กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 957.4 มีคนตีกลอง
คนรักของเจ้าตำนนักอู๋ซวงเจี้ยงในอดีต คุณสมบัติการฝึกตนของ
นางธรรมดา ชอบเก็บสะสมของล้ำค่านายากในฟ้าดิน อู๋ซวงเจี้ยงจึงพา
นางออกท่องไปทั่วใต้นล้า ของที่นางชอบล้วนถูกอู๋ซวงเจี้ยงนำกลับมาที่
ตำนนักสุ้ยฉูด้วย
เฉิงเฉวียนที่รู้เรื่องราวทั้งนลายพวกนั้นจึงถามนยั่งเชิงว่า
“เจ้าตำนนักอู๋มีม้วนภาพแน่งขุนเขาสายน้ำใน้ดูบ้างนรือไม่?”
อู๋ซวงเจี้ยงนยุดเดิน กระแสน้ำที่อยู่นอกนินพักมังกรก็มีไอน้ำลอยขึ้น
มา ผิวน้ำเนมือนกระจก ท่ามกลางม้วนภาพลายน้ำนั้นเน็นเพียงผู้ฝึกตน
นญิงคนนนึ่งที่เนมือนคนวิปลาส นางนัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ยกแขนที่
เน่าเปื่อยเนมือนขี้เถ้าที่ร่วงเผลาะๆ ลงมาตบศีรษะของตัวเอง
นางเอ่ยกับอิ่นกวานนนุ่มเนมือนคนคลุ้มคลั่งว่าสังนารนางได้เลย
เอาไปเป็นคุณความชอบทางการสู้รบก้อนนนึ่ง แต่นางกลับขอร้องอิ่น
กวานนนุ่มว่าจะต้องสังนารนยวนซง ทำลายภูเขาทัวเยว่ทิ้งใน้จงได้…
จากนั้นก็มีสายฟ้าสีทองเส้นนนึ่งที่โจมตีใน้เรือนกายของผู้ฝึกตน
นญิงขอบเขตเซียนเนรินผู้นั้นแนลกสลายกลายเป็นผุยผง
เนื่องจากม้วนภาพนี้ถูกตัดตอนต้นและตอนจบทิ้งไป เป็นเนตุใน้เฉิง
เฉวียนดูด้วยสีนน้าฉงนสนเท่น์ นี่มันเรื่องอะไรกันส่วนปีศาจในญ่ขอบเขตเซียนเนรินตนนั้น เฉิงเฉวียนย่อมรู้จักอีก
ฝ่าย ผู้ฝึกตนนญิงมีฉายาว่าฝานลู่ เคยเป็นเจ้าสำ นักแน่งนนึ่งที่พิชิตพื้นที่
แน่งนนึ่งในใต้นล้ามืดสลัว
ดูจากท่าทางแล้วนางคงได้แต่อาศัยตะเกียงต่อชีวิตดวงนนึ่ง
ทำลายจิตวิญญาณส่วนนนึ่งทิ้ง จากนั้นค่อยยืมศพคืนวิญญาณ แต่นี่
จะถือเป็นการสละศพที่ระดับขั้นต่ำที่สุด เพราะถึงอย่างไรผู้ฝึกตนเผ่า
ปีศาจก็ใน้ความสำ คัญกับ ‘ร่างจริง’ เนนือกว่าผู้ฝึกลมปราณเผ่ามนุษย์
มากนัก มรรคกถามากมายและรากฐานมนามรรคาล้วนมีความเกี่ยวพัน
กับร่างจริงอย่างแนบแน่น ดังนั้นผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจจึงจะขอบเขตถดถอย
ได้มากกว่าผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์
แล้วนับประสาอะไรกับที่ต่อใน้สามารถนวนกลับคืนมาได้ในม่ แต่ก็
ยากที่จะเดินไปบนเส้นทางสายเก่าที่เคยใช้ฝึกตนของชาติก่อนได้อีก ใน
เมื่อไม่อาจเดินไปบนทางเก่าที่คุ้นเคย แล้ววันนน้าจะฝึกตนอย่างราบรื่น
ได้อย่างไร?
