กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 967.3 บนโต๊ะคือหม้อไฟนอกโต๊ะคือหิมะ
ตอนนั้นผู้ดูแลเฒ่าขอบเขตก่อกาเนิดผู้นี้เคยรับงานเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งได้รายได้พิเศษมาจากเจ้าของเรือที่เป็ นผู้ฝึกตนหญิงโอสถทองรุ่น เยาว์คนหนึ่ง มีหน้าที่คอยจดเนื้อหาการประชุมระหว่างทั้งสองฝ่ ายใน เรือนชุนฟาน
คนหนุ่มที่สวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียวคนหนึ่งพลันมาโผล่ในบุปผา ในคันฉ่องจันทราในสายน้า กุมหมัดเขย่า ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ฟังจาก เสียง ใช่หลิวอี่ผู้ดูแลหลิวแห่งเรือข้ามฟากฝูจงหรือไม่?”
ต่อให้มีบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ากั้นขวาง ผู้ดูแลเฒ่าก็ ยังคงรู ้สึกชาไปทั้งหนังศีรษะ เสียวสันหลังวาบ แต่ก็ไม่กล้าท าหูหนวก หรือแสร ้งเป็ นใบ้ ได้แต่เอ่ยเสียงสั่นว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว”
จากนั้นก็มีผู้ฝึกตนหญิงอีกคนหนึ่งรีบทุ่มเงินใส่บุปผาในคันฉ่อง จันทราในสายน้า เอ่ยอย่างขลาดๆ ว่า “หลิ่วเซินเจ้าของเรือ “หนี ซาง” คารวะใต้เท้าอิ่นกวาน”
เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ พยักหน้ารับด้วย รอยยิ้ม
ก่อนที่ถานหรงจะปิ ดบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้าครั้งนี้ เฉินผิงอันกุมหมัด ยิ้มเอ่ยว่า “ขอสวัสดีปีใหม่แก่ทุกท่านมา ณ ที่นี้
ด้วย ขอให้ทุกท่านโชคดีปีใหม่ ทุกสิ่งอย่างราบรื่น ในปีใหม่ปีนี้ขอ อวยพรให้ทุกท่านมีเงินทองไหลมาเทมา”
บุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้าเต็มไปด้วยความครึกครื้น เสียงของคนหลายสิบคนดังขึ้นเซ็งแซ่ แย่งกันอวยพรกลับคืนไปยังอิ่ นกวานหนุ่ม
พวกหลี่เป่าผิงออกเดินทางจากผูซานลงใต้ต่อไปอีกครั้งแล้ว อิง ตามเส้นทางการท่องเที่ยวที่ผูซานบอกไว้ พวกเขาจึงเลียบแม่น้าเพ่ ยเจียงเข้าสู่มหาสมุทรก่อน มุ่งหน้าไปยังร่องรอยจวนเซียนที่อยู่บน เกาะในทะเลแห่งหนึ่ง แล้วค่อยขึ้นฝั่งไปอีกครั้ง
มีเผยเฉียน จงขุยและอวี่จิ่น อยู่ในใบถงทวีปแห่งนี้ ต่อให้เจอกับ สานักว่านเหยาที่ได้ครอบครองพื้นที่มงคลสามภูเขาก็ไม่มีอะไรให้ ต้องกลัดกลุ้มแม้แต่น้อย
ทว่าทุกวันนี้ในศาลบรรพจารย์ผูซานได้มีลูกศิษย์ผู้สืบทอดเพิ่ม มาอีกคนหนึ่งแล้ว เจ้าคนที่ถูกผู้อื่นมองว่าใช ้เส้นสายเดินเข้าประตู ด้านหลังมีชื่อว่าชุยว่านจ่าน อันที่จริงคือจิตหยางกายนอกกายของ ชุยตงซาน เพียงแต่ว่าตอนนี้เฉินผิงอันยังไม่สะดวกจะไปเจอกับอีก ฝ่าย
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ท่าเรือชิงซานของสานักกระบี่ชิงผิงมีผู้เฒ่า ที่สวมชุดเขียวคนหนึ่งมาเยือน เขาเดินทางไกลมาถึงที่แห่งนี้เพียง
ลาพัง ได้ยินว่าเจ้าขุนเขาเฉินไม่อยู่ก็ไม่รั้งอยู่ต่ออีก เลือกที่จะออก เดินทางท่องเที่ยวไปอีกครั้ง
ก็เหมือนผู้อาวุโสในตระกูลคนหนึ่ง ซึ่งคนส่วนใหญ่ล้วนเป็ น เช่นนี้ ทั้งๆ ที่ในใจใส่ใจอย่างมาก แต่กลับต้องแสร ้งท าเป็ นว่าไม่ใส่ใจ
ยากที่จะเปิ ดปาก พูดจาก็มักจะใช ้ถ้อยคาง่ายๆ สบายๆ หาก ผู้เยาว์ไม่ใส่ใจมากพอก็จะต้องพลาดสีหน้า แววตาและความหมายใน คาพูดหลายอย่างที่ซุกซ่อนเอาไว้ของพวกคนเฒ่าคนแก่
เฉินผิงอันออกมาจากผูซาน มาถึงยอดเขามี่เซวี่ย ชุยตงซาน น้อยเนื้อต่าใจอย่างถึงที่ สุด จะให้ข้าจับผู้อาวุโสซ่งมัดไว้ไม่ยอมให้ จากไปไหนก็ไม่ได้นี่นา
ข้ากล้าหรือ?
