กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 974.1 ปีแห่งความสงบสุข
เรือข้ามฟากเฟิงยวนเดินทางล่องไปยังทิศใต้ของใบถงทวีป
ระหว่างทางจอดพักที่ท่าเรือใบท้อนอกนครเซิ่นจิ่ง
ซ่งอวี่เซายังคงสวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียวสวมรองเท้าผ้า เหมือนเดิม เขาขึ้นเรือมาเพียงลาพัง ตามข้อตกลงที่มีกับราชวงศ์ต้า เฉวียน เรือข้ามฟากจะช่วยส่งข้าวของชุดนี้บรรทุกไปขายยังสอง สถานที่อย่างท่าเรือนครปี้เฉิงของสานักกุยหยกและท่าเรือชุยซานที่ ตั้งอยู่ทางทิศใต้สุดของทวีป
ไม่เห็นหันกวงหู่และเจี่ยนหมิงเดินทางมาด้วย หมี่อวี้ทาสีหน้ามี เลศนัย โจวหมี่ลี่ห้อยร่างทั้งร่างอยู่บนราวรั้ว เตะเท้าเบาๆ เสียดาย อย่างมากที่ยังไม่ได้เจอกับฮ่องเต้ต้าเฉวียนที่ตอนเด็กเผยเฉียนเล่าให้ ฟังว่าหน้าตางดงามปานบุปผา ตอนนั้นเผยเฉียนยังพูดจาอย่าง น่าเชื่อถือ บอกว่าพี่สาวหน้าตางามพิสุทธิ์ที่ชื่อว่าเหยาจิ้นจือผู้นั้น สายตาที่นางมองอาจารย์พ่อ หึหึ มีเรื่องให้ลุ้นแล้ว
รอกระทั่งบรรจุข้าวของทุกชิ้นลงบนเรือเรียบร ้อยแล้ว เฟิงยวนก็ เดินทางลงใต้ต่อ เฉินผิงอันมาจิบเหล้าเป็ นเพื่อนผู้อาวุโสซ่ง ซ่งอวี่ เซาบอกว่าช่วงนี้ใต้เท้าเจ้าเมืองยุ่งจนหัวหูไหม้ปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆ เพราะเรื่องที่ปรมาจารย์หันยินดีจะรับหน้าที่เป็ นราชครูต้าเฉวียนนั้น
เรียกได้ว่าสร ้างความสะท้านสะเทือนให้กับคนทั้งราชสานักเลย ทีเดียว
ซ่งอวี่เซาดื่มเหล้าพลางเล่าเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับราชสานักต้า เฉวียนของนครเซิ่นจิ่งไปด้วย “การขุดเจาะลาน้าใหญ่ เป็ นเรื่องใหญ่ เกินไป จาเป็ นต้องให้ถูกต้องชอบธรรม มีเรื่องหนึ่งที่ถูกกาหนดแล้ว ว่าจะอ้อมผ่านไปไม่ได้ เจ้าคิดไว้แล้วหรือยังว่าจะพูดคุยกับส านัก ศึกษาเหล่านั้นอย่างไร?”
