กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 979.3 วันนี้ไร ้เรื่องใด
เฉินผิงอันเอ่ยเนิบช ้าว่า “ตอนที่ข้าอยู่บนยอดเขาเจ๋อเซียนภูเขา เซียนตู ได้ถามหมัดกับเย่อวิ๋นอวิ๋นไปรอบหนึ่ง และนางเองก็ไม่ได้จง ใจเก็บออมฝี มือเอาไว้ ดังนั้นวิชาหมัดอันลี้ลับของเรือนอวิ๋นฉ่าวผู ซานที่จาแลงมาจากภาพเซียนเหรินพวกนั้น ข้าจึงพอจะเข้าใจอยู่ บ้างหลายส่วน อีกอย่างเรือนอวิ๋นฉ่าวของเย่อวิ๋นอวิ๋น แต่ไหนแต่ไร มาก็เปิดประตูอ้ากว้างนอกจากวิชาหมัดที่ถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ศาล บรรพจารย์ซึ่งมิอาจแพร่งพรายได้แล้ว วิชาหมัดที่เหลือก็ยินดีจะสอน ให้กับผู้ฝึ กยุทธทุกคนของในทวีปอย่างใจกว้าง นอกจากนี้ยังมี ความรู ้ความเข้าใจบางอย่างที่ช่วงนี้ข้าคิดว่าจะเขียนรวบรวมเป็ นเล่ม วันหน้าอาจจะมอบฉบับส าเนาให้กับเย่อวิ๋นอวิ๋นอีกทั้งสานักกระบี่ชิง ผิงของพวกเราทุกวันนี้ก็เป็ นพันธมิตรกับผูซานแล้ว เชื่อว่าขอแค่ลูก ศิษย์บนท าเนียบของผูซานมาท่องเที่ยวที่แจกันสมบัติทวีปก็จะต้องมา เยี่ยมเยือนภูเขาลั่วพั่วแน่นอน เมื่อมีสะพานนี้คอยเชื่อมโยงเอาไว้ สัจ ธรรมแห่งหมัดใกล้ชิดกันอย่างเป็ นธรรมชาติ ทั้งสองฝ่ายก็จะสามารถ เรียนรู ้วิชาหมัดจากกันและกัน ตอนนี้ช ้ากังวลว่าเฉาอินเรียนวรยุทธ ช ้าเกินไป สัจธรรมวิชาหมัดที่ข้าใคร่ครวญมาได้ชุดนี้ ถึงอย่างไรก็ไม่ สมบูรณ์แบบ หากเฉาอินเรียนเอาแก่นแท้ของมันไปไม่ได้ก็จะเหมือน คนที่เดินเข้าศาลบรรพจารย์จากประตูข้าง ง่ายที่จะแกะสลักหงส์แต่
ได้ออกมาเป็ นเป็ ด วาดเสือกลับกลายเป็ นแมว ไม่ทันระวังกลับจะ กลายเป็ นว่าหน่วงเหนี่ยวให้ต้นกล้าที่ดีต้นหนึ่งต้องเสียเวลาเปล่า”
จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “คุณชายวางใจสอนหมัดได้เลย เรื่องหลัง จากนั้น ข้าจะคอยจับตามองให้เอง”
เฉินผิงอันชูชามเหล้า “หมดชาม”
อันที่จริงเฉินยวนจีได้เดินบนทางสายนี้มานานแล้ว เพียงแต่ว่าจู เหลี่ยนทั้งสอนหมัดทั้งถ่ายทอดวิชา เส้นทางที่ใช ้คลุมเครือเกินไป นางจึงถูกปิดหูปิดตามาโดยตลอด
และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทาไมทั้งๆ ที่คุณสมบัติของเฉินยวนจีไม่ ธรรมดา อีกทั้งยังตั้งใจฝึกตนถึงเพียงนั้น แต่กลับฝ่ าทะลุขอบเขตได้ ไม่เร็ว
ต้องรู ้ว่าวิชาหมัดในตระกูลของจูเหลี่ยน อยู่ในพื้นที่มงคล ดอกบัว เดิมทีก็มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วใต้หล้าว่าฝ่ าทะลุขอบเขต ว่องไวอยู่แล้ว
และเวลานี้เฉินผิงอันที่มองออกก็ไม่ได้พูดออกมา ถึงอย่างไรก็ เป็ นเรื่องดีสาหรับเฉินยวนจี ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่ง ยิ่งปรากฐานมา ดีเท่าไร ผลสาเร็จก็จะยิ่งสูงมากเท่านั้น
อันