กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 979.2 วันนี้ไร ้เรื่องใด
ปกติหมี่ลี่น้อยเป็ นคนกินข้าวเร็วมากอยู่แล้ว พอได้ยินประโยคนี้ ก็แสร ้งทาเป็ นเคี้ยวช ้าๆ อย่างละเอียด โคลงศีรษะ ยกนิ้วโป้ งให้จูเห ลี่ยน “อร่อยมาก อร่อยมาก รสชาติล้าเลิศจริงๆ! ฝีมือของพ่อครัว เฒ่าก็ถือเป็ นการปักบุปผาลงบนผ้าแพรเหมือนกัน”
เซียนเว่ยเพิ่งจะคีบน่องไก่ขึ้นมา พอได้ยินก็รีบคีบปลาหลูดอกซิ่ง มาค าใหญ่ทันที เคยได้ยินชื่อปลาแม่น้าประเภทนี้มานานแล้ว หามา ลิ้มลอง? เป็ นเรื่องที่แม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้าคิดเลย ใต้หล้านี้สิ่งที่ สามารถเอามาโอ้อวดได้ดีที่สุดคืออะไร ก็เงินไงล่ะ
เด็กชายชุดสีชาดมีชาติกาเนิดมาจากคนจิ๋วควันธูป อันที่จริง อาหารรสเลิศไม่รสเลิศอะไร มันไม่มีความสนใจใดๆ ถึงอย่างไรก็ชิม ไม่รู ้ว่ารสชาติดีหรือไม่ดีอยู่แล้ว แต่เพราะว่ามักจะมาขอข้าวกินที่นี่ บ่อยๆ หน่วนซู่จึงเตรียมถาดน้ามันใบเล็กไว้ให้เด็กชายชุดสีชาด โดยเฉพาะ ใช ้ตะเกียบคีบตักมาคาหนึ่ง เมื่อเทียบกับคนปกติทั่วไปก็ เท่ากับว่าได้กินอาหารโต๊ะใหญ่แล้ว
จูเหลี่ยนคุยเล่นถึงเรื่องหนึ่ง “คุณชาย ทุกวันนี้ที่ตัวจังหวัดมี ตระกูลแซ่เฉินย้ายจากอาเภอไหวหวงไปอยู่ที่นั่นหลายตระกูล คล้าย กับนัดหมายกันมาอย่างไรอย่างนั้น เพิ่งจะผ่านปีใหม่ไปก็เริ่มง่วนกับ การแก้ท าเนียบวงศ์ตระกูลกันใหม่แล้ว พยายามจะให้มีความสัมพันธ
เป็ นญาติกับคุณชายอ้อมๆ ให้ได้ อืม ข่าวพวกนี้เป็ นผู้พิทักษ์ขวา ตรอกฉีหลงของพวกเราที่ไปสืบมาได้”
เด็กชายชุดสีชาดบ่นเบาๆ “เรื่องเล็กน้อยขี้หมูราขี้หมาแห้งแบบ นี้ก็คู่ควรให้พ่อครัวเฒ่าเอามาพูดบนโต๊ะอาหารด้วยหรือ ลดเกียรติ ภูเขาลั่วพั่วเกินไป แล้วก็ดูแคลนข้าด้วย”
อยู่กับพ่อครัวเฒ่า เจ้าตัวน้อยไม่มีข้อพิถีพิถันอันคร่าครือะไร แล้ว หนึ่งเพราะจูเหลี่ยนพูดคุยด้วยง่าย ไม่มีข้อห้ามใดๆ นอกจากนี้ แม้จะบอกว่าจูเหลี่ยนคือผู้ดูแลใหญ่ของภูเขาลั่วพั่ว อยู่ในต าแหน่งสูง กุมอานาจอย่างแท้จริง แต่กลับมิอาจมายุ่งเรื่องของการเลื่อนขั้นใน วงการขุนนางของตรอกฉีหลงและสายเรือนไม้ไผ่ที่ตนอยู่ได้ ขุนนาง ใหญ่โตมิสู้ขุนนางผู้มีอานาจรับผิดชอบโดยตรง ขาใหญ่นี้ไม่กอดก็ ไม่เป็ นไร ประจบเอาใจทุกคนไม่ใช่เรื่องที่ควรท า เพราะเท่ากับว่า ไม่ได้เอาใจใครเลย เดี๋ยวจะเป็ นการทิ้งภาพจาว่าเป็ นตัวชี้ประจบไว้ใน ใจของหัวหน้าใหญ่เผยเอาได้
เซียนเว่ยจุ๊ปากยิ้มเอ่ย “เจ้าคงไม่ใช่ศิษย์น้องส านักเดียวกันกับ นักพรตเฒ่าเจียหรอกนะ?”
