กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 975.3 ครอบครัวพร ้อมหน้ากลมเกลียว
ใครขวางคนนั้นก็ต้องตาย บางทีอาจมีแค่บรรพบุรุษใหญ่ของ ภูเขาทั่วเยว่และมหาสมุทรความรู ้โจวมี่เท่านั้นที่ถือเป็ นข้อยกเว้น
ทว่าสองคนนี้ต่างก็มีแผนการระยะยาวเป็ นของตัวเอง ไม่อาจลง มือปะทะกับเฉินชิงตูซึ่งๆ หน้าได้
ก็เหมือนอย่างผู้ฝึกกระบี่ในใต้หล้า ผู้ที่เวทกระบี่และวิถีกระบี่สูง ที่สุด เขย่งปลายเท้าแล้วก็ยังได้แค่แตะโดนไหล่ของเฉินชิงดูเท่านั้น แล้วจะสู้กันอย่างไร จะถามกระบี่กันอย่างไรได้อีก
ต่งฮว่าฝูลังเลไปชั่วขณะ คล้ายจะเดาความคิดที่อยู่ในใจของต่งฮ ว่าฝูได้ ลู่เฉินจึงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “คนผู้นั้นน่ะหรือ นี่คือคาถามที่ดี”
สิบผู้กล้าแห่งใต้หล้าของเมื่อหมื่นปีก่อน มีคนหนึ่งที่เป็ นผู้ฝึ ก กระบี่
ในอดีตความยาวไกลของวิถีกระบี่ ความสูงส่งของเวทกระบี่ ความรุนแรงของพลังพิฆาต ความแข็งแกร่งของการป้ องกัน ความ มากมายและความดีเยี่ยมของระดับขั้นกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของคน ผู้นี้ ล้วนต้องใช ้คาว่า “ที่สุด!”
ลู่เฉินปุ้ ยปากไปทางเทวบุตรมารนอกโลกที่ยืนซื้ออยู่นอกตรา ผนึก บอกเป็ นนัยว่าเจ้าหมอนี่เคยเห็นมาดในการออกกระบี่ของท่าน ผู้นั้นมากับตาตัวเอง
ศึกเดินขึ้นฟ้ าในปีนั้นมีเส้นทางหลักทั้งหมดสามเส้นทาง ผู้ฝึก กระบี่ท่านนี้รับผิดชอบนาขบวนในเส้นทางหนึ่ง
มันยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ก็ยังตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ”
ลู่เฉินกลอกตามองบน “เฮ้ๆๆ ระวังปากหน่อยนะ พูดจาหัด เกรงใจกันบ้าง”
มันยิ้มถาม “พวกเจ้าอยากเห็นภาพเหตุการณ์นั้นหรือไม่?” ลู่เฉินลุกขึ้นยืน “เดินไปด้วยกัน”
มันส่ายหน้า เรือนกายค่อยๆ สลายหายไปพร้อมเสียงเหน็บแนม “ลู่เฉิน พระโพธิสัตว์ดินปั้นข้ามแม่น้ายังเอาตัวเองไม่รอด เจ้าแค่ยุ่ง วุ่นวายกับเรื่องของตัวเองก็พอแล้ว”
ในอาณาเขตของพื้นที่ห่างไกลในโยวโจว อารามเต๋าขนาดเล็ก แห่งหนึ่งในอาเภอที่มีชื่อว่าอารามจู้ชวี
ลมเย็นระลอกหนึ่งพัดโชยผ่าน ร่างของนักพรตหนุ่มที่สวมกวาน ดอกบัวไว้บนศีรษะก็พลันเผยกายบนถนน อารามเต๋าไร ้ชื่อเสียงเบื้อง หน้าเขาแห่งนี้คนจากลาหอเรือนว่างเปล่าไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงโครงว่าง เปล่าที่เป็ นได้แค่เครื่องประดับอย่างหนึ่งเท่านั้น ลู่เฉินเงยหน้ามอง
