กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 967.2 บนโต๊ะคือหม้อไฟนอกโต๊ะคือหิมะ
ทางฝั่งของภูเขาไท่ผิง ตอนนี้มีแค่เจ้าขุนเขาหวงถิงกับผู้ถวาย งานสองคนอย่างอวี่ฟู่ ชานและกั่วหรานที่มีฉายาว่า ‘หลงเหมิน” เท่านั้น
แม้แต่ถานอิ๋งโจวก็ยังทิ้งอาจารย์เอาไว้ เลือกจะนั่งโดยสารเรือ ข้ามฟากถงอิงติดตามเจิ้งโย่วเขียนกับพวกเย่อวิ๋นอวิ๋นไปเที่ยวที่ผู ซาน
เฉินผิงอันเดินเท้าขึ้นไปบนยอดเขาก็สังเกตเห็นว่ามีจวนตระกูล เซียนที่สร ้างขึ้นจากหยกทั้งหลัง เป็ นจวนแบบมีทางเข้าสองชั้นเพิ่ม ขึ้นมา น่าจะเป็ นฝีมือของเซียนเหรินกั่วหรานแล้ว
อวี๋ฟู่ ซานนั่งอยู่บนขั้นบันไดหน้าประตูภูเขา พอเห็นคนชุดเขียว ก็แค่คลี่ยิ้มแล้วกุมหมัดเฉินผิงอันกุมหมัดคารวะกลับคืน เดินข้าม ธรณีประตูไปก็เห็นว่าหวงถิงกับกั่วหรานกาลังง่วนท างานกันอยู่ใน ห้อง บนโต๊ะที่มีลักษณะโบราณตัวหนึ่งล้วนเป็ นเอกสารและสาเนา ของ ทาเนียบขุนเขาสายน้าศาลบรรพจารย์จานวนมากที่หวงถิงเอาอ อกมาจากวัตถุจื่อชื่อ ปีนั้น หวงถิงถูกเทียนจวินผู้เฒ่าและเจ้าขุนเขา คนปัจจุบันของภูเขาไท่ผิงบังคับกดดันให้ออกไปจากโบถงทวีป มุ่ง หน้าไปยังใต้หล้าห้าสี ครั้งนี้ได้หวนคืนกลับมายังบ้านเกิดอีกครั้ง นาง ก็จ าเป็ นต้องจัดการกับอาณาเขตของภูเขาไท่ผิงและยังมีภูเขาใต้
อาณัติทั้งหลายที่โฉนดที่ดินในอดีตอยู่ในการดูแลของภูเขาไท่ผิงให้ ดี หากพวกเขาไม่ได้ก่อร่างสร ้างตัวกันด้วยตัวเองฟื้นคืนราชสานัก ในท้องถิ่นสืบทอดชะตาแคว้น มอบโฉนดที่ดินคืนไปให้พวกเขาอีก ครั้ง ก็ต้องตกไปเป็ นของคนอื่น เปลี่ยนพรรคตระกูลเซียนกลุ่มอื่น ที่มาสร ้างสานักก่อตั้งพรรคสร ้างศาลบรรพจารย์ประจาบ้านขึ้นมา ใหม่ ซึ่งต่อจากนี้หวงถิงก็ยังต้องไปท าความรู ้จักกับ พวกเขาด้วย ตัวเอง
เฉินผิงอันยืนอยู่หน้าประตู หวงถิงเงยหน้าขึ้น เอ่ยอย่างไม่สบ อารมณ์ว่า “ข้าคือเค่อชิงอันดับหนึ่งของสานักกระบี่ชิงผิง ส่วนเจ้าอีก ไม่นานก็จะเป็ นผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขาไท่ผิงพวก เราแล้ว ไม่ใช่คนนอกสักหน่อย ยังจะต้องกริ่งเกรงอะไร”
เฉินผิงอันถึงได้ยกเก้าอี้มานั่งลงข้างกายเขียนเหรินกั่วหราน ทั้ง สองฝ่ ายถูกชะตากันจึงไม่จ าเป็ นต้องถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันแล้ว แค่ผงกศีรษะทักทายกันก็พอ
หวงถิงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สองมือนวดคลึงจุดไท่หยาง เอ่ย อย่างปวดหัวว่า “หากไม่เป็ นเพราะได้กั่วหรานช่วยเหลือ ข้าเองคงได้ แต่หลับหูหลับตาจัดการไป ก็ไม่รู ้ว่าวันเดือนปีไหนถึงจะได้สร ้างศาล บรรพจารย์ขึ้นมาอย่างแท้จริงอีกครั้ง ผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาที่อยู่ หน้าประตูของพวกเราคนนั้นก็ได้แต่นั่งกินนอนกินเท่านั้น”
อวี๋ฟู่ ซานไม่เห็นเป็ นส าคัญ ยังหัวเราะร่าเอ่ยว่า “มีใจแต่ไร ้ก าลัง ละอายใจนัก ละอาย ใจนัก”
หวงถิงงดงามถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะมองค้อนหรือคลี่ยิ้มก็ล้วนมีเสน่ห์ นางพูดอะไรก็ถูกทั้งนั้น
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ผู้ที่มีความสามารถย่อมต้องเหนื่อยกว่าคน อื่น มีผู้อาวุโสหลงเหมินคอยบัญชาการณ์อยู่ที่นี่ วางแผนอย่างเป็ น ขั้นเป็ นตอน การสืบทอดควันธูปของภูเขาไท่ผิงก็สามารถนับวันรอ ได้เลย”
หวงถิงหัวเราะร่วนมองบรรพจารย์หนุ่มของสานักเบื้องล่างคนนี้ เป็ นผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อเหมือนกัน เจ้าเฉินผิงอันไม่คิด จะแสดงฝีมือบ้างหรือ?
เฉินผิงอันเอ่ยขึ้นอย่างรู ้กาลเทศะ “ข้าได้เขียนตาราขึ้นมาเล่ม หนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่ายังมีรายละเอียดอีกมากที่ต้องขอให้ชุยตงซาน ช่วยเสริมให้ เชื่อว่าอีกไม่กี่วันก็น่าจะส่งมาถึงที่นี่ได้แล้ว”
หวงถิงพยักหน้า พอเกิดเรื่องเข้าจริงถึงได้รู ้ถึงความกลัดกลุ้ม แต่ละเรื่องแต่ละราวล้วนต้องให้นางลงมือท าด้วยตัวเอง นางถึงได้รู ้ว่า คิดจะเป็ นเจ้าขุนเขาอย่างสมตาแหน่งนั้นยากเพียงใด
เฉินผิงอันหยิบสมุดบัญชีเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิ ดดู พลางถามชวนคุย “หวงถิง ข้ายังคงยืนยันค าเดิม หากต้องการเงิน เทพเซียน ในสมุดบัญชีของภูเขาลัวทั่วยังมีเงินฝนธัญพืชอยู่ไม่น้อย สามารถเอามาให้เจ้ายืมได้ คิดดอกเบี้ย ไม่ได้ให้ยืมเปล่าๆ”
จากการประเมินของเจียงซ่างเจิน ภูเขาไท่ผิงคิดจะฟื้นคืนภาพ บรรยากาศอันยิ่งใหญ่ของผู้ที่อยู่บนยอดเขาสูงสุดในอดีตกลับคืนมา ต่อให้จะแค่สามส่วน การถมหลุมยักษ์ในเรื่องของปราณวิญญาณฟ้ า ดินในรัศมีพันลี้ให้เต็มก็ต้องใช ้เงินฝนธัญพืชประมาณสามถึงสี่พัน เปรียญ คลังสมบัติของภูเขาลั่วพั่วเอาเงินฝนธัญพืชออกมารวดเดียว ประมาณหนึ่งพันห้าร ้อยเหรียญ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ พอจะช่วยให้ภูเขา ไท่ผิงข้ามผ่านเรื่องเร่งด่วนที่เป็ นเหมือนไฟไหม้ลามขนคิ้วไปได้