นั่นก็คือต้องได้รับคาอนุญาตจากทางฝั่งของศาลบุ๋นแผ่นดิน กลาง รวมไปถึงรับฟังความคิดเห็นของสานักศึกษาสามแห่งที่ตั้งอยู่ ในใบถงทวีป ต้องเจรจากับส านักศึกษาให้ดีก่อน หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด เรื่องแทรกซ ้อน
เฉินผิงอันพยักหน้า “ทางฝั่งของศาลบุ๋น อาจารย์จะช่วยจัดการ ให้ ส่วนส านักศึกษาสามแห่งอย่างเทียนมู่ ต้าฝูและอู่ซีของใบถงทวีป แห่งนี้ ครั้งนี้ข้าโดยสารเรือเฟิงยวนไปถึงท่าเรือชวีซานแล้วย้อนกลับ ขึ้นเหนืออีกครั้ง ก็จะต้องออกจากเรือข้ามฟากแวะไปเยี่ยมเยียน สถานที่เหล่านี้ด้วย ทางฝั่งของสานักศึกษาต้าฝูแผ่นดินกลางนั้นมี ความมั่นใจมากที่สุด ข้าเป็ นคนรู้จักเก่ากับเฉิงหลงโจว เจ้าขุนเขา โจวของส านักศึกษาอู๋ซี คิดดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหามากนัก ข้ายัง เป็ นสหายกับรองเจ้าขุนเขาหวังไจ่ หวังไจ่ต้องยินดีช่วยเป็ นคนกลาง ประสานงานให้แน่นอน ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดยังคงเป็ นทางฝั่งของสานัก ศึกษาเทียนมู่ เจ้าขุนเขาฟ่ านมาจากสายหย่าเซิ่ง เข้มงวดกับ การศึกษาหาความรู ้อย่างมาก ท าอะไรก็หนักแน่นมั่นคง ซึ่งก็ หมายความว่าเขาค่อนข้างจะเป็ นคนอนุรักษ์นิยม ประเด็นส าคัญคือ เวินอวี้วิญญูชนที่รับหน้าที่เป็ นรองเจ้าขุนเขาในทุกวันนี้ คนผู้นี้มี ความสามารถมาก ความห้าวหาญก็ยิ่งมากกว่า เพิ่งจะมาอยู่สานัก ศึกษาได้ไม่นานเท่าไรก็วางมาดใหญ่โต เรื่องในส านักศึกษาบนภูเขา ต้องควบคุม เรื่องในราชวงศ์นอกภูเขาก็ต้องการควบคุม ใครไม่ยอม ก็ให้มาหาเขาเวินอวี้ ถึงอย่างไรก็มีเขาเป็ นคนจัดการทุกเรื่อง”
ซ่งอวี่เซายิ้มเอ่ย “แม้แต่ข้าก็ยังเคยได้ยินชื่อวิญญูชนผู้เที่ยงตรง ท่านนี้ แค่คิดก็รู ้ได้ว่าชื่อเสียงของเวินอวี้จะยิ่งใหญ่แค่ไหน”
เวินอวี้ไม่ใช่คนในท้องถิ่นของใบถงทวีป เคยกุมอานาจเบ็ดเสร็จ เป็ นผู้ดูแลเรื่องการศึกในสถานที่แห่งหนึ่งของสนามรบทักษินาตย ทวีป ผลคือเวินอวี้สามารถหลอกเผ่าปีศาจขอบเขตเซียนเหรินตน หนึ่งที่ดูแลกระโจมทัพบางแห่งให้มาตายได้
เฉินผิงอันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ต่อให้เจ้าขุนเขาเวินจะมีชื่อเสียง มากแค่ไหน ก็ยังด้อยกว่าข้าระดับหนึ่ง”
เดิมทีจากไปพร ้อมกับเสี่ยวโม่แล้ว หากไม่ได้ย้อนกลับมาอย่าง ตอนนี้ เฉินผิงอันก็คิดว่าจะยกธุระในเรื่องการประสานงานกับสานัก ศึกษาทั้งหลายให้กับอาจารย์จ้งแล้ว
บัณฑิตกับบัณฑิตน่าจะคุยกันได้ง่าย
ซ่งอวี่เซาหลุดข าอย่างอดไม่อยู่ “โม้กับข้าก็ไม่มีความหมายอะไร หรอก เจ้าหนูหากเจ้าแน่จริง เจอกับอีกฝ่ ายแล้วก็ไปพูดต่อหน้าเจ้า ขุนเขาเวินเข้าสิ”
เฉินผิงอันยกชามเหล้าขึ้น ยิ้มกล่าว “ข้าไม่ได้ขาดเส้นประสาท เส้นไหนไปสักหน่อยเจอหน้าแล้วจะได้ตบหน้าคนเขาอย่างโง่งมเช่นนี้ แบบนั้นไม่เหมือนคนเก่าคนแก่ในยุทธภพแล้ว”
ส านักศึกษาสามแห่งในทวีป ต้าฝู เทียนมู่ อู๋ซี เหนือใต้ของใบถง ทวีป สานักที่ใหญ่ที่สุดลองแห่งที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อน สานักกุยหยกที่ ทุกวันนี้เจริญรุ่งเรืองกับสานักใบถึงที่ร่อแร่ปางตาย หากยังรวมส านัก กระบี่ชิงผิงเข้าไปด้วย คาดว่าสาหรับสานักศึกษาทั้งสามแห่งแล้วก็ สามารถถือเป็ นหนึ่งต่อหนึ่งได้พอดี
ในเมื่อต่างก็พูดกันว่าทุกเรื่องล้วนยากที่การเริ่มต้น สานัก ศึกษาอู๋ซีที่ตั้งอยู่ทางใต้มีเจ้าขุนเขาสองท่านหนึ่งหลักหนึ่งรองอย่าง โจวมี่และหวังไจ่อยู่ คิดดูแล้วน่าจะมีการเริ่มต้นที่ไม่เลวได้
ซ่งอวี่เซาทาท่าจะพูดแต่ก็หยุดไป จากนั้นก็หัวเราะกับตัวเอง พลางดื่มเหล้าไปด้วย
ในนครเซิ่นจิ่งแห่งนั้นมีข่าวลือไม่ใช่น้อยๆ จากข่าวลือเล็กๆ บางอย่างที่เล่าลือกันอย่างสมจริง ดูเหมือนว่าแม้แต่เรื่องที่ปรมาจารย์ หันจะมารับหน้าที่เป็ นราชครูของแคว้นก็ยังกลายเป็ นวิธีการที่ทาให้ ข่าวลือนี้ยิ่งปิดก็ยิ่งฉาวโฉ่ไปแล้ว
ในหมู่ชาวบ้านร ้านตลาดของนครเซิ่นจิ่ง และยังมีท่าเรือใบท้อ แห่งนั้น คนส่วนใหญ่ล้วนพูดจาอย่างน่าเชื่อถือว่า จะต้องเป็ นผลลัพธ ์ จากการที่ใครบางคนให้การสนับสนุนอย่างเต็มก าลังแน่นอน ไม่อย่างนั้นปรมาจารย์หันจะมาที่นครเซิ่นจิ่งได้อย่างไร? เมื่อดูจาก เรื่องนี้อิ่นกวานหนุ่มผู้นั้นจะต้องเป็ นห่วงเป็ นใยราชวงศ์ต้าเฉวียนของ พวกเราถึงเพียงใด ถึงได้ยินดีใช ้วิธีวกวนอ้อมค้อมมาช่วยออกแรงให้ สกุลเหยาเช่นนี้
เฉินผิงอันถามอย่างสงสัย “ผู้อาวุโสซ่ง ก่อนหน้านี้ไปได้ยินเรื่อง น่าสนใจหรือได้เห็นเรื่องประหลาดอะไรในนครเซิ่นจิ่งมาหรือ ถึงได้ อารมณ์ดีขนาดนี้?”
