กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 976.1 พรรคบางแห่ง
ท่ามกลางแสงสนธยา เรือเฟิงยวนค่อยๆ จอดเทียบท่าที่ท่าเรือปี้ เฉิงของส านักกุยหยกช ้าๆ ท่าเรือตระกูลเซียนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไป ทั้งทวีปแห่งนี้ภูเขาอบอุ่นสายน้าอ่อนนุ่มทะเลสาบใหญ่ใสเหมือน กระจก แสงจันทร ์สาดส่องลงบนพื้น แสงตะเกียงลอยขึ้นฟ้ า
ทางฝั่งของเรือข้ามฟาก กลุ่มคนที่เดินออกจากห้องในตัวเรือมา ชมทัศนียภาพแบ่งออกเป็ นสองกลุ่ม ด้านหนึ่งคือหมี่อวี้ที่นาพาโจวห มี่ลี่มาด้วยกัน และผู้คุมกฎฉางมิ่งที่พานาหลันอวี้เตี๋ยลูกศิษย์ผู้สืบ ทอดมาด้วย อีกกลุ่มหนึ่งคือเหวยเหวินหลงกับพวกเถาหรานและเส้า พอเซียน
น่ าหลันอวี้เตี๋ยยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “เซียนกระบี่ใหญ่หมี่ เห็น ทัศนียภาพงดงามในช่วงเวลาอันดีนี้ ไม่มีความคิดอยากจะร่ายบทกวี สักบทบ้างเลยหรือ?”
เด็กที่เกิดและเติบโตมาในกาแพงเมืองปราณกระบี่ เวลาพูดคุย กับหมื่อวี้มักจะท าตัวสบายๆ น่ าหลันอวี้เตี๋ยนั้นถือว่าเกรงใจแล้ว หยวนจ้าวฮว่าที่ทุกวันนี้อยู่ในคฤหาสน์หลบหนาวของนครบินทะยาน อดีตราชาของกลุ่มเด็กในอดีต นางมักจะพาคนวัยเดียวกันกลุ่มใหญ่ ไปเล่นว่าวที่หัวกาแพงเป็ นประจา พวกนางยิ่งสนิทสนมกับหมื่อวี้ที่ ชอบดื่มเหล้าเมามายชมแสงจันทร์อยู่ในเมฆหลากสี
หมื่อวี้ยิ้มย้อนถาม “ใต้เท้าอิ่นกวานแนะนาให้เจ้าไปหลอมกระบี่ ฝ่ าทะลุขอบเขตอยู่ในถ้าสวรรค์แห่งนั้นพร ้อมกับพวกป๋ ายเสวียนและ ซุนชุนหวัง ท าไมเจ้าถึงไม่ตอบตกลงล่ะ?”
รอกระทั่งเด็กกลุ่มนี้ทยอยกันเลื่อนเป็ นขอบเขตถ้าสถิต แต่ละคน สามารถทะยานลมเดินทางไกลได้แล้ว ใต้เท้าอิ่นกวานก็มีแผนการใน ระยะยาวรอพวกเขาไว้แล้ว ยกตัวอย่างเช่นภูเขาลั่วพั่วจะร่วมมือกับ สานักกระบี่ชิงผิง ช่วยท าการปกป้ องมรรคาน าพาตัวอ่อนเซียนกระบี่ กลุ่มนี้เดินทางไกลอย่างเป็ นทางการ อย่างเช่นว่าไปยังจุดที่ลาน้า ใหญ่ไหลลงสู่มหาสมุทรซึ่งตั้งอยู่ภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป หรือไม่ก็ไปที่หอเติงหลงของนครมังกรเฒ่า เปิดโลกทัศน์ให้กว้าง หล่อเลี้ยงบารุงปณิธานกระบี่ ทาจิตแห่งกระบี่ให้ใสสะอาด จากนั้นรอ ให้พวกเขาเลื่อนเป็ นขอบเขตชมมหาสมุทรกันแล้วก็จะไปที่นคร จักรพรรดิขาวของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ไปดูน้าตกและแม่น้า ใหญ่ซึ่งไหลลงมาจากฟ้ าที่ถ้าสวรรค์หวงเหอ ไปดูประตูมังกรบานนั้น ….
