กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 974.3 ปีแห่งความสงบสุข
หวังไจ่กลับเข้าข้างคนนอกอย่างมาก ใช ้เสียงในใจยิ้มเอ่ย กับเฉินผิงอันว่า “เห็นหรือยังไอ้หมอนี่ยังไม่เคยเจอหมี่อวี้ก็ถูกชะตา กันมากแล้ว นี่เป็ นเรื่องจริงแท้แน่นอน เพราะล้วนเป็ นคนอ ามหิต เหมือนกัน”
เฉินผิงอันยิ้มตอบ “ครั้งนี้เวินอวี้ลากเจ้ามาหาถึงที่ เพราะมีเรื่อง ของเสี่ยวหลงชิวทางเหนือก่อน จากนั้นยังมีการเสนอให้ขุดเจาะลา น้าสายใหญ่โดยพลการอีก เลยคิดว่าจะลงโทษความผิดสองกระทง ไปพร ้อมๆ กัน? เพียงแต่ว่าทางฝั่งของสานักศึกษาเทียนมู่กลัวข้าจะ คว่าโต๊ะ แล้วสานักกระบี่ชิงผิงจะแตกหักกับสานักศึกษาเทียนมู่เพราะ เหตุนี้ เจ้าขุนเขาฟ่ านจึงให้เจ้าออกจากภูเขาเพื่อมาทาหน้าที่เป็ นคน กลางไกล่เกลี่ย?”
หวังไจ่ยิ้มเอ่ย “นั่นดูแคลนเวินอวี้เกินไปแล้ว อันที่จริงก่อนที่ เวินอวี้จะมาเยือนใบถงทวีปก็ได้มีความคิดว่าจะอาศัยเรื่องของการขุด เจาะลาน้าใหญ่มาช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากและรวบรวมใจ คนของใบถงทวีปกลับมาอีกครั้งอยู่ก่อนแล้ว นี่ถือว่าเป็ นวีรบุรุษที่มี ความคิดเห็นตรงกันหรือไม่?”
เฉินผิงอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ในเมื่อเป็ นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องปิดบังกันแล้ว ล้วนเป็ นคน กันเอง เฉินผิงอันจึงบอกให้รองเจ้าขุนเขาทั้งสองท่านยกชามเหล้า บนโต๊ะขึ้นมา เขาหยิบแกนม้วนภาพชิ้นหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ คลี่กางภาพวาดขุนเขาสายน้าม้วนยาวลงบนโต๊ะ เนื่องจากม้วนภาพ นี้ยาวมาก ปลายสองฝั่งจึงเกือบจะยาวไปถึงหน้าต่างและประตูห้อง เฉินผิงอันจึงร่ายเวทคาถาเล็กๆ น้อยๆ ทาให้เหมือนมีเสาค้ายันอยู่ใน ห้อง ช่วยยันม้วนภาพให้ลอยกลางอากาศ จากนั้นค่อยวางชามเหล้า ไว้กลางอากาศข้างฝ่ ามือ ชามเหล้าจึงเหมือนปลาสีขาวตัวหนึ่งที่ ลอยตัวอยู่ในน้า เฉินผิงอันไม่ได้พูดไร ้สาระแม้แต่ครึ่งคา เขาเริ่ม บรรยายแนวคิดของเส้นทางลาน้าใหญ่เส้นนี้อย่างละเอียดทันที ยื่น นิ้วออกมา วาดลาน้าสีเขียวเส้นหนึ่งลงไปในม้วนภาพช ้าๆ ระหว่าง ทางผ่านแคว้นใดผ่านสถานที่แห่งใดบ้าง จุดไหนที่ต้องเปลี่ยน ช่องทางน้า จุดไหนที่ต้องมีการขุดเจาะท้องน้า ตรงไหนต้องย้ายราก ภูเขา มีเมืองส าคัญใดบ้างที่อาจต้องกลายเป็ นเมืองใต้บาดาลนับแต่นี้ การช่วยเหลือชาวบ้าน รวมไปถึงเงินทองที่จะต้องมอบให้ชาวบ้านแต่ ละคนจานวนคร่าวๆ ควรจะคิดคานวณอย่างไร ที่ว่าการของทางการ ในพื้นที่และกรมคลังของราชสานักในแต่ละแคว้นควรจะรายงานและ ท าบันทึกให้กับสานักอย่างสานักกระบี่ชิงผิงและสานักกุยหยกที่เป็ น หนึ่งในนั้นอย่างไร แล้วฝ่ ายหลังควรจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร หาก มีขุนนางกล้าฮุบเอาเงินเข้ากระเป๋ าตัวเองควรจะจัดการอย่างไร…
เมื่อเฉินผิงอันพูดถึงแผนการจัดการขุนนางเหล่านั้น ในที่สุด เวินอวี้ก็เปิ ดปากเอ่ยว่า “ลงโทษเบาไป ควรจะลดขั้นสัญชาติเป็ น สัญชาติคนชั้นต่าโดยตรง ลูกหลานสามรุ่นมิอาจเข้าร่วมการสอบ เคอจวี่ บ้านเกิดที่เป็ นสามะโนครัวของขุนนางเหล่านี้ ให้ทางราช ส านักมีค าสั่งต่อที่ว่าการในท้องถิ่น ให้ตั้งป้ ายศิลาบอกเตือน เพื่อใช ้ สิ่งนี้เตือนคนอื่นๆ ว่าหากกล้าทาเรื่องอย่างการละโมบในเงินทอง ต่อ ให้จะแค่หนึ่งตาลึงเงิน นี่ก็คือจุดจบ ไม่มีพื้นที่ให้ปรึกษาขุนนางของ กรมคลังราชสานักใดกล้าให้การปกป้ องในเรื่องนี้จะสูญเสียตาแหน่ง ขุนนางกลายเป็ นสัญชาติคนชั้นต่า จากนั้นตั้งป้ ายศิลาที่บ้านเกิด ข้า อยากจะเห็นนักว่าพวกเขาจะสวมชุดแพรกลับคืนสู่บ้านเกิดอย่างไร ได้อีก ฮ่องเต้พระองค์ใดตัดใจไม่ลง ไม่ยินดีจะให้ราชส านักสูญเสีย เสาคานค้ายันแคว้นไป ข้าเวินอวี้ก็จะไปอธิบายเหตุผลกับเขาด้วย ตัวเอง ใครไม่ฟังคาเกลี้ยกล่อมก็เปลี่ยนเป็ นฮ่องเต้ผู้มีปรีชาญาณคน ใหม่มาขึ้นครองราชย์แทน”
เฉินผิงอันเงยหน้ามองไปยังรองเจ้าขุนเขาของส านักศึกษาเทียน มู่
เวินอวี้พยักหน้า “วางใจเถอะ แม้ข้าจะเป็ นแค่รองเจ้าขุนเขา แต่ ความหมายของข้าก็เท่ากับความหมายของส านักศึกษาเทียนมู่ มี สานักศึกษาของพวกเราเป็ นคนเริ่มต้น ส านักศึกษาอู่ชีของพี่หมิงฉี ส านักศึกษาต้าฝูของเฉิงหลงโจวก็ไม่มีหน้าไม่ท าตามแล้ว”
หวังไจ่พยักหน้าตาม
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ทาตามนี้”
เวินอวี้ยิ้มบางๆ “อาจารย์เฉิน บางทีเจ้าอาจจะไม่ค่อยได้ไปมาหา สู่กับส านักศึกษา แต่ส านักศึกษาไม่ใช่วงการขุนนาง แล้วก็ไม่ใช่จวน ตระกูลเซียน วันหน้าหากมีโอกาสเจ้าขุนเขาเฉินก็แวะไปบ่อยๆ เถอะ ยกตัวอย่างเช่นสานักศึกษาเทียนมู่ของพวกเรา เดี๋ยวก็จะเชื่อเองว่า วันนี้ข้าไม่ได้คุยโวพูดจาไม่น่าเชื่อถือ”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ดูท่าวันหน้าคงต้องแวะไปส านักศึกษา บ่อยๆเสียแล้ว”
เวินอวี้ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “อาจารย์เฉิน พูดคุยกันไปมาก ขนาดนี้ เคยคิดหรือไม่ว่าสานักกระบี่ชิงผิงของพวกเจ้าจะหาเงินกัน อย่างไร?”
หวังไจ่จ้องม้วนภาพที่อยู่บนโต๊ะ นอกจากภาพ “ลาน้าใหญ่” ที่ เป็ นภาพแรกสุดแล้วด้านบนยังมีแผนที่ภูมิศาสตร ์ของแต่ละแคว้นใน ทุกวันนี้ที่ทับซ ้อนกันเกือบร ้อยกว่าแผ่นก่อนหน้านี้เฉินผิงอันพูดถึง แคว้นไหนก็จะปล่อยภาพแผนที่ของแคว้นนั้นออกมา หวังไจ่ส่ายหน้า “หาเงินอย่างไร? ง่ายเสียที่ไหน แค่ไม่ขาดทุนก็ยากมากแล้ว พูดถึง แค่เรื่องย้ายภูเขาเติมน้าตลอดเส้นทางก็ต้องสิ้นเปลืองทั้งกาลังคน และทรัพยากร หากไม่มีผู้ฝึกตนขอบเขตบินในทะยานสามคนลงมือ ช่วยเหลือก็ได้แต่อาศัยเงินทุ่มออกมาเป็ นท้องน้าแล้ว”
ลาน้าใหญ่ในแต่ละทวีปของใต้หล้า ส่วนใหญ่ล้วนเป็ นเส้นทาง น้าที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ใช ้กาลังคนมาขุดเจาะลาน้าใหญ่เส้นใหม่ เมื่อหลายพันปีก่อนปรากฏขึ้นแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ถือว่าหาได้ยาก มาก
ครั้งล่าสุดคือที่ลาน้าฉีตู้ของแจกันสมบัติทวีป อีกทั้งยังเป็ น ราชวงศ์ต้าหลีที่หนึ่งแคว้นคือหนึ่งทวีปที่ใช ้พละกาลังของทั้งแคว้นมา สร ้างวีรกรรมนี้ให้สาเร็จ อีกทั้งยังเป็ นการกระทาที่ไม่เสียดายราคาที่ ต้องจ่ายด้วย
ทว่าลาน้าใหญ่ของใบถงทวีปเส้นนี้ถือเป็ นกองกาลังของแต่ละ ฝ่ ายที่ร่วมมือกัน นี่ก็หมายความว่าพันธมิตรทั้งหมดซึ่งรวมสานัก กระบี่ชิงผิงเป็ นหนึ่งในนั้นไม่เคยมีประสบการณ์ของความส าเร็จหรือ ความพ่ายแพ้ในอดีตให้น ามาใช ้เป็ นบทเรียนมาก่อน กองก าลังของ แต่ละฝ่ ายล้วนจ าเป็ นต้องคล าทางกันเอาเอง ในอนาคตหากเจอกับ เรื่องยุ่งยาก หรือไม่ก็มีใครรู ้สึกว่าผลประโยชน์ได้ไม่เท่าเทียมกับคน อื่น พันธมิตรในอดีตกลายมาเป็ นศัตรู ก็ใช่ว่าจะเป็ นไปไม่ได้
ดังนั้นเฉินผิงอันจึงได้ถือโอกาสนี้พูดไปถึงนักพรตเนิ่นและหย่า งจื่อ
ในใจของหวังไจ่สะท้านสะเทือนอย่างหนัก แต่ใบหน้ากลับไม่มี ความผิดปกติใดๆ
เวินอวี้กลับเปิ ดปากถามโดยตรง “หย่างจื่อ? มันออกมาจาก พื้นที่ต้องห้ามได้อย่างไร?”