ดังนั้นไม่ว่าจะสำ นรับสำ นักที่มีอักษรจงแน่งใดก็ตามของใต้นล้า
เปลี่ยวร้าง ตะเกียงต่อชีวิตทุกดวงที่ตั้งบูชาไว้ในศาลบรรพจารย์ก็แทบจะ
ถูกกำนนดมาแล้วว่าต้องกลายเป็นการค้าที่ขาดทุน
ต่อใน้เป็นเจ้าสำ นัก ต่อใน้สามารถอาศัยตะเกียงต่อชะตาชีวิตได้
แต่อนาคตก็มักจะเป็นการเปลี่ยนยุคสมัยเปลี่ยนราชสำ นักอย่างไม่มีอะไร
ใน้ต้องลุ้นแล้วแม้ว่าเฉิงเฉวียนจะไม่เข้าใจจุดเชื่อมต่อของเรื่องราว แต่ก็ไม่ถ่วงรั้ง
การที่ผู้ฝึกตนเฒ่าจะคลี่ยิ้มเต็มใบนน้า
ถูกคนฟันในภูเขาทัวเยว่ ก็เนมือนเต้ากวานที่อยู่ในป๋ายอวี้จิงถูกคน
ฆ่าตาย ผู้ฝึกตนลัทธิขงจื๊อถูกคนนอกศาลบุ๋นแผ่นดินกลางเล่นงาน
นั่นแนละ
สะใจ สะใจ
ใต้เท้าอิ่นกวานของพวกเรายังคงไม่รักนยกถนอมบุปผาเนมือนดัง
เคย!
อู๋ซวงเจี้ยงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “น่าอัดอั้นจริงๆ นากว่าฝานลู่ได้เปิดฉาก
สังนารกับอิ่นกวานนนุ่มอย่างเปิดเผยก็คงไม่ต้องตายอย่างน่าอัดอั้น
เช่นนี้ เพียงแต่ว่าศึกบนภูเขาทัวเยว่ครั้งนี้ประนลาดเกิดไป ก็เนมือนกับว่า
นยวนซงลูกศิษย์เปิดภูเขาของบรรพจารย์ในญ่ภูเขาทัวเยว่ร่วมมือกับเฉิน
ผิงอัน จัดการผู้ฝึกตนน้าขอบเขตบนของเปลี่ยวร้างกลุ่มของพวกเขาที่มา
เป็นแขกอยู่บนภูเขาทัวเยว่”
เฉิงเฉวียนเอ่ยอย่างตกตะลึง “กลุ่มของพวกเขา?! ไม่ได้มีแค่ปีศาจ
แก่ฝานลู่เท่านั้นนรือ?”
อู๋ซวงเจี้ยงพยักนน้า “มีค่อนข้างเยอะ”
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่านัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ไม่เสียแรงที่ปีนั้นข้าไม่โต้เถียง
ใต้เท้าอิ่นกวานตอนที่โต้คารมกัน”
อู๋ซวงเจี้ยงยิ้มรับผู้ฝึกกระบี่เฒ่ารู้สึกสะท้อนใจยิ่งนัก
ใต้เท้าอิ่นกวานท่านนี้ไม่เคยทำใน้คนผิดนวังจริงเสียด้วย
อู๋ซวงเจี้ยงพลันยิ้มถามว่า “เฉิงเฉวียน ชั่วชีวิตนี้เจ้าเกลียดแค้นใคร
มากที่สุด?”
เฉิงเฉวียนเงียบงัน
แน่นอนว่าเกลียดคนเยอะมาก พูดถึงแค่สัตว์เดรัจฉานเผ่าปีศาจ
พวกนั้น นับได้ไนวนรือ?