ด้วยนิสัยโผงผางเช่นนั้นของซ่งอวี่เซา หากภูเขาเซียนตูดึงดันจะ รั้งตัวเอาไว้ ถึงเวลานั้นทาให้ผู้อาวุโสไม่พอใจขึ้นมา อาจารย์ท่านจะ ไม่เอาไฟโทสะมาสาดใส่บนหัวของศิษย์หรอกหรือ
เฉินผิงอันถาม “ผู้อาวุโสซ่งจะไปเที่ยวที่ไหน?”
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “ดูจากท่าทางแล้ว แรกเริ่มผู้อาวุโสซ่งคงไม่ คิดจะท่องเที่ยวอยู่ในใบถงทวีป หลังออกจากท่าเรือชิงซานแล้วจึงตรง ดิ่งไปทางเหนือ เวลานี้น่าจะอยู่แถวๆ เมืองเก่าบางแห่งของราชวงศ์ ด้ายวนเก่ากระมัง มีความเป็ นไปได้อย่างมากว่าจะอยู่ในสถานที่ที่ อาจารย์กับจงขุยพบเจอกัน เมืองผีแต่ละแห่งที่อยู่รายทางไม่มีอะไรให้
น่าเที่ยวชม ทว่าที่นั่นจะดีจะชั่วก็ยังมีกู่ชิวที่ดารงตาแหน่งคล้ายเทพ อภิบาลเมืองคนใหม่ เขายังยุ่งทางานอยู่ที่นั่ ด้วยนิสัยของผู้อาวุโสซ่ง ต้องยินดีจะไปหยุดอยู่ที่นั่นนานหน่อยเป็ นแน่”
เฉินผิงอันพยักหน้า “เจ้าไปท าธุระของเจ้าเถอะ ข้าจะไปหาผู้ อาวุโสซ่งเอง”
ชุยตงซานหัวเราะหึหึ “อาจารย์ จะบอกข่าวดีกับท่าน ไฉอู๋เป็ น ขอบเขตหยกดิบแล้วกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มที่เสี่ยวโม่มอบให้ ไฉอู๋ก็หลอมเสร็จแล้ว ดังนั้นสานักกระบี่ชิงผิงของพวกเราจึงมีผู้ฝึก กระบี่ขอบเขตหยกดิบมาเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว”
เฉินผิงอันอึ้งค้างพูดไม่ออก
ชุยตงชานกล่าว “ข้าเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ดังนั้นหลังจากรู ้เรื่อง นี้ พวกซุนชุนหวัง ป๋ ายเสวียน ต่างก็ใส่พลังกันเต็มที่ ยิ่งหลอมกระบี่ อย่างตั้งใจมากขึ้น ซุนขุนหวังนั้นยังดีหน่อย แต่ป๋ ายเสวียนน่าสงสาร ที่สุด เหมือนกับถูกฟ้ าผ่าอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่จะพูดก็พูดไม่ออก นั่งยองกุมหัวอยู่บนพื้น ขาดก็แค่ไม่ได้ลงไปชักดิ้นชักงออยู่กับพื้น เท่านั้น พอป๋ ายเสวียนท าแบบนี้เหอกูกับอวี่เสียหุยถึงได้รู ้สึกดีขึ้นมา เล็กน้อย แต่โดยภาพรวม ไม่มีใครอิจฉาการเดินขึ้นสวรรค์ในก้าว เดียวของไฉอู๋เลย ถึงอย่างไรก็เป็ นผู้ฝึกกระบี่ในท้องถิ่นของกาแพง เมืองปราณกระบี่ วิสัยทัศน์กว้างไกล เคยเห็นโลกกว้างมาก่อน พื้นฐานจิตแห่งมรรคาดีเยี่ยม ความรู ้สึกไม่ยอมแพ้ย่อมต้องมีอยู่แน่ ก็ เหมือนอย่างป๋ ายเสวียน คาว่าเป็ นไปไม่ได้ที่เอ่ยออกมาก็เพราะนาย
