กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 971.3 กลิ้งลูกหิมะ
เฉินผิงอันกล่าว “แผนการนี้ ก่อนหน้านั้นไม่ได้ปรึกษาเจ้า ข้า ต้องขอโทษเจ้าด้วยรับรองว่าจะไม่มีคราวหน้าอีก”
ชุยตงซานยิ่งน้อยเนื้อต่าใจ “ศิษย์ไม่ใช่คนอื่นคนไกลสักหน่อย หากอาจารย์ยังพูดจาเกรงใจกันแบบนี้อีก ศิษย์จะเสียใจจริงๆ แล้วนะ”
เฉินผิงอันหัวเราะหึหึ
ชุยตงซานรีบยึดเอวตรงพูดเสียงดังกังวานทันทีว่า “ศิษย์ไม่ น้อยใจ!”
เฉินผิงอันก้มหน้าถูมือ เป่ าลมที่เป็ นควันขาวออกมาจาก ปากเบาๆ
หย่างจื่อ ปีศาจใหญ่บนบัลลังก ์ราชา แน่นอนว่าต้องถือว่าเป็ น ปลาใหญ่ที่พาตัวมาติดหว่างแห
หากไม่เป็ นเพราะคาพูดประโยคนั้นของผู้อาวุโสซ่ง ขอแค่หย่า งจื่อกล้ามาที่ใบถงทวีปถ้าอย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้จากไปอีก
ตน บวกกับเสี่ยวโม่ ชุยตงซาน หมี่อวี้ แค่นี้ก็พอแล้ว
นอกสนามรบ ล่อลวงด้วยผลประโยชน์ เชิญท่านลงโอ่ง จากนั้น ค่อยรวบแหล้อมสังหาร การกระทานี้แน่นอนว่าผิดต่อคุณธรรมใน ยุทธภพ ดังนั้นเฉินผิงอันถึงได้มีบทสนทนานั้นกับผู้อาวุโสซ่ง
หากจะพูดถึงสถานะและขอบเขต หย่างจื่อที่ถูกศาลบุ๋นขังไว้ใน กลุ่มเทือกเขาเตาหลอมเหล่าจวิน กับหลิวชาที่ถูกกักขังอยู่ในพื้นที่ ลับแห่งขุนเขาสายน้าของสวนกงเต๋อ ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็ นหนึ่งในสิบ สี่ปีศาจใหญ่อดีตบัลลังก ์ราชาเก่า เพียงแต่ว่าฐานะของหลิวชาสูงกว่า แน่นอนว่าหากหลิวชาไม่ได้ถูกเฉินฉุนอันขัดขวางเอาไว้ ได้กลับคืน สู่บ้านเกิดด้วยสถานะของผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสิบสี่ ทุกวันนี้หลิวชาก็ จะกลายเป็ นผู้นาบนวิถีกระบี่อย่างสมชื่อของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างแล้ว และการที่หย่างจื่อถูกเฉินผิงอัน “พะวงหาอยู่ตลอดเวลา” เช่นนี้ ไม่ เพียงแค่เพราะอีกฝ่ ายเปิดฉากสังหารไปสี่ทิศบนสนามรบ วิธีการที่ใช ้ อามหิตโหดเหี้ยมพอข้ามผ่านกาแพงเมืองปราณกระบี่เข้ามาในใต้ หล้าไพศาลแล้ว หย่างจื่อยังออกแรงไปอีกไม่น้อย ทว่าเรื่องที่ทาให้ เฉินผิงอันเกิดจิตสังหารอย่างแท้จริงยังคงเป็ นเรื่องที่หย่างจื่อที่เคย สังหารเซียนกระบี่ผู้หนึ่งอย่างทารุณกรรมท่ามกลางสายตาจับจ้อง มองมาของคนมากมายบนสนามรบของกำแพงเมืองปราณกระบี่
ชุยตงซานมีความหมายเหมือนต้องการทุ่มไหที่แตกให้แหลกไป เลย คล้ายกับตัดสินใจไว้แล้วว่าจะต้องถามให้รู ้เหตุผลจงได้ “หยุดมือ เปลี่ยนใจกะทันหัน ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งที่ทามาก่อนหน้านี้ล้วนเสียเปล่า หรอกหรือ ในใจของอาจารย์จะรู ้สึกอัดอั้นไปอย่างยาวนานหรือ ไม่?”
