กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 955.1 ใจคิดถึงบ้านแผ่อวลเต็มโต๊ะ
ใต้หล้ามืดสลัว แนวเส้นชายแดนของมณฑลยงโจวและมณฑล
เพ่ยโจว
ผู้ฝึกตนหญิงสองคนสาวเท้าเดินเล่นอย่างผ่อนคลาย เดิน
เคียงไหล่กันขึ้นสู่ที่สูง
ใบหน้าของนักพรตหญิงพร่าเลือนเห็นไม่ชัด ประหนึ่งก้อน
เมฆและสายน้ำที่เคลื่อนคล้อยล่องลอยไม่หยุดนิ่ง
ชุดคลุมวารีเมฆาตัวหนึ่ง ภูเขาเซียนทับซ้อนกันเป็นหมื่นชั้น
ก็คืออู๋โจวหนึ่งในผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่จำ นวนน้อยจนนับ
นิ้วได้ซึ่งเข้าร่วมการประชุมริมลำคลองคราวก่อน
ข้างกายของนางมีหญิงสาวที่โฉมงามสะพรั่งคนหนึ่งติด
ตามมาด้วย สวมมงกฎจักรพรรดิ บนร่างสวมชุดคลุมมังกรสีเหลือง
สว่าง
ก็คือจูเสวียนโอรสสวรรค์ของราชวงศ์อวี๋ฝูมณฑลยงโจวใน
ทุกวันนี้ ในใต้หล้ามืดสลัว สตรีครองราชย์สืบทอดบัลลังก์เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก
บนไหล่ของจูเสวียนมีนกนางแอ่นสีม่วงตัวหนึ่งเกาะอยู่
รอบกายมีปลาสีทองตัวหนึ่งที่เป็นภาพมายาว่ายวนไม่หยุดนิ่ง
มีหนวดมังกรของแท้งอกออกมาสองเส้นแล้ว
ปลาที่มีเกล็ดสีทองและนกนางแอ่นที่มีปีกสีม่วง ถูกมองเป็น
วัตถุแห่งเทพเซียนมาโดยตลอด เป็นเหตุให้สัตว์วิเศษสองชนิดนี้ คิด
จะหลอมเรือนกายบรรลุมรรคาเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เล่าลือกันว่า
ทั้ง
สองฝ่ายเดินขึ้นไปบนจุดสูงของมหามรรคา ฝ่ายแรกสามารถ
เปลี่ยนจากปลามาเป็นมังกร หากโชคดีก็จะได้กลายเป็นมังกรที่
แท้จริง ฝ่ายหลังสามารถเปลี่ยนครรภ์รกกระดูกกลายมาเป็น ‘หงส์
เพลิง’ ในตำนาน ฝ่ายแรกถือว่าจำ นวนมีค่อนข้างมาก แต่ฝ่ายหลัง
กลับมีน้อยจนนับนิ้วได้
ทั้ง
สองฝ่าย ‘เดินขึ้นเขา’ ไปด้วยกัน
เพียงแต่ว่าภูเขาลูกนี้กลับเป็นเทือกเขาเส้นหนึ่งที่ตั้งอยู่ใต้น้ำ
ของลำน้ำใหญ่ประหนึ่งนภากาศที่กว้างใหญ่ไพศาลมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ตะวันจันทราส่องประกายแสงลงบนตำหนักสีเงินและสีทอง
ส่วนศาลเทพภูเขาก็ถึงกับสร้างไว้ใต้น้ำ ซึ่งก็เป็นทัศนียภาพที่
มีเฉพาะในใต้หล้ามืดสลัวเท่านั้น
หอกลางอากาศทาสีชาดวิจิตรงามงด เมฆลอยอวลทอแสง
อรุโณทัย
บนยอดเขาสูง เนื่องจากลักษณะภูเขาเว้ายวบลงเหมือนอ่างใบ
หนึ่ง จึงมีคำเรียกขานบ้านๆ ว่า ‘อ่างล้างหน้า’ ส่วนศาลเทพภูเขา
ที่อยู่บนภูเขาก็มีคำเรียกขานว่าโต๊ะเครื่องแป้ง