ท่านใหญ่ผู้นี้คิดแล้วก็ไม่เข้าใจว่า ใต้หล้านี้ไฉนถึงมีคนวัยเดียวกันที่ คุณสมบัติดีเยี่ยมกว่าข้าได้ ไม่น่านะ ไม่ใช่กระมัง จะเป็ นไปได้ อย่างไร” หลายวันมานี้ป๋ ายเสวียนพอจะท าใจได้บ้างแล้ว แต่ก็น่าจะ ยังคิดเรื่องนี้ไม่ตกอยู่เหมือนเดิม อย่างน้อยต้องใช ้เวลาเป็ นเดือน กระมัง”
เฉินผิงอันกล่าว “สมกับเป็ นนายท่านใหญ่จริงๆ”
เพิ่งจะเจอหน้ากันได้ไม่เท่าไร ก็สามารถหลอกให้ชิวจื่อแห่งยอด เขาจิ๋วอี้แปะโป้ งลงบนตาราวีรบุรุษเล่มนั้นได้ ก็มีแค่เขาคนเดียวที่ทา ได้จริงๆ
เฉินผิงอันพลันถามคาถามที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุอีกสองข้อ ติดๆ กัน เป็ นคาถามที่ท าให้ชุยตงชานถึงกับมีเหงื่อซึมบนหน้าผาก ทาท่าจะพูดแต่ก็หยุดอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ยังพูดไม่ออก
“เคยนอนหมอบอยู่ริมคันนาตกปลาไหลไหม?”
“ในบทป๋ ายซินของตารา “กว่านจื่อ” กล่าวไว้ว่า ต่อให้ชื่อเสียง เลื่องลือไปทั่วหล้า ก็ไม่สู้หยุดแสวงหาลาภยศชื่อเสียงแต่เนิ่นๆ ตง ซาน เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ชุยตงซานกาลังจะตอบ อาจารย์กลับกลายร่างเป็ นแสงกระบี่ หลายสิบเส้น พริบตาเดียวก็พุ่งออกไปจากภูเขาเซียนดูแล้ว
ชุยตงซานอึ้งค้าง พึมพาว่า “อาจารย์จะตั้งตัวเป็ นศัตรูกับกฎของ ศาลบุ๋นจริงๆ หรือ?”
“เมื่อเป็ นเช่นนี้ คนที่อาจารย์ไปมีเรื่องด้วยก็คือหลี่เซิ่งเลยนะ”
ชุยตงซานไม่อยากตาหนิอาจารย์แม้แต่ครึ่งค า จึงได้แต่เต้นผาง สบถด่าหญิงบ้าหย่างจื่อผู้นั้น
เป็ นครั้งแรกที่ชุยตงซานรู ้สึกว่าขอบเขตของอาจารย์ตนไม่สูงพอ ก็คือเรื่องดี
เพียงแต่เขาก็อดไม่ไหว จึงก่นด่าหย่างจื่ออีกรอบว่าโง่เง่า นี่คิด จะงับเหยื่อแล้วพาตัวมาติดหว่างแหอย่างนั้นหรือ?!
นี่ไม่ใช่ว่าเลือกกระโดดขึ้นมาบนเขียงด้วยตัวเองหรือไร?
หรือจะบอกว่านอกจากจะอาศัยว่ามีกฎของศาลบุ๋น รวมไปถึง ตัวเองหลุดพ้นออกมา จากสนามรบแล้วจึงมั่นใจแล้วว่าอาจารย์จะไม่ กล้าลงมือ?