ด้วยความสัมพันธ ์ควันธูปที่ใต้เท้าอิ่นกวานมีต่อนครมังกรเฒ่า สกุลเจียงอวิ๋นหลินและนครจักรพรรดิขาว เรื่องพวกนี้ล้วนเป็ นเรื่อง เล็ก
น่าหลันอวี้เตี๋ยกระตุกมุมปาก ให้เหตุผลที่ถูกต้องชอบธรรมอย่าง ยิ่ง “อาจารย์ตัดใจจากข้าไม่ลง ข้าก็ตัดใจจากอาจารย์ไม่ลง เหมือนกัน”
ฉางมิ่งยิ้มอ่อน ลูบศีรษะของแม่นางน้อย “ตัดใจไม่ลงจริงๆ นั่น แหละ”
วิถีแห่งการหลอมกระบี่ ระยะทางยาวไกลเป็ นร ้อยเป็ นพันลี้ ฉาง มิ่งไม่คิดว่าน่าหลันอวี้เตี๋ยจะต้องอยู่ที่ภูเขาเซียนตูเสมอไป นางย่อมมี วิธีที่จะทาให้ผลสาเร็จบนวิถีกระบี่ของลูกศิษย์ใหญ่คนนี้ไม่ด้อยไป
กว่าคนรุ่นเดียวกัน แน่นอนว่าไฉอู๋คือข้อยกเว้น |
หมื่อวี้กเรื่องหนึ่งขึ้นได้ จึงเอ่ยว่า “ทุกวันนี้น่าหลันไฉ่ฮ่วนเป็ นเจ้า ส านักคนใหม่ของสานักอวี่หลงแล้ว มีเวลาว่างก็ไปเยี่ยมญาติหน่อย ไหม? ข้าสามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรไปท่องเที่ยวเป็ นเพื่อนเจ้าได้ นะ ได้ยินมาว่าที่นั่นมีเกาะหลูฮว่าของถ้าแห่งโชควาสนาแสงจันทร ์ก็ งามมากเหมือนกัน หากนับกันตามล าดับอาวุโส เจ้าไม่ต้องเรียกน่าห ลันไฉ่ฮ่วนว่าบรรพจารย์ย่าหรอกหรือ?”
ในบรรดาตัวอ่อนเซียนกระบี่เก้าคน คนโง่ก็ยังมองออกว่า แรกเริ่มสุดนั้นใต้เท้าอิ่นกวานเอ็นดูน่าหลันอวี้เตี๋ยและเหยาเสี่ยวเห ยียนที่คนหนึ่งเป็ นนักบัญชีตัวน้อย คนหนึ่งคือคนโลภตัวน้อยมาก ที่สุด เพียงแต่ว่าไม่ทาอะไรลาเอียงก็เท่านั้น
ท่าเรือปี้เฉิงคือท่าเรือขนาดใหญ่เป็ นอันดับหนึ่งทางทิศใต้ของ ใบถงทวีป บอกว่าเป็ นท่าเรือ แต่อันที่จริงมีขนาดไม่เป็ นรองนครแห่ง หนึ่งเลย เมื่อผ่านการดูแลจัดการอย่างตั้งใจของพวกช่างบนภูเขา
ทั้งหลายจึงมีการซ่อมแซมให้เหมือนใหม่อีกครั้งแล้ว ที่ท่าเรือปลูกพืช หญ้าตระกูลเซียนไว้มากมาย มีสีเขียวตลอดสี่ฤดูกาล บวกกับวัสดุ หินที่ใช ้สร ้างสิ่งปลูกสร ้างบนท่าเรือปี้เฉิงที่แทบจะใกล้เคียงกับสีมรกต ของแก้วใส ถึงได้มีชื่อเรียกว่า ปี้เฉิง (นครมรกต)
เรือข้ามฟากสามสิบกว่าลาสามารถมาจอดที่ท่าเรือปี้เฉิงได้ใน เวลาเดียวกัน เดิมทีนี่ก็คือการแสดงออกให้เห็นถึงรากฐานของส านัก อย่างหนึ่ง
เหวยเหวินหลงถอนหายใจอย่างปลงอนิจจัง “หากไม่มีเวลาร ้อยปี ท่าเรือชิงชานก็ยากที่จะมีขนาดได้เท่ากับท่าเรือปี้เฉิงแห่งนี้”