กรอบป้ ายของอารามเล็ก อี้อิ๋งจู้ซวี ตักส่วนที่เกินออกเพิ่มส่วนที่ พร่อง อืม ไม่เลวๆ พอจะมีความรู ้อยู่บ้าง แค่มองก็รู ้ว่าเป็ นลายมือของ ‘ตน’ วิถีแห่งการรักษากิจการ ต้องลดทอนความเสียหายออก ก็จะ หลีกเลี่ยงความเสียใจในภายหลังและความผิดพลาดแห่งจักรวาลได้ ความหมายดี เป็ นนิมิตหมายที่ดี
ลู่เฉินเอ่ยเย้ยหยันตัวเอง “ช ้าไปแค่ก้าวเดียวเท่านั้น”
ลู่เฉินกระทืบเท้าหนึ่งที สะบัดชายแขนเสื้อ ยกมือขึ้นนับนิ้ว คานวณแล้วก็เริ่มด่ากราด “เหล่าเกาเอ๋ยเหล่าเกา อายุก็ตั้งปูนนี้แล้ว ไยต้องลงมาลุยน้าขุ่นบ่อนี้ด้วย ไม่กลัวว่าจะไม่ได้ใช ้ชีวิตบั้นปลาย อย่างสงบสุขหรือ เจ้าคอยดูเถอะ ทางที่ดีที่สุดควรเป็ นเต่าหดหัวซ่อน ตัวอยู่ในต าหนักหัวหยางไปซะ อย่าให้เสี่ยวเต้าเจอเจ้านอกภูเขาได้ ล่ะ ไม่อย่างนั้นจะพ่นน้าลายให้เต็มหน้าเจ้าเลย….เอ๊ะ อยู่นอกภูเขา จริงๆ หรือนี่ เหล่าเกาเจ้านี่ฝีมือสูงส่งจริงๆ ดูถูกเสี่ยวเต้าจริงๆ สินะ เจ้าตัวดี แต่ละคนล้วนเห็นว่าเสี่ยวเต้านิสัยดีรังแกง่าย แน่จริงพวกเจ้า ก็ไปต่อยกับศิษย์พี่อวี๋สิ เอาแต่เลือกมะพลับนิ่มมาบีบจะถือเป็ น ลูกผู้ชายได้อย่างไร!”
เหมาจุยแห่งอารามเต๋จัซวี ทุกวันนี้ยังไม่มีฉายา เคยรับหน้าที่ เป็ นเตียนเค่อดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับอารามเล็ก หรือก็คือเป็ น พ่อครัวนั่นเอง อืม แล้วยังเป็ นพ่อครัวใหญ่หัวหน้าพ่อครัวด้วย
อันที่จริงคนยี่สิบกว่าคนที่อยู่ในอารามเต๋า หรือแม้กระทั่งตัวของ อารามเต๋เองก็ล้วนจาแลงมาจากเจินเหรินกระดูกขาวผู้นี้ทั้งสิ้น
เมื่อเป็ นเช่นนี้ถึงจะสามารถปิดฟ้ าข้ามมหาสมุทร ตบตาหลอก ทุกคนมาได้
ดังนั้นในอาเภอทุกวันนี้จึงเกิดเรื่องอึกทึกครึกโครม ตัวเขตการ ปกครองก็ไม่กล้ามีการปิดบังแม้แต่น้อย ได้รายงานเรื่องนี้ให้ทางราช สานักทราบแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานทางฝั่งของป๋ ายอวี้จิงก็จะได้รับ จดหมายลับ “ผนึกดินม่วง” ในเขตการดูแลเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จัดการไม่เหมาะสมก็ต้องเป็ นเรื่องแน่แล้ว นายท่านเต้ากวานที่ได้ ครอบครองท าเนียบเต๋าอย่างแท้จริงหายตัวไปทั้งอย่างนั้น จะมีเรื่อง ประหลาดแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
ลู่เฉินเหลือบตามองร ้านหนังสือที่ตั้งอยู่ริมถนนนอกอารามซึ่งยัง ไม่ทันเก็บไป ส่วนตาราทั้งหลายที่อยู่บนนั้นล้วนถูกขนไปหมดแล้ว คาดว่าน่าจะเป็ นฝีมือของพวกเด็กๆ
คล้ายกับว่าจงใจทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ หรือควรจะบอกว่า เป็ นจดหมายทางบ้านที่ตัวเองเขียนไว้ให้ตัวเอง?