หรือจะบอกว่าหลี่เซิ่งจงใจทาเช่นนี้?
เป็ นการเดิมพันที่เขามีกับโจวจื่อ?
ในอาณาเขตของราชวงศ์ต้ายวนเก่า ซากปรักสนามรบแต่ละ แห่งที่เดิมทีมีแต่กลิ่นอายของวิญญาณน่าสะพรึงกลัว ทุกวันนี้เปลี่ยน มามีบรรยากาศสดชื่นปลอดโปร่งแล้ว
ท่ามกลางแสงสายัณห์ ผู้เฒ่าสวมชุดเขียวคนหนึ่งที่สะพายห่อ ผ้าฝ้ ายไว้เอียงๆ เดินเข้ามาในประตูเมืองช ้าๆ สถานที่แห่งนี้มีที่ทาการ เขตการปกครองและที่ทาการจังหวัดอยู่ในเมืองเดียวกัน จุดที่สายตา
ของผู้เฒ่ามองไปเห็นยังคงไม่ต่างจากทัศนียภาพของจุดอื่นๆ ที่ผ่าน ทางมา มีแต่ซากปรักหักพัง ไร ้ซึ่งพลังชีวิตใดๆ
ผู้เฒ่ามองไปยังชากที่ตั้งของศาลเทพอภิบาลเมือง เขารู ้สึก ประหลาดใจเล็กน้อย คงไม่ใช่ว่าในเมืองมีเทพอภิบาลเมืองคนใหม่ แล้วหรอกนะ? เขาจึงคิดจะไปดูที่นั่นสักหน่อย
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผู้เฒ่าท่องเที่ยวอยู่ในยุทธภพมาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่ล้างมือในอ่างทองค าถอยออกมาจากยุทธภพก็ดู เหมือนว่าเขาไม่เคยออกไปท่องเที่ยวไกลๆ อีกเลย
ก่อนหน้านี้ไม่นานผู้เฒ่าไปหาซ่งเพิ่งซานผู้เป็ นหลานชายและ หลิ่วเชี่ยนหลานสะใภ้บอกว่าตัวเองจะไปดูใบถงทวีปที่อยู่ทางใต้เสีย หน่อย
ไม่ว่าซ่งเฟิ่งซานและหลิ่วเชี่ยนจะโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่เป็ นผล จึง ได้แต่ปล่อยให้ผู้เฒ่าเดินทางข้ามทวีปไปท่องเที่ยวเพียงลาพัง
ส่วนเรื่องที่ว่าทาไมจู่ๆ ผู้เฒ่าถึงมีความคิดเช่นนี้ พวกเขาที่เป็ น ผู้เยาว์สองคนกลับรู ้ดีอยู่แก่ใจ ต้องโทษเหวยเว่ยที่ศาลเทพภูเขา ตั้งอยู่บนสันเขาเฟิ นสุ่ยนั่นแหละ เหนียงเนียงเทพภูเขาท่านนี้ส่ง จดหมายลับฉบับหนึ่งมาที่ศาลภูเขาจิ้งหลิง เป็ นฝ่ ายเล่าเรื่องที่ภูเขา ลั่วพั่วของเซียนกระบี่เฉินกาลังจะเลือกใบถงทวีปมาก่อตั้งสานักเบื้อง ล่างให้หลิวเชี่ยนที่ตัวเองคิดว่านางเป็ นเพื่อนรักของตนฟัง ถึงอย่างไร ก็เป็ นแค่เรื่องเล็กน้อยอย่างการส่งกระบี่บินแจ้งข่าวแค่ฉบับเดียว แล้ว
ยังถือเป็ นการแสดงน้าใจครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะอย่างไรทุกวันนี้หลิ่วเขียนก็ เป็ นสหายร่วมงานที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากทางราชสานัก และถูกรับเข้ามาอยู่ในทาเนียบขุนเขาสายน้าของกรมพิธีการแล้ว
อันที่จริงสองสามีภรรยาต่างก็รู ้ชัดเจนดีว่าสถานที่ที่ท่านปู่อยาก ไปเที่ยวเยือนจริงๆคืออุตรกุรุทวีปที่อยู่ทางเหนือ รวมไปถึงหลิวเสีย ทวีปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่ได้ครอบครองอวี๋โจวต่างหาก