หวงถิงส่ายหน้า ชี้ไปยังวัตถุจื่อชื่อที่อยู่บนโต๊ะ ยิ้มเอ่ยว่า “ยืมเงิน นั้นช่างเถิด เงินสามารถใช ้คืนได้ แต่หนี้น้าใจใช ้คืนกันได้ยาก วัตถุดิบวิเศษแห่งฟ้ าดินที่อยู่ในวัตถุจื่อชื่อชิ้นนี้ เจ้าลองเปิดดูก่อน เถอะ ล้วนเป็ นของสารพัดอย่างที่ข้ากว้านค้นมาจากใต้หล้าห้าสี ข้า ไม่รู ้เรื่องของการวิเคราะห์ของมีค่า จะเก็บมาหรือไม่ก็ดูแค่ว่าถูกชะตา หรือไม่เท่านั้น หากรู ้แต่แรกกว่าสามารถกลับมายังใต้หล้าไพศาลได้ เร็วขนาดนี้ ข้าก็คงเอามามากกว่านี้ พอลองย้อนนึกดูก็เหมือนไป เยือนพื้นที่ลับบรรพกาลสองแห่งนั้นอย่างเสียเปล่าจริงๆ เรื่องนี้ ต้องโทษข้า ตอนที่เจ้าลงจากภูเขาไปก็พกวัตถุจื่อชื่อชิ้นนี้ไปด้วย เถอะ ช่วยเอาไปขายให้ข้าหน่อย ถึงอย่างไรทุกวันนี้สามสถานที่ อย่างใบถง แจกันสมบัติและฝูเหยาต่างก็ขาดสิ่งนี้ ถือเป็ นสินค้าที่ ขาดตลาดนี่นะ เจ้าขุนเขาเฉินยังขึ้นชื่อว่ามีสหายบนภูเขาเยอะ ก าไร ทั้งหมดที่ได้รับมา เก้าส่วนเป็ นของข้า หนึ่งส่วนเป็ นของเจ้า ตกลง ไหม? หากจะบอกว่าท าการค้าก็คุยภาษาของการค้า เรื่องส่วนแบ่งก็
ใช่ว่าจะปรึกษากันไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นสองส่วน? เอาเป็ นว่าเจ้าจะ เชือดหมูหรือหาคนหลอกง่ายมือเติบอย่างไร ข้าไม่สนใจ ยิ่งราคาที่ ขายออกไปสูงเท่าไรส่วนแบ่งของเจ้าขุนเขาเฉินก็ยิ่งมีมากเท่านั้น”
เฉินผิงอันเองก็ไม่ได้เล่นแง่อะไร เก็บวัตถุจื่อชื่อชิ้นนั้นมาไว้ใน ชายแขนเสื้อ “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงกันตามนี้ ส่วนหนึ่งเป็ นของข้า วางใจได้เลย ข้าจะช่วยตั้งราคาให้สูงๆ หลังจบเรื่อง เมื่อนาของชิ้นนี้ มาคืนก็ค่อยแบ่งส่วนแบ่งกันเก้าต่อหนึ่ง”
อวี่ฟู่ซานเอ่ยสัพยอก “เฉินอิ่นกวานคิดจะเชือดคนสนิทหรือ?”
เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน สะบัดชายแขนเสื้อ ย้ายเก้าอี้ที่มีพนักพิงทรง กลมตัวนั้นกลับไปตาแหน่งเดิม ยิ้มเอ่ยว่า “ข้ากับสหายฟู่ ซานก็สนิท กันมากนะ”
อวี๋ฟู่ซานปิดปากฉับทันใด
เฉินผิงอันกุมหมัดบอกลา กั่วหรานพลันลุกขึ้นยืน “มีเรื่องจะคุย กับอาจารย์เฉินสักสองสามประโยค”
หวงถิงอ่านเอกสารทั้งหลายบนโต๊ะคนเดียวต่ออีกครั้ง นางทอด ถอนใจอย่างกลัดกลุ้มจะต้องรีบหาตัวสารองเจ้าสานักที่เหมาะสมมา เสียแล้ว ตนไม่เชี่ยวชาญการจัดการเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ
เฉินผิงอันพาอวี๋ฟู่ซานไปเดินเล่นด้วย
เฉินผิงอันกล่าว “สหายฟูซาน เรื่องของการขุดเจาะลาน้าใหญ่ที่ ภาคกลางของใบถงทวีปต่อจากนี้ บางทีอาจจะต้องให้เจ้าปลีกตัวมา จากงานที่ยุ่งวุ่นวาย คอยชักนาการเปลี่ยนแปลงเส้นทางของสายน้า กระแสรองทั้งหลายของแม่น้าลาคลอง เพื่อเป็ นค่าตอบแทน วันหน้า สหายฟูซานสามารถอาศัยลาน้าเส้นใหม่เดินลงน้าได้อย่างมีเหตุผล ถูกต้องชอบธรรม จะไม่มีใครมีความเห็นต่างใดๆ”