ดูเหมือนว่าซุนไหวจงจะเคยมาเที่ยวเยือนที่แห่งนี้ สองคำ
เรียกขานนี้ก็เป็นเจ้าอารามผู้เฒ่าของอารามเสวียนตูที่เอ่ยเรียกเป็น
คนแรกสุด เพียงไม่นานก็แพร่หลายไปทั่วหลายมณฑล
เจ้าอารามผู้เฒ่าท่านนี้เหมือนกับเป็นรายงานขุนเขาสายน้ำที่
เดินได้ของใต้หล้ามืดสลัวอย่างไรอย่างนั้น
อู๋โจวยิ้มถาม “ได้ยินว่าลู่เหล่าซานรับปากเจ้าว่าจะพาผู้
ถวายงานอันดับหนึ่งคนหนึ่งมาให้ราชวงศ์อวี๋ฝูของพวกเจ้าหรือ?”จูเสวียนพยักหน้ารับ “ดังนั้นหลายปีมานี้จึงเว้นตำแหน่งนี้ว่าง
ไว้โดยตลอด ครั้งนี้เจ้าลัทธิลู่หวนกลับสู่ป๋ายอวี้จิง ไม่ว่าอย่างไรก็
น่าจะมีคำอธิบายให้ข้าได้บ้างแล้ว จะดีจะชั่วก็ควรจะกำหนด
ระยะเวลา หาไม่แล้วหากยังถ่วงเวลาเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องสมควร”
ดูเหมือนว่าใครก็ตามที่สนิทสนมกับลู่เฉินก็ล้วนไม่ใส่ใจใน
สถานะและขอบเขตของเจ้าลัทธิสามแห่งป๋ายอวี้จิงท่านนี้
อวี๋โจวยิ้มกล่าว “มณฑลยงโจวของพวกเจ้าจะมีมังกรแท้จริง
ตัวที่สองปรากฏแล้วหรือ?”
ใต้หล้าไพศาลมีมังกรที่แท้จริงอย่างหวังจูแล้ว
ใต้หล้ามืดสลัวคือสถานการณ์ของเก้าภูเขาหนึ่งสายน้ำ ระดับ
ความเข้มข้นของโชคชะตาน้ำอยู่ไกลเกินกว่าที่จะทัดเทียมกับไพศาล
ได้ติด ยากมากจริงๆ ที่จะฟูมฟักมังกรที่แท้จริงตัวหนึ่งได้
เพราะศึกเดินขึ้นฟ้า เมื่อมีการตกรางวัลตามคุณความชอบกัน
ไปแล้ว เจียวหลงที่ฝึกตนบรรลุมรรคาก็แทบจะอยู่ในใต้หล้าไพศาลที่
ได้ครอบครองน่านน้ำของสี่มหาสมุทรทั้งหมด ต่างพากันบุกเบิกวัง
มังกรสี่มหาสมุทร หรือไม่ก็จวนน้ำไว้ตามลำน้ำใหญ่ แม่น้ำลำคลองหรือสระน้ำต่างๆ มีมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว คอยรับผิดชอบ
เคลื่อนเมฆโปรยฝน
จูเสวียนกล่าว “ไม่กล้าคาดหวังหรอก”
อู๋โจวเอ่ยเตือน “สามารถลองช่วงชิงชีกู่มาอีกครั้งได้ หลังจาก
เขาฝ่าทะลุขอบเขต เรื่องของการประทานโชคชะตาบู๊ ไม่ว่าจะเป็น
อย่างไร หลักๆ แล้วก็ยังคงเป็นหวังหยวนลู่โจรขโมยข้าวผู้นั้นที่
มีความหวังบนมหามรรคา หากเจ้าดึงชีกู่มาเป็นพวกได้สำ เร็จ ด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหวังหยวนลู่ ไม่แน่ว่าอาจเป็น
การค้าขายที่ดีที่ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งก็เป็นได้”
มองออกว่าชีกู่กับหวังหยวนลู่ต่างก็เป็นคนที่เห็นแก่
ความสัมพันธ์เก่าก่อนทั้งสิ้น หากชีกู่มารับหน้าที่เป็นผู้ถวายงาน
เชื้อพระวงศ์ของสกุลจูอวี๋ฝู จากนั้นมีหวังหยวนลู่ติดตามมาเป็น
เจ้าอารามของสือฟางฉงหลินแห่งหนึ่งในอาณาเขต สำ หรับ
ราชสำ นักอวี๋ฝูที่เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นทุกวันแล้วก็เท่ากับว่ามีผู้ช่วย
ใหญ่เพิ่มมาถึงสองคนจูเสวียนขมวดคิ้วมุ่น “แต่ว่าชีกู่ผู้นั้นใช้คำพูดคลุมเครือ ทั้งๆ ที่
หวั่นไหวแล้ว แต่กลับยังไม่ยอมพยักหน้าตอบตกลง ให้คำยืนยันที่
แน่ชัด บอกแค่ว่าจะกลับไปที่เขตอู่หลิงบ้านเกิดก่อนรอบหนึ่ง”
เมื่อเทียบกับราชวงศ์ชิงเสินในมณฑลปิงโจวแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
กองกำลังแคว้น หรือเทียบกันในด้านพลังการสู้รบขั้นสูงสุดของเต้า
กวาน สกุลจูอวี๋ฝูยังด้อยกว่าระดับใหญ่ เพราะถึงอย่างไรยงโจวก็
เป็นแค่มณฑลเล็กๆ แห่งหนึ่ง รากฐานบางเบา ค่อนข้างคล้ายคลึง
กับแจกันสมบัติทวีปของใต้หล้าไพศาล หลายๆ เรื่องราวจึงเป็น
เหมือนการทำพิธีกรรมในเปลือกหอยจริงๆ เพียงแต่ว่าโชคดีที่บรรพ
จารย์ไท่อินข้างกายผู้นี้หวนกลับมาตุภูมิเดิม เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับ
ว่ายงโจวมีผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่คนหนึ่งมานั่งพิทักษ์ขุนเขาสายน้ำให้
การที่อู๋โจวโปรดปรานราชวงศ์อวี๋ฝูเช่นนี้ หนึ่งเพราะสถานที่
แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ฝึกตนของนาง เพียงแต่ว่าได้กลายเป็นซาก
ปรักที่ถูกทิ้งร้างไปนานแล้ว นอกจากนี้อาวุธเซียนชิ้นแรกที่นาง
หลอมออกมาได้ก็คือสมบัติพิทักษ์แคว้นของราชวงศ์อวี๋ฝูในทุกวันนี้
ปีนั้นอู๋โจวได้นำไปมอบให้กับฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้นของสกุลจูอวี๋ฝูบุรุษที่มีอัจฉริยะและแผนการอันลึกล้ำผู้นั้นสามารถถือว่าเป็นคู่
บำเพ็ญเพียรครึ่งตัวของอู๋โจวได้ สุดท้ายก็เป็นอู๋โจวที่มองเห็น
ผลสำ เร็จบนมหามรรคาของจูเสวียน อายุหนึ่งร้อยปีก็เป็นเซียนเหริน
คนหนึ่งแล้ว หากมอบเวลาให้จูเสวียนอีกสักสี่ห้าร้อยปี แล้ว
มีโชควาสนาบนมหามรรคาอย่างหนึ่งมอบให้นางก็มีหวังจะได้เป็น
บินทะยาน อีกทั้งยังอาจจะเป็นบินทะยานขี่มังกรที่ระดับขั้นสูงที่สุด
ด้วย หนึ่งคนหนึ่งมังกรพิสูจน์มรรคาในเวลาเดียวกัน ถึงเวลานั้น
สถานการณ์แคว้นของราชวงศ์อวี๋ฝูก็จะมีค่าพอให้คาดหวังรอคอย
แล้ว ดังนั้นอู๋โจวถึงได้ยินดีมาเปิดซากปรักลานประกอบพิธีกรรมที่ยง
โจวใหม่อีกครั้ง
ผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่งเลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่ในตำนาน กลาย
มาเป็นผู้บรรลุมรรคา เส้นทางการฝึกตนต่อจากนั้นก็จะเปลี่ยน
มาเป็น…กระอักกระอ่วนและน่าเบื่ออย่างยิ่ง
อู๋โจวยิ้มกล่าว “ความสำ เร็จขึ้นอยู่กับคน”
จูเสวียนพยักหน้า “พยายามให้เต็มที่ สุดท้ายอะไรจะเกิดก็
ขึ้นอยู่กับฟ้าลิขิตแล้ว”อู๋โจวพูดชวนคุยว่า “หากเปลี่ยนข้าไปเป็นเจ้าก็จะปลอมตัว
ออกไปเยี่ยมเยือนเป็นการส่วนตัวสักรอบ ติดตามพวกเขาไปที่
ราชวงศ์ชิงเสิน ถือเสียว่าไปเที่ยวเล่นผ่อนคลายอารมณ์”
จูเสวียนเอ่ยอย่างจนใจ “มีความคิดนี้อยู่ แต่น่าเสียดายที่
ปลีกตัวไปไม่ได้”
เรื่องใหญ่ของแคว้นนั้นอยู่ที่พิธีบวงสรวงและการทหาร
อาณาเขตของมณฑลยงโจวเล็ก สกุลจูอวี๋ฝูถือเป็นไม้เด่นเกินไพร
ดังนั้นหลังจากที่จูเสวียนขึ้นครองราชย์ สงครามจึงเกิดขึ้นน้อยครั้ง
แต่เรื่องการถือศีลทำพิธีเซ่นไหว้กลับต้องสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจ
แล้วยังไม่อาจทำอย่างขอไปทีได้ เพราะประเภทของการบวงสรวง
เซ่นไหว้มียิบย่อย พิธีการก็ซับซ้อน นอกจากจะมีการเผาข้าวของ
บูชาเครื่องสังเวยเพื่อบวงสรวงฟ้าดินแล้ว ก็ยังมีพิธีจมน้ำเพื่อ
บวงสรวงน้ำ พิธีแขวนข้าวของเพื่อบูชาเทพภูเขา ฯลฯ เทพบนฟ้า
มนุษย์ผี เทพบนดิน และยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำอีก
มากมายล้วนต้องมีการทำพิธีเคารพบูชาทั้งสิ้น นอกจากนี้ก็ยังมีการ
จัดพิธียันต์หยกและพิธียันต์ทองที่ต้องจัดอย่างละครั้งในทุกๆ ช่วงสองสามปี เนื่องจากจูเสวียนถือเป็นจักรพรรดิผู้ครองแคว้นที่ยังมี
ประสบการณ์ตื้นเขิน ตอนนี้จึงยังไม่อาจบอกกล่าวเรื่องพวกนี้แก่
คนนอกได้ ดังนั้นตลอดทั้งปี อย่างน้อยที่สุดต้องมีเวลาสามเดือนที่
หากนางไม่อยู่ในงานพิธีถือศีลทำทานต่างๆ ก็จะต้องอยู่ระหว่างการ
เดินทางไปร่วมงานเซ่นไหว้บวงสรวงทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ช่วงที่ผ่านมานี้ตลอดทั้งราชวงศ์อวี๋ฝูได้ร่วมแรงกันลงมือจัดงานพิธี
ใหญ่ผู่เทียน (หนึ่งในพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการทำพิธีกรรมใน
ลัทธิเต๋า โดยมีจักรพรรดิเป็นประธานในการทำพิธีสักการะเทพเจ้า
สามพันหกร้อยองค์) ที่ร้อยปีก็ยากจะพานพบสักครั้ง ตั้งบูชาเทวรูป
ของเทพมากถึงสามพันหกร้อยองค์ เชื้อเชิญจิงซือ เต้ากวานผู้
มีคุณูปการและเจ้าอารามเต๋าของแต่ละสายทั่วแคว้น หรือแม้กระทั่ง
ทั่วทั้งมณฑลให้มาร่วมกันจัดงานพิธีอันยิ่งใหญ่นี้ที่เมืองหลวง ซึ่ง
เรื่องนี้จะต้องให้จูเสวียนจักรพรรดิหญิงผู้เป็นประธานในพิธีลงแรง
ด้วยตัวเอง ดังนั้นนางถึงบอกว่าปลีกตัวมาไม่ได้ โชคดีที่อดีตฮ่องเต้
รอให้นางเลื่อนเป็นขอบเขตเซียนเหรินก่อนแล้วถึงได้สละบัลลังก์ให้
กับนางอู๋โจวเอ่ยสัพยอก “อวี๋ฝูของพวกเจ้าขาดเสนาบดีรูปงามที่
สามารถทำให้จักรพรรดิปล่อยมือไม่ต้องยุ่งกับการปกครองไปคน
หนึ่งนะ”
เหยาชิงเสนาบดีรูปงามคือขุนนางใหญ่ที่ช่วยเหลือด้าน
การปกครองซึ่งจักรพรรดิองค์ใดก็ตามล้วนปรารถนาแม้ในยามหลับ
ฝันจริงๆ
ขยับเข้าใกล้ยอดเขา อู๋โจวพลันหยุดเดิน หรี่ตามองม่านฟ้า
มองทะลุผ่านม่านน้ำของลำน้ำใหญ่ไป สายตาของนางทอดยาวไป
จนถึงจุดที่สูงที่สุดของทิศเหนือ
อยู่ดีๆ อู๋โจวก็เอ่ยประโยคหนึ่งที่คล้ายกับคำศัพท์ทาง
ดาราศาสตร์ “กลุ่มดาวเป่ยโต้ว หุ้นเทียนอี๋ (เครื่องวัดตำแหน่ง
ดวงดาว) จุดเริ่มต้น ขั้นตอนและจุดจบของเรื่องราวล้วนมีร่องรอย
ให้ตามหา”
ในฐานะเต้ากวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็นจักรพรรดิของ
หนึ่งแคว้น อีกทั้งยังจัดงานพิธีบวงสรวงอยู่บ่อยๆ แน่นอนว่านี่
ไม่ใช่คำกล่าวที่แปลกใหม่สำ หรับจูเสวียน นางมองตามเส้นสายตาของอู๋โจวไปยังจื่อเวยหยวนที่เล่าลือกันว่า…เมื่อหมื่นปีก่อนมีกลุ่ม
ดวงดาวมอดดับไปมากมาย
ดาวจื่อเวยขยับเข้าใกล้ดาวต้าเจี่ยว อำนาจฮ่องเต้ได้รับการ
ยอมรับจากสวรรค์ ดาวเทียนซื่ออยู่ตรงกลาง ห้อยลงดินผูกเส้นโยง
ตำแหน่งของจื่อเวยหยวนอยู่ตรงกลางของท้องฟ้าทางเหนือ
ขั้ว
โลกเหนือเป็นแกนกลาง ซ้ายขวาขนาบล้อม ดุจกำแพงป้องกัน ธนู
สองคันประกบ โอบล้อมเป็นนคร
เนื่องจากการโคจรของเทพเทวดา จักรวาลถูกสร้างหยินหยาง
เปิดปิด เล่าลือกันว่าเคยมีตำหนักอยู่ที่นี่แห่งหนึ่ง ชื่อเดิมคือ
‘ตำหนักจื่อกง’
อู๋โจวขยับเท้าเดินขึ้นสู่ที่สูงต่ออีกครั้ง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ภูเขา
เหลี่ยงจิง สำ นักต้าเฉา บวกกับภูเขาใต้อาณัติทั้งหลายที่สำ นัก
ทั้ง
สองร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน บวกกับคนบางคน ก็
บังเอิญมากแล้ว ประจวบเหมาะพอดี บังเอิญอย่างยิ่ง แน่นอนว่า
เป็นคู่สร้างคู่สมที่สวรรค์สรรค์สร้าง”“สัญญาณดวงดาวลางบอกเหตุแห่งสวรรค์ นังหนูเจาเกอผู้นี้
วางหมากกระดานใหญ่ได้ดีจริงๆ”
จูเสวียนใจกระตุกเล็กน้อย ขมวดคิ้วเอ่ย “ดังนั้นปีนั้นสวีเจวี้ยน
ถึงได้…จำ เป็นต้องตายไปก่อนครั้งหนึ่ง? คล้ายคลึงกับการที่
ใช้ร่างกายของภูตผีหรือวิญญาณวีรบุรุษมากลายเป็นเทพ? หรือว่า
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นแผนการของเจาเกอและภูเขาเหลี่ยงจิง”
อู๋โจวหัวเราะ “บางทีอาจเป็นเจาเกอที่คาดการณ์ไว้ได้นานแล้ว
หรือบางทีนางอาจแค่จับผลัดจับผลูเท่านั้น แต่ความเป็นไปได้ที่
มากกว่านั้นยังคงเป็นระหว่างที่นางปิดด่านได้เห็นโอกาสที่นาง
สามารถฉกฉวยมาได้พอดี ไม่แน่ว่าอาจเป็นโชคในการผสานมรรคา
ของนาง ไม่ได้อยู่ที่ตัวนางเอง แต่อยู่ที่ปรากฎการณ์ฟ้าบางอย่าง นี่
เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น ข้าไม่เชี่ยวชาญการคำนวณ ครั้งหน้าที่
เจ้าได้เจอกับเจ้าลัทธิลู่สามารถถามเขาเองได้ แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็
เชี่ยวชาญศาสตร์นี้อยู่แล้ว”
หากไม่พูดถึงขั้นตอน ดูแค่ผลลัพธ์อย่างเดียว ชาดเหลืองเชื่อม
สองกำแพง จักรพรรดิมีเรื่องน่ายินดี สำ นักต้าเฉาและภูเขาเหลี่ยงจิงที่เดิมทีเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน ยอมละทิ้งอคติเก่าก่อนที่เคยมีต่อกัน
สองฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงใจ แน่นอนว่าถือเป็นชัยชนะของทั้งสอง
ถ้าอย่างนั้นการที่สวีเจวี้ยนคนเดียวได้ควบตำแหน่งเจ้าสำ นักสอง
แห่งก็ยิ่งเป็นการยึดครองความได้เปรียบที่ใหญ่เทียมฟ้า
ตำหนักจื่อกงเป็นระเบียบสามัคคี ย่อมชักนำนิมิตหมายมงคล
ประดุจการมาเยือนของเฟิ่งหวง เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ พูดถึงการ
แต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ครั้งนั้น พูดถึงการที่เจาเกอบรรพจารย์
หญิงของภูเขาเหลี่ยงจิ่งผูกสมัครเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับสวีเจวี้ยน
นักพรตหญิงเจาเกอย่อมไม่มีทางเหนื่อยเปล่าแน่นอน
ดวงดาวจื่อกงเจิดจ้าคือนิมิตแห่งความมงคลและโชคดี การ
เสริมสร้างภายในแข็งแกร่ง แน่นอนว่าพูดถึงภูเขาเหลี่ยงจิงและ
สำ นักต้าเฉาในทุกวันนี้ที่หลังจากผนวกรวมกันก็มีพลังอำนาจ
ยิ่งใหญ่อย่างที่ใครก็มิอาจต้านทานได้ ถ้าอย่างนั้นหากมีผู้ถือธงออก
มาจากตำหนักจื่อกง ก็คือโอรสวรรค์ที่จะออกกรีฑาทัพ เป็นผู้นำทัพ
ด้วยตัวเอง จากนั้นประตูใหญ่ของตำหนักจื่อกงเปิดออก ก็คือ
สถานการณ์ที่สงครามปะทุทั่วใต้หล้าอู๋โจวกล่าว “ผู้ฝึกตนอย่างพวกเรา นอกจากเรื่องของการ
ฝ่าทะลุขอบเขตแล้วก็ยังมีเรื่องอีกมากมายที่สามารถทำได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชนกับกำแพงระหว่างการฝึกตน มิอาจ
ทำลายคอขวดบางอย่างไปได้ ก็ต้องหาเรื่องอะไรทำบ้าง ก็เหมือนข้า
ที่พอออกจากภูเขามาครั้งนี้ก็เดินทางมาถึงที่นี่เลยไม่ใช่หรือ”
สามลัทธิหนึ่งสำ นัก ขงจื๊อ พุทธ เต๋าบวกกับสำ นักการทหารอีก
หนึ่ง บรรพจารย์สามลัทธิสลายมรรคา เมื่อสิ่งหนึ่งลดลงสิ่งหนึ่งต้อง
เพิ่มขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้การลุกผงาดของสำ นักการทหารก็จะเป็น
แนวโน้มของสถานการณ์ใหญ่ที่มิอาจต้านทานได้แล้ว
ตั้ง
แต่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างรุกรานใต้หล้าไพศาล จนไปถึงใต้หล้า
ไพศาลโจมตีกลับเปลี่ยวร้าง ย้อนมาดูสิบสี่มณฑลของมืดสลัวใน
ทุกวันนี้ ไยไม่ใช่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั่วทุกสารทิศ บางทีแค่มี
สะเก็ดไฟกระเด็นมาสักเล็กน้อยก็อาจกลายเป็นไฟป่าไหม้ลามทุ่ง
เลยก็เป็นได้
สงครามที่ม้วนหอบไปทั่วใต้หล้า ไม่ว่าจะตีกันไปตีกันมา ใคร
จะแพ้ใครจะชนะ สุดท้ายเป็นใครที่ได้ผลประโยชน์?แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ฝึกตนที่บรรลุมรรคาเพียงหยิบมือที่อยู่
เบื้องหลังเว้นจากศาลบรรพชนสำ นักการทหาร ที่จะนั่งรอชุบมือเปิบ
ขโมยโชควาสนาไป
อันที่จริงฝ่ายในของสำ นักการทหารก็มีการช่วงชิงบนมหา
มรรคาที่มองไม่เห็นอยู่
ดังนั้นตอนนั้นอริยะปราชญ์ของศาลบุ๋นแผ่นดินกลางจึงใช้คำ
ว่า ‘คุณูปการไร้จุดด่างพร้อย’ เป็นข้ออ้างในการสับเปลี่ยนอันดับ
ของเทวรูปเจ็ดสิบสองแม่ทัพที่ได้ตั้งบูชาในศาลบู๊ นี่ย่อม
ไม่ใช่การกระทำที่เรียบง่ายเพียงแค่การใช้อารมณ์ของบัณฑิตเท่านั้น
แต่ต้องมีความหมายลึกล้ำยาวไกลแน่นอน
หากว่าโจวมี่ ไม่ใช่ถ้าหาก แต่เจ้าหมอนี่จะต้องทิ้งทางหนีทีไล่
ไว้ในโลกมนุษย์แน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้อยู่หลายอย่าง
ที่จะช่วยให้โจวมี่ที่เดินขึ้นฟ้าไปแล้วเกิดการขานรับจากบนและล่าง
เกิดการประสานร่วมมือจากนอกและใน
ยกตัวอย่างเช่นโจวมี่เคยทิ้งร่างแยกที่ลึกลับอำพรางร่างหนึ่งไว้
ในโลกมนุษย์ หากเป็นผู้ฝึกกระบี่ก็รับรองว่าในอนาคตจะต้องมีโอกาสได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ฝึกกระบี่บริสุทธิ์ขอบเขตสิบสี่ หรือไม่หาก
เป็นผู้ฝึกตนสำ นักการทหารก็จะสามารถจับปลาในน้ำขุ่น จากนั้นก็
จะเป็น…ความเป็นไปได้อื่นๆ ทุกอย่าง
เพราะถึงอย่างไรความคิดของโจวมี่ คนธรรมดาก็คาดเดา
ไม่ได้จริงๆ
เพียงแต่ว่าสายของผู้ฝึกกระบี่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด
แต่ความเสี่ยงกลับมากที่สุด เพราะใต้หล้าไพศาลสูญเสียผู้ที่เป็นที่
ภาคภูมิใจตที่สุดในโลกมนุษย์ไปคนหนึ่ง ทว่าอารามเสวียนตูของใต้
หล้ามืดสลัวกลับมีป๋ายเหย่ที่เป็นผู้ฝึกกระบี่แล้วเพิ่มมาคนหนึ่ง
ป๋ายเหย่ตัวดี
เท่ากับว่าอาศัยกำลังของตัวเองคนเดียวตัดขาดสะบั้นทางไป
ของโจวมี่มาถึงสองครั้งแล้ว
จูเสวียนถามด้วยความจริงใจว่า “ข้าสามารถทำอะไรเพื่อ
ผู้อาวุโสได้บ้างไหม?”
อู๋โจวหลุดหัวเราะพรืด
จูเสวียนรู้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้วสิ่งที่นางสามารถทำได้ อู๋โจวมีหรือจะทำไม่ได้
อู๋โจวยิ้มพลางหยิกแก้มของจูเสวียน “ความหวังดีนี้ข้ารับไว้
แล้ว”
จูเสวียนทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
อู๋โจวส่ายหน้า “‘โพ่เจิ้น’ เล่มนั้น เจ้าไม่มีทางมอบให้ และข้า
เองก็ไม่มีทางขอมา”
ก่อนหน้านี้จูเสวียนพยายามดึงตัวชีกู่มาเป็นผู้ถวายงาน
เงื่อนไขที่นางเสนอไปก็คือจะมอบอาวุธเทพที่อยู่ในคลังลับของ
เชื้อพระวงศ์เล่มนี้ให้ชีกู่ยืมใช้ชั่วคราว ระยะเวลาที่กำหนดไว้คือ
สามร้อยปี
ในความเป็นจริงแล้ว อาวุธเทพชิ้นนี้เคยเป็นของแทนตัวชิ้น
หนึ่ง ก็คือของที่อู๋โจวมอบให้ฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้นของราชวงศ์อวี๋ฝู
ในอดีตกับมือตัวเอง
อู๋โจวต้องการรวบรวมอาวุธเทพมาไว้สำ หรับการผสานมรรคา
ในวันหน้า ยิ่งมากก็ยิ่งมีประโยชน์ มีเพียงของชิ้นนี้ที่อู๋โจวไม่เคย
มีความคิดใดๆ ต่อมันใต้หล้ามืดสลัวในทุกวันนี้ อาวุธเทพที่ตกทอดมาซึ่งถูกจด
ลงบันทึก มีหลักฐานในตรวจสอบ หากรวม ‘โพ่เจิ้น’ ด้วยก็มีทั้งสิ้น
แปดสิบชิ้น
ต่างก็เป็นของล้ำค่าหายากที่ได้มาไม่ง่าย มีเพียงอาวุธเทพ
จำ นวนน้อยนิดเท่านั้นที่ถึงจะตกหล่นอยู่ในใต้หล้ามืดสลัวท่ามกลาง
ศึกเดินขึ้นฟ้า ของส่วนใหญ่ล้วนถูกเทพเซียนของป๋ายอวี้จิง
เสี่ยงอันตรายออกไปนอกฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า เอาดวงดาวที่จำ แลง
มาจากซากปรักสนามรบบรรพกาลและโครงกระดูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์
มาแล้วขุดหา หรือไม่ก็ไปงมเอามาจากพื้นที่ลับที่ปริแตกในแม่น้ำ
แห่งกาลเวลา
——