จูเหลี่ยนไม่สนใจเด็กชายชุดแดงที่ไม่รับน้าใจ ถามต่อไปว่า “เรื่องนี้จะทาอย่างไรดี? ต้องให้ข้าไปพูดคุยกับที่ว่าการสองแห่งของ เขตการปกครองและของจังหวัด ให้พวกเขาออกหน้าขัดขวาง หรือไม่? หาไม่แล้วคนเรียบเรียงท าเนียบวงศ์ตระกูลที่รับเงินมาแล้ว ท างานเวลาจรดพู่กันขึ้นมาย่อมไม่เขียนอย่างคลุมเครือแน่”
ยามที่วิถีทางโลกสงบดี อาชีพอย่างผู้เรียบเรียงผังทาเนียบวงศ์ ตระกูลนี้ เมื่อก่อนมิอาจได้พบเจอแสงสว่าง ส่วนใหญ่ล้วนเป็ น ปัญญาชนยากจนที่ไม่มีตาแหน่งติดตัว ถึงได้หาเลี้ยงชีพด้วยวิธีนี้ ได้ แต่แอบหาเงินอย่างลับๆ ทุกวันนี้กลับไม่เหมือนกันแล้ว แคว้น มากมายทางทิศใต้ของแจกันสมบัติทวีปมีอาชีพนี้อยู่ทุกหนทุกแห่ง และหลายคนต่างก็หันไปท าอาชีพนี้กันโดยเฉพาะ
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ต้องไปสนใจ พวกเขาอยากท าอะไรก็ให้ ท าไปเถอะ”
เด็กชายชุดสีชาดตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเป็ นขุนนางผู้จงรักภักดี จึงบากหน้าเอ่ยทัดทานว่า “ใต้เท้าเจ้าขุนเขา เรื่องประเภทนี้จะไม่ สนใจไม่ได้นะ หากไม่ทันระวัง ท่านลุงท่านอาอะไรที่ตัวจังหวัดก็ อาจจะผุดขึ้นมามากมายเหมือนหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิหลังฝนตกคืน เดียวโผล่พรวดมากองใหญ่ แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้ามาวางมาด เป็ นผู้อาวุโสที่ภูเขาลั่วพั่ว เพียงแต่ว่าที่ตัวจังหวัด มากปากคนก็มาก ความ หากแพร่ออกไปถึงอย่างไรก็ไม่น่าฟังใต้เท้าเจ้าขุนเขา หาก ท่านเชื่อใจข้าน้อย กินอาหารมื้อนี้เสร็จลงจากภูเขาไป ข้าก็จะเอา เรื่องนี้ไปแจ้งกับศาลเทพแห่งผืนดินและศาลเทพอภิบาลเมืองประจา อาเภอทั้งหมดภายใต้การดูแลของเกาขึ้นคาน….เอ่อ เทพอภิบาล เมืองเกา ทุกที่ล้วนมีสหายรักของข้าอยู่ เวลาปกติพวกเขาไม่ค่อยไป มาหาสู่กับเกาผิงเท่าไร แต่กลับยังพอมีมิตรภาพกับข้าอยู่บ้าง หลาย ปีมานี้อันที่จริงล้วนเป็ นข้าน้อยที่คอยจัดการกิจธุระต่างๆ ลงมือทำ
ด้วยตัวเอง ไม่เลอะเลือนเลยแม้แต่น้อย แล้วนับประสาอะไรกับที่เรื่อง นี้ ทางฝั่งภูเขาลั่วพั่วของพวกเราก็มีเหตุผลอย่างเต็มที่ ไม่ถือเป็ นการ ใช ้ผลประโยชน์ส่วนตัวเบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวมอะไรด้วยซ้า ข้า เป็ นคนเปิดปากเอง รับรองว่าจะพิฆาตกลิ่นอายสกปรกชั่วร ้ายที่ไร ้ซึ่ง เหตุผลขุมนี้ให้สิ้นซากให้จงได้!”
เฉินผิงอันยิ้มอธิบาย “ไม่เป็ นไร เจ้าไม่ต้องระดมกาลังใหญ่โต ขนาดนี้ บางครอบครัวที่อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นเป็ นญาติกับบรรพ บุรุษข้าจริงๆ ต่อให้จะเป็ นญาติห่างๆ ที่ไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน แต่ในนามก็ถือว่าเป็ นญาติกัน หากเจ้าไปขัดขวางก็ง่ายที่จะ กลายเป็ นว่าไม่มีพื้นที่ให้เจรจากันอีก คาดว่าตระกูลเหล่านี้คงไม่กล้า จ้างคนให้มาเรียบเรียงท าเนียบวงศ์ตระกูลใหม่เลยด้วยซ้า จะปล่อยให้ พวกเขาตัดชื่อของคนที่อยู่ในสายบรรพบุรุษข้าออกก็คงไม่ดีกระมัง หากจะบอกว่าต้องไปพูดคุยกับตระกูลแซ่เฉินสองกลุ่มที่ตัวจังหวัด ก็ ไม่จ าเป็ นอีกเหมือนกัน ถึงอย่างไรบนท าเนียบวงศ์ตระกูลของแซ่ ตัวเองก็ไม่ได้ลดน้อยลง ถ้าอย่างนั้นทาเนียบบ้านคนอื่นจะมีสกุลเฉิน สายหนึ่งเพิ่มมาหรือไม่ก็ตามใจพวกเขาแล้ว”
เด็กชายชุดสีชาดเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างขลาดๆ ว่า “ความใจกว้างของเจ้าขุนเขาคนดี เท่ากับความใจกว้างของเกาผิง ร ้อยคนเลยทีเดียว”
เจ้าตัวน้อยที่นั่งขัดสมาธิกลัวว่าใต้เท้าเจ้าขุนเขาจะเข้าใจผิด จึง รีบยกมือขึ้นประกบสองนิ้ว “ข้าน้อยสามารถสาบานต่อสวรรค์ได้ว่านี่ ไม่ใช่ค าประจบสอพลอแน่นอน!”
หัวหน้าใหญ่เผยเคยบอกว่า อาจารย์พ่อของนางเป็ นคนเที่ยงตรง ซื่อสัตย์ มีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีใครเหมือน ดังนั้นชั่วชีวิตนี้จึงไม่ชอบได้ ยินค าประจบยกยอจากคนข้างกายมากที่สุด มักจะสั่งสอนลูกศิษย์ ใหญ่เปิดขุนเขาอย่างนางเป็ นประจาว่า อยากจะมีชีวิตที่ดีอยู่ในยุทธ ภพ อยากมีสหายอยู่ทั่วทุกหนแห่งไปไหนก็เป็ นที่ต้อนรับ คาว่าจริงใจ ก็ต้องมาเป็ นหนึ่งน้าลายหนึ่งฟองตะปูหนึ่งดอก!
“เคล็ดลับในยุทธภพ” ที่ทองพันชั่งก็ยากจะหาซื้อได้เช่นนี้ เด็กชายชุดแดงหรือจะกล้าฟังเข้าหูซ ้ายทะลุออกหูขวา ต้องจดจ าไว้ ขึ้นใจอยู่แล้ว
เฉินผิงอันมองหน่วนซู่ ใช ้สายตาสอบถามว่าใช่เผยเฉียนที่สอน เขาหรือไม่?
เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูปิดปากหัวเราะคิก ทั้งไม่ฟ้ องนาย ท่าน แล้วก็ไม่อยากจะโกหก
เฉินผิงอันมีความเคยชินอยู่อย่างหนึ่ง ขอแค่อยู่บนภูเขาลั่วพั่ว ดื่มเหล้าไม่เคยถ่วงรั้งการกินอาหาร ตอนอยู่ร ้านเหล้าบ้านตัวเองที่ กาแพงเมืองปราณกระบี่ก็มักจะดื่มเหล้าหนึ่งชามพร ้อมกับบะหมี่ห ยางชุนหนึ่งชามเสมอ
เสี่ยวโม่กล่าว “คุณชาย ได้ยินมาว่าป๋ ายฉางแห่งอุตรกุรุทวีป ก่อนหน้านี้ไม่นานได้เริ่มปิดด่านอย่างเป็ นทางการแล้ว”
เฉินผิงอันยิ้มถาม “ผู้ปกป้ องมรรคาคือใคร มีข่าวแพร่ออกมา ไหม?”