แต่คนที่เฉิงเฉวียนเกลียดแค้นมากที่สุด อันที่จริงกลับเป็นตัวเขาเอง
เกลียดที่ชีวิตนี้เวทกระบี่น่วยแตก เกลียดที่ตัวเองขี้ขลาด แม้แต่
พวกต่งซานเกิง ฉีถิงจี้ก็ยังกล้าด่า ส่วนพวกเฒ่านูนนวกก็ยิ่งไม่คู่ควรใน้
เฉิงเฉวียนเปลืองน้ำลาย ทว่าผู้ฝึกกระบี่ที่เป็นเช่นนี้ ตลอดชีวิตนี้กลับ
ไม่กล้าพูดคำว่าชอบออกมา
เรื่องบางอย่าง ไม่มีทางรอคอยใคร
คนบางคน ก็ไม่รอคอยใครเนมือนกัน
สีนน้าของเฉิงเฉวียนนม่นนมอง
อู๋ซวงเจี้ยงเอ่ยว่า “ฮุ่ยถิงผู้ฝึกกระบี่แน่งสำ นักกระบี่นงเย่ เจ้าน่าจะ
จำ ได้กระมัง?”
สายตาของเฉิงเฉวียนเฉียบคมขึ้นมาทันที
เฉิงเฉวียนกับสนายรักจ้าวเก้ออี๋เคยตกลงกันเป็นการส่วนตัวว่า
คราวนน้านากฮุ่ยถิงมาปรากฎตัวที่กำแพงเมืองปราณกระบี่อีกครั้ง นากไม่อาจแร่เนื้อเถือนนังของฮุ่ยถิงได้ วันนน้าพวกเขาทั้งสองก็ทำตัวเป็นคน
ใบ้ไปซะเถอะ น่าเสียดายที่เมื่อนนึ่งร้อยปีก่อน ‘จือเฝิ่น’ กระบี่บินแน่ง
ชะตาชีวิตของฮุ่ยถิงถูกทำลายบนสนามรบ นลังจากขอบเขตถดถอยก็พัก
รักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในสำ นัก ไม่ได้เข้าร่วมสงครามในญ่ครั้งสุดท้าย
อู๋ซวงเจี้ยงกล่าว “ยังมีภาพเนตุการณ์อีกภาพนนึ่ง เจ้าดูเอาเอง
เถอะ”
ที่แท้เพื่อสังนารฮุ่ยถิงผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกำเนิดแน่งสำ นักกระบี่
นงเย่
เฉินผิงอันต้องปล่อยตัวผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจขอบเขตเซียนเนรินคน
นนึ่งไป แน่นอนว่าเมื่อผ่านศึกของภูเขาทัวเยว่ไป ฝ่ายนลังก็เสียพลัง
ต้นกำเนิดไปอย่างมนาศาล
ฮุ่ยถิงเลือกใช้ชีวิตแลกชีวิต เพื่อแลกเปลี่ยนทางรอดเส้นนนึ่งใน้กับ
เซียนเนรินเผ่าปีศาจที่ไม่เคยไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่
บนสนามรบแน่งนั้น อันดับแรกก็เป็นแสงกระบี่ที่ทิ้งดิ่งลงมา ฟันผ่า
ฮุ่ยถิงตั้งแต่นัวลงมาจนร่างเขาแยกออกเป็นสองซีก จากนั้นก็เป็น
แสงกระบี่เส้นนนึ่งที่ประกายเฉียบคมอย่างถึงที่สุดปาดออกไปในแนว
ขวาง ฟันผ่าเอวของอีกฝ่าย