เฉินผิงอันกล่าว “ถูกหลอกออกมา”
เวินอวี้มองอื่นกวานหนุ่มผู้นี้ด้วยสีหน้ามีชีวิตชีวา
เฉินผิงอันส่ายหน้า
เวินอวี้พยักหน้า “ไม่รีบร ้อน”
คนสองคนที่ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน ไม่ต้องพูดอย่างละเอียด กลับรู ้ใจกันได้โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยเป็ นคาพูด
หวังไจ่ยื่นนิ้วออกมานวดคลึงหว่างคิ้ว ปวดหัวนัก
เจ้าสองคนนี้มาอยู่ด้วยกัน เขากลับรู ้สึกว่ารองเจ้าขุนเขาของ ส านักศึกษาอู่ซีอย่างตนอยู่ในตาแหน่งอย่างตัวสั่นงันงก ไม่แน่ว่าวัน ใดอาจต้องไปอ่านหนังสืออยู่ในสวนกงเต๋อเป็ นเพื่อนเวินอวี้ก็เป็ นได้
เฉินผิงอันพูดต่ออีกว่า “อันดับแรก สานักกระบี่ชิงผิง ภูเขาไท่ผิง ผูซาน ล้วนสามารถเลือกภูเขาเบื้องล่างใต้อาณัติสามถึงห้าแห่งได้ ด้วยตัวเองเพื่อนามาทาเป็ นแดนบินแล้วด าเนินการในระยะยาว แน่นอนว่าเป็ นเขตอิทธิพลซี่โครงไก่ที่ราชสานักของแต่ละแคว้นยังไม่ มีก าลังพอจะซ่อมแซมหรือไม่ก็มิอาจบุกเบิกให้เป็ นจวนเซียน ไม่ถึง ขั้นเป็ นดินแดนแร ้นแค้นที่ขาดแคลนปราณวิญญาณ แต่ก็ไม่ใช่ พื้นที่ฮวงจุ้ยมงคลที่ผู้คนแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง ข้อที่สองท่าเรือจวน เซียน โรงเตี๊ยมและร ้านค้าที่สร ้างรายทาง ก็คือการค้าขายระยะยาวที่ เป็ นดั่งน้าเส้นเล็กไหลยาว ข้อที่สาม สมบัติวิเศษแห่งฟ้ าดินทั้งหมดที่ เจอระหว่างการขุดเจาะล้าน้าใหญ่ ภูเขาแร่มากมายที่มีเงินทองเหล็ก ทองแดงเป็ นหนึ่งในนั้น ขอแค่ไม่เคยพบเจอตามแคว้นต่างๆ ใน ประวัติศาสตร ์มาก่อน ล้วนสามารถถูกราชส านักและแคว้นใต้อาณัติ ในท้องถิ่นพูดคุยแบ่งสรรกันได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการเปลี่ยน เส้นทางกระแสน้าซากปรักจวนเซียนแต่ละแห่งที่เป็ นเหมือนน้าลดหิน ผุดระหว่างนั้น รวมไปถึงพื้นที่ลับปริแตกที่พบเจอร่องรอยโดยบังเอิญ และยังมีที่ตั้งเก่าของวังมังกรบนพื้นดินที่ขุดค้นเจอ ขอแค่โชคดีก็ใช่ ว่าจะไม่มีทางเป็ นไปได้เสียเลย ตัวอย่างข้อหลังนี้จะไม่คุยเรื่องค้าขาย กับแต่ละแคว้นแล้ว สุดท้าย เมื่อลาน้าใหญ่ปรากฏขึ้นมา ท่าเรือ ตระกูลเซียนทุกแห่งที่อยู่ระหว่างทางล้วนจ าเป็ นต้องให้สิทธิพิเศษ ด้านการพิจารณาเรื่องการมาจอดเทียบท่าที่ท่าเรือของพวกเราก่อน จะไม่เก็บค่าเดินทางและค่าเช่าใดๆ เหมือนอย่างเรือข้ามฟากถงอินที่ อยู่ท่าเรือชิงซาน ของภูเขาเซียนตูก็อยู่ในกรณีนี้ด้วย แต่เรือเฟิงยวน ใต้ฝ่ าเท้าของพวกเราลานี้ เรือข้ามทวีปทุกล ายังต้องท าตามกฎก่อน หน้านี้ของบนภูเขา ยังต้องจ่ายเงินเทพเซียนก้อนหนึ่งให้กับท่าเรือแต่ ละแห่ง”