เสี่ยวโม่ส่ายหน้า “ไม่ทราบ”
ป๋ ายฉางเซียนกระบี่อันดับหนึ่งแห่งทิศเหนือ อยู่ที่คอขวด ขอบเขตเซียนเหรินมานานหลายปีแล้ว
แล้วนับประสาอะไรกับที่ป๋ ายฉางยังมีความเกี่ยวข้องกับเถียนห ว่านแห่งภูเขาตะวันเที่ยง ศิษย์น้องหญิงของโจวจื่อ
หากไม่เป็ นเพราะเฉินผิงอันและชุยตงซานต่างก็สอดเท้าเข้า แทรก คาดว่าขอบเขตบินทะยานของป๋ ายฉาง แม้อาจจะไม่ได้เดินบน เส้นทางที่ถูกต้อง เท่ากับว่าฮุบเอาโชคชะตาวิถีกระบี่เกือบพันปีของ ตลอดทั้งแจกันสมบัติทวีปไป แต่อย่างน้อยวิถีกระบี่ของป๋ ายฉางก็จะ บริสุทธิ์มากกว่าเดิม ผลสาเร็จด้านเวทกระบี่ในอนาคตก็มีแต่จะยิ่ง สูงส่งยาวไกล สืบสาวราวเรื่องกันแล้ว ดีเลวล้วนอยู่ที่ใจคน ไม่ได้อยู่ที่ ใจฟ้ า
เฉินผิงอันพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “หากไม่ใช่ป๋ ายฉางเชิญเซียนเห รินที่ตัวเองไว้ใจ ทั้งยังต่อสู้ได้เก่งให้มาช่วยปกป้ องด่านให้ ไม่อย่างนั้นนี่ก็คงจะเป็ นข่าวปลอม อันที่จริงป๋ ายฉางเป็ นขอบเขตบิน
ทะยานแล้ว แต่ก าลังเฝ้ าตอรอกระต่าย รอให้ใครบางคนไปท าลาย เรื่องดีๆของเขา”
เพราะความสัมพันธ ์ระหว่างสวีเซวี่ยนลูกศิษย์ผู้สืบทอดเพียงหนึ่ง เดียวของป๋ ายฉางกับเฮ้อเสี่ยวเหลียงเจ้าสานักชิงเหลียงเกิดปัญหา ร ้ายแรง ถึงขั้นที่ว่าป๋ ายฉางยังเคยทิ้งถ้อยค าอาฆาตรุนแรงไว้ด้วยว่า จะทาให้ชีวิตนี้เฮ้อเสี่ยวเหลียงไม่มีทางได้เลื่อนเป็ นขอบเขตบิน ทะยาน
ถ้าอย่างนั้นด้วยนิสัยใจคอและวิธีการของเฮ้อเสี่ยวเหลียงแล้ว หากป๋ ายฉางปิ ดด่านจริง นางย่อมไม่มีทางนิ่งดูดายเป็ นแน่ และ วิธีการของเจ้าส านักเฮ้อท่านนี้ก็ย่อมไม่แย่ นางรู ้จักรอดูสถานการณ์ หาโอกาสที่เหมาะสมมากที่สุด ครั้งนั้นที่เฉินผิงอันเหยียบย่างเข้าไป ในชายหาดโครงกระดูกของอุตรกุรุทวีปเป็ นครั้งแรก คลื่นมรสุมที่พบ เจอในหุบเขาผีร ้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงมือของเกาเฉิงผีแห่ง เมืองจิงกวาน มองดูเหมือนเฮ้อเสี่ยวเหลียงไม่ได้ทาอะไรทั้งนั้น แต่ผล คือเป็ นนางที่ทาทุกอย่าง เฮ้อเสี่ยวเหลียงรับรองแขกเช่นนี้ แน่นอนว่า เฉินผิงอันก็ไม่ได้เกรงใจนาง เพียงไม่นานก็ใช ้ผลหลีตอบแทนผลท้อ ไปที่เมืองสุยเจี้ย มอบให้หนึ่งก็คืนให้หนึ่ง
ผู้ฝึกตนในภูเขา หากคิดอยากจะมีชีวิตที่สงบสุขสักหน่อยก็อย่า ไปข้องเกี่ยวกับเรื่องทางโลกมากเกินไป
“โอกาสที่จะเป็ นเวทอาพรางตาหรือไม่ก็ค่ายกลลวงวิญญาณมี มากกว่า”
จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “สมมติว่าข้าคือคนบางคน กลัวก็แต่ว่าป๋ าย ฉางจะปิดด่านจริงๆ เรื่องนี้ไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย แต่ดันกลายเป็ น ว่าป๋ ายฉางมีความมั่นใจว่าจะฝ่ าทะลุขอบเขตแล้วก็ออกจากด่านมา ได้เร็วมาก นี่ต่างหากจึงจะเป็ นเรื่องที่ยุ่งยากที่สุด ก่อกวนไม่สาเร็จ กลับถูกอีกฝ่ ายเฝ้ าตอรอกระต่าย ระหว่างที่ปิ ดด่านทาลายมหา มรรคาของคนอื่น คือข้อห้ามใหญ่หลวงบนภูเขา คนบางคนต่อให้ เป็ นพันธมิตรกับเทียนจวินเซี่ยสือ หากป๋ ายฉางออกกระบี่ในครั้งนี้ เซี่ยสือก็ไม่สะดวกจะออกหน้าขัดขวาง เพราะหากไม่ระวัง ต่อให้คน บางคนจะหนีการไล่ฆ่าถามกระบี่ครั้งนี้ไปได้ รากฐานสานักที่มิอาจ เคลื่อนย้ายไปไหน เกรงว่าก็คงยากจะรักษาเอาไว้ได้แล้ว”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ
แต่ลางสังหรณ์บอกกับเฉินผิงอันว่า ผู้ฝึกกระบี่ที่สามารถถ่วงรั้ง การฝ่ าทะลุขอบเขตบินทะยานของป๋ ายฉางเอาไว้ได้ โอกาสที่พันปีก็ ยากจะพานพบเช่นนี้ เฮ้อเสี่ยวเหลียงจะต้องเสี่ยงอันตรายทามัน แน่นอน ถึงเวลานั้นก็ดูแค่ว่าทั้งสองฝ่ายใครมีฝีมือในการวางหมากสูง กว่ากันแล้ว
เซียนเว่ยถามอย่างสงสัย “คนบางคนที่ว่านี้คือใคร? ฟังแล้วร ้าย กาจมากเลยนะสามารถก่อกวนการปิดด่านของเซียนกระบี่ใหญ่คน หนึ่งได้ด้วย? เท่ากับว่าเป็ นศัตรูกับผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานครึ่ง ตัวเชียวนะ นี่ต้องเป็ นความแค้นที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนกันถึงได้วางแผน เล่นงานกันอย่างไม่ตายไม่ยอมเลิกราเช่นนี้?”
จูเหลี่ยนหัวเราะหึหึไม่เอ่ยอะไร เขาที่เคยชินกับการนั่งขัดสมาธิ บนม้านั่งยาวยกชามเหล้าขึ้นมาจิบหนึ่งคา
เฉิ นผิงอันไม่อยากพูดเรื่องนี้มากนั กจึงเปลี่ยนหัวข้อ “สถานการณ์ของพื้นที่มงคลรากบัวเป็ นอย่างไรบ้างแล้ว?”
จูเหลี่ยนวางชามขาวลง เอ่ยว่า “มีเรื่องน่าประหลาดอยู่มาก พูด ถึงแค่ในแคว้นซงไล่ก่อนหน้านี้ไม่นาน ในศาลท้องถิ่นแห่งหนึ่งที่ราช สานักไม่ได้สร ้างขึ้น น่าจะถือว่าเป็ นศาลเถื่อนที่ชาวบ้านในท้องถิ่น สร ้างกันขึ้นมาเองกระมัง เทวรูปที่ถูกตั้งบูชาและได้รับควันธูปมาอย่าง ยาวนานองค์นั้น ในที่สุดก็อาบย้อมร่างทองได้สาเร็จ จึงต้องเผยร่าง จริงแสดงความศักดิ์สิทธิ์ แม้จะบอกว่าตาแหน่งเทพร่างทองของเทพ วารีท่านนี้ไม่สูง หากนับตามทาเนียบหยกทองที่ราชสานักต้าหลีป่าว ประกาศในทุกวันนี้ก็ถือว่าเพิ่งจะเลื่อนเป็ นอันดับของน้าใสได้เมื่อไม่ นานมานี้ เปลี่ยนจากเสมียนผู้น้อยไปเป็ นขุนนาง แม้จะบอกว่ามิอาจ เทียบระดับขั้นของเทพวารีและซานจวินทั้งหลายได้ แต่ศาลเถื่อนที่ ไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากทางราชส านัก ได้รับควันธูปจาก ชาวบ้าน ได้สืบทอดร่างทองแสดงความศักดิ์สิทธิ์ต่อไปกลับเป็ นเรื่อง โชคดีอย่างหนึ่ง”
เสี่ยวโม่พยักหน้าเอ่ย “มีหนึ่งก็ต้องมีสองและมีสาม เป็ นเรื่องดีที่ ใหญ่เทียมฟ้ าจริงๆ”
เซียนเว่ยอึ้งค้าง “อะไรนะ?! ภูเขาลั่วพั่วของพวกเจ้ายังมีพื้นที่ มงคลส่วนตัวด้วยหรือ?!”