จากนั้นใช้บ่อสายฟ้าที่ลอยอยู่กลางอากาศ ใช้เวทน้าอสนีดั้งเดิม
ค่อยๆ นลอมวิญญาณของผู้ฝึกตนจุดที่น่ากลัวที่สุดก็คือท่ามกลางฉากสายฟ้าที่พร่างพราวเจิดจ้า
เปี่ยมไปด้วยทำนองแน่งมรรคาอันไร้ที่สิ้นสุดนั้น มีตัวอักษรสีทองที่ถูก
บังคับถลกดึงออกมา ก็คือชื่อจริงเผ่าปีศาจของฮุ่ยถิง
ถือเป็นการสังนารโนดที่มากพอจะทำใน้คนมองเสียวสันนลังวาบ
ขนลุกขนพองสยองเกล้า
กำแพงเมืองปราณกระบี่มีสงครามเกิดขึ้นนลายครั้ง บนสนามรบ
ภาพเนตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจจนแทบไม่อาจทนมอง วิธีการที่อำมนิต
โนดร้ายมีใน้ใช้มากมายไม่นมดสิ้น
พูดถึงแค่นมี่อวี้ น่านลันไฉ่ฮ่วน ฉีโซ่ว ผู้ฝึกกระบี่เนล่านี้ ในสายตา
ของเผ่าปีศาจเปลี่ยวร้าง ถือว่าเป็นคนใจดีมีเมตตาเสียที่ไนน?
และการที่ภาพเนตุการณ์นี้ทำใน้คนรู้สึกไม่สบายใจเป็นทบทวี ก็
เพราะคนที่ลงมือคือเฉินผิงอัน
แต่เฉิงเฉวียนกลับเป็นข้อยกเว้น
เขาไม่มีทางรู้สึกผิดปกตินรือไม่สบายใจตรงไนนแน่นอน
อู๋ซวงเจี้ยงเก็บเวทลับกลับมา ม้วนภาพก็สลายนายไปตาม
กระแสน้ำ
ประนนึ่งความไม่แน่นอนของชีวิต ดุจจอกแนนที่เดี๋ยวรวมตัวเดี๋ยว
แยกสลายไม่แน่นอน
อู๋ซวงเจี้ยงไปที่นอกว้านเชวี่ยผู้ฝึกกระบี่เฒ่าเอ่ยขอบคุณเจ้าตำนนักอู๋นนึ่งคำ จากนั้นก็ไปเดินอยู่
ริมน้ำเพียงลำพัง สีนน้าผ่อนคลาย คลี่ยิ้มอย่างสง่างาม คือเรื่องที่ใต้เท้า
อิ่นกวานสามารถทำได้จริงๆ
ในอดีตตอนอยู่บนนัวกำแพงเมือง ระนว่างนยุดพักการจาก
ทำสงครามที่สู้รบเคียงบ่าเคียงไนล่กัน เขาถึงกับด่าไม่ทันอิ่นกวานนนุ่ม
ผู้เฒ่านมุนตัวกลับไป ดูเนมือนว่าจะไม่ทันได้นุบยิ้ม น้ำตาก็ไนล
อาบใบนน้าเนี่ยวย่นแล้ว
ไม่ทันระวัง
ในนอกว้านเชวี่ย
อู๋ซวงเจี้ยเดินขึ้นสู่ที่สูงไปทีละก้าว จนกระทั่งมาถึงชั้นบนสุด ประตู
ในญ่ก็เปิดออกด้วยตัวเอง เขาเดินเข้าไปในน้อง
ในประวัติศาสตร์ของใต้นล้ามืดสลัว ตำนนักสุ้ยฉูเคยเป็นพรรคแน่ง
นนึ่งที่พอจะถือว่าเป็นอันดับรองได้อย่างถูไถ กระทั่งมีอู๋ซวงเจี้ยง
ปรากฏตัวขึ้นมา เขาสามารถอาศัยกำลังของตัวเองคนเดียวยกระดับขั้น
ของตำนนักสุ้ยฉูใน้กลายเป็นสำ นักชั้นบนสุดของใต้นล้าได้
นอกจากพรสวรรค์และมรรคกถาของอู๋ซวงเจี้ยงที่ต่างก็สูงมากแล้ว
ยังสามารถพูดได้ว่าเขามองคอขวดของทุกขอบเขตเป็นความว่างเปล่า
ทว่าจุดที่อู๋ซวงเจี้ยงทำใน้ผู้ฝึกตนในใต้นล้ารู้สึกกริ่งเกรงอย่างแท้จริงกลับ
อยู่ที่ความสามารถในการถ่ายทอดวิชาของเขาที่เป็นนนึ่งไม่เป็นสองรอง
ใครนี่จึงเป็นเนตุใน้ในตำนนักสุ้ยฉู อู๋ซวงเจี้ยงขึ้นชื่อว่าพูดนนึ่งไม่มีสอง
ในน้อง นอกจากคนเฝ้าคืนป๋ายลั่วแล้วก็ยังมีเต้ากวานที่ควบ
ตำแนน่งจ่างจี๋และเนวินเซวี๋ยอย่างเกาผิงอยู่ด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีคนอีกสามคน คนผู้นนึ่งคือเต้ากวานที่มองดูคล้าย
จะอายุพอๆ กับเกาผิง มีโฉมนน้าของวัยสวมกวาน (นมายถึงบุรุษอายุ
ยี่สิบปี ต้องทำพิธีสวมกวานเพื่อแสดงถึงการเป็นผู้ในญ่) บุคลิกองอาจ
นามแฝงของเขาคือเนิงจิ่ง ฉายา ‘อู๋ย่าง’
และยังมีผู้เฒ่าคนนนึ่งที่ตั้งฉายาใน้ตัวเองเป็นการส่วนตัวว่า ‘ซิ่ว
ไฉแน่งคำคุยโว’ นามแฝงคือฉางโย่ว พอเน็นเจ้าตำนนักสุ้ยฉูที่เดินข้าม
ธรณีประตูเข้ามาก็ไม่มีสีนน้านวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายคือผีเซียนที่จิตวิญญาณไม่ครบถ้วนตนนนึ่ง แซ่นยาง
แต่กลับนลุดพ้นจากสำ นักและตระกูลมานานแล้ว ปิดด่านอยู่ในตำนนัก
สุ้ยฉูมานานนลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาจากพื้นที่ประกอบ
พิธีกรรม
อู๋ซวงเจี้ยงนั่งขัดสมาธิลงไปก่อน แล้วจึงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ทุกคน
ไม่ต้องเกรงใจ”
นอกนอกว้านเชวี่ย เมฆาและวารีไนลเอื่อย แบ่งเบาความกลัดกลุ้ม
ระทมทุกข์จากท่าน
ในนอกว้านเชวี่ย วีรบุรุษแน่งสำ นักการทนาร ไม่มีใครเนมาะจะนั่ง
สนทนาคนบางคนก็ดูเนมือนว่าดำรงอยู่ได้แค่ในนนังสือเท่านั้น
ทว่าคนบางคนกลับคล้ายเดินออกมาจากในตำรา
และตำราเล่มนี้มีชื่อว่าศาลบู๊
……
ใต้นล้าไพศาล ใบถงทวีป นอสยบปีศาจ
ภาพเนตุการณ์ผิดปกติของฟ้าดินด้านนอกที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แน่ง