เล้าพอเซียนหลุบตาลงมองท่าเรือ แสงตะเกียงสว่างเรืองรองสอง ให้ตรอกซอกซอยทั้งหลายสว่างไสวราวเวลากลางวัน รถม้าแล่นสวน กันขวักไขว่ สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็หนีไม่พันคนและเงินนั่นเอง “สิ่ง ที่หาได้ยากที่สุดยังคงเป็ นกลิ่นอายของผู้คนที่รวบรวมมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความน่าเชื่อถือในเรื่องของเงินทอง สานักกุยหยก คือบุคคลอันดับหนึ่งแห่งใบถงทวีปอย่างสมเกียรติ สานักกระบี่ชิงผิง ของพวกเราเทียบกับพวกเขาแล้วยังด้อยกว่าไม่น้อย นี่ก็เป็ นเรื่อง ปกติ มีสานักเบื้องบนคอยให้การประคับประคอง บวกกับการจัดการ ดูแลของเจ้าสานักชุยก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่ผู้มาทีหลังจะตามมาทัน”
เส้าพอเซียนจะลงเรือที่ริมลาคลองหลินเหอระหว่างที่เรือเฟิงยวน เดินทางกลับเหนือออกจากบ้านมาครั้งนี้นอกจากจะได้เงินฝนธัญพืช ก้อนใหญ่จากมือของคลังสมบัติประจ าส านักอย่างอาจารย์จ้งแล้วชุย
ตงซานยังมอบสมบัติบนภูเขาที่สามารถนามาใช ้รวบรวมโชคชะตา ขุนเขาสายน้าให้เขาเป็ นการส่วนตัวอีกหลายสิบชิ้น เรื่องของการ ก่อตั้งแคว้นและการบวงสรวงก็จะเริ่มมีเค้าลางให้เห็นแล้ว ทุกเรื่อง ล้วนยากที่การเริ่มต้น มีเงินเทพเซียนก้อนนี้และสมบัติอาคมทั้งหลาย เป็ นรากฐาน ก็ไม่ถึงขั้นชักหน้าไม่ถึงหลังมากเกินไป เงินล้วนต้องใช ้ คืน ก็แค่ว่าไม่เก็บดอกเบี้ยเท่านั้น ส่วนการชดใช ้หนี้น้าใจ อันที่จริง ได้ติดค้างไว้สามครั้งแล้ว ปีนั้นหนีตายมาตลอดทาง สุดท้ายมาหลบ ภัยที่ภูเขาลั่วพั่วถือเป็ นครั้งหนึ่ง ช่วยให้ก่อตั้งแคว้นที่ริมลาคลอง หลินเหอต่างบ้านต่างเมือง ซึ่งก็ถือว่าเป็ นการฟื้นฟูชะตาแคว้นให้กับ สายตู๋กูของราชวงศ์จูอิ๋งเก่าของแจกันสมบัติทวีปถือเป็ นครั้งที่สอง ต่อจากนี้อูอี้บรรพจารย์เปิดขุนเขาของจวนจื่อหยางจะนาพากลุ่มคน สนิทมาอยู่กับพวกเขา นางยินดีเป็ นฝ่ ายมารับต าแหน่งเป็ นเจินเหริน พิทักษ์แคว้น ก็เป็ นหนี้น้าใจที่ไม่เล็กอีกครั้งหนึ่ง
เหวยเหวินหลงกล่าว “เส้นทางการเงินน้อยใหญ่หลายสิบจนถึง นับร ้อยเส้นที่เดิมทีเป็ นของสานักใบถง นอกจากเส้นที่สาคัญไม่กี่เส้น ซึ่งยังถูกสานักใบถงกุมไว้ในมือได้แล้ว เส้นอื่นๆ ที่เหลือล้วนเป็ นฝ่ าย วิ่งมาหาสานักกุยหยกด้วยตัวเองทั้งสิ้น”