แม้ว่าอวี๋ฟู่ ซานจะไม่ถนัดในเรื่องทางโลก แต่เรื่องมนุษยสัมพันธ ์ เขากลับไม่เคยขาดตกบกพร่อง จึงเอ่ยว่า “ข้ายุ่งไม่ยุ่ง ใต้เท้าอิ่นก วานมองไม่เห็นหรือ ภูเขาไท่ผิงคือหนึ่งในผู้ริเริ่มการขุดเจาะลาน้า ใหญ่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุหรือด้วยผล ข้าก็ไม่ควรผลักภาระหน้าที่ความ รับผิดชอบ การเดินลงน้ากลายเป็ นเจียวหลังจากนั้น น้าใจควันธูปที่ ใหญ่เทียมฟ้ าถึงเพียงนี้รบกวนเจ้าหักมาคิดเป็ นเงินแทนเถอะ จะได้ เป็ นเงินเทพเขียนเท่าไรก็เท่านั้น แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจข้า ในเรื่องแบบ นี้ ข้ามีนิสัยเหมือนกันหวงถิง ติดเงินได้ แต่ไม่อยากติดค้างน้าใจของ ผู้อื่น คาพูดไม่น่าฟังเอามาพูดกันก่อน ตอนนี้บนร่างข้าไม่ได้มี ทรัพย์สินเงินทองอะไร ถึงเวลานั้นคืนได้แค่ไหนก็แค่นั้น ส่วนที่เหลือ คงต้องรบกวนให้เจ้าช่วยจ่ายแทนไปก่อน วันหน้าข้าค่อยชดเชยให้ ถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็ นตัวข้าเองที่ติดค้างน้าใจของสานักกระบี่ชิงผิง พวกเจ้า ไม่ถือว่าเป็ นส่วนของภูเขาไท่ผิง”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ออกจากภูเขามาช่วยเรื่อง การขุดเจาะลาน้าใหญ่ก็ถือว่าสหายฟู่ ซานทางานใช ้หนี้แล้ว บัญชี
ก้อนนี้ข้าสามารถช่วยคิดให้ชัดเจนได้ นอกจากนี้สหายฟู่ ซานยัง สามารถทาความเข้าใจกับขุนเขาสายน้าที่อยู่ตามรายทางของกระแส หลักลาน้าใหญ่ได้ด้วย ถือว่ายิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว”
อวี๋ฟู่ซานถาม “นี่คือแผนการที่อื่นกวานวางไว้นานแล้วหรือ?”
เฉินผิงอันบ่น “พูดว่าเป็ นแผนการได้อย่างไร นี่แสดงให้เห็นว่า ข้ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์และสหายฟู่ ซานก็จะตกเป็ นที่ต้องสงสัยว่าเป็ น คนสนิทที่ถูกเชือดด้วย”
คาดไม่ถึงว่าอวี๋ฟู่ ซานจะใช ้กระบวนท่าสังหารศัตรูหนึ่งพันตัวเอง เสียหายแปดร ้อย “หากว่าข้าหัวดีกว่านี้อีกสักนิด หลายปีมานี้มีหรือ จะต้องคอยหลบเลี่ยงหายนะ ไปซ่อนตัวอยู่ในสถานที่เล็กๆ เฝ้ าร ้าน แห่งหนึ่งเพื่อรอความตายไปวันๆ จะถูกเฉินอื่นกวานที่มีกลอุบายลึก ล้าเชือดหมูอีกครั้งก็ไม่ได้แปลกเลยสักนิด”
อวี๋ฟู่ ซานไม่เปิดให้โอกาสเฉินผิงอันได้ใช้ค าพูดเหน็บแนมมา สาดโคลนใส่ตน พูดคุยธุระส าคัญเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบขอตัวลา จากไป
แสงตะวันรอนเหมือนมีคนจุดคบเพลิงขนาดใหญ่ไว้ที่ขอบฟ้ า เผาให้ทะเลเมฆเป็ นสีแดงฉาน
ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม ควรทะนุถนอมเห็นค่าช่วงเวลา แห่งความสุขยามเยาว์วัย
เซียนเหรินกั่วหรานมีรูปโฉมเป็ นเด็กหนุ่ม บนศีรษะปักปิ่นยันต์ ไม้ท้อชิ้นหนึ่ง สวมชุดคลุมอาคมสีหมึก