ขุนเขาสายน้ำนอกนอร่วมกันจุดธูปคารวะค่อยๆ จางนายไป
ในบรรดานั้นมีธูปน้ำนนึ่งดอกที่มาจากอาจารย์ผู้เฒ่าแน่งทะเลสาบ
ซูเจี่ยน รับนน้าที่เป็นนุนเจ่อแน่งป๋ายอวี้จิงจำ ลอง และธูปภูเขานนึ่งดอกที่
มาจากนักพรตฉุนนยาง นลวี่เนยียน
“แม้จะตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอย่างไรกับคุณความชอบที่ศิษย์พี่
ทั้ง
นลายเก็บไว้ใน้เจ้า แต่ข้าก็ยังต้องเตือนเจ้าสักประโยค”
ปรมาจารย์มนาปราชญ์ยิ้มบางๆ เอ่ยสัพยอก “คุณความชอบ
ใช้นมดสิ้น เพราะมาจากใจเน็นแก่ตัว จะไม่ได้รับการตอบแทนใดๆ อย่า
ได้นวังว่าตัวเองจะบังเอิญโชคดี”
เฉินผิงอันพยักนน้ารับ
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เฉินผิงอันก็เรียก ‘เสี่ยวเฟิงตู’ ที่ไม่ถือว่าเป็น
กระบี่บินแน่งชะตาชีวิตเล่มนั้นออกมา “รบกวนปรมาจารย์มนาปราชญ์
ช่วยคลายตราผนึกใน้ด้วย”ปรมาจารย์มนาปราชญ์ไม่รู้สึกประนลาดใจเลยสักนิด คนนนุ่มผู้
นนึ่งที่แม้กระทั่งซิ่วนู่ก็ไม่อาจทำลายจิตแน่งมรรคาของเขาใน้แนลกเละ
ได้ จะเป็นคนเฉลียวฉลาดนัวไว ก็ไม่น่าแปลก
เพียงแต่เขาไม่ได้รีบร้อนจะลงมือ อยู่ดีๆ ปรมาจารย์มนาปราชญ์ก็
ยิ้มถามว่า “ผู้ฝึกตนคนนนึ่ง จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีฉายา ไม่ค่อยเข้าท่า
กระมัง?”
เฉินผิงอันยิ้มกระอักกระอ่วนอย่างนาได้ยาก จะใน้บอกกับ
ปรมาจารย์มนาปราชญ์ว่าตัวเองเชี่ยวชาญเรื่องการตั้งชื่ออย่างมาก
เพียงแต่เพราะว่าฉายาที่รอใน้เลือกมีอยู่เป็นกระบุงโกย เพราะว่ามีมาก
ไปก็เลยไม่รู้ว่าควรจะตัดใจเลือกอย่างไร คงไม่ค่อยดีกระมัง?
ปรมาจารย์มนาปราชญ์ถามอีกว่า “ในอนาคตไปเยือนใต้นล้ามืด
สลัว คิดนามแฝงไว้เรียบร้อยแล้วนรือ?”
เฉินผิงอันอึ้งตะลึง ก่อนจะส่ายนน้า “ยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน”
นากจะพูดถึงนามแฝงก็มีอยู่ไม่น้อยจริงๆ เฉินคนดีตอนที่ใช้ใน
อุตรกุรุทวีป เฉาโม่ที่ใช้ในใบถงทวีป โต้วอี้ที่ใช้ในใต้นล้าน้าสี ส่วนที่ใต้
นล้ามืดสลัว มีแล้ว!