ถึงอย่างไรก็เต็มไปด้วยนัยแห่งความเย้ยหยันที่ไม่ใคร่จะเป็ นมิตร สักเท่าไร
เจ้าลัทธิลู่โมโหยิ่งนัก ตัวเองถูกตัวเองทาให้โมโหเอง คราวนี้ไม่ อาจหาคนนอกมาระบายทุกข์ให้ฟังได้แล้วจริงๆ
ช่วงที่หิมะตกหนัก เรือแจวลาหนึ่งมาจอดอยู่ใจกลางแม่น้าที่ กระแสน้าไหลเอื้อย บนหัวเรือมีคนสวมงอบ สวมชุดฟางกันฝนมา ล่องเรือตกปลาเพียงล าพังอย่างมีอารมณ์สุนทรียิ่งนัก
คนที่ตกปลาคือผู้ฝึกตนรูปงามที่มีรูปโฉมเป็ นคนหนุ่ม บนศีรษะ สวมหมวกฮุ่นหยวนทรงกลมขอบแข็ง ใช ้ปิ่นไม้หยางมู่ปักเสียบมวย ผมในแนวขวาง
มีคนผู้หนึ่งหล่นลงมาจากบนฟ้ า ทว่าความเร็วในการร่วงลงมา กลับช ้ามาก เหมือนเกล็ดหิมะที่ปลิวร่อน พลิ้วลงข้างหัวเรือพอดิบ พอดี แบฝ่ามือออก บนฝ่ามือคือเนื้อหมักเต้าเจี้ยวเสียบกลีบกระเทียม หลายกลีบซึ่งห่อด้วยกระดาษน้ามัน
แขกที่ไม่ได้รับเชิญผู้นี้โยนกลีบกระเทียมกลีบหนึ่งเข้าปาก ขยับ เท้าไปเล็กน้อย มาอยู่ข้างหลังคนตกปลา ยกเท้าขึ้นเล็งที่ท้ายทอย ของฝ่ายหลัง ดูท่าน่าจะยกเท้าถีบ
เพียงแต่ว่าเท้าข้างนั้นแกว่งอยู่นานก็ยังไม่กล้าถีบออกไป หยิบ เนื้อหมักเต้าเจี้ยวอีกชิ้นโยนเข้าปาก วางเท้าข้างนั้นลงเบาๆ พูดเสียง อู้อี้ว่า “เหล่าเกา แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไรกระมัง?”
นักพรตปิ่นไม้ที่สายตาจับจ้องไปที่สายเบ็ดไม่เคลื่อนขยับไปไหน พูดด้วยน้าเสียงเฉยเมย “ไยเจ้าลัทธิลู่ถึงได้เอ่ยเช่นนี้?”
ลู่เฉินเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “รู้ดีแล้วยังจะถาม ชอบแกล้งโง่ แสร้งท า เป็ นไขสือกับผืนเต้าใช่ไหม? กราบอาจารย์ก่อนสิ!”
นักพรตหนุ่มกระตุกมุมปาก
ลู่เฉินราคาญสีหน้าแบบนี้ของเจ้าหมอนี่ที่สุด ทั้งต้องการมี คุณธรรมชื่อเสียงสูงส่งแล้วยังจะทาตัวให้เข้ากับคนอื่นได้ง่ายด้วย อัน ที่จริงมองไปทั่วใต้หล้าคนแบบนี้ก็ไม่ได้มีเยอะนัก
คนอย่างพี่ใหญ่ซุนแห่งอารามเสวียนตู ถึงอย่างไรก็มีน้อยยิ่งกว่า น้อย เหล่าเกาตรงหน้าผู้นี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน ตลอดทั้งปีล้วนทาหน้า บูดบึง ใครเห็นคนนั้นก็กลัว
ลู่เฉินทรุดตัวลงนั่งยอง ขยับฝ่ามือไปให้
คนผู้นั้นเอ่ย “ไม่ล่ะ กลัวถูกวางยาพิษ”
ลู่เฉินเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ท าไมเจ้าไม่พูดว่าวางยาก าหนัดไปเลย เล่า?!”