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “รบกวนผู้อาวุโสหลงเหมินแล้ว”
กั่วหรานยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ก็แค่พยายามช่วยเหลือด้วยกาลังอัน น้อยนิดที่มี ไม่มีค่าพอให้พูดถึง เรื่องของการสร ้างภูเขาไท่ผิงขึ้นมา ใหม่ อาจารย์เฉินมีความตั้งใจอย่างลึกซึ้ง มีความคิดริเริ่มที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะเทียบเคียงได้”
ไม่รู ้ว่าเหตุใดถึงมักจะรู ้สึกว่าอาจารย์เฉินที่ว่ากันว่าปีนั้นไม่เคย เดินขึ้นภูเขาไท่ผิง ได้เห็นตัวเองเป็ นผู้ฝึกตนของภูเขาไท่ผิงครึ่งตัว มานานแล้ว
เฉินผิงอันเอ่ยหยอกล้อ “ข้ากับผู้อาวุโสหลงเหมินต่างก็เป็ นผู้ ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อ ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าที่เดินทางไป เที่ยวเยือนภูเขาต้นไม้เหล็กของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง คิดดูแล้ว คงไม่ต้องกินน้าแกงประตูปิดแล้ว”
กั่วหรานเอ่ย “บางทีข้าอาจจะต้องอยู่ที่นี่อีกหลายปี แต่จะส่ง จดหมายไปแจ้งศิษย์พี่หญิง ถึงเวลานั้นจะให้นางเก็บกวาดเรือนรอ ต้อนรับเจ้าแน่นอน”
ในพื้นที่ที่กว้างไกลเป็ นพันลี้ ไร ้กลิ่นอายของผู้คน เดินขึ้นที่สูง มองไปไกลจากจุดนี้ ในสายตาก็เต็มไปด้วยความเปลี่ยวเหงา เดียวดาย
สถานที่ที่แสงสายัณห์สาดส่องไปถึง กลัวจะต้องขึ้นหอสูงมาก ที่สุด
กั่วหรานเอ่ย “มีงานให้ทายุ่งหน่อย อันที่จริงสาหรับหวงถิงแล้ว กลับเป็ นเรื่องด สามารถแบ่งสมาธิไปสนใจเรื่องอื่นได้บ้าง”
ดังนั้นการที่กั่วหรานจงใจให้หวงถิงเป็ นคนตัดสินใจในเรื่อง รายละเอียดปลีกย่อยของปัญหาต่างๆ ที่ไม่ใช่ปัญหาสาคัญจึงไม่ได้ เรียบง่ายเพียงแค่เพราะหวงถิงคือเจ้าขุนเขา ส่วนเขาคือผู้ถวายงาน เท่านั้น
จงใจท าให้หวงถิงรู ้สึกล าบากใจ
เฉินผิงอันเอ่ยเสียงเบา “รอให้งานที่ต้องทาทาเสร็จเรียบร ้อยแล้ว ก็จะสบายใจได้มาก ขึนหลายส่วน”
ต าหนักสุ้ยฉูของอู๋ซวงเจี้ยงถูกใต้หล้าเปลี่ยวร ้างขนานนามว่า “ถ้าเด็กหนุ่ม”
ภูเขาไท่ผิงแห่งนี้ ไยจะไม่ใช่แบบเดียวกัน
เฉินผิงอันคิดว่าตอนที่ศาลบรรพจารย์ภูเขาไท่ผิงถูกสร ้างขึ้น เพื่อเป็ นของขวัญร่วมงานพิธี เขาจะมอบ “มหัศจรรย์ที่แท้จริงตาราสี ชาด” เล่มนั้นมาให้ ตามคากล่าวของลู่เฉินก่อนหน้านี้ เดิมที่วัสดุที่ ใช ้ทาตาราเล่มนั้นก็เป็ นของชั้นเยี่ยมอยู่แล้ว หากรวมตัวอักษรหนึ่ง พันสองร ้อยกว่าตัวเข้าไปด้วย เมื่อหลอมเรียบร ้อยก็สามารถเอามาใช ้ ประคับประคองงานพิธีบวงสรวงเทพเทวดากาจัดภัยพิบัติครั้งหนึ่ง