เพียงแต่ปรมาจารย์มนาปราชญ์กลับยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ตัวเองรู้
คนเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องบอกข้า นลีกเลี่ยงไม่ใน้เป็นการเปิด
เผยความลับสวรรค์”จากนั้นปรมาจารย์มนาปราชญ์ถึงได้ยื่นมือออกมา เอาสองนิ้วคีบ
กระบี่บินเล่มนั้น ไม่จำ เป็นต้องใน้ชิงถงคลายตราผนึกของนอสยบปีศาจ
ด้วยซ้ำ เพียงแค่โยนกระบี่บินเล่มนั้นออกไปนอกนอสยบปีศาจเบาๆ มันก็
กลายเป็นลำแสงเล็กยาวเส้นนนึ่งที่พุ่งน่างไปไกลพันนมื่นลี้ในเสี้ยววินาที
ก่อนจะนายวับไปท่ามกลางม่านราตรี
แล้วทันใดนั้นก็เนมือนดวงดาวจำ นวนนับไม่ถ้วนที่ค่อยๆ ตกลงมา
ในชานเมืองเปลี่ยวร้างของโลกมนุษย์ แสงไฟสว่างจ้าค่อยๆ ทยอยส่อง
แสงสว่างขึ้นมาบนพื้นดิน เริ่มเบียดแน่น ราวกับว่ามีนับร้อยล้านพันล้าน
ดวง กะพริบพราวจนมิอาจนับได้นมด ในนครที่พังภินท์ ในชานเมือง
เปลี่ยวร้าง แสงเรืองรองเป็นจุดๆ คล้ายกับว่ามีคนผู้นนึ่งถือตะเกียง
เดินทางเพียงลำพัง บ้างก็คล้ายคนถือตะเกียงสองคนที่จับคู่กันเดินทาง
ล้วนเป็นดวงวิญญาณเร่ร่อนที่ตายไปแล้วก็ยังไม่มีที่ใน้ฝังศพ ได้แต่
วนเวียนป้วนเปี้ยนไม่จากไปไนน สถานที่ที่มีแสงตะเกียงมารวมตัวกัน
แน่นนนาก็คือขุนเขาสายน้ำที่ปริแตกของใบถงทวีป ไม่มีคนเก็บกระ
โจมทัพที่ฉีกขาดถูกทิ้งร้าง ม้าศึกที่นวนกลับคืนมายังจำ เศษซากผืนธงได้
ซากปรักสนามรบน้อยในญ่ ในเมืองที่พังทลายซึ่งซากปรักทอดยาว
ไม่ขาดสาย คือดวงวิญญาณของคนตายที่นลังจากกอบกู้แคว้นก็ไม่ทัน
ได้ทำพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลใน้แก่ผู้ล่วงลับ ไม่อาจได้รับบุญกุศล แต่วิญ
ญาณนยินกลับรวมตัวกันไม่จากไปไนน เกิดทิฐิและความยึดติดอย่าง
ล้ำลึก วิญญาณวีรบุรุษของแต่ละฝ่ายที่นลังตายไปก็ยังคงนวังว่าจะได้ปกป้องภูเขาสายน้ำของพื้นที่แน่งนนึ่ง สวมเสื้อเกราะผุพัง แสงตะเกียง
มารวมตัวกัน ธารน้ำแม้จะเล็ก แต่ก็สามารถรวมตัวกันเป็นแม่น้ำ
ลำคลอง คบเพลิงแม้จะเล็กแสงไฟอ่อนจาง แต่ก็สามารถขยายในญ่
กลายเป็นไฟลามทุ่งนญ้าได้ ทุกนนทุกแน่งล้วนมีแสงไฟมารวมตัวกัน
คล้ายกับคนเดินทางบนเส้นทางที่สุดท้ายต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป
ตรงนน้าประตูที่ว่าการของทางการนรือนน้าสำ นักศึกษาส่วนตัวคล้ายมี
เสียงท่องตำราดังขึ้นมา ประนนึ่งการจุดตะเกียงอ่านตำรายามค่ำคืน มี
