เฉินผิงอันไม่สะดวกจะพูดอะไรมากนักปรมาจารย์มหาปราชญ์ถามว่า “ตอนนี้ในมือของเจ้ายังเหลือ
บุญกุศลอยู่ก้อนหนึ่ง?”
เฉินผิงอันพยักหน้า ลองคำนวณดูคร่าวๆ แล้วน่าจะยังเหลือ
อีกประมาณสามส่วน
“เสียงฟ้าร้องดังคำรามลั่น น้ำฝนไม่มีทางตกลงมาน้อย บอก
ตามตรง ถือว่าเป็นภาพบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่มากแล้ว ได้คลี่คลาย
เรื่องเร่งด่วนเหมือนไฟไหม้ลามขนคิ้วให้กับใบถงทวีปได้อย่างสิ้นเชิง
แล้ว คำพูดนี้ฟังดูแล้วเหมือนปกติทั่วไป แต่อันที่จริงกลับไม่ง่ายเลย
ก็เหมือนผู้ฝึกยุทธเต็มตัวอย่างพวกเจ้าที่ต้องเปลี่ยนลมปราณที่
แท้จริงเฮือกหนึ่ง ไม่ใช่การกระทำที่เอายามาต่อชีวิตอะไร แต่
เป็นการรอดชีวิตมาได้อย่างแท้จริง”
ปรมาจารย์มหาปราชญ์หันหน้ามามองเฉินผิงอัน หัวเราะร่า
เอ่ยว่า “แต่หากปิดฉากเช่นนี้ ในอนาคตเมื่อเจ้าหวนนึกถึงเมื่อไหร่ก็
คงต้องอดเสียดายไม่ได้เมื่อนั้นไม่ใช่หรือ?”
เฉินผิงอันคลางแคลง ตนยังทำอะไรได้อีกเล่า? หรือว่า
ปรมาจารย์มหาปราชญ์ยินดีสานสะพานความสัมพันธ์ นำบุญกุศลสามส่วนที่เหลือมอบให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้ำที่ตน
ไม่สนิทสนมคุ้นเคยพวกนั้น?
ปรมาจารย์มหาปราชญ์หัวเราะ “คิดไปคนละทางแล้ว หนึ่ง
เพราะทุกวันนี้ข้าไม่สะดวกจะยื่นมือเข้าแทรกเรื่องอะไรแล้ว หาไม่
แล้วสำ หรับใต้หล้าไพศาล นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องดีได้แน่นอน อีกอย่างก็
คือ หน้าตาของข้าไม่มีค่าขนาดนี้เลยหรือ จำ เป็นต้องทำหน้าหนา
ออกหน้าด้วยตัวเอง ช่วยเจ้าไล่เคาะประตูบ้านไปทีละหลัง
ถามพวกเขาว่าต้องการทำการค้าครั้งนี้กับเจ้าไหม? มีอย่างที่ไหนกัน
?”
เฉินผิงอันฟังด้วยความมึนงง จึงได้แต่รอคอยประโยคถัดไป
ปรมาจารย์มหาปราชญ์เองก็ไม่อมพะนำ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า
“ไม่ใช่คนบ้านเดียวกันไม่เข้าประตูบานเดียวกัน ศิษย์พี่ทั้งหลายใน
สายเหวินเซิ่งของพวกเจ้า แม้ว่านิสัยจะแตกต่างกันไป แต่กลับมีอยู่
สองสามเรื่องที่ใจตรงกันมากเป็นพิเศษ”
“แรกเริ่มสุดคือฉีจิ้งชุนที่ไหว้วานป๋ายเหย่เรื่องหนึ่ง จากนั้นก็
เป็นจั่วโย่วตอนอยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ที่ไหว้วานเฉินชิงตูเรื่องหนึ่ง ต่อมาก็เป็นก่อนจวินเชี่ยนจะเดินทางไปเยือนใต้หล้ามืดสลัวที่
เคยไหว้วานจิงเซิงซีผิงเรื่องหนึ่ง สุดท้ายเป็นชุยฉาน…ไม่ได้พูดอะไร
ทั้ง
นั้น
แต่ความหมายของเขาน่ะหรือ ทางฝั่งศาลบุ๋นล้วนเข้าใจดี”
“อันที่จริงก็คือเรื่องเดียวกัน ให้มอบคุณความชอบในศาลบุ๋น
ของพวกเขาให้ศิษย์น้องเล็กจัดการทั้งหมด”
ปรมาจารย์มหาปราชญ์ตบไหล่คนหนุ่ม “ดังนั้นถึงได้บอกว่า
นอกจากถูกคนฝากความหวังไว้ให้ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้คนไม่รู้สึก
เดียวดายแล้ว ถ้าอย่างนั้นเดินไปบนมหามรรคาเดียวกันกับคนอื่น
คิดดูแล้วก็น่าจะเป็นเช่นเดียวกัน”
ไม่เพียงแต่ศิษย์พี่เหล่านี้ที่เชื่อว่าลูกศิษย์คนสุดท้ายของ
อาจารย์พวกเขา ศิษย์น้องเล็กของพวกเขา สามารถแบกเสาคาน
ใหญ่ของสายเหวินเซิ่งในอนาคตได้ จะช่วยปกป้องมรรคาให้กับเหล่า
ลูกศิษย์ของลูกศิษย์ของอาจารย์ได้
ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องห้าคนของสายเหวิน
เซิ่งยังมีจิตใจที่เชื่อมโยงถึงกันโดยไม่จำ เป็นต้องเอื้อนเอ่ยออกมาเป็น
คำพูดบางทีพวกเขาอาจเคยรู้สึกผิดหวังต่อโลกใบนี้ แต่พวกเขากลับ
ยินดีที่จะฝากความหวังไว้ให้กับโลกใบนี้
——