เมื่อลาน้าใหญ่ปรากฏขึ้นจะมีเส้นทางการค้าที่สมบูรณ์แบบเส้น หนึ่งทอดขวางอยู่ในใบถงทวีป ก็เหมือนอย่างเรือข้ามฟากถงอินของ ภูเขาชิงซานที่มีพื้นที่ให้ใช ้งานได้ทันที “เดิมทีเรื่องพวกนี้คือเรื่องดีที่ส่งผลประโยชน์ให้แก่กันและกัน แล้วก็ถือว่าเป็ นการค้าระยะยาวด้วย คิดดูแล้วหลายแคว้นที่อยู่ภาค กลางคงได้แต่ปรารถนาทว่ามีอาจได้มาครอบครองแล้ว”
เวินอวี้เอาม้วนภาพยาวที่อยู่ด้านล่างสุดขึ้นมาไว้ด้านบนสุดอีก ครั้ง จิบเหล้าหนึ่งอีกฟุบตัวลงบนโต๊ะ ถามว่า “แต่ตาแหน่งของสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าที่เพิ่มมาจากลาน้าใหญ่สายนี้ พวกเจ้าจะ แบ่งกันอย่างไร? คิดดูแล้วแม่น้าเพ่ยเจียงที่อยู่ใกล้กับผูซาน ตงไห่ฟู่ และชิงหงจวินที่ไม่เคยได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องก็น่าจะได้เลื่อน ขั้นเป็ นเทพวารีที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางสานักศึกษาแน่นอน ถ้า อย่างนั้นกงโหวป๋ อที่ต้องมีในลาน้าใหญ่สายหนึ่งเทพวารีต าแหน่งสูง สามถึงสี่ตาแหน่งล่ะ พวกเจ้าที่เป็ นคนริเริ่มมีการแบ่งกันเป็ นการ ภายในหมดแล้วหรือไม่? แน่นอนว่าภายนอกแค่มีอ านาจในการ เสนอแนะเท่านั้น แต่คิดดูแล้วศาลบุ๋นและส านักศึกษาสามแห่งก็ไม่ น่าจะท าให้พวกเจ้าต้องล าบากใจกันเกินไป ขอแค่มีตัวเลือกที่ เหมาะสมก็น่าจะยอมรับไปโดยปริยายได้”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เกี่ยวกับเรื่องนี้เคยปรึกษากันมาก่อนจริงๆ แต่สานักกระบี่ชิงผิงได้สละสิทธิ์ในการเป็ นผู้เสนอแนะตัวเลือกส่วนนี้ ทิ้งไปแล้ว บางทีทางราชสานักต้าเฉวียนกับส านักกุยหยกอาจจะมี ตัวเลือกกันแล้ว แต่สองตาแหน่งเทพอย่างกงและโหวของลาน้าใหญ่ ทุกคนมีความเห็นตรงกัน นั่นคือจะไม่มีใครแนะนา ไม่เสนอชื่อ หาไม่ แล้วจะไม่น่าดูเท่าไรดังนั้นแค่พยายามรักษาตัวเลือกในใจสองคนให้ ได้รับตาแหน่งป๋ อของลาน้าใหญ่ไว้ให้ได้ก็พอ”
หวังไจ่โล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก
เวินอวี้เงยหน้าขึ้น ถามอย่างใคร่รู ้ว่า “ทาไมอาจารย์เฉินถึงเป็ น ฝ่ ายยอมสละสิทธิ์นี้ล่ะ? ไม่ได้เป็ นการเบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวม เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเสียหน่อย เลือกคนมีความสามารถมารับ ตาแหน่งไม่ต้องหลีกเลี่ยงญาติมิตร อันที่จริงนี่ก็ไม่มีข้อห้ามอะไร หรอกนะ”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม”
เหนียงเนียงเทพวารีลาคลองม่ายเหอ หลิ่วโหรวแห่งตาหนักปี้ โหยว สกุลเหยาต้าเฉวียนต้องเสนอให้นางได้รับหน้าที่เป็ นสุ่ยป๋ อซึ่ง เป็ นตาแหน่งเทพของลาน้าใหญ่อย่างสุดความสามารถแน่นอน
อีกทั้งหลิ่วโหรวก็ไม่เหมาะจะกระโดดข้ามขั้นในวงการขุนนาง ภูเขาสายน้าหลายก้าวด้วยการเลื่อนเป็ นกงโหวโดยตรง อีกอย่างเฉิน ผิงอันก็ถึงกับสงสัยด้วยว่าเหนียงเนียงเทพวารีท่านนี้จะต้องปฏิเสธ ตาแหน่งสุ่ยป๋ อของลาน้าใหญ่เป็ นแน่
เวินอวี้ยกชามเหล้าขึ้น พูดด้วยสีหน้าจริงใจ “ไม่เสียเที่ยวที่ได้มา เยือน ข้าดื่มเหล้าชามนี้หมดก็จะกลับแล้ว ไม่กล้ารับรองอะไรไป มากกว่านี้ แต่พูดถึงแค่ทางฝั่งของสำนักกุยหยก หากวันหน้าพวก เขากล้าก่อเรื่อง สานักกระบี่ชิงผิงก็แค่ส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปที่สำนัก
ศึกษาเทียนมู่ฉบับเดียวเป็ นพอ ข้าจะจัดการพวกเขาให้เอง หากเจ้า ส านักยังเป็ นเจียงช่างเจิน ข้าอาจจะยังเกรงใจพวกเขาอยู่บ้าง แต่ทุก วันนี้นั้นช่างเถิด เหวยอิ๋งแค่ไปเยือนใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง ตอนนี้ยังไม่ อาจท าอะไรได้ ข้าไม่จ าเป็ นต้องไว้หน้าพวกเขา”
แต่ละคนต่างก็ยกชามเหล้าขึ้นดื่ม หวังไจ่อดไม่ไหวเอ่ยสัพยอก ว่า “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็ นเอง ช่างก าเริบเสิบสานจริงๆ”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “พี่หมิงฉียังเป็ นบัณฑิตอยู่นะ พูดแบบนี้ได้ อย่างไร ระวังค าพูดด้วย นีเรียกว่าฉายประกายเฉียบคมต่างหาก”
เวินอวี้ส่ายหน้า “พูดถึงคุณูปการ พูดถึงความกล้าหาญ พูดถึง ความใจกล้า ข้าล้วนด้อยกว่าเจ้าขุนเขาเฉินมากนัก นี่ไม่ใช่ถ้อยคา เกรงใจบนโต๊ะเหล้า แต่เป็ นความจริงเรื่องนี้ หวังไจ่รู ้ดีที่สุด ข้าคนนี้ ไม่เคยพูดจาดีๆ แต่ภายนอกอย่างเสแสร ้งกับใคร”
หลังจากนั้นเฉินผิงอันก็เดินไปที่หัวเรือเป็ นเพื่อนรองเจ้าขุนเขา ทั้งสอง หวังไจ่เอ่ยว่า “เฉินผิงอัน ช่วงนี้เจ้าขุนเขาเวินของพวกเรา ก าลังผลักดันให้มีการสร ้างสถานสงเคราะห์”
เฉินผิงอันดวงตาเป็ นประกาย รีบแย่งพูดทันที “ใช่สถาน สงเคราะห์ที่มี “สถานสงเคราะห์สกุลฟ่ าน” ซึ่งสืบทอดมายาวนาน แปดร ้อยกว่าปีเป็ นต้นแบบหรือไม่?” หวังไจ่ยิ้มกล่าว “ใช่แล้ว แต่ว่าสมบูรณ์แบบมากกว่า มีข้อบังคับ เจ็ดร ้อยกว่าข้อ บอกว่าหยุมหยิมยิบย่อยก็ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เวินอวี้คิดว่าจะกดหัวคนบางคนให้ไปทาเรื่องดีๆ บ้าง”
เวินอวี้ถามอย่างสงสัย “อาจารย์เฉินรู ้เรื่องนี้ด้วยหรือ?”