เจ้าหมอนั่นแสร ้งทาเป็ นหูหนวกเป็ นใบ้ไปแล้ว
ลู่เฉินถาม “เจ้าหมอนั่นไปหลบอยู่ที่ถ้าบรรพบุรุษตาหนัก หัวหยางของพวกเจ้าแล้วใช่ไหม?”
“ไม่เข้าใจว่าเจ้าลัทธิลู่พูดเรื่องอะไรอยู่” “ทาเรื่องแบบนี้ลับหลัง ขาดคุณธรรมเกินไปแล้ว” “อยู่ดีๆ เจ้าลัทธิลู่ด่ามรรคาจารย์เต๋าท าไม” “หมายความว่าอย่างไร?”
“ภูเขาตี้เฝ่ยของผินเต้าที่อยู่บนสมุดคุณความชอบของป๋ ายอวี้จิง เนื้อหาที่บันทึกไว้ก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย ไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะมีหลายแผ่น หากว่าผินเต้าไร ้คุณธรรม ใต้หล้ามืดสลัวแห่งนี้จะมีสักกี่คนที่กล้าพูด ว่าตัวเองไม่ขาดคุณธรรม นี่แสดงให้เห็นว่าความดีความชอบในการ สั่งสอนกล่อมเกลาของป๋ ายอวี้จิงพวกเจ้ายอดเยี่ยมเพียงใด ถ้าอย่าง นั้นอาจารย์ของเจ้าลัทธิลู่ดูแลใต้หล้าแห่งนี้มาหมื่นกว่าปีจะเท่ากับว่า ได้ดูแลอะไรไปบ้างล่ะ?”
“หลักการเหตุผลพูดกันแบบนี้ได้ด้วยหรือ? เหล่าเกา เจ้าเหนือ ชั้น (เกาแปลว่าสูง ส่ง ส่ง เหนือชั้น ยอดเยี่ยม) มากเลยนะ”
“เจ้าลัทธิลู่ต่างหากจึงจะเป็ นคนมหัศจรรย์พูดจาสูงส่ง พูดจนคน ฟังงุนงงไปหมด”
พูดคุยกันแบบนี้น่าเบื่อมากแล้ว ลู่เฉินขยับก้น ยืดคอยาวไปมอง ข้องใส่ปลา ข้องใส่ปลาถูกปล่อยไว้ในน้า ลู่เฉินอยากจะยื่นมือไปดึง เชือกขึ้นมา ผลคือถูกนักพรตหนุ่มเตือนว่าระวังจะร ้อนลวกมือ เขาจึง ได้แต่หยุดมือ
“เหล่าเกา ตกปลาอยู่หรือ?”