เฉินผิงอันเงียบไม่ตอบ
ขังหลิวชาและหย่างจื่อไว้ไม่สังหาร ล้วนเป็ นความหมายของ ศาลบุ๋นแผ่นดินกลางหรือควรจะพูดให้ถูกก็คือเป็ นความต้องการ ของหลี่เซิ่ง
ก่อนหน้านี้ภายในของศาลบุ๋นเองก็ใช่ว่าจะไม่มีความเห็นต่าง เพียงแต่ว่าหลี่เซิ่งตัดสินใจเช่นนี้แล้วจึงไม่มีใครเถียงในเรื่องนี้กันอีก
ชุยตงซานถอนหายใจเบาๆ ใช ้ปลายเท้าเตะหิมะที่ทับถมอยู่บน เส้นทางไปเรื่อยๆ
หลังจากที่อาจารย์กลับไปยังบ้านเกิด ภูเขาลั่วพั่วก่อตั้งสานัก ขึ้นมา นอกจากจะเข้าร่วมงานพิธีของภูเขาตะวันเที่ยงซึ่งก่อให้เกิด ความครึกโครมไม่น้อยแล้ว ภายหลังก็ยังเลือกที่จะให้ภูเขาลั่วพั่วอยู่ ในสถานะคล้ายปิดภูเขาอย่างเหนือการคาดการณ์ของทุกคน แล้ว อาจารย์ก็เลือกใบถงทวีปมาก่อตั้งสานักเบื้องล่างอย่างรวดเร็วปานไฟ ไหม้
อย่างแรกยังถือว่าสมเหตุสมผล แต่หากจะพูดถึงอย่างหลัง คิดจะ ชดเชยแผ่นดินของหนึ่งทวีปที่เสียหายย่อยยับก็จาเป็ นต้องมีถิ่นฐาน ของตัวเองเสียก่อน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนรวมหรือเหตุผลส่วนตัว แน่นอนว่าล้วนเข้าใจได้
แต่ชุยตงซานกลับได้กลิ่นผิดปกติบางอย่างมาตั้งแต่แรกแล้ว บางทีจูเหลี่ยนที่อยู่ภูเขาลั่วพั่วก็อาจจะสัมผัสได้เหมือนกัน แต่พ่อครัว เฒ่าคนเจ้าเล่ห์ผู้นั้นกลับแกล้งโง่
ปีนั้นหย่างจื่อจัดกาลังพลไม่ถูกวิธี บัญชาการณ์ทัพไม่ได้เรื่องจึง สร ้างความเดือดร ้อนให้กับทางฝั่งของกระโจมเจี่ยจื่อ หย่างจื่อที่ต้อง ท าความดีชดใช ้ความผิดจึงออกมาจากสนามรบชั่วคราวพร ้อมกับ หวงหลวน หวนกลับมายังพื้นที่ใจกลางของเปลี่ยวร ้างอีกครั้ง รับผิดชอบควานหาตัวและดักสังหารผู้ฝึ กกระบี่ของกาแพงเมือง ปราณกระบี่ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเปลี่ยวร ้าง
ตอนนั้นเฉินผิงอันออกคาสั่งว่าห้ามให้การช่วยเหลือพวกผู้ฝึ ก กระบี่เหล่านั้น ผลคือยังคงมีผู้ฝึ กกระบี่กลุ่มหนึ่งที่ออกไปจากหัว ก าแพงเมืองอยู่ดี
และเรื่องนี้ก็เป็ นจุดที่ทาให้อิ่นกวานหนุ่มผู้นั่งบัญชาการณ์ คฤหาสน์หลบร ้อนถูกคนวิจารณ์อย่างสาดเสียเทเสียมากที่สุด จนถึง ทุกวันนี้นครบินทะยานของใต้หล้าห้าสีก็ยังมีผู้ฝึกกระบี่อีกไม่น้อยที่ ยังจดจาเรื่องนี้อยู่ในใจ รู ้สึกว่าเฉิ นผิงอันเลือดเย็นเห็นแก่ ผลประโยชน์มากเกินไป ต่อให้จะเป็ นอิ่นกวานคนสุดท้ายของก าแพง เมืองปราณกระบี่ได้อย่างดี แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็ นผู้ฝึกกระบี่ของกาแพง เมืองปราณกระบี่อย่างเต็มตัว
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะคาวิพากษ์วิจารณ์พวกนี้ เฉินผิงอันถึงได้ เกิดความคิดอยากสังหารหย่างจื่อมากเป็ นพิเศษ ถึงได้ใช ้ทุกวิถีทาง เพื่อให้บรรลุเป้ าหมาย พาชิงถงไปพบหย่างจื่อโดยเฉพาะ จากนั้นใช ้ ข้ออ้างว่าต้องการท าการค้าล่อลวงให้นางเป็ นฝ่ ายออกมาจากพื้นที่ ลับแห่งนั้นด้วยตัวเอง
ก็เหมือนอย่างการกระทาตอนที่เจอได้เจอกับทหารม้าแคว้นเป่ ย เยี่ยนโดยบังเอิญระหว่างที่เดินทางท่องเที่ยวอุตรกุรุทวีปเมื่อครั้งอดีต
ชีวิตคนมักจะมีการกลับมาพบเจอกันอีกครั้งท่ามกลางขุนเขา สายน้าเช่นนี้อยู่เสมอ
ชุยตงซานถามหยั่งเชิงว่า “การที่เฮ้อเซียงถิงและอวี๋ชิงจาง ออกไปจากภูเขาลั่วพั่ว อันที่จริงเป็ นอาจารย์ที่สั่งให้อวี๋เยว่รับลูกศิษย์ อย่างลับๆ หรือ?