เจ้าขุนเขาใหญ่เฉิน เฉินผิงอันคนดี ช่างแกล้งท าเป็ นยากจนเก่ง จริงๆ ต่อให้พวกเจ้าจะมีเงินแล้วคิดจะเอาอย่างคนที่สวมชุดแพร เดินทางยามค่าคืน เป็ นขุนนางสูงที่ขี้ม้าผอมแห้งมากแค่ไหน ก็น่าจะ มีขอบเขตกันบ้างกระมัง!
อีกอย่างเรื่องแบบนี้ก็ยังปิดบังข้าได้ลงคอ รู ้สึกว่าข้าคือนักพรต ตัวปลอมที่ไม่ได้รับหนังสือรับรองการออกบวชก็เลยเห็นข้าเป็ นคน นอกใช่ไหม?
เฉินหน่วนซู่ยิ้มพลางพูดแก้เสียงอ่อนโยน “นักพรตเซียนเว่ย พวกเรา พวกเรา”
เซียนเว่ยยิ้มอย่างชอบใจ “ใช่ๆๆ เป็ นของพวกเรา ของภูเขาลั่ว พั่วพวกเรา”
เด็กชายชุดสีชาดไม่ต้องให้ใครเตือนก็ชูสองนิ้วขึ้นมาอีกครั้ง “สาบานว่าเรื่องทุกอย่างที่ได้ยินบนโต๊ะอาหารในวันนี้ ข้าจะเก็บซ่อน ไว้ในท้อง เดินออกจากประตูภูเขาไปแล้วก็จะปิดปากให้แน่นสนิท เลย!”
เซียนเว่ยนครุ่นคิด ด้วยสถานะคนเฝ้ าประตูภูเขาลั่วพั่วของ ตัวเอง รวมไปถึงตบะอันตื้นเขินที่ได้แต่แสร ้งทาเป็ นเล่นหลอกผีหลอก เจ้าอยู่ในแจกันสมบัติทวีปของตน หากว่าไปอยู่ในพื้นที่มงคลแห่งนั้น ก็ไม่ต้องปลอมตัวเป็ นนักพรตตัวปลอมและเทพเซียนใช่หรือไม่?เดิม ทีตนก็ใช่อยู่แล้วนี่นา
เฉินผิงอันถาม “ที่ภูเขาด้านหลัง การฝึกตนของเฉาอินกับการ ฝึกหมัดของเฉายางเป็ นอย่างไรบ้าง ราบรื่นดีไหม?”