เส้าพอเซียนยิ้มเอ่ย “ดังนั้นจึงถือว่าทางฝั่งของศาลบุ๋นมอง การณ์ไกลอย่างมาก ถึงได้ให้เจ้าขุนเขาโจวมาดูแลส านักศึกษาอู่ชี หลีกเลี่ยงไม่ให้สานักกุยหยกตั้งตัวเป็ นใหญ่เพียงฝ่ายเดียว”
เหวยเหวินหลงมีนิสัยหนักแน่นมั่นคง ยากนักที่จะพูดความในใจ กับคนอื่นซึ่งไม่ใช่อิ่นกวานหนุ่ม เขายิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ผู้ถวายงานเส้า ทุกวันนี้เจ้าเป็ นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกาเนิดรอให้ตู๋กูเหมิงหลงก่อตั้ง แคว้น หากเจ้าสามารถเลื่อนเป็ นห้าขอบเขตบนได้ การเปิดสานักตั้ง พรรคก็เป็ นกุญแจสาคัญเหมือนกัน ถึงเวลานั้นหนึ่งแคว้นหนึ่งสานัก ช่วยประคับประคองสนับสนุนกันและกัน อยากจะหยัดยืนอยู่ในใบถง ทวีปได้อย่างมั่นคงก็ไม่ใช่เรื่องยากแน่นอนมีอนาคตรออยู่ ข้าก็ขอ อวยพรให้ผู้ถวายงานเส้าทาทุกอย่างประสบความสาเร็จราบรื่นไว้ ล่วงหน้าเลยแล้วกัน”
เส้าพอเซียนกุมหมัดเอ่ยขอบคุณ “หากมีวันนั้นจริงๆ ข้าจะเลี้ยง เหล้าอาจารย์เหวยเอง!”
สตรีที่ทุกวันนี้เปลี่ยนชื่อเป็ นตู๋กูเหมิงหลง ว่าที่ฮ่องเต้ของแคว้น ใหม่ในอนาคต อาจเป็ นเพราะนางรู ้จักกับเจ้าขุนเขาเฉินมานานมาก แล้ว เวลาอยู่กับเฉินผิงอันจึงไม่ได้มีท่าทางกระตือรือร ้นเท่าใดนัก แต่ เส้าพอเซียนที่หากสืบย้อนไปถึงสถานะที่แท้จริงก็คือรัชทายาทแห่ง แคว้นล่มสลาย เขาเองก็อยู่บนภูเขาลั่วพั่วมานานเหมือนกัน ต่อให้ จานวนครั้งที่นางได้พบหน้ากับนักบัญชีที่มาจากเรือนชุนฟานภูเขา ห้อยหัวจะนับครั้งได้ แต่กลับเกิดใจใกล้ชิดสนิทสนม คงเป็ นเพราะสิ่ง ที่ประสบพบเจอในชีวิตล้วนต้องอาศัยแววตาของใครของมัน นางได้ ยินประโยคนี้ก็กุมหมัด เอ่ยขอบคุณจากใจจริง “หลายปีมานี้ได้รับ
การดูแลเป็ นอย่างดีจากอาจารย์เหวย ยินดีต้อนรับอาจารย์เหวยมา เป็ นแขกบ่อยๆ”
เหวยเหวินหลงพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โชคดีที่ตอนนี้ใต้เท้าอิ่ นกวานไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยไม่ได้เห็นภาพนี้ ไม่อย่างนั้นข้าต้องถูกจด ลงบัญชีเป็ นแน่”
ถึงอย่างไรตู๋กูเหมิงหลงก็ยังไร ้เดียงสา ไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ นางจึงไม่รู ้จะรับค าต่ออย่างไร เส้าพอเชียนจึงได้แต่ยิ้มอธิบายว่า “อาจารย์เหวยล้อเล่นน่ะ สัพยอกว่าตอนเจ้าอยู่กับเจ้าขุนเขาไม่เคย ทาสีหน้าดีๆ ให้เห็น แต่อยู่กับอาจารย์เหวยกลับพูดง่ายขนาดนี้”