เฉินผิงอันส่ายหน้า ในที่สุดก็ยอมเปิดปาก “ตอนนั้นไหนเลยจะ คิดถึงเรื่องที่อยู่ห่างไกลเช่นนี้ได้ เป็ นแค่ความบังเอิญเท่านั้น ก็โชคดี ที่พวกเขาติดตามอวี่เยว่จากไปแล้ว ไม่ต้องได้เจอกับหย่างจื่อ ไม่อย่างนั้นเรื่องเละเทะครั้งนี้ ข้าก็ไม่รู ้ว่าจะเก็บกวาดอย่างไรเลย จริงๆ”
เด็กก็คือเด็ก ดังนั้นเรื่องบางอย่าง พวกผู้ใหญ่จึงไม่อาจคาดหวัง ให้พวกเด็กๆ ไปท าความเข้าใจ หลักการเหตุผลบางอย่างก็มีเพียง ระหว่างการเติบโตเท่านั้นที่พวกเด็กๆ จะค่อยๆ ท าความเข้าใจได้ด้วย ตัวเอง
หากจะบอกว่าในความฝันคือปั้นตุ๊กตาหิมะ ถ้าอย่างนั้นเติบใหญ่ ขึ้นมาก็เหมือนได้กินข้าวเย็นๆ
หากหย่างจื่อปรากฏตัวในใบถงทวีป เข้าร่วมเรื่องการขุดเจาะลา น้าใหญ่ ต่อให้หย่างจีอร่ายเวทอ าพรางตา เวลานานเข้าก็ยังต้อง กลายเป็ นกระดาษที่ห่อไฟได้ไม่มิด
สักวันจะต้องถูกตัวอ่อนเซียนกระบี่ที่มาจากกาแพงเมืองปราณ กระบี่กลุ่มนั้นรู ้เรื่องวงในได้แน่
มีรากฐานมหามรรคาจากปีศาจใหญ่แห่งเปลี่ยวร ้างเหมือนกัน แต่เสี่ยวโม่กลับไม่เหมือนกัน เขาหลับสนิทอยู่ในดวงจันทร ์เฮ่าไฉ่มา นานนับหมื่นปี ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ กาแพงเมืองปราณกระบี่ แม้แต่น้อย
บวกกับในบรรดาสิบเซียนกระบี่บนยอดเขาสูงสุดในอดีตที่มีเฒ่า หูหนวกเป็ น “หนึ่งในห้าสุดยอด” ดังนั้นผู้ฝึ กกระบี่ในท้องถิ่นของ กาแพงเมืองปราณกระบี่จึงค่อนข้างเปิดกว้างสาหรับเรื่องนี้
และยังมีเถาถิงแห่งเปลี่ยวร ้างที่อยู่ข้างกายหลี่ไหว อยู่ในภูเขา ใหญ่แสนดี้มาอย่างยาวนาน บวกกับความสัมพันธ ์ระหว่างเซียนกระบี่ ใหญ่ผู้อาวุโสกับเฒ่าตาบอด เถาถิงคิดจะผูกปมแค้นกับก าแพงเมือง ปราณกระบี่ก็ยังยาก เขาไม่มีความกล้ามากพอ
แต่หย่างจื่อนั้นไม่เหมือนกัน
เรื่องที่ถูกจับตัวคือเรื่องหนึ่ง ทั้งสองฝ่ ายไม่เจอหน้ากัน จนตายก็ ไม่ไปมาหาสู่กัน แต่หากหย่างจื่อมาถึงใบถงทวีปแล้วยังไม่สังหาร กลับเป็ นอีกเรื่องหนึ่ง