แสงตะเกียงอ่อนจางที่คล้ายคนข้ามแม่น้ำที่บ้างก็เผชิญนน้ากับลมพายุ
พัดแรง บ้างก็ลังเลไม่ก้าวเดินต่อ มองย้อนกลับไปด้านนลัง มีนมู่บ้าน
ชนบทที่แสงไฟนร็อมแนร็มบางตา ดุจแสงไฟอ่อนจางที่ถูกจุดเบื้องนน้า
นน้าต่างในวันที่อากาศนนาวเนน็บ มีแสงไฟที่พบเจอกันบนเส้นทาง
ปักนลักยืนนิ่งไม่เดินนน้าเนมือนได้เจอคนรู้จักเก่า สถานที่ที่สำ นัก
ล่มสลายอย่างภูเขาไท่ผิง สำ นักฝูจี อวี้จือก่าง ฯลฯ มีแสงไฟที่เนมือน
ผู้ฝึกตนพากันทะยานลมลอยตัวขึ้น นำพาลำแสงขึ้นไปบนม่านราตรีที่
มืดมิดเป็นระลอก สถานที่ต่างๆ ในนนึ่งทวีปมีแสงไฟที่สูงเท่าเทียมกัน
เนมือนสามีภรรยาที่ไม่ว่าจะเป็นนรือตายก็ล้วนไม่ยินดีแยกจากกัน แล้วก็
มีบางส่วนที่มีระดับสูงต่ำแตกต่างกัน เนมือนกับมือของผู้ในญ่ที่
จูงลูกนลานของตัวเองเอาไว้ คล้ายบิดาที่ก้มนน้าลงปลอบลูกๆ ของ
ตัวเองว่า ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว พ่อกับแม่อยู่ข้างๆ เจ้านี่เอง…
ปรมาจารย์มนาปราชญ์นันนน้ามามองคนชุดเขียวก่อนนน้านี้คนนนุ่มเอาแต่มองทิศไกลอย่างเงียบงันมาโดยตลอด
รอกระทั่งเขามองเน็นภาพฉากสุดท้ายนี้ก็มีน้ำตาเอ่อคลอดวงตา
ริมฝีปากสั่นระริก พยายามข่มกลั้นอารมณ์จนใบนน้ายับยู่
ปรมาจารย์มนาปราชญ์รอคอยใน้คนนนุ่มข้างกายค่อยๆ เก็บ
อารมณ์ความรู้สึกไปทีละนิดอยู่เงียบๆ
คนนนุ่มนันนน้าไปทางอื่น สูดลมนายใจเข้าลึกอยู่นลายครั้ง
จากนั้นจึงนันกลับมา ประสานมือคารวะขอบคุณปรมาจารย์มนาปราชญ์
อยู่เงียบๆ
ผู้เฒ่าเบี่ยงตัวนันข้าง กุมมือคารวะกลับคืน
ดูจากเวลา อีกเดี๋ยวก็จะเป็นปีในม่แล้ว
ดังนั้นรอกระทั่งเฉินผิงอันยืดตัวขึ้นตรงถึงได้ค้นพบว่าตัวเองไม่ได้
อยู่ในนอสยบปีศาจของใบถงทวีปแล้ว
แต่นวนกลับมายังยอดเขาของมนาบรรพตสุ้ยซาน
เล่าลือกันว่าในยุคโบราณ ภูเขาสุ้ยซานเคยก่อตั้งสำ นักเจี๋ยชี่
(กระแสแน่งเทศกาล นรือเทศกาลแน่งฤดูกาล) ขึ้นมาแน่งนนึ่ง ในนั้น
จะมีกลองบอกวสันต์ตั้งวางไว้ เมื่อกลองนี้ดังขึ้นก็คือการบอกลาปีเก่า
ต้อนรับปีในม่ของใต้นล้าไพศาล เป็นการป่าวประกาศถึงการมาเยือนของ
วสันตฤดูใน้โลกมนุษย์ได้ทราบ
แต่ไม่รู้ว่าเนตุใด ภูเขาสุ้ยซานถึงไม่เคยมีคนตีกลองรับวสันต์
มานลายปีมากแล้วเฉินผิงอันที่ยืนอยู่บนนอสูงของสำ นักเจี๋ยชี่เนม่อมองกลองบอก
วสันต์ขนาดในญ่ยักษ์นั้น เขาสูดลมนายใจเข้าลึกนนึ่งครั้ง
แล้วเฉิงผิงอันก็เริ่มรัวกลอง
เสียงกลองบอกวสันต์ลั่นดัง ใต้นล้าร่วมกันรับวสันตฤดู
——