จูเหลี่ยนพยักหน้า “คุณสมบัติของเฉาอินดี แม้ว่าจะยังไม่ฝ่ าทะลุ ขอบเขตก็คล าไปเจอคอขวดของขอบเขตชมมหาสมุทรแล้ว ฐาน กระดูกของเฉายางหนักแน่น ทั้งยังทนรับกับความยากล าบากได้ แล้ว ยังเรียนวิชาหมัดเป็ นเร็ว อีกเดี๋ยวนางก็จะเป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตห้า แล้ว คือวัตถุดิบที่สร ้างได้เหมือนกับเฉาอิน หากเป็ นไปได้ล่ะก็ ข้า รู ้สึกว่าอันที่จริงเฉาอินเองก็สามารถฝึ กวรยุทธอย่างจริงจังได้ เหมือนกัน”
“รอกระทั่งในอนาคตเฉาอินเลื่อนเป็ นผู้ฝึกตนโอสถทองหรือผู้ ฝึกยุทธร่างทองเมื่อไหร่ค่อยมาตัดสินใจอีกทีว่าจะเลือกอะไร หรือว่า จะเลือกทั้งสองอย่างก็ได้ หากสามารถพัฒนาไปอีกขั้น เป็ นเหมือน คุณชายที่ในร่างกายมีปราณวิญญาณฟ้ าดินและลมปราณแท้จริงที่ บริสุทธิ์ของผู้ฝึกยุทธ มองดูเหมือนแยกจากกัน แต่อันที่จริงกลับปรับ ผสานเข้ากันอย่างได้สัดส่วนเหมาะสม สามารถสร ้างสถานการณ์ที่ เป็ นน้าบ่อไม่ยุ่งกับน้าคลองได้ นี่ก็จะยิ่งเป็ นโชควาสนาที่ไม่เล็ก ส าหรับเฉาอินแล้ว”
ผู้ฝึกลมปราณคิดอยากจะเรียนวรยุทธควบคู่ไปด้วย อีกทั้งเรียน ให้ประสบความส าเร็จไม่ถึงขั้นพลัดหลงเดินไปทางผิด มีธรณีประตู สองบานที่ยากจะข้ามผ่านไปได้ นอกจากคุณสมบัติของตัวเองที่ต้อง โดดเด่นมากพอแล้ว นอกจากนี้หากไม่มีต้นกาเนิดวิชาความรู ้ของ
วงศ์ตระกูลที่ถ่ายทอดผ่านกันมาหลายชั่วอายุคน ก็จะต้องหาอาจารย์ มาช่วยชี้แนะหนทางสว่าง ขณะเดียวกันในส านักก็ต้องมีคาถาทางใจ ครบชุดที่ถ่ายทอดกันเฉพาะบุคคลและเวทลับต่างๆ มาช่วยเกื้อหนุน จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ เมื่อเป็ นเช่นนี้ก็อย่าว่าแต่แจกัน สมบัติทวีปเลย ต่อให้มองไปทั่วใต้หล้าไพศาล ภูเขาที่เป็ นเช่นนี้ก็มี ไม่มาก เรียกได้ว่ามีน้อยจนนับนิ้วได้
ต่อให้เป็ นภูเขาลั่วพั่วบ้านตนก็ยังไม่กล้าพูดว่าคล าจนเจอ เส้นทางที่มั่นคงเส้นหนึ่งแล้ว
เส้นทางเดินขึ้นสู่ที่สูงของคุณชายตนเส้นนั้น คนนอกจะเรียนรู ้ เอาอย่างได้อย่างไร?
หรือยกตัวอย่างเช่นจ้งชิว ทุกวันนี้เป็ นทั้งผู้ฝึ กยุทธเต็มตัวคอ ขวดขอบเขตเดินทางไกลขณะเดียวกันก็ยังเป็ นเซียนดินที่อาพราง ตัวอย่างลึกล้าด้วย และยิ่งเป็ นผู้ฝึ กลมปราณลัทธิขงจื๊อตาม ความหมายที่เข้มงวด เห็นได้ชัดว่าอาจารย์จังท่านนี้มุ่งหน้าไปบน เส้นทางของอริยะปราชญ์
แต่เส้นทางการฝึกตนของจังชิวก็ยังยากที่จะมีคนนอกเลียนแบบ ได้ เพราะพิถีพิถันในเรื่องสภาพจิตใจมากเกินไป ในอดีตอยู่ในพื้นที่ มงคลดอกบัว ราชครูจ้งชิวถูกขนานนามว่า “ปรมาจารย์บู๊อริยะบุ๋น” เฉินผิงอันจึงจงใจวางตัวเฉาฉิงหล่างไว้ข้างกายจ้งชิว เดิมทีนี่ก็เป็ น ความคาดหวังอย่างหนึ่งที่อาจารย์มีต่อลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจอยู่ แล้ว หวังว่าเขาฉิงหล่างจะเป็ นต้นครามที่เกิดจากครามแต่สีเข้มกว่า
คราม บนเส้นทางบางเส้นที่อาจารย์ถูกก าหนดมาแล้วว่าจะมิอาจก้าว เดินหน้าได้แม้แต่ครึ่งก้าว ลูกศิษย์กลับสามารถเดินไปได้ไกล มากกว่า