ศาลบุ๋นมีการพิจารณาเป็ นของตัวเอง
มีหลิวชาและหย่างจื่อ หลายปีมานี้มีกากเดนเผ่าปีศาจที่ยังไม่ อาจออกไปจากไพศาลได้เห็นการค้นภูเขาที่ยิ่งนานก็ยิ่งขยายเป็ นวง กว้างอย่างต่อเนื่อง จึงพากันเป็ นฝ่ ายแสดงสถานะกับส านักศึกษา ของแต่ละทวีปด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นคราวก่อนเฉินผิงอันอยู่ที่ สวนกงเต๋อก็เคยได้ขอความรู ้เรื่องนี้จากจิงเซิงซีผิงโดยเฉพาะ ถือว่า เป็ นการเลียบเคียงถามเขาว่าพวกผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่ไร ้หนทางให้ เดินต่อ แต่ก็ไม่ยินดีจะเป็ นสุนัขจนตรอก พวกห้าขอบเขตกลางและ ห้าขอบเขตบนมีจ านวนคร่าวๆ เท่าไร ค าตอบที่ได้ก็คือจานวนมาก จนเฉินผิงอันประหลาดใจ
แน่นอนว่าอุตรกุรุทวีปคือข้อยกเว้น ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจมากมายที่ ให้ตายอย่างไรก็ไม่กล้าไปโผล่ที่แจกันสมบัติทวีป จึงข้ามมหาสมุทร เดินทางไกลขึ้นฝั่งไปที่อุตรกุรุทวีปอย่างลับๆ หมายว่าจะไปหายันต์ คุ้มกันกายแผ่นหนึ่งที่สานักศึกษา ไม่ว่าหลังจบเรื่องศาลบุ๋นจะจัดการ อย่างไร จะดีจะชั่วก็ยังรักษาชีวิตน้อยๆ ไว้ได้ เรื่องต่อจากนั้นค่อยว่า กัน ผลคือยังมีผู้ฝึ กตนอีกไม่น้อยที่ไม่รอให้พวกเผ่าปี ศาจได้เห็น ส านักศึกษาก็มาดักฆ่าพวกมันระหว่างทางแล้ว เรื่องทานองนี้ก็ เกิดขึ้นที่ฝูเหยาทวีปและเกราะทองทวีปเช่นเดียวกัน
ศาลบุ๋นและส านักศึกษาของแต่ละแคว้น ตรวจสอบก็แล้ว แต่กลับ ยังตรวจสอบไม่เจอเบาะแสอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสานักศึกษาแต่ละ แห่งตั้งใจจริงหรือไม่ ล้วนต้องมีเครื่องหมายคาถามตามหลังทุกครั้ง
ส่วนสานักศึกษาอย่างสานักศึกษาอวี๋ฝูนั้นกลับไม่ต้องใช ้ เครื่องหมายคาถามแล้ว
เฉินผิงอันถาม “หากเป็ นศิษย์พี่ชุย จะทาอย่างไร?”