สถานที่แห่งแรกเขาอยากไปตั้งแต่ตอนเป็ นหนุ่มแล้ว ตอนนั้น ปรมาจารย์วิถีวรยุทธแคว้นซูสุ่ยมักจะรู ้สึกว่ามือกระบี่ในยุทธภพกับผู้ ฝึกกระบี่บนภูเขาไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันหากจะมีความต่างจริงๆ แค่ ไปเยือนก็จะรู ้ได้เอง
สถานที่อย่างหลังผู้เฒ่าซ่งอวี่เขาอยากไปในช่วงหลัง ถึงอย่างไร สองสถานที่นี้เขาล้วนอยากไปเยือน อีกทั้งยังเป็ นสองสถานที่ที่ไม่เคย ได้ไปเยือนมาก่อน
แน่นอนว่าซ่งเฟิ่งซานไม่วางใจที่จะให้ท่านปู่ ไปที่ใบถงทวีป เก้า ทวีปของไพศาลก็เป็ นสถานที่แห่งนี้ที่ในอดีตถูกเผ่าปีศาจของใต้หล้า เปลี่ยวร ้างย่ายีอย่างอามหิตที่สุด ทุกวันนี้ทั้งบนและล่างภูเขาต่างก็ไม่ สงบสุขที่สุด
คราวก่อนเฉินผิงอันได้พาหนิงเหยาที่เป็ นคนรักแวะมาเยี่ยม เยือนภูเขาจิ้งหลิงด้วยตัวเอง ยังดื่มเหล้าด้วยกันไปหนึ่งมื้อ เพียงแต่ เพราะต้องรีบเดินไปทางไปที่แคว้นไข่อีจึงไม่ได้พักค้างแรม
ซ่งอวี่เขาก็ไม่มีหน้าจะรั้งคนหนุ่มเอาไว้ อาศัยว่าตัวเองอายุมาก และความเป็ นผู้อาวุโสมาบีบบังคับผู้อื่น ไม่สมควรเลย คนหนุ่มยังมี ธุระ มีงานใหญ่ให้ต้องไปท า ดีมากแล้วหากเป็ นพวกเอ้อระเหย ลอยชายทาตัวเสเพลต่างหากที่ไม่เข้าท่า
ส่วนเรื่องที่งานฉลองของสานักเบื้องล่างภูเขาลั่วพั่วครั้งนี้ไม่ได้ เชิญตน ซ่งอวี่เขาไม่ได้คิดอะไร ผู้เฒ่าไม่ได้รู ้สึกยอกแสลงใจ ความมี หน้ามีตาบนภูเขา ผู้ฝึกยุทธในยุทธภพอย่างเขาไม่มีอะไรให้ต้องไป เข้าร่วมอยู่แล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่สานักเบื้องล่างของเจ้าหนูนั่น ก็ไม่ได้อยู่ที่แจกันสมบัติทวีป ขุนเขาสายน้ายาวไกล เกินครึ่งคง รังเกียจว่าตนแก่แล้ว เดินทางไม่ไหว กินเผ็ดไม่ได้ ดื่มเหล้าไม่ไหว แล้วกระมัง
เจ้าเด็กหน้าเหม็น
คราวหน้าที่เจอกัน อย่าหวังว่าข้าจะทาสีหน้าดีๆ ให้เห็นเลย
ทุกวันนี้ในนครมีคนที่มีชีวิตอยู่สิบกว่าคน
คนที่เป็ นผู้นาคือชายฉกรรจ์ร่างกายาสวมเสื้อเกราะพกดาบ คือ ผู้ฝึกยุทธขอบเขตหกคนหนึ่งที่แสร ้งทาเป็ นขอบเขตห้า ชื่อว่าหงโฉว ชายฉกรรจ์กับสตรีโตเต็มวัยที่ชื่อว่าวังม่านเมิ่งคือคู่รักชั่วคราวที่ ไม่ได้เป็ นสามีภรรยากันอย่างเป็ นทางการ
วังม่านเมิ่งคือผู้ฝึกตนอิสระ สตรีมีเรือนกายเล็กเตี้ยมาก ทว่ารูป โฉมงามเย้ายวน ผิวพรรณขาวนวล