นางยิ้มกล่าว “เจ้าขุนเขาเฉินไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น”
เส้าพอเซียนคลี่ยิ้ม “ประโยคดีๆ ประโยคนี้ ขออาจารย์เหวยโปรด น าไปบอกต่อแก่เจ้าขุนเขาเฉินอย่างอ้อมๆ ด้วย”
ตู๋กูเหมิงหลงยิ้มเขินอาย “ไม่ได้คิดอย่างนั้น นี่เป็ นคาพูดจากใจ จริงของข้า อาจารย์เหวยไม่ต้องนาไปบอกต่อ ไม่อย่างนั้น ความหมายจะเปลี่ยนไป”
เหวยเหวินหลงพยักหน้า “วางใจเถอะ ในใจของใต้เท้าอิ่นกวาน กระจ่างใสเหมือนคันฉ่อง เข้าใจทุกอย่างดี มีครั้งหนึ่งเขามาคุยเล่นที่ ห้องบัญชี ได้พูดกับปากเองว่าแม่นางเหมิงติดตามผู้ถวายงานเส้า ร่อนเร่พเนจรมาตลอดทางโดยที่ไม่เคยทอดทิ้งเขาไปไหน ไม่เคยบ่น สักครึ่งคา นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทาได้ สุราขมปลุกความกล้า งีบหลับ
บ ารุงก าลัง พันต้นหลิวและดอกไม้ไปยังมีหมู่บ้านรออยู่” (เปรียบเปรย ว่าสถานการณ์ใหม่ที่ดีกว่ารออยู่เบื้องหน้า)
ตู๋กูเหมิงหลงอึ้งตะลึง “ข้ายังนึกว่าจะได้ยินคาประเมินที่ทาให้คน กลุ้มใจเสียอีก”
เหวยเหวินหลงส่ายหน้า “ดวงดาวเคลื่อนคล้อย หยินหยาง แปรเปลี่ยน ไม่ได้หมุนรอบใครคนใดคนหนึ่ง ตะวันจันทราผลัดกัน ส่องแสง ก็ไม่ได้ส่องสว่างให้แค่ใครคนเดียว ทุกคนมีชีวิตของตัวเอง มีโชควาสนาเป็ นของตัวเอง”
เส้าพอเซียนยิ้มเอ่ย “แค่ฟังก็รู ้ว่าเป็ นคาพูดของเจ้าขุนเขาเฉิน” มองท่าเรือปี้เฉิงที่ทัศนียภาพงดงามละมุนละไม จิตใจของเส้าพอ เซียนสงบนิ่ง
ใบไม้ผลิมีชีวิตชีวา เป็ นอารมณ์ดั้งเดิมแห่งธรรมชาติ ใบไม้ร่วง เปลี่ยวเหงา ก็คืออารมณ์แห่งธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง ดอกไม้บาน ดอกไม้ร่วงโรยแล้วจึงเบ่งบานอีกครั้ง
คืนนี้เรือเฟิ งยวนมาจอดที่ท่าเรือปี้เฉิง แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อโอ้ อวดทรัพย์สินของภูเขาลั่วพั่ว ทุกวันนี้เรือข้ามฟากจาเป็ นต้องเดิน ทางผ่านพื้นที่ของสามทวีป และจะต้องบรรทุกสินค้าจากทุกท่าเรือ นอกจากนี้แล้วยังต้องมีการวางบัญชี โดยทั่วไปแล้วจะเป็ นจ้งชิว จาง เจียเจินและผู้ดูแลระดับรองของเรือเฟิงยวนอย่างเจี่ยเฉิงที่จะปรากฏ ตัวพร ้อมกัน รับผิดชอบคอยติดต่อกับทางท่าเรือปี้เฉิงแห่งนี้ ถึง