ความรู ้เรื่องทฤษฎีคุณความชอบและลาภยศของศิษย์พี่ชุยย่อมมี ความลึกล้ามีความ รุนแรงเป็ นของตัวเอง
ชุยตงซานกล่าว “บอกได้ยาก เจ้าตะพาบเฒ่าผู้นั้นทาอะไรล้วน ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้กับทั้งตัวเองและคนอื่น บางทีอาจจะใช ้ทุก ทรัพยากรที่มี ยกตัวอย่างเช่นให้หย่างจื่อมาขุดเจาะลาน้าใหญ่ใหม่ เอี่ยมของใบถงทวีป หรือไม่ก็ให้หย่างจื่อไปรับหน้าที่เป็ นกงโหวของ ลาน้าใหญ่ที่แจกันสมบัติทวีปโดยตรงเลย โดยที่ในใจของเขาไม่รู ้สึก เป็ นกังวลแม้แต่น้อย จะไม่มีทางเป็ นทุกข์อย่างอาจารย์แน่ ส่วน ความคิดของเด็กๆ คนอื่นล้วนไม่สาคัญ อายุน้อย ไม่เข้าใจก็เป็ นเรื่อง ของพวกเขา อายุมากแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจ ก็เป็ นเรื่องของพวกเขา เหมือนกัน และบางทีการชิงความได้เปรียบในเรื่องนี้ก็อาจจะเหมือน อาจารย์อย่างไม่มีผิดเพี้ยน รอให้หย่างจื่อออกมาพ้นจากทวีปแดน เทพแผ่นดินกลางแล้วก็คือหนทางสู่ความตายเส้นหนึ่งศาลบุ๋นกับหลี่ เซิ่งจะคิดอย่างไร จะทาอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวกับชุยฉานเหมือนกัน คิด อยากจะเดินตามกฎเกณฑ์ ประณามกล่าวโทษ ก็มาได้เลย”
เฉินผิงอันอิ่มรับหนึ่งที
ชุยตงซานกล่าว “ละหย่างจื่อเอาไว้ไม่ไปพูดถึง นางจะเป็ นหรือ ตาย วันหน้าค่อยว่ากันแต่อาจารย์เคยคิดถึงข้อนี้หรือไม่ว่า ปีนั้นเจ้า ลัทธิใหญ่แห่งป๋ ายอวี้จิงไม่ฆ่าเซียนจวินผู้เฒ่าแห่งนครเสินเซียวที่มี ฉายาว่าหนี่กู่ เฉินชิงตูแห่งกาแพงเมืองปราณกระบี่เองก็ไม่ฆ่าเฒ่าหู หนวก หลี่เซิ่งแห่งศาลบุ๋นไม่ฆ่าหลิวชา ล้วนเป็ นเส้นทางความคิด แบบเดียวกัน เป็ นเส้นสายเส้นเดียวกัน” เฉินผิงอันกล่าว “พอจะเข้าใจได้” ชุยตงซานยิ้มกว้าง
ผลคือเขากลับโดนตบหัวทันที ถูกอาจารย์สั่งสอนว่า “ไม่รู ้จัก เด็กรู ้จักผู้ใหญ่ กล้าเรียกชื่อของเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสตรงๆ ได้ อย่างไร”
เฉินผิงอันเก็บมือมา เอ่ยเย้ยหยันตัวเองว่า “มาเจอกับสหายอย่าง พวกเราก็ถือว่าเทพเซียนผู้เฒ่าสู่เจอกับคนไม่ดีจริงๆ หากเป็ นไปได้ ล่ะก็ คงนึกอยากจะหลอมยาแก้ความเสียใจภายหลังออกมาสักเตา เลยกระมัง”
อันดับแรกก็เป็ นตน จากนั้นก็ยังมอบยาอีกสองเตาให้กับเรือนอ วิ่นฉ่าวผูซาน ต่อจากนี้เกรงว่าคงยังต้องถูกถามอีกว่าภูเขาชิงจิ้งจะ เปิดเตาหลอมยาเมื่อไหร่
ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “อาจารย์คิดว่าจะขอยานั่งลืมตนเตาหนึ่งมา จากต าหนักพยัคฆ์เขียวให้กับตาเฒ่าหันหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “นิสัยใจคอและคุณธรรมด้านวรยุทธของ ปรมาจารย์หันเป็ นทีประจักษ์แจ้งของทุกคน”
“อย่างอาจารย์นี่ถือว่าใช ้คุณธรรมตอบแทนความแค้นหรือไม่?”
“อันที่จริงปรมาจารย์หันก็แค่หาข้ออ้างเพื่อมาประเมินหมัดเท้า ของข้าว่าหนักสักกี่จินเท่านั้นเอง ไยผู้อาวุโสท่านนี้จะไม่รู ้ดีอยู่แก่ใจ เล่าว่าเผยเฉียนไม่มีทางติดตามเขาเรียนวิชาหมัดแน่ ใช่แล้ว เจ้าเอง ก็อย่าทาให้เสียเรื่องอีกล่ะ ครั้งนี้ให้เจ้าออกหน้าไปปรึกษากับเทพ เซียนผู้เฒ่าลู่เรื่องนี้ จาไว้ว่า จาเป็ นต้องจ่ายเงินซื้อยา จะให้เทพเซียน ผู้เฒ่าลู่หาวิธีมาปฏิเสธอย่างละมุนละม่อมไม่ได้อีก ติดค้างน้าใจคน เขาเยอะเกินไป วันหน้าคงไม่กล้าไปเป็ นแขกที่ภูเขาชิงจิ้งแล้ว”
“เมื่อครู่นี้อาจารย์ไม่ได้บอกว่าจะนั่งเรือเฟิ งยวนกลับขึ้นเหนือ หรอกหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องผ่านภูเขาชิงจิ้งตาหนักพยัคฆ์เขียว แน่นอน ศิษย์ยังต้องเดินทางลงใต้ไปเป็ นเพื่อนพี่หญิงฉินกับพี่ใหญ่ ผังนะ ต้องใช้ศาสตร์การแบ่งร่าง”
“ข้าเปลี่ยนใจกะทันหัน ว่าจะกลับไปที่ภูเขาลั่วพั่วเพียงล าพัง จะ ให้เสี่ยวโม่รอนานไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรให้เขาไปพบป๋ ายจิ่งคนเดียว ก็ยังมีอันตรายอยู่หลายส่วน”
“อาจารย์ นี่….”
“ตงซานอ่า เป็ นลูกศิษย์จะเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขุดมุมกาแพงบ้าน อาจารย์ จ้องเขม็งตาไม่กะพริบไม่ได้หรอกนะ ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย บางครั้งก็ต้องช่วยแบ่งเบาภาระให้อาจารย์บ้าง เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
“อาจารย์ ข้าคิดว่า…” “ข้าคิดว่าเจ้าต้องคิดแบบนี้”
“ก็ได้ อาจารย์คิดว่าลูกศิษย์คิดแบบนี้ ก็ได้”
ชุยตงซานถามอีกว่า “เดินกลับภูเขาเซียนตูหรือ?” “แค่ต้องกลับไปให้ถึงภูเขาเซียนตูก่อนฟ้ าสางก็ได้แล้ว” “ดูเหมือนว่าอาจารย์จะไม่รีบเดินทางสักเท่าไร?”
“ไม่ว่าทาเรื่องอะไร จะเร่งหรือชะลอก็ต้องทาอย่างเหมาะสม ต้อง รู ้จักยืดหยุ่นให้ดีเสี่ยวโม่เจอกับป๋ ายจิ่ง คิดดูแล้วคงไม่ขี้ขลาดหรอก”
“การเข้มงวดกับตัวเองใจกว้างกับคนอื่นของอาจารย์ ศิษย์ได้ เรียนรู ้อีกครั้งแล้ว”
หนึ่งชุดเขียวหนึ่งชุดขาว อาจารย์และลูกศิษย์ออกไปจากประตู เมือง ชุยตงซานที่อยู่ว่างๆ จึงกลิ้งลูกหิมะไปตามทาง สูงเท่าครึ่งตัวคน สูงเท่าหนึ่งตัวคน สูงเท่าหลังคาบ้าน สูงเท่าภูเขาลูกเล็ก…
เด็กหนุ่มชุดขาวใช ้สองมือผลักลูกหิมะขนาดใหญ่ยักษ์ให้กลิ้งไป ข้างหน้า หัวเราะฮ่าๆเสียงดัง
คนชุดเขียวที่อยู่ข้างๆ ด่าไปคาหนึ่งว่าปัญญาอ่อน ผลคือผ่าน ไปไม่นานเฉินผิงอันก็กลิ้งลูกหิมะขนาดใหญ่พอๆ กันตามมา
บนสะพานโค้งสีทอง ไม่รู ้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ นางกระโดดลงมาจาก ราวรั้ว มายืนอยู่บนสะพาน เสนอแนะกับเฉินผิงอันที่ยังคงฝึกหมัดอยู่ บนราวรั้วว่า “นายท่าน ไม่สู้พวกเราไปดูที่หอบินทะยานกันดีไหม?”
เฉินผิงอันคิดแล้วก็พยักหน้ารับ “ดี!”
นางยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่ต้องรีบร ้อน รอสักเดี่ยว”
และในขณะที่เฉินผิงอันยังมึนงงอยู่นั้นเอง เขาก็มองเห็นได้ราไร ว่าจุดที่ห่างไปไกลมากมีเงาร่างของคนห้าคนเดินออกมาช้าๆ
นางเอนหลังพิงราวรั้ว ท่าทางเกียจคร ้าน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “คิดถึง มากเลยนะ”
นางยื่นมือออกมาชี้ไปข้างหน้า “เจ้านายคนแรก ข้า เจ้าคนที่ ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งถูกข้าสังหารไป และหร่วนซิ่ว หลี่หลิ่วของอีก หมื่นปีให้หลัง”
ที่แท้คนที่เดินมาก็คือเทพสูงสุดห้าท่านในอดีต
ผู้ครองสรวงสวรรค์ยุคบรรพกาล ผู้ถือกระบี่ ผู้สวมเสื้อเกราะ เทพอัคคี เทพวารี