“ตกได้แล้ว”
“นอกจากปลาตัวเล็กบางเท่าตะเกียบอย่างเสี่ยวเต้าแล้ว ยังมีปลา ตัวใหญ่อีกหรือไม่?”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปลาตัวใหญ่แล้ว”
“สิ้นเปลืองเหยื่อตกปลาเปล่าๆ ไม่แน่ว่าแม้แต่คันเบ็ดตกปลาก็ อาจถูกกระชากขาดแล้วยังท าร ้ายไปถึงเส้นเอ็นและกระดูกของคนตก ปลาด้วย เผลอๆ อาจจะยังถูกปลาใหญ่พลิกเรือทั้งลาให้คว่า ไยต้อง หาเรื่องลาบากใส่ตัว ไม่มีความจาเป็ นเลย”
“ผินเต้ากลับยินดีจะลองดูว่าเป็ นปลาใหญ่เรี่ยวแรงมหาศาลเกิน จะต้าน หรือว่าเส้นเอ็นที่ใช ้ตกปลาเส้นนี้แข็งแรงมากพอ ถือโอกาสดู ตะขอตกปลาด้วยว่าจะสามารถเจาะหนังบนปากของปลาใหญ่ให้เป็ น รูได้บ้างสักนิดหรือไม่”
ลู่เฉินมีสีหน้าเศร ้าโศกเจ็บปวด เอ่ยเสียงเบาว่า “เหล่าเกา ฟัง ค าแนะน าจากข้าสักค าเถอะ อย่าทาแบบนี้ต่อไปเลย จริงๆ นะ เชื่อข้า สักครั้ง”
นักพรตหนุ่มเองก็เผยสีหน้าแปลกประหลาดอย่างที่หาได้ยาก เงียบไปพักหนึ่งก็เอ่ยว่า “ลู่เฉิน ผินเต้าเห็นเจ้าเป็ นสหายถึงได้ตั้งใจ มารอเจ้าอยู่ที่นี่ เพียงแค่เพื่อคุยเล่นกับเจ้าสองสามประโยคเท่านั้น ไม่ได้จะมาฟังคาเกลี้ยกล่อมจากเจ้า ต่อจากนี้เจ้าช่วยหยุดพูดเรื่องที่ ท าลายบรรยากาศได้หรือไม่?”
ลู่เฉินห้อยสองขาไว้นอกตัวเรือ นอกจากกินเนื้อหมักเต้าเจี้ยว แกล้มกับกลีบกระเทียมแล้วก็ไม่ได้ทาอย่างอื่นอีก รอกระทั่งกินหมดก็ ปัดมือ ใช ้ฝ่ ามือที่เลอะคราบน้ามันเช็ดกับกราบเรือ ถามว่า “เกากู พวกเจ้าทั้งหลายคิดกันอย่างไร ไม่กลัวว่าศิษย์พี่อวี๋จะพกกระบี่ออก เดินทางไกลไปหาถึงบ้าน หนึ่งกระบี่ตัดหนึ่งหัวหล่นร่วงลงพื้นจริงๆ หรือ?”
เกากูผู้นี้คือขอบเขตบินทะยานขั้นสมบูรณ์แบบ ได้รับการ ยอมรับว่าเป็ นบุคคลอันดับหนึ่งด้านการหลอมยาของหลายใต้หล้า คือหนึ่งในสิบคนของใต้หล้ามืดสลัว
แล้วยังเป็ นหนึ่งในผู้ฝึกตนที่มีหวังจะเลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่มาก ที่สุดในใต้หล้าด้วย
ปีนั้นหลังเกิดเหตุไม่คาดฝัน เต้ากวาน ‘หนุ่ม’ ผู้นี้ก็ไปยืนอยู่ที่ริม ขอบอาณาเขตของป๋ ายอวี้จิง มองไกลๆ มายังป๋ ายอวี้จิง
มองมาด้วยสายตาสงบมืดลึกที่ไม่ว่าใครได้สบตากับเขาก็ล้วน รู ้สึกขนพองสยองเกล้าเป็ นทบทวี
คนอามหิตมักจะไม่พูดมาก แล้วนับประสาอะไรกับที่อดทนมา นานหลายปีขนาดนี้เกากูย่อมไม่ใช่คนที่ยินดีพกพาความแค้นเข้าไป ในโลงด้วยกันอย่างแน่นอน
แล้วก็จริงดังคาด เกากูพยักหน้า พูดด้วยน้าเสียงนิ่งสงบ “ตาหนักหัวหยางภูเขาตี้เฝ่ ย ปรารถนาแม้ในยามหลับฝัน ผินเต้ารอ อยู่ รอคอยวันนี้มานานมาก นานมากๆ แล้ว”
ลู่เฉินรู ้ว่าที่พึ่งที่แท้จริงของเกากูไม่ได้มีเพียงแค่ตบะและขอบเขต ของเขาที่สูงพอ ภูเขาใหญ่พอ ลูกศิษย์ลูกหามีอยู่ทั่วทวีปเท่านั้น