ซ่งอวี่เซายิ้มกล่าว “ไม่ถือว่าเป็ นเรื่องน่าสนใจเรื่องประหลาดอะไร หรอก ก็แค่ได้ยินเรื่องเล่าความรักชายหญิงของคนบางคู่มา ก็ไม่รู ้ว่า จริงหรือเท็จ เอาเป็ นว่าตอนที่ข้าอยู่จวนเหยา ผู้ฝึ กยุทธที่ไม่ใช่ แม้กระทั่งขอบเขตร่างทองก็ยังได้รับความสาคัญอย่างถึงที่สุด”
เฉินผิงอันยิ้มเผื่อน “ดื่มเหล้าๆ”
ราชวงศ์ต้าเฉวียน ศาลเทพวารีที่ตั้งอยู่ริมลาคลองม่ายเหอ ควัน ธูปโชติช่วง คนที่มาจุดธูปทยอยกันมาไม่ขาดสาย
เบื้องหน้าศิลาขอฝนมีสตรีผู้หนึ่งรูปโฉมเป็ นวัยกลางคนสวม กระโปรงผ้าปักปิ่นไม้ ตรงเอวเหน็บพัดใบลานยืนอยู
ข้างเท้าของสตรีคือแม่นางน้อยเทพลาคลองที่มีรูปลักษณ์เป็ น เด็กสาวนั่งยองอยู่ นางไม่รู ้สักนิดว่าป้ ายศิลาแผ่นนี้มีอะไรน่ามอง นักหนา
นักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นที่เพิ่งจะกลายมาเป็ นอาจารย์และศิษย์ กันคู่นี้ก็คือหย่างจื่อและกานโจวที่เดินทางจากทวีปแดนเทพแผ่นดิน กลางข้ามทวีปมายังใบถงทวีป ทุกวันนี้แม่ย่าล าคลองเฉาชิวคือลูก ศิษย์อย่างเป็ นทางการของหย่างจื่อแล้ว
สถานะบนทาเนียบขุนเขาสายน้าของหย่างจื่อในตอนนี้ นามแฝง คือจิ่งสิง ฉายาคือ “เกาซาน” คือเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อในศาล เทพภูเขาเซียงเฝ่ ยซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นเล็กแห่งหนึ่งของทวีปแดนเทพ แผ่นดินกลาง
ส่วนชุดคลุมอาคมที่ระดับขั้นสูงมากตัวนั้น ได้ถูกหย่างจื่อร่าย เวทอาพรางตา ทุกวันนี้สวมอยู่บนร่างของกานโจวผู้เป็ นลูกศิษย์ เอาไว้ใช ้หล่อหลอมร่างทองแม่ย่าล าคลองของฝ่ ายหลัง เดิมทีนี่ก็คือ การฝึ กตนที่พันปี ยากจะพานพบอย่างหนึ่ง เรื่องของการฝ่ าทะลุ ขอบเขตนั้นถูกกาหนดมาแล้วว่าจะว่องไวเหมือนผ่าล าไม้ไผ่
เพราะถึงอย่างไรนี่ก็คือหนึ่งในสิบชุดคลุมอาคมใหญ่ของหลาย ใต้หล้า
หย่างจื่อถามเสียงเบา “สวมอยู่บนร่าง ยังรู ้สึกเดินลาบากอยู่อีก ไหม?”
เด็กสาวเงยหน้ายิ้มเอ่ย “อาจารย์ ดีขึ้นมากแล้ว”
หย่างจือพยักหน้ารับ “เมื่อไหร่ที่เดินแล้วรู ้สึกว่าไม่อืดอาดชักช ้า อีกต่อไป ก็เท่ากับว่าบรรลุผลส าเร็จแล้ว”
กานโจวเอ่ยหยอกล้อ “อาจารย์ ถึงเวลานั้นข้าจะคืนให้ท่านนะ เจ้าคะ ห้ามไม่รับคืนเด็ดขาด”
หย่างจื่อยิ้ม “ก็ไม่ได้อยากจะยกให้เจ้าสักหน่อย อย่าหลงตัวเอง เลย”
กานโจวหัวเราะฮ่าๆ “ยังนึกว่าอาจารย์จะยกให้ข้าเสียอีก ข้าจะ ได้ปฏิเสธสักสองสามครั้ง สุดท้ายคืนให้กับอาจารย์ ความสัมพันธ ์ ระหว่างอาจารย์และศิษย์ยิ่งนานวันก็จะยิ่งแนบแน่นขึ้นไปอีก”
หย่างจื่อคลี่ยิ้ม เก็บสมบัติมีชีวิตมาเป็ นลูกศิษย์ ตลอดทางที่เดิน ทางไกลมานี้ก็ไม่น่าเบื่อเลย
กานโจวนั่งยองอยู่บนพื้น ขยับคอเสื้อชุดคลุมอาคม ถามว่า “อาจารย์ เสื้อชุดนี้ คงมีมูลค่ามากเลยสินะ?”