เฉินผิงอันลังเลไปชั่วขณะ ก่อนจะหยิบสมุดเล่มหนาหลายเล่ม ออกมาจากชายแขนเสื้อยิ้มเอ่ย “นี่ต่างหากถึงจะถือเป็ นความบังเอิญ ที่แท้จริง เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าวางเค้าโครงคร่าวๆไว้พอดี เพียงแต่ว่า รายละเอียดปลีกย่อยไม่มากเท่าของเจ้า มีข้อบังคับแค่ห้าร้อยกว่าข้อ เท่านั้น เจ้าขุนเขาเวินเอาไปดูได้เลย ไม่ต้องเอากลับมาคืนแล้ว ดูสิว่า จะช่วยชดเชยช่องโหว่ตรงไหนได้บ้างหรือไม่”
เวินอวี้รับสมุดมาด้วยสองมือ หยุดเดินอยู่ตรงหัวเรือแล้วประสาน มือคารวะ “ต้องขอลาอาจารย์เฉินแล้ว”
เฉินผิงอันจึงได้แต่คารวะกลับคืน เมื่อยืดเอวขึ้นตรงแล้วก็เอ่ยว่า “เจ้าขุนเขาเวิน ขอให้ข้าพูดนอกเรื่องสักประโยค อาจารย์ในโรงเรียน ก็ดี อาจารย์ในส านักศึกษาก็ช่าง สอนต าราอบรมผู้อื่น มิอาจแบ่ง แยกกันได้ หาไม่แล้วไม่ว่าวิถีทางโลกจะสงบสุขไร ้เรื่องราวมากแค่ ไหนก็ไม่ใช่วิถีทางโลกที่สันติสุขอย่างแท้จริง”
เวินอวี้หัวเราะเสียงดัง “ตามหลักแล้วควรเป็ นเช่นนี้ เจ้าและข้าใจ ตรงกันโดยไม่ได้นัดหมายอีกครั้งแล้ว!” หวังไจ่กุมหมัดยิ้มเอ่ย “เฉินผิงอัน ดื่มเหล้าด้วยกันคราวหน้าต้อง ดื่มแบบไม่เมาไม่กลับแล้วนะ”
เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอก “ความสามารถในการดื่มของเจ้า ข้ารู ้ ชัดเจนดี แนะน าเจ้าว่าพูดคุยโวให้น้อยๆ หน่อย หลีกเลี่ยงไม่ให้คราว หน้าต้องใช ้หนี้บนโต๊ะสุรา จะหนีก็หนีไม่รอด”
รองเจ้าขุนเขาหนุ่มสองคนของส านักศึกษาทะยานลมจากไปแล้ว
ด้านล่างเรือข้ามฟาก แผ่นดินกว้างใหญ่ขุนเขาสายน้ายาวไกล พืชหญ้าเขียวขจีขึ้นริมตลิ่ง ความคิดทอดยาวมิขาดสาย
ดอกท้อดอกหลีทับซ ้อนเป็ นชั้นบนภูเขา เดี๋ยวทับเดี๋ยวซ ้อน ควัน ไฟใต้ก้อนเมฆคือบ้านคน บ้านเรือนทอดยาวหลังแล้วหลังเล่า
ขุนเขาสายน้าเก่าภาพบรรยากาศใหม่ แต่ละปี ผันผ่านปี ใหม่ หวนมาอีกครั้ง มีความสุขไปร่วมกัน ร่วมฉลองอย่างชื่นบาน