ที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดของเขายังอยู่ที่ว่าโลกมนุษย์คล้ายกับตาข่าย ขนาดใหญ่ปากหนึ่ง บุญคุณความรักความแค้นทุกอย่างก็คือปม เชือกแต่ละปม ปมเชือกบางอย่างค่อยๆ ผุสลายไปตามกาลเวลาที่ผัน ผ่าน หายลับไปเหมือนหมอกควัน แต่เงื่อนตายบางอย่างมีแต่ยิ่งนาน วันจะยิ่งขมวดแน่น จะยิ่งแข็งแรง เป็ นเหตุให้ยิ่งสามารถกระตุกผม เส้นเดียวสะเทือนไปทั้งร่างศาลโอ่วเสินเป็ นเพียงแค่ปมหนึ่งในนั้น “ถ้า เด็กหนุ่ม” ของต าหนักสู้ยฉูก็เช่นเดียวกัน เกากูก็ยิ่งเป็ นเช่นนั้น
ตอนนี้ก็ต้องดูที่ว่าใครจะเป็ นคนแรกที่ผลักกาแพงให้ล้ม เกากู? ซุนไหวจง? อู๋ซวงเจ้ยง?
เต้ากวานบนท าเนียบของป๋ ายอวี้จิงมีมากมายจนนับไม่ถ้วนจริงๆ เพียงแต่ว่าธุลีแดงคลุ้งหมื่นจัง เมื่อต้องจมลึกอยู่ในนั้น จิตแห่งมรรคา ย่อมถูกฝุ่ นเกาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอให้สงครามใหญ่ลุกลามไปทั่ว ใต้หล้า การเข่นฆ่าเกิดขึ้นทุกหนแห่ง เต้ากวานลงมือ บุญกุศลคุณ ความดีที่ทามาถูกเผาผลาญ บ้างเจ็บบ้างตาย ร่วงหล่นปลิดปลิวนับ ไม่ถ้วน
“ผินเต้าถือเป็ นตัวอะไรได้”
เกากูยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ผิดต่อชื่อเสียงยาวนานสามพันปี”
คนอามหิตทิ้งถ้อยคาอามหิต แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทาสีหน้า เหี้ยมดุดัน มักจะพูดจาง่ายๆ สบายๆ เช่นนี้เสมอ ลู่เฉินถอนหายใจหนึ่งที “เหล่าเกา ในฐานะสหาย ข้าต้องเกลี้ย กล่อมเจ้าสักค้า ไม่อาจพูดจาโดยใช ้อารมณ์ได้อีกแล้วนะ”
ฝึ กตนอยู่บนภูเขา ยิ่งมีชีวิตอยู่นาน อายุขัยในการฝึ กตน ยาวนาน สหายก็ยิ่งมีน้อย
ลูกศิษย์คนเล็กของเกากูมาจากสกุลหยางหงหนง คนผู้นี้คือลูก ศิษย์ผู้สืบทอดที่เกากูให้ความส าคัญและรักเอ็นดูที่สุด ไม่มีหนึ่งใน
การที่เขาให้ความสาคัญเป็ นเพราะคุณสมบัติด้านการฝึกตนและ กลยุททางวรรณกรรมและการทหารของคนผู้นี้โดดเด่นเป็ นที่สุด แต่ ที่มากกว่านั้นคือนิสัยใจคอของคนผู้นี้ เกากูคิดว่าอีกฝ่าย “คล้ายคลึง กับตน” มากที่สุด
เจ้าตาหนักผู้เฒ่าที่ตลอดชีวิตไร ้คนรัก ยิ่งไร ้ลูกหลานผู้สืบทอด เรียกได้ว่ามองลูกศิษย์เล็กคนนี้เป็ นดั่งบุตรชายแท้ๆ ของตัวเอง
ลู่เฉินยื่นนิ้วออกมาสามนิ้ว “ในสถานที่แห่งหนึ่งของป๋ ายอวี้จิง ค านวณอย่างคร่าวๆพวกเจ้าไม่มีทางเกินสามส่วน”
เกากูยิ้มเอ่ย “เยอะขนาดนี้เชียวหรือ? เป็ นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาด ฝัน”
ลู่เฉินทิ้งตัวนอนหงายไปบนหัวเรือ ใช ้สองมือสอดรองใต้ท้าย ทอยต่างหมอน มองท้องฟ้ าที่เต็มไปด้วยหิมะปลิวปราย
เกากูเอ่ย “ลู่เฉิน”
“หืม?”