ชุดคลุมอาคมของผู้ฝึ กตนสวมอยู่บนร่างของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่ง ขุนเขาสายน้า ถึงกับเทียบเท่าการหล่อหลอมร่างทอง นี่เป็ นเรื่องที่ไม่ เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ แต่กานโจวกลับรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้มีความรู้ อะไรมากนัก ครั้งนี้ติดตามอาจารย์ออกเดินทางไกล เดินทางทีก็ ข้าม ทวีปกันเลยทีเดียว นี่ยังเป็ นครั้งแรกของนางด้วยนะ
หย่างจื่อพยักหน้า “ชุดคลุมอาคมที่มีระดับขั้นเท่าเทียมกับมันมี อยู่ไม่มากจริงๆ”
ในกาลเวลาของยุคบรรพกาลเมื่อหมื่นปีก่อน ปีศาจใหญ่ที่ใน อดีตปรากฏตัวด้วยรูปโฉมของเด็กหนุ่มมาโดยตลอดผู้นั้นได้ยึด ครองไปคนเดียวถึงสองชิ้น หลังจากที่เขากับพวกปีศาจใหญ่อย่างป๋ า ยจิ่งหายตัวไป สมบัติล้าค่าบนภูเขาสองชิ้นนี้ก็กระจายไปอยู่ในสอง สานักของใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง ใช่ว่าหย่างจื่อจะไม่อยากได้ แต่เป็ น เพราะไม่กล้าบุ่มบ่ามจริงๆ นอกจากนี้ก็มีชุดขนนกที่มรรคาจารย์เต๋า มอบให้อวี๋โต้ว ชุดที่อยู่บนร่างของเหยาชิงเสนาบดีรูปงามของ ราชวงศ์ชิงซานก็มีระดับขั้นที่ไม่ด้อยเหมือนกัน เกากูแห่งต าหนัก หัวหยางภูเขาตี้เฝ่ ยของโยวโจวที่มีฉายาว่า ‘จวี้เยว่” ก็มีอยู่ชิ้นหนึ่ง ทางฝั่งของใต้หล้าไพศาลนี้ จื่อซี่” ของฝูลู่อวี๋เสวียน บวกกับ ‘เต้า ม่าย” บนร่างจ้าวเทียนไล่เทียนซือคนปัจจุบันของภูเขามังกรพยัคฆ์… ดังนั้นถึงได้มีคากล่าวที่ว่า ชุดคลุมอาคมอันดับหนึ่งในใต้หล้า ลัทธิ เต๋ายึดครองไปครึ่งหนึ่ง
หย่างจื่อคิดว่ามาเยือนลาคลองม่ายเหอของต้าเฉวียนรอบหนึ่ง แล้วก็จะไปยังล าคลองหลินเหอ รวมไปถึงแม่น้าเพ่ยเจียงที่อยู่ใกล้ กับผูซานด้วย
ลาคลองม่ายเหอที่อยู่ข้างกายและแม่น้าเพ่ยเจียงที่ไหลคดเคี้ยว ลงสู่มหาสมุทร ก็เหมือนโครงกระดูกของผู้ฝึ กลมปราณคนหนึ่งที่ ได้รับขีดจากัดมาตั้งแต่กาเนิด หากไม่มีก าลังคนมาก้าวก่ายก็ไม่มี
ทางมี “คุณสมบัติ” ในการเป็ นลาน้าใหญ่ได้แน่ ตัวอ่อนผู้ฝึกตนคน หนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็ นแค่ห้าขอบเขตกลาง คิดอยากจะเลื่อนเป็ นห้า ขอบเขตบนก็ได้แต่อาศัยโชควาสนามากมายมาชดเชย
หย่างจือพลันหันหน้าไปมองม่านฟ้ าทางทิศเหนือ ท่ามกลางทะเล เมฆแห่งหนึ่ง น่าจะอยู่ใกล้กับท่าเรือใบท้อของนครเซิ่งจิ่งมีเรือลาหนึ่ง ลดระดับลงมาช ้าๆ