อย่างไรเหวยเหวินหลงก็เป็ นผู้ถวายงานห้องบัญชีของส านักเบื้องบน ตามกฎที่ใช ้กันทั่วไปบนภูเขาแล้ว ย่อมไม่สะดวกจะสอดมือเข้ายุ่ง เกี่ยวกับเรื่องเงินทองปลีกย่อยของสานักเบื้องล่างมากเกินไป แม้จะ บอกว่าจางเจียเจีนเองก็เป็ นสมาชิกบนท าเนียบของภูเขาลั่วพั่ว แต่ที่ มากกว่านั้นกลับเหมือนจ้งชิวพาจางเจียเจินมาฝึกประสบการณ์อยู่ ข้างกายมากกว่า การสืบทอดของในหนึ่งสานักไม่ได้มีแค่การสืบ ทอดด้านวิชาคาถาอย่างเดียวเท่านั้น
ส่วนเทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ย บ้านไหนมีคนแก่บ้านนั้นก็เหมือนมี สมบัติ ไม่อย่างนั้นด้วยตบะและขอบเขตของเขา พูดถึงแค่ในด้านการ คบค้าสมาคมกับผู้คน หากใช ้ค าพูดของชุยตงชาน อย่างน้อยก็ต้อง เริ่มต้นที่ขอบเขตบินทะยานแล้ว
โดยทั่วไปแล้ว การถ่ายเทและบรรทุกสินค้า การตรวจสอบบัญชี ที่ท่าเรือปี้เฉิง มักจะเป็ นผู้ดูแลของเรือข้ามฟากที่ผ่านทางมาที่ต้องลง เรือไปหาด้วยตัวเอง และนี่ก็คือการแสดงความเคารพอย่างหนึ่งต่อ สานักกุยหยก หากว่าอิงตามนิสัยของผู้ถวายงานหมี่ ท่าเรือปี้เฉิงก็คง ต้องยอมให้เป็ นกรณียกเว้น ในความเป็ นจริงแล้วก็ใช่ว่าทางฝั่งของ ท่าเรือปี้เฉิงจะไม่มีความต้องการเช่นนี้ แล้วก็ต้องปวดหัวกันมาก สาหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่าพวกเขายินดีจะที่แสดงความเป็ นมิตรต่อ ภูเขาลั่วพั่ว หรือควรจะพูดว่าต่ออิ่นกวานเฉินผิงอัน แต่ก็กังวลอีกว่า จะถูกศาลบรรพจารย์ของยอดเขาเสินจ้วนส านักกุยหยกต าหนิ แต่ หากจะบอกว่าให้นาเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้ไปบอกแก่ยอดเขาเสินจ้วนก็ไม่ เข้าท่าอีกเหมือนกัน ความวกวนอ้อมค้อมในวงการขุนเขาภูเขา สายน้ามีอยู่ไม่น้อยจริงๆ โชคดีที่ทางฝั่งเรือเฟิงยวน ก่อนหน้านี้ที่ผ่าน สถานที่แห่งนี้เป็ นครั้งแรก จ้งชิวและเจี่ยเฉิงต่างก็ลงจากเรือกันมา อย่างรวดเร็ว นี่ทาให้พวก ผู้ฝึ กตนเฒ่าหลายคนที่ทาหน้าที่ดูแล ท่าเรือปี้เฉิงรู ้สึกโล่งใจเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
ในห้องบัญชีแห่งหนึ่งของท่าเรือปี้เฉิง เมื่อเทียบกับใบหน้า คุ้นเคยของคนสามคนที่ก่อนหน้านั้นเผยหน้าเผยตาให้เห็นอยู่หลาย ครั้ง คืนนี้ทางฝั่งของเรือเฟิงยวนได้มีแขกมาเพิ่มอีกสามคน