เพื่อให้เป็ นค่ายกลพิทักษ์ภูเขาของภูเขาไท่ผิงได้เลย เพียงแต่ เนื่องจากหลี่ซีเซิ่งเป็ นผู้มอบตาราเล่มนี้ให้ตน เฉินผิงอันจึงต้องถามห ลี่ซีเซิ่งเสียก่อน เขาจึงขอให้ลู่เฉินช่วยน าความไปบอกต่อ บังเอิญกับ ที่ครั้งนี้หลี่เป่ าผิงมาเป็ นแขกที่สานักกระบี่ชิงผิง และนางก็เป็ นฝ่ าย เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเอง บอกว่าดูเหมือนพี่ชายของนางจะรู ้เรื่องนี้แล้ว เขาบอกว่าไม่เป็ นไร
หลี่ซีเพิ่งยังบอกด้วยว่าวันหน้าขอแค่มีโอกาสจะต้องมาเยือน ภูเขาไท่ผิงแน่
และหลี่ซีเซิ่งที่ตอนนี้ยังเป็ นลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อ ในฐานะหนึ่งใน สามตรีวิสุทธิ์ที่จาแลงมาจากหนึ่งลมปราณของเจ้าลัทธิใหญ่โค่วหมิง แห่งป๋ ายอวี่จิง ก็บังเอิญเป็ นบรรพจารย์เจ้า ลัทธิสายของนักพรตเต๋า ภูเขาไท่ผิงพอดี
ตอนที่เจ้าขุนเขาคนก่อนของภูเขาไท่ผิงเลื่อนเป็ นเทียนจวิน ได้ จุดธูปหอมอัญเชิญเทพลงมา ผลคือไม่ได้เห็นเจ้าลัทธิใหญ่โค่วหมิง “มาเยือน” ศาลบรรพจารย์จึงรู ้สึกเสียดายอย่างมาก
เฉินผิงอันเอ่ยลากั่วหราน ต่อจากนี้เขายังต้องไปผูซาน
กั่วหรานกุมหมัดยิ้มเอ่ย “อาจารย์เฉินคือผู้รอบรู ้เต็มตัวอย่าง แท้จริง ไม่ว่าจะพูดหลักการหรืออธิบายเหตุผลก็ล้วนเป็ นของแท้ แน่นอน มีความรู ้อย่างแท้จริง ไม่ใช่ดีแต่พูดอะไรแปลกๆ”
เฉินผิงอันเอ่ยด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “ข้ามิอาจรับคาชมนี้ ของผู้อาวุโสหลงเหมินได้จริงๆ”
หอพันทองหมื่นหินของผู้คุมกฏถานหรงแห่งผูซาน คือห้อง หนังสือที่มีชื่อเสียงอย่างมากทั้งบนและล่างภูเขาของใบถงทวีป
ระหว่างผู้ดูแลเรือข้ามฟากของใต้หล้าไพศาลมักจะมี “ภูเขา” เล็กของตัวเองกันอยู่หลายลูก ล้วนเป็ นผู้ฝึกตนเฒ่าที่สนิทสนมทั้งยัง ถูกชะตากัน บางครั้งก็อาศัยบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้าที่เปิด ส่วนตัวมาพูดคุยกัน นอกจากนี้ยังแลกเปลี่ยนสิ่งของที่ตัวเองไม่มีไปๆ มาๆ ส่วนใหญ่จึงมักจะมีเส้นทางทาเงินหลายเส้นโผล่มาเพราะเหตุนี้ ก่อนหน้านั้นถานหรงนัดหมายกับผู้คุมกฎของเรือข้ามทวีปต่างถิ่น สองลาไว้เรียบร ้อยแล้วว่าจะช่วยทุ่มเงินซื้อต าราตราประทับสองเล่ม มาจากสานักแห่งหนึ่งของธวัลทวีป แม้ว่าจะไม่ใช่ฉบับจัดพิมพ์ฉบับ แรกที่ล้าค่าหายากมาก และทุกวันนี้ราคาแพงก็ฉี่ แต่ก็พอจะถือว่า ชดเชยความเสียดายได้บ้าง ทว่าวันนี้ผู้คุมกฏถานหรงกลับเป็ นฝ่ าย เปิดบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้าขึ้นมาเอง แต่กลับปิดปากไม่ ยอมพูดถึงเรื่องนี้อีก เขานั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะที่ว่างเปล่า วางตราประทับใหม่เอี่ยมสองชิ้นที่เพิ่งได้มาอยู่ในมือ มันสะดุดตา อย่างมาก แต่ถานหรงกลับไม่ยอมพูดถึงมัน แค่รอให้ใครบางคนที่ตา แหลมเปิดปากถามเท่านั้น