หย่างจื่อรีบถอนสายตากลับมาทันที ไม่กล้ามองนานตามใจชอบ เพราะนางกังวลว่าบนเรือลานั้นจะมีผู้ฝึ กกระบี่ที่ไม่ถูกกันมาตั้งแต่ หมื่นปีก่อนอยู่ ศัตรูคู่แค้นเจอหน้ากันย่อมมีความอาฆาตฆาตร ้าย มากเป็ นพิเศษ
ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที หย่างจื่อกระตุกมุมปาก อันที่จริงภัยแฝง ที่ใหญ่อย่างแท้จริงยังคงเป็ นป๋ ายจิ่งผู้นั้น ผูกปมแค้นกับผู้ฝึกกระบี่คน แรกก็เป็ นแค่ความขัดแย้งเพราะใช ้อารมณ์ต่อกันเท่านั้น ไม่เกี่ยวพัน ไปถึงการช่วงชิงบนมหามรรคาที่ต้องเข่นฆ่ากันอย่างที่เจ้าตายข้า รอด แต่ป๋ ายจิ่งผู้นั้นกลับอยากได้การสืบทอดบางอย่างของตนมา นานหลายปีมากแล้ว ในความเป็ นจริงแล้วในอดีตการที่หย่างจื่อ “ส่ง สายตาไปมา’ อยู่กับบรรพบุรุษย้ายภูเขาที่มีชื่อจริงว่าจูเยี่ยน ก็คือ การเป็ นพันธมิตรที่ถูกบีบให้ต้องร่วมมือกัน เพื่อรักษาตัวรอด หวัง เพียงว่าจะไม่ถูกป๋ ายจิ่งถามกระบี่แล้วมาปั่นป่ วนลาคลองเย่ลั่วอย่าง ส่งเดชเท่านั้น
ป๋ ายจิ่งต้องยังไม่ตายแน่นอน ใครจะตายก็ได้ แต่ไม่มีทางเป็ นนัง คนที่รับมือได้ยากตามพัวพันเหมือนวิญญาณร ้ายตามติดผู้นั้น
หากคิดตามนี้ ตนที่อยู่ในใต้หล้าไพศาล อยู่ห่างไกลจากใต้หล้า เปลี่ยวร ้าง กลับกลายเป็ นว่าเป็ นความโชคดีในความโชคร ้ายแล้ว อย่างนั้นหรือ?
ในต าหนักปี้โหยวใกล้กับศาลเทพลาคลองม่ายเหอ
เหนียงเนียงเทพวารีล าคลองม่ายเหอก าลังต้อนรับแขกด้วย ตัวเอง อีกฝ่ ายคือคนกันเองที่ถูกเรียกขานว่า “ตงไห่ฟู” ถึงอย่างไรก็ เป็ นเหนียงเนียงเทพวารีเหมือนกันนี่นะ แม้จะบอกว่าศาลของสอง บ้านห่างกันค่อนข้างไกล หนึ่งตะวันออกหนึ่งตะวันตก แต่อีกฝ่ ายมา เป็ นแขกถึงบ้าน หลิ่วโหรวก็ยังต้อนรับขับสู้ด้วยความกระตือรือร ้น เทพวารีที่ต้นกาเนิดน้ามาจากแม่น้าเพ่ยเจียงซึ่งมีชื่อว่าโค่วเซวี่ยนฉวี ผู้นี้มีเรื่องจะมาขอร ้อง ได้เลยๆ อยากจะมาเดินลงน้าที่ลาคลองม่าย เหอ เรื่องเล็กน้อย
โค่วเซวี่ยนฉวีที่เป็ นเทพวารีแม่น้าเพ่ยเจียงยังมีชาติกาเนิดมา จากเผ่าน้าที่เป็ นเผ่าพันธุ์เจียวหลง ในฐานะเทพวารีแม่น้าเพ่ยเจียง แน่นอนว่าไม่อาจเดินลงน้าในแม่น้าเพ่ยเจียงบ้านตัวเองได้ ดังนั้น ก่อนหน้านี้หวงอีอวิ๋นแห่งผูซานที่เป็ นทั้งเพื่อนบ้านและเป็ นทั้งสหาย รัก จึงได้ช่วยโค่วเซวี่ยนฉวีสานสะพานความสัมพันธ ์กับฮ่องเต้ หญิงต้าเฉวียน เหยาจิ้นจือยังถามความเห็นของทางฝั่งของตาหนักปี