“ใต้หล้านี้จาเป็ นต้องมีอวี๋โต้ว โลกมนุษย์มิอาจขาดลู่เฉิน” “ข้าต้องขอบคุณเจ้านะ” “ถ้าอย่างนั้นก็โขกหัวให้ผินเต้าสักสามทีดีไหม?”
ลู่เฉินหลับตาลง ปากยังพึมพ าว่าตึงๆๆ
เกากูยื่นมือข้างหนึ่งออกมาตบชายแขนเสื้อชุดคลุมของลู่เฉิน เบาๆ “ไม่ต้องเสียใจ”
ท่ามกลางลมหิมะ คนกลุ่มหนึ่งสามคนเดินเท้าไปด้วยกัน
คนที่เป็ นผู้นาคือนักพรตหญิงวัยกลางคนที่หากดูแค่การแต่ง กายก็มองไม่ออกว่ามาจากสายสืบทอดสายใด ข้างกายยังมีเด็กหนุ่ม เด็กสาวตามมาด้วยอีกคู่หนึ่ง
นางก็คือหนึ่งในตัวสารองของใต้หล้ามืดสลัว ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขต บินทะยาน เป่ าหลินผีเซียน
เต้ากวานที่ได้รับหนังสือรับรองการออกบวชของใต้หล้ามืดสลัว ทุกครั้งที่ต้องทาพิธีหรือถือศีล ล้วนจ าเป็ นต้องสวมชุดตามระเบียบ พิธีการ มิอาจล้าเส้นได้แม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าออกมาท่องเที่ยวอยู่ ข้างนอก นอกจากความชื่นชอบส่วนบุคคลที่แปลกประหลาดของคน บางคนแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนแต่งกายอย่างเป่ าหลิน สวมกวานเดิน ทางไกล (หย่วนโหยว) บนศีรษะ สวมรองเท้าปักลายเมฆ ถือเป็ นการ
แต่งกายของนักพรตที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด นี่ก็คือกฎที่มรรคาจารย์ เต๋าก าหนดไว้ น ามาใช ้ให้ก าลังใจแก่ผู้ฝึกตนว่า ฝึกบ าเพ็ญตบะสร ้าง กุศลคุณธรรม ต้องมีความสะอาดบริสุทธิ์เป็ นหลัก
ลูกศิษย์ผู้สืบทอดสองคนที่เป่าหลินรับมาใหม่ล้วนเป็ นผู้ฝึกกระบี่ เด็กหนุ่มเด็กสาวคู่หนึ่งที่เหมือนหยกคู่มีชื่อว่าหลวี่อี่ ชิวอวี้อี้ หลวี่อี่ถามอย่างใคร่รู ้ “อาจารย์ ในเมื่อจะต้องถามกระบี่กับเต๋า เหล่าเอ้อ ดูเหมือนว่าจะไปไม่ถูกทิศทางนะ” เป่าหลินกล่าว “จะไปพบภิกษุรูปหนึ่งก่อน” ลูกศิษย์สองคนหันมามองหน้ากัน ในใต้หล้ามืดสลัวแห่งนี้ นักพรตคนหนึ่งจะไปหาภิกษุทาไม?
เพียงแต่พอพวกเขาคิดดูอีกทีก็ไม่เห็นว่าจะเป็ นเรื่องใหญ่อะไร อาจารย์คือใครกันแม้แต่เต๋าเหล่าเอ้อและป๋ ายอวี้จิงนางก็ยังไม่เห็นอยู่ ในสายตาเลยนะ