กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 965.1 พบนักพรตอีกครั้ง
ในตําราบอกไว้ว่า ใต้หล้านี้ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่มีวันเลิกรา แต่ก็ ไม่ต้องกลัว ในตํารา ยังพูดด้วยว่า ชีวิตคนไม่มีที่ใดที่มิอาจพานพบ
แขกที่มาเข้าร่วมงานพิธีต่างก็ทยอยกันออกไปจากยอดเขามี่
เซวี่ย กลุ่มคนที่มีจํานวน คนมากที่สุดโดยสารเรือข้ามฟากถงอินที่
สํานักกระบี่ชิงผิงเพิ่งจะได้มาครองจากไปด้วย ขบวนเดินทางอัน ยิ่งใหญ่ มุ่งหน้าไปยังภูเขาไท่ผิง
นอกจากหวงถึงเจ้าขุนเขาคนใหม่ซึ่งไม่มีที่ใดให้ต้องกังขาแล้ว
ภูเขาไท่ผิงยังมีผู้ถวายบ้าน คั่วหรานผู้ถวาย
งานที่ได้รับการบันทึกชื่อ ลูกศิษย์ถานยิ่งโจว เจิ้งโย่วเฉียน เนื่องจาก จางชานเฟิงต้องการเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในใบถงทวีปต่อ จึงสามารถ
เดินผิงที่อยากไปดูท่าเรือชวีซานได้พอดี เผยเฉียน
ติดตามพี่หญิงเป่าผิง ไปด้วย พวกนางต่างแต่งกายด้วยการสะพาย หีบไม้ไผ่ ในมือถือไม้เท้าเดินป่า คิดว่าจะไปที่ภูเขาไท่ผิงก่อนรอบ หนึ่ง แล้วค่อยไปเที่ยวเยือนเรือนอวิ๋นฉ่าวของผูซาน เมื่อเป็นเช่นนี้ เย่อวิ๋นอวิ๋นจึงบอกให้ถานหรงและเซวียไหวกลับภูเขาไปก่อน นางเอง
ก็จะไปดูที่ตั้งเก่าของภูเขาไท่ผิงเช่นกัน ผลคือจงขุยกับอวี่จิ่นก็จะ
ตามไปด้วย ปีนั้นตอนที่จงขุยยังเป็นวิญญูชนของสํานักศึกษาต้าฟูก็ สนิทสนมคุ้นเคยกับภูเขาไท่ผิงดีอยู่แล้ว ส่วนเจ้าอ้วนผู้นั้น เขาย่อมมี
เหตุผล ที่ถูกต้องชอบธรรม หมายจะเป็นผู้พิทักษ์บุปผา…หยวนหลิง เตี้ยนเห็นท่าทางนี้ เห็นขบวนเดินทางเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าศิษย์น้องเล็กไม่
จําเป็นต้องให้ตนปกป้องมรรคาให้อีกแล้ว
หยวนหลิงเตี้ยนจึงออกไปจากใบถงทวีปก่อน แต่กลับไม่ได้หวน กลับไปยังยอดเขาพาตี้ แต่ทะยานลมตรงดิ่งไปเหนือมหาสมุทร อาศัย กุยชวีมุ่งหน้าไปยังใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ไปห ฮว่อหลงเจินเหรินผู้เป็น
อาจารย์
เรือข้ามฟากถงอินลอยขึ้นกลางอากาศช้าๆ หลังจากลอดทะลุ ชั้นเมฆแต่ละชั้นไปแล้วก็พลันจากไปไกล รวดเร็วประดุจนกชิงเหนี่ยว (นกในตํานาน เป็นทูตของเจ้าแม่ชีหวังหมู่ ทําหน้าที่คอยส่งข่าว)
คนชุดเขียวคนหนึ่งเดินอยู่บนท่าเรือชิงซาน ปรึกษากับเด็กหนุ่ม
ชุดขาวผู้มีไฝแดง กลางหว่างคิ้วถึงการจัดตั้งร้านค้าบนท่าเรือใน
อนาคต ปรึกษากันว่าควรจะเป็นฝ่ายบอก กล่าวกับเหล่าบรรพจารย์
ร้านผ้าห่อบุญบนโลกว่าให้มาลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ดีหรือไม่
ข้างกายคนทั้งสองมีแม่นางน้อยชุดดําคนหนึ่งติดตามมาด้วย ใน มือนางถือไม้เท้า ไม้ไผ่เขียว บนบ่าแบกคานหาบสีทอง สะพาย กระเป๋าผ้าฝ้ายเฉียงๆ วันนี้บนหลังยังสะพาย หีบหนังสือใบเล็กใหม่
เอี่ยมสีเขียวปลั่งราวกับจะคั้นน้ําได้มาใบหนึ่งด้วย
เดิมทีเฉินผิงอันคิดจะไปเยือนภูเขาไท่ผิงพร้อมกับหลี่เป่าผิงและ เผยเฉียน แต่เขาเพิ่ง จะได้รับจดหมายลับฉบับหนึ่งจากอริยะปราชญ์
ลัทธิขงจื้อท่านหนึ่งที่นั่งบัญชาการณ์ม่านฟ้า นี่ทําให้เฉินผิงอัน จําเป็นต้องเดินทางกลับภูเขาลั่วตั่วทันที อีกทั้งยังต้องเรียกเสี่ยวโม่ไป
ด้วยกัน
ส่วนเรือข้ามฟากเพิ่งยวนที่ตอนนี้ยังจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือซิง
ซาน การเดินทางลงใต้ คราวหน้า นอกจากท่าเรือซวีซานอวี่โจวทาง ทิศใต้สุดที่จะมีเรือตระกูลเขียนมาจอดเทียบท่า เพิ่มลําหนึ่ง ก็ยังจะไป
เยือนท่าเรือปี้เฉิงที่อยู่ใกล้กับประตูภูเขาของสํานักกุยหยกด้วย
บ
เพราะ ถึงอย่างไรหากอิงตามข้อตกลง สองสถานที่ในพื้นที่มงคลถ้ํา เมฆาอย่างหาดหินหวงเฮ้อและ ภูเขาเยี่ยนซาน รายรับอีกห้าร้อยปี ข้างหน้าก็จะต้องหล่นลงในกระเป๋าเงินของห้องบัญชี สํานักกระบี่ซิ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูเขาเยี่ยนชานที่เป็นสถานที่ผลิตหินตระกูล
บ
เซียนซึ่งเอาไว้ใช้ทําแท่นฝนหมึกมังกรน้ํา ภูเขาเยี่ยนชานมีขนาด
ใหญ่มาก สํานักกุยหยกและช่างของสกุลเจียงทยอยกันขุดเป็น
ไม่มีวี่แววว่าจะหมดสิ้น ซุยตงซานจะส่งยันต์
หุ่นเชิดพวกมัวอวี่เอ๋อร์ เที่ยวซานกง ฯลฯ ให้ไปตรวจสอบ สถานการณ์ สํารวจอย่างละเอียด ยืนยันในเรื่องปริมาณหินสํารองที่มี เก็บไว้ให้แน่ใจ เรื่องทํานองนี้ควรกระทําอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่จําเป็นต้องปิดบังอําพราง หนึ่งเพราะมีเหตุผลที่ถูกต้องชอบธรรม ตามข้อ ตกลง อํานาจในการขุดเจาะภูเขาเยี่ยนซานภายในห้าร้อยปี จะตกเป็นของสํานักกระบี่ชิงผิง ทั้งหมด นอกจากนี้ต้องยกคุณ
ความชอบให้กับเรื่องที่อาจารย์ตอบตกลงว่าจะช่วยสานสะพาน
ความสัมพันธ์ให้ต่งสุ่ยจิ่งกับกรมการคลังต้าหลี บวกกับสกุลเจียงแห่ง
พื้นที่มงคลถ้ําเมฆา อาจมีกองกําลังสี่ฝ่ายที่ร่วมมือกันทําการค้าแท่น ฝนหมึกนี้ ความบกพร่องเพียงหนึ่งเดียวในความสมบูรณ์แบบก็คือ อาจารย์เตรียมจะเอารายได้ทั้งหมดที่ได้มาไปแบ่งกับสกุลเจียงห้าต่อ
ซุยตงซานหัวเราะร่าถามว่า “อาจารย์ ท่านรู้สึกว่าหลิวโยวโจว
เป็นคนอย่างไร?”
เฉินผิงอันไม่ต้องหยุดคิด “ดีมากเลยล่ะ มีความคิด มีความ รับผิดชอบ ทั้งยังเป็นคน ใจกว้าง ไม่มีนิสัยของคุณชายตระกูลร่ํารวย อะไร ได้ยินอาจารย์อวี้เล่าว่าหลิวโยวโจวยังเป็นจิตรกรเอกคนหนึ่ง ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องหนังสือของเขา ทุกวันนี้ยังแขวนภาพ มีชื่อ เสียงที่สืบทอดต่อกันมาหลายยุคสมัยซึ่งมีมูลค่าควรเมืองเอาไว้
จะต้องทําหน้าหากไปเป็นแขกที่สกุลหลิวธวัลทวีป
จะต้องไปชื่นชมให้จงได้”
ยางขานถ
ชุยตงซานถามอย่างระมัดระวัง “ข้ามักรู้สึกว่าสายตาที่หลิวโยว
โจวมองศิษย์พี่หญิง ใหญ่มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่นะ”
เฉินผิงอันยิ้มน้อยๆ “สตรีที่ดีย่อมเป็นที่หมายปองของเหล่าบุรุษ ก็ไม่เห็นแปลก”
ซุยตงซานทนแล้วทนอีก สุดท้ายก็ทนไม่ไหว “ถ้าอย่างนั้นทําไม ตอนอยู่บนยอดเขาชิงผิง ตอนที่อาจารย์มองหลิวโยวโจวถึงได้ยิ้ม อย่าง….ไม่ค่อยจริงใจ ชวนให้คนขนลุกอย่างนั้นล่ะ”
เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ หันหน้ามามองซุยตง ซาน ใช้สีหน้าและน้ํา เสียงที่ไร้ซึ่งความจริงใจอย่างสิ้นเชิง “งั้นหรือ? ข้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นมิตรมากเลยนะ”
ขุยดงซานรีบพยักหน้ารับรัวๆ เป็นไก่จิกเมล็ดข้าวเปลือกทันที “เป็นมิตร เป็นมิตรมาก
ซุยตงซานสอดสองมือรองไว้ใต้ท้ายทอย บางทีตัวอาจารย์เอง
อาจตระหนักไม่ได้ว่า เมื่ออยู่กับลูกศิษย์ใหญ่อย่างเผยเฉียน มีเพียง
ซุยตงซานสอดสองข้ากับคนอื่นได้ง่ายมากๆ!”
แค่คนสองคนอย่างหลีไหวกับเฉาฉิงหล่าง เท่านั้นที่ไม่ว่าพวกเขาจะ
อยู่ร่วมกับเผยเฉียนอย่างไร อาจารย์ล้วนไม่ถือสาเลยสักนิด วางใจ อย่างมาก เวลาอยู่กับเผยเฉียน อาจารย์มีสภาพจิตใจที่คล้ายกับ…
เป็นทั้งอาจารย์และทั้งบิดา….แต่อันที่จริงเมื่อสืบสาวราวเรื่องกันแล้ว
กลับไม่รู้สึกอันละเอียดอ่อนเหมือน บิดาเฒ่ามากกว่า
ซุยตงซานหัวเราะคิกคัก “ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา สะพายหีบหนังสือใบ
ใหม่ มีความสุขหรือไม่
หมี่ลี่น้อยหัวเราะฮ่าๆ ปากกว้าง “มีความสุข มีความสุข”
ขุยตงซานถามอีกว่า “รู้จักคําว่าสะพายหีบหนังสือออกทัศนาจร หรือไม่ มีใครเขา สะพายหีบตําราเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่หน้าประตู
บ้านอย่างเจ้าบ้างเล่า ดูอย่างเจ้าประมุข แห่งยุทธจักรและหัวหน้าศูนย์ บัญชาการณ์ใหญ่เผยสิ ล้วนต้องออกเดินทางไกลถึงจะ สะพายหีบ
ตารากันนะ”
หมี่ลี่น้อยโยกไหล่ซ้ายทีขวาที “แค่ขุนนางตัวน้อยๆ ความใจกล้า ใหญ่เท่าชามข้าว เดินทางไกลไม่ได้ แค่เดินทางใกล้ เดินทางใกล้”
เตียงวานยังอยากจะพูดต่อ คิดจะเอ่ยสับ
ว
สามประโยค ผลกลับถูกอาจารย์ตบหัวไปทีหนึ่ง
สักสอง
ซุยตงซานพลันถูมือ พูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลําบากใจ
“อาจจะยังต้องขอยืมคนของสํานักเบื้องบนจากอาจารย์มาอีกสอง
คน”
เฉินผิงอันหันหน้ามายิ้มตาหยีถาม “กี่คนนะ ได้ยินไม่ชัด ลอง
พูดอีกทีสิ ยี่สิบคน?”
วันนี้ลงแค่กี่คนกันเอง ยี่สิบคนก็เยอะเกินไป
ซุยตงซานหัวเราะแห้งๆ “แบบนั้นจะได้ที่ไหน ภูเขาลั่วคั่วในทุก
หน่อย”
งานฉลองการก่อตั้งสํานักของภูเขาลั่วชั่วคราวก่อน คนที่จุดธูป
คารวะในศาลบรรพ จารย์ก็มีสมาชิกทําเนียบศาลบรรพจารย์ยอดเขา จี้เซ่อทั้งหมดสี่สิบสามคน
ในบรรดานี้ยังต้องนับรวมตู้เหวินซื่อ ผังหลันซีแห่งสํานักพี่หมา
อุตรกุรุทวีปเข้าไปด้วย และเด็กสองคนอย่างอวี่ชิงจางและเฮ้อเซียงถึง
ทุกวันนี้ก็หลุดพ้นจากทําเนียบของยอดเขาจี้เซ่อ ติดตามผู้ฝึกกระบี่ เฒ่าอวี่เยว่เดินทางไกลไปยังทวีปอื่นแล้ว
ผลคือยังถูกซุยตงซานขุดมุมกําแพงพาตัวไปอีกสิบกว่าคน
หากไม่พูดถึงจํานวนคน พูดถึงแค่การเปรียบเทียบนี้ ใน ประวัติศาสตร์ของใต้หล้า ไพศาลก็ถือว่ามีให้พบเห็นได้ไม่บ่อยจริงๆ
เฉินผิงอันยกเท้าเตะ ห่านขาวใหญ่รีบกระโดดหนีไปด้านข้าง
ทันที
เฉินผิงอันหน้าดําทะมึน หัวเราะเสียงเย็น “ลองว่ามาก่อนสิว่าสอง
คนไหน”
ที่สุด”
ซุยตงซานเอ่ยอย่างระมัดระวัง “หงเซี่ย อวิ๋นจื่อ” เฉินผิงอันยิ้มตาหยี “ต้องการพ่อครัวเฒ่าด้วยหรือไม่?” ซุยตงซานเอ่ยอย่างเหนียมอาย “หากได้ล่ะก็ แน่นอนว่าย่อมดี
เฉินผิงอันยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น ชุยตงซานรีบอ้อมไปหลบอยู่อีก
ด้านของหมี่ลี่น้อยทันที
หมี่ลี่น้อยเกาแก้ม เอ่ยเตือนว่า “ศิษย์พี่เล็ก ตกลงกันไว้แล้วนะว่า มียืมมีคืนยืมอีกไม่ ยาก จะทําเหมือนที่พ่อครัวเฒ่าพูด บอกว่าเวลา ยืมเงินกับคนอื่นแสร้งทําเป็นหลาน แต่พอ ถูกคนมาทวงหนี้ถึงบ้าน กลับสะบัดร่างกลายเป็นบรรพบุรุษไม่ได้นะ”
ซุยตงซานตีหน้าเคร่งเอ่ย “พ่อครัวเฒ่าพูดจาขบขันน่าสนใจ”
เฉินผิงอันกล่าว “อีกเดี๋ยวข้าจะต้องพาเสี่ยวโม่กลับภูเขาลั่วทั่ว แล้ว หมี่ลี่น้อยให้อยู่ที่นี่ไปก่อน ครั้งหน้าค่อยกลับบ้านพร้อมกับเรือ เฟิงยวน”
หมี่ลี่น้อยใช้ไม้เท้าไม้ไผ่เขียวเคาะพื้นเบาๆ พยักหน้าเอ่ยว่า
“รับคําสั่ง!”
หลังจากนั้นเฉินผิงอันก็ไปหาเสี่ยวโม่ที่หาดลั่วเป่า จากนั้นค่อย
ไปยืนดูกลอนคู่ที่อยู่ หน้าประตูภูเขาของยอดเขาชิงผิง คนทั้งกลุ่ม เดินผ่านซุ้มประตูมาด้วยกัน เดินขึ้นบันไดไป คิดว่าจะไปที่ถ้ําสวรรค์ ฉางชุนซึ่งอยู่บนยอดเขามี่เซวี่ยสักรอบหนึ่งก่อน สถานที่แห่งนี้เคย เป็นพื้นที่ประกอบพิธีกรรมระยะสั้นของเฉินผิงอัน การ ปิดด่าน อย่าง เป็นทางการเช่นนี้ นอกจากที่ “ศาลา” ในคุกของกําแพงเมืองปราณ กระบี่แล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกของเขาในไต้ หล้าไพศาลแห่งนี้ ถ้ํา สวรรค์เล็กแห่งนี้ซุยตงซานได้มาจากมือของเถียนหว่าน มากพอจะ
ประ
หนึ่งพิสูจน์มรรคาบินทะยานได้
บ
ทะลุของซานยังไม่ถอดใจ “อาจารย์ จะไม่ปิดด่านฝ่า
ทะลุขอบเขตอยู่ในถ้ํา สวรรค์ฉางชุนแห่งนี้จริงๆ หรือ?”
แบกจอบเล่มเล็กมาขุดมุมกําแพง ขุดไปจนเจอหงเซี่ยและอวิ
นจื่อจะนับเป็นอะไรได้ ขุดเอาตัวอาจารย์มาได้ต่างหากถึงจะถือว่ามี
ความสามารถแท้จริง
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ได้มีความหมายมากนัก นี่ไม่ใช่เรื่องของ
ปราณวิญญาณมาก น้อยแล้ว บางทีรอให้ข้ากลับคืนสู่ขอบเขตหยก ดิบอีกครั้ง แล้วกลับมาจากการเดินทาง ถึงจะ แวะมาที่ถ้ําสวรรค์ฉาง ชุนนี่อีกรอบ”
ซุยางซานถามอีกว่า “รอให้อาจารย์กลับไปแจกันสมบัติทวีป ถ้า อย่างนั้นข้าก็เตรียม จะลงมือจัดการเรื่องถ่ายทอดมรรคาให้ไฉอู่อย่าง เป็นทางการแล้วนะ?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ยิ่งเร่งยิ่งช้าหรือดึงหญ้าช่วยให้เติบโตอะไร หลักการเหตุผลพวกนี้ เจ้าเข้าใจดีกว่าข้า ข้าคงไม่พูดมากกับเจ้า แล้ว พูดแค่ประโยคเดียว พยายามให้มั่นคง หน่อย ต่อให้ไม่สามารถ ทําให้ไฉอู่เดินขึ้นสวรรค์ได้ในก้าวเดียวด้วยการเลื่อนเป็นขอบเขต
รากสระกันว่าการฝึกตนครั้งนี้จะไม่ทําลาย
ไม่พอ
ข้าสามารถเรียกชิงถึงมาให้ได้
รากฐานมหามรรคาของไฉอู่ หากต้องการคนที่ช่วยเฝ้าด่านให้ก็ลาก ตัวหมี่อวี้มาแล้ว
ซุยงซานยิ้มกล่าว “ไม่มีความจําเป็นนี้จริงๆ ข้าค่อนข้างจะ
มั่นใจอยู่มาก คําพูดอย่าง ไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาดนั้น ก็แค่ว่าไม่
สะดวกจะพูดออกมาเท่านั้น”
ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ซุยางซานก็ถามต่ออีกว่า “พื้นที่ฮวงจุ้ยมงคล เช่นนี้ ในเมื่ออาจารย์ ไม่ยินดีจะครอบครองไว้เพียงลําพัง ปล่อยไว้ เฉยๆ ก็ไม่ได้ใช้งาน สิ้นเปลืองทรัพยากรสวรรค์ มากเกินไป นอก
จากไฉอู๋แล้ว จะให้พาพวกซุนซุนหวัง ป่ายเสวียนมาอยู่ที่นี่ด้วย
หรือไม่?”