โหยวลาคลองม่ายเหอแห่งนี้อีกครั้งด้วย อันที่จริงตอนนั้นหลิ่วโหรว ได้ให้ค าตอบไปแล้ว เรียบง่ายมาก แค่สองค า ยินดีต้อนรับ
ต่อให้จัดการกับเรื่องที่โค่วเซวี่ยนฉวีจะมาเดินลงน้าที่ลาคลอง ม่ายเหอได้แล้ว
แต่ความบกพร่องเพียงหนึ่งเดียวในความสมบูรณ์แบบก็คือโค่ว เชวี่ยนฉวีเหมือนจะเคยได้ยินวิถีแห่งการรับรองแขกของตาหนักปี้ โหยวมาก่อน เพียงพบหน้าก็บอกแล้วว่านางไม่หิว และนางก็ดื่มเหล้า ไม่เก่ง แค่ดื่มชาก็พอแล้ว
วันนี้โค่วเซวี่ยนฉวีต้มชาด้วยตัวเอง คือชาเมฆหมอกที่ผลิตจาก แม่น้าเพ่ยเจียง
หลิ่วโหรวดื่มน้าชา เอ่ยอย่างเกรงใจว่า “ชานี่อร่อยจริง อร่อย มากเลย”
เพียงแค่ว่ารสจืดไปสักหน่อย แทบไม่ต่างอะไรจากดื่มน้าเปล่า ไม่ เป็ นไร ดื่มน้าอิ่มก็คืออิ่มเหมือนกัน
หลิ่วโหรวกาลังคิดว่าควรจะใช ้คาพูดเปิดฉากที่เหมาะๆ อย่างไรดี จะได้ถามถึงเรื่องบางอย่างจากโค่วเซวี่ยนฉวีที่นางสงสัยมานาน นาง ได้ยินคนพูดต่อๆ กัน เอาแต่คว้าลมจับเงาย่อมไม่สู้ถามเอาค าตอบ กับปากจากคนในเหตุการณ์เอง
ต้นน้าและปลายน้าของแม่น้าเพ่ยเจียงเส้นนั้นแยกกันตั้งศาลของ ตงไห่ฟูและชิงหงจวิน แต่กลับถือว่าเป็ นศาลเถื่อนที่ไม่ได้รับการ
แต่งตั้งอย่างเป็ นทางการจากราชสานักในท้องถิ่น บวกกับชาติ กาเนิดบนมหามรรคาของโค่วเชวี่ยนฉวีเอง จึงสามารถอาศัยการเดิน ลงน้ามายกตบะให้สูงขึ้นได้ อีกทั้งจุดที่น่าสนใจที่สุดก็คือในศาลเทพ วารีของสองสถานที่นี้มีเทวรูปอยู่สององค์ในเวลาเดียวกัน ก็เหมือน อย่างในศาลเทพแห่งผืนดินแห่งหนึ่งที่บูชาเจ้าพ่อเทพแห่งผืนดินและ เจ้าแม่เทพแห่งผืนดินไว้ในเวลาเดียวกัน
เพียงแต่ว่าเรื่องวงในที่เกี่ยวพันกับเรื่องส่วนตัวประเภทนี้ ต่อให้ หลิ่วโหรวจะอยากรู ้อยากเห็นแค่ไหนก็ไม่สะดวกจะโพล่งถามอีกฝ่ าย ออกไปต่อหน้า
ดังนั้นหลิ่วโหรวจึงต้องคิดอยู่นานกว่าจะเอ่ยคาถามที่ตัวเองคิด ว่าเหมาะสมออกไป “ชิงหงจวินที่ศาลตั้งอยู่ตรงจุดที่แม่น้าเพ่ยเจียง ไหลลงสู่มหาสมุทรไม่ได้มาด้วยกันหรือ?”
โค่วเซวี่ยนฉวีส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “ไม่ได้มา เทพวารีออกจากอาณา เขตไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วนับประสาอะไรกับที่ชิงหงจวินยังมีสถานะเป็ น เทพวารีอย่างไม่ถูกต้องตามระบบสืบทอดด้วย”