คุยเล่นกันอยู่นาน ในที่สุดก็มีคนที่มองของออกถามว่า “ถาน หรง ที่วางอยู่บนโต๊ะคือตราประทับคู่ที่แกะสลักใหม่หรือ? หยิบขึ้นมา
ให้ดูตัวอักษรที่แกะสลักไว้หน่ อยสิ ขอข้าดูหน่ อยสิว่าทุกวันนี้ ความสามารถในการแกะสลักตราประทับของเจ้าก้าวหน้าขึ้นหรือ เดินถอยหลังกันแน่”
ถานหรงจึงยิ้มพลางบิดหมุนตราประทับไปอีกทาง ให้อีกฝ่ ายได้ เห็นตัวอักษรริมขอบและชื่อที่ลงนามเอาไว้ก่อน ไม่รีบร ้อนให้ดูเนื้อหา ตราประทับที่อยู่ด้านล่าง
ทันใดนั้นในบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้าก็จมสู่ความเงียบ งันอย่างยาวนาน
เพราะคนที่ลงนามคือ “เฉินผิงอันแห่งภูเขาลั่วพั่ว
ผลคือมีคนเปิดปากขึ้นมาก่อน ทั้งยังพูดด้วยน้าเสียงที่เต็มไป ด้วยความมั่นใจ “ของปลอม!”
มีคนเอ่ยคล้อยตาม “เหล่าถานอ่า ไยต้องทาขนาดนี้ด้วย”
มีคนจุ๊ปากพูดด้วยน้าเสียงสะท้อนใจ “ถานหรงเอ่ยถานหรง เพื่อ ชื่อเสียงจอมปลอมเล็กๆ น้อยๆ ถึงกับไม่คิดจะรักษาหน้าตาตัวเองไว้ แล้วจริงๆ ไม่ควรเลยนะ ทุกคนต่างก็รู ้จักกันดีอยู่แล้ว เรื่องอย่างการ ตบหน้าตัวเองสวมรอยเป็ นคนอ้วนเช่นนี้ ไม่ได้มีความหมายอะไร หรอกนะ”
นี่ทาเอาถานหรงโมโหจนไฟโทสะพุ่งสูงสามจั๋ง แต่ผู้คุมกฏเฒ่า เหลือบตามองไปที่หน้าประตูแล้วก็ลูบหนวดยิ้ม ไม่เหลือความอัดอั้น
อีกแม้แต่น้อย มาเร็วไม่สู้มาได้จังหวะบังเอิญ คานี้ช่างกล่าวได้ดี จริงๆ!
ผู้ดูแลเฒ่าของเรือข้ามทวีปลาหนึ่งซึ่งเคยเข้าร่วมการประชุมครั้ง แรกที่เรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัวขยี้เงินเกล็ดหิมะให้แตกหลาย เหรียญแล้วโยนเข้าไปในบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้า เอ่ยเสียง ทุ้มหนักว่า “ถานหรง เรื่องแบบนี้ เจ้าอย่าได้ท าเลย มันละเมิดข้อห้าม แล้วก็เพราะว่าข้ารู ้ดีถึงนิสัยใจคอของเจ้าและขนบธรรมเนียมของผู ซาน ครั้งหน้าที่ได้เจอกับอิ่นกวานคนใหม่ตั้งโต๊ะสุราขึ้นมา ดื่มเหล้า ลงท้องไปสองสามจอกก็จะคงต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดให้จงได้ เจ้าคิด ว่าข้าไม่รู ้จักลายมือของอิ่นกวานคนใหม่อย่างนั้นหรือ ตัวอักษรริม ขอบของตราประทับสองชิ้นนี้อ่อนนุ่ มไร ้เรี่ยวแรง มีแต่ความ อ่อนหวานละมุนละไม ไม่มีความแข็งแกร่งทรงพลังมากพอ เจ้าคิดจะ หลอกใครน่ะ หากมีโอกาสวันหน้าข้าจะต้องพาเจ้าไปดูที่หัวกาแพง ไปดูตัวอักษรที่ใต้เท้าอิ่นกวานแกะสลักไว้ให้ดีๆ…เอ๊ะ ใต้เท้าอิ่นกวาน!?