นางมักจะสวมชุดเดินทางยามค่าคืนรัดรูป สวมรองเท้าปักลายคู่ หนึ่ง หากใช ้คากล่าวของเจ้าอ้วนบ้าตัณหาบางคนก็คือเอวบางก้นตึง แน่น
ผู้ฝึกตนอิสระและผู้ฝึกยุทธในยุทธภพสิบกว่าคนนี้ เดิมทีคิดจะ มาหาเงินทางลัดที่นี่ม้าที่ไม่มีหญ้าให้กินตอนกลางคืนมิอ้วนพี คนไร ้ ลาภลอยมิมั่งคั่ง ในความเป็ นจริงแล้วพวกเขาก็เกือบจะได้ก าไรก้อน ใหญ่กันไปจริงๆ ผลคือดันมาเจอเข้ากับบัณฑิตแช่จงคนหนึ่ง ข้าง กายพาผู้ติดตามตัวอ้วนคนหนึ่งมาด้วย กลุ่มคนที่หาเงินโดยมิชอบ มาประทังชีพจนชินแล้วกลับเริ่มถูกบังคับให้ทาเรื่องดีในเมืองผีแห่งนี้ เป็ นช่างไม้สร ้างรถลากไม้คันแล้วคันเล่า รวบรวมโครงกระดูกที่ กระจัดกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ในเมืองมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นท า ตัวเป็ นคนใจบุญที่ออกทั้งแรงออกทั้งเงิน สร ้างโถงพักศพขึ้นมา ตาม หาช่องโพรงมังกรหาเรือนหยินที่ลมน้าดี บุกเบิกพื้นที่สร ้างสุสาน แล้วยังต้องแยกแยะตัวตนตอนมีชีวิตอยู่ของศพพวกนั้นด้วย นี่ต้องไป ที่ฝ่ ายครัวเรือนของที่ว่าการเขตการปกครองและที่ว่าการจังหวัดใน เมือง ตรวจสอบเอกสารคดีและอักขรานุกรมท้องถิ่นอย่างละเอียด ชั่ว ชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยตั้งใจอ่านหนังสือ เปิ ดหนังสือ และคัดลอก รายชื่ออย่างจริงจังขนาดนี้มาก่อน นี่ไม่ต่างอะไรจากการฝึกเขียน ตัวอักษรเลยนะ
นอกจากนี้ทุกคืนยังจะต้องทาหน้าที่เป็ นกุ่ยชาชั่วคราวอยู่ในศาล เทพอภิบาลเมืองเก่าแห่งนั้น ทาการ “ไต่สวนยามค่าคืน” ต่อผีเร่ร่อน
มากมายร่วมกับพวกกู่ชิว ตรวจสอบเรื่องราว ชีวิตของพวกเขาอย่าง ละเอียด ในบรรดานั้นมีผู้ฝึกยุทธในยุทธภพหลายคนที่ไม่ใช่ผู้ฝึกตน ซึ่งชินชากันไปแล้ว คาดว่าชั่วชีวิตนี้หากพวกเขาเดินไปบนถนน ตอนกลางคืนก็คงไม่ต้องกลัวผีอีกแล้ว ช่วงนี้ต่างก็เริ่มสัพยอกกันเอง บอกว่าด้วยลายมือของพวกเรา ไม่พูดว่าว่าสวยงามแค่ไหน แต่เทียบ กับบัณฑิตทั่วไปแล้วก็คงไม่แย่ไปกว่ากันสักเท่าไร เอาไว้ไปช่วยคน อื่นเขียนจดหมายส่งให้ที่บ้านอยู่ข้างทาง หรือไม่ก็เขียนกลอนปีใหม่ สักหลายๆ บทในงานวัดประจ าปี ก็น่าจะได้เศษเงินมาหลายต าลึงอยู่ กระมัง
ทุกวันนี้ในเมืองผีแห่งนี้ ตอนกลางคืนเวลานอนหลับก็หลับสนิท ได้มากขึ้นแล้ว
ผลคือมีหลายคนที่ตอนกลางวันทางานอย่างขมักเขม้น ตกดึก ขึ้นมายังตะโกนอ่านชื่อในความฝัน รบกวนการนอนหลับของคนอื่น คนที่ถูกปลุกให้ตื่นได้ยินแล้วก็หงุดหงิดนักยกมือตบผลัวะทันที
เพียงแต่ว่าช่วงนี้คนกลุ่มนี้เกิดความแตกแยกกันแล้ว ช่วงเช ้าตรู่ ของวันที่เป็ นวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ จู่ๆ กู่ชิวก็บอกว่ากิจธุระในเมือง จัดการเรียบร ้อยแล้ว ทุกคนจะไปท าอะไรก็สามารถไปท าได้ตาม สบายแล้ว คนกลุ่มใหญ่ที่เดิมทีควรแยกย้ายกัน เดิมทีควรนั่งลงแบ่ง ส่วนแบ่งกัน เมื่อได้เงินไปตามกฏแล้วก็กลับบ้านใครบ้านมันได้แล้ว
นอกจากพวกเงินและทองที่ขุดดินลึกลงไปสามชื่ออย่าง ยากล าบากกว่าจะหาเจอ ก็ยังมีพวกอักษรภาพ ของสะสมโบราณ
หนังสือหายาก มีกู่ชิวคอยช่วยตรวจดูราคาให้ ล้วนสามารถหักเป็ น เงินเทพเซียนหรือไม่ก็เงินสีขาวสีทองของจริงได้แล้ว ก็นับว่ารวดเร็ว ฉับไวดีแต่กลุ่มคนที่มีวังม่านมิ่งเป็ นผู้นากลับรู ้สึกว่าอยู่ในเมืองแห่งนี้ ติดตามอยู่ข้างกายกู่ชิว ไม่แน่ว่าอาจเป็ นเส้นทางที่เดินขึ้นสู่ตาแหน่ง สูงได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง คิดจะสร ้างเกียรติยศให้วงศ์ตระกูลนั้นไม่ แน่เสมอไป แต่คว้าต าแหน่งผู้ถวายงานของทางการมาเป็ นกลับไม่ใช่ แค่ความฝัน ทว่าหงโฉวชู้รักของนางกลับรู ้สึกว่าอยู่ที่นี่ไม่มี ความหมายใดๆ ไม่สู้ทุกคนเกาะกลุ่มกันไปหาสถานที่เหมาะๆ ก่อ ส านักตั้งพรรค รอให้มีเงินทุนแล้วค่อยรอทางราชสานักประกาศนิร โทษ เอาของที่ได้มาไปขายให้กับตระกูลเชื้อพระวงศ์ก็น่าจะขายได้ ราคาดียิ่งกว่าสองฝ่ ายถกเถียงกันไม่หยุด แล้วก็รู ้สึกอีกว่าแทนที่จะ แยกย้ายกันไปเช่นนี้ไม่สู้มารวมตัวกันเป็ นกลุ่ม ดังนั้นจึงยังรั้งรอ ตัดสินใจกันไม่ได้เสียที สองฝ่ ายแยกกันอยู่ในเรือนของขุนนางชั้นสูง สองแห่งที่เคยเป็ นเพื่อนบ้านกัน ในเรือนแต่ละหลังต่างก็มีหอเก็บ ตาราอยู่แห่งหนึ่ง มีชื่อว่าหอเก็บต าราเจ็ดพันเล่มกับหอเก็บต าราแปด พันเล่ม เหมือนสตรีสองคนที่ทะเลาะด่าทอกัน
เวลานี้คนกลุ่มหนึ่งนั่งเรียงแถวกันอยู่บนหัวกาแพงเมืองที่ผุผัง คล้ายก าลังตาก…แดดยามเย็น
พวกเขาไม่มีอะไรให้ท าจริงๆ เถียงกันไปเถียงกันมาก็ยังไม่อาจ หาหนทางที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยอมรับได้
พวกเขาเห็นผู้เฒ่าสวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียวคนหนึ่งปรากฏตัว บนถนน ดูจากฝีเท้าและพลังอานาจบนร่างแล้วก็น่าจะเป็ นคนที่ฝึกวร ยุทธคนหนึ่ง
ชายหนุ่มที่ผอมเหมือนลิงยิ้มเอ่ยว่า “อาจารย์ผู้เฒ่า มาเยือน สถานที่ที่นกไม่มาชี้แห่งนี้ท าไมหรือ?”
หากเป็ นในอดีตคงเปลี่ยนคาเรียกขานอีกฝ่ายว่าตาเฒ่าไปแล้ว