แน่นอนว่าไฉอู๋คือคนที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยมที่สุด
นอกจากนี้ซุนซุนหวังกับป้ายเสวียนก็คือตัวอ่อนเซียนกระบี่
อันดับหนึ่ง
อันที่จริงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของซุนชุนหวังเล่มนั้น จากการ ประเมินระดับขั้นของ ทางคฤหาสน์หลบร้อน ถือว่าต่ํากว่าของป้าย เสวียน แล้วก็มีความต่างที่แน่นอนกับ “เฟยไหล เพิ่ง” และ “โพ่จื่อลิ่ง” ของอวี่เสียหุยกับเหอกู แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกว่าคุณสมบัติในการฝึกกระบี่
ของซุนซุนหวังไม่ใช่คนที่ดีที่สุดในบรรดาตัวอ่อนเซียนกระบี่เก้าคน ดังนั้นหากไม่มีเรื่องไม่ คาดฝันอะไร บนเส้นทางการเดินขึ้นเขาใน
อนาคต คนที่จะสามารถไล่ตามฝีเท้าของซุนชุนหวังได้อย่างมั่นคงก็มี
เพียงป้ายเสวียนแล้ว
ไม่มีกระบี่บินที่ไร้ค่า มีแค่ผู้ฝึกกระบี่ที่ไร้ค่า
ข้อมูลจจะค่อนข้างตายตัวไปสักหน่อย แต่ขอแค่ละ
ข้อยกเว้นพวกนั้นเอา ไว้ ก็คือเรื่องจริงแล้ว
แน่นอนว่าหากสํานักกระบี่ชิงผิงแสวงหาผลประโยชน์สูงสุด ก็ ควรต้องยกถ้ําสวรรค์ฉางชุนทั้งแห่งให้ในอู่ฝึกตนคนเดียว
ไม่แน่ว่าหากไฉอู่สามารถเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบได้โดยตรง
เลย นางอาจถึงขั้นกลายมาเป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหรินที่อายุ
น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของทั้ง…..กําแพง เมืองปราณกระบี่และใต้
หล้าไพศาลด้วยก็เป็นได้!
บ
อันที่จริงเรื่องทํานองนี้ อยู่บนภูเขาจึงจะถือเป็นกฎระเบียบที่ ปฏิบัติสืบทอดกันมาจน เป็นประเพณี อีกทั้งยังถูกมองข้ามความจริง ที่ว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะได้รับผลประโยชน์ สูงสุด หาไม่แล้วยิ่ง
เฉลี่ยเงินเทพเซียนและสมบัติวิเศษแห่งฟ้าดินให้กับคนรุ่นเยาว์มาก
เท่าไร ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในท้ายที่สุดก็คือยิ่งนานวันทุกคนจะยิ่ง กลายเป็นธรรมดาสามัญ ช้าหนึ่ง ก้าวก็ข้าไปทุกก้าว แรงส่งช่วงหลัง ไม่มากพอ ความต่างจะถูกคนวัยเดียวกันทิ้งระยะห่างไป มากขึ้น เรื่อยๆ มากเท่านั้น จวนเขียนบนภูเขาอันดับสองอันดับสาม การที่ สามารถกระโดด เลื่อนขั้นเป็นสํานักอักษรจงได้โดยตรง นอกจากจะ มี “บรรพบุรุษผู้สร้างความรุ่งโรจน์ เป็นผู้เปิดสํานัก คุณสมบัติของตัว เขาเองดีเยี่ยมแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคนทั้งภูเขาที่ยอมทุ่มเท เรี่ยวแรงทั้งหมดอย่างไม่เสียดาย คํากล่าวนี้ไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่
น้อย
เฉินผิงอันกลับเอ่ยว่า “นอกจากซุนชุนหวังกับป้ายเสวียนแล้ว
นอกจากนี้เฉิงเฉาลู่ เหอกู อวี่เสียหุย ช่วงนี้ให้พวกเขาย้ายมาฝึกตน
ที่นี่กันทั้งหมด รอแค่วันหน้าเจอกับด่านที่ต้อง ฝ่าค่อยออกไปจากถ้ํา สวรรค์ ไปสอบถามอาจารย์ของตัวเองถึงคอขวดซึ่งเป็นปมของ ปัญหา ในการหลอมกระบี่”
ชุยตงซานถาม “อาจารย์ต้องการความเท่าเทียมหรือ ? ต้องการ ทําให้สํานักกระบี่ชิงผิงและภูเขาลั่วตั่วรับสืบทอดระบบแบบ
เดียวกัน?”