คนหนึ่งในนั้นก็คือเซียนกระบี่หมี่ ในอดีตยามที่เดินทางผ่าน ท่าเรือปี้เฉิง เขาไม่เคยลงจากเรือ อีกคนหนึ่งคือบุรุษที่สวมชุดกว้าตัว ยาวสีเขียว กับแม่นางน้อยชุดดาคนหนึ่งที่นั่งตัวตรงอย่างส ารวม เวลานี้กาลังดื่มน้าชาที่คนของห้องบัญชียกมาให้
เทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ยไม่ได้ช่วยแนะน าพวกเขาให้รู ้จัก ผู้ดูแล หลายคนของท่าเรือปี้เฉิงที่รีบเร่งมาที่แห่งนี้ก็ไม่สะดวกจะถามอะไร มาก
และบุรุษสะพายกระบี่ที่มองดูแล้วสีหน้าอบอุ่นอ่อนโยนผู้นั้น ระหว่างนี้ยังได้ตรวจสอบสมุดบัญชีอย่างละเอียด ดูท่าคงจะมีสถานะ ไม่ต่าในภูเขาสั่วพั่วแจกันสมบัติทวีป หรือไม่ก็ในสานักกระบี่ชิงผิงที่ เพิ่งก่อตั้งใหม่
ไม่แน่ว่าอาจเป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเซียนกระบี่หมี่?
ทุกวันนี้มีข่าวลือที่แพร่กันไปอย่างครึกโครม บอกว่าเซียนกระบี่ หมี่ที่มาจากกาแพงเมืองปราณกระบี่ผู้นี้ได้เป็ นขอบเขตเซียนเหริน จริงแท้แน่นอนคนหนึ่งแล้ว
ต้องมีโชควาสนายิ่งใหญ่ถึงเพียงใดถึงได้กลายเป็ นลูกศิษย์ผู้สืบ ทอดของเซียนกระบี่ใหญ่คนหนึ่ง? ช่างเป็ นโชคใหญ่เทียมฟ้ าที่แม้แต่ คิดก็ยังไม่กล้าคิดเลยจริงๆ
บุรุษชุดเขียวยังถามคาถามที่มีความเชี่ยวชาญอย่างถึงที่สุด เกี่ยวกับรายการบัญชีอีกหลายข้อ ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็เป็ น ผู้เชี่ยวชาญกันแล้ว แค่ฟังก็รู ้ว่าอีกฝ่ ายมีความชานาญในด้านนี้ เช่นกัน คนนอกอาชีพต้องไม่มีทางถามคาถามทานองนี้ได้แน่นอน
เฉินผิงอันไม่ได้นั่งอยู่นานนัก ตรวจดูรายการบัญชีแล้วก็พาหมี่ลี่ น้อยและเซียนกระบี่ ใหญ่หมี่บอกลาจากไปพร ้อมกัน
เทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ยจะลุกขึ้น เฉินผิงอันคลี่ยิ้มยื่นมือมากดลงบ นความว่างเปล่าสองสามที บอกเป็ นนัยว่าไม่ต้องไปส่ง เทพเซียนผู้ เฒ่าเจี่ยจึงปักก้นตรึงไว้บนเก้าอี้อีกครั้ง ภาพนี้ท าให้ทุกคนของท่าเรือ ปี้เฉิงที่เชี่ยวชาญการสังเกตสีหน้าการกระทาของผู้อื่นเป็ นอย่างดีอด สับสนไม่ได้ คงไม่ใช่ว่าเพิกเฉยต่อแขกผู้สูงศักดิ์เข้าแล้วหรอกนะ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นคนชุดเขียวเดินข้ามธรณีประตู ออกไปก่อน เซียนกระบี่ใหญ่หมี่เดินตามไปด้านหลัง คนมีใจหลาย คนของท่าเรือปี้เฉิงที่อยู่ในห้องก็อึ้งงันกันไปอย่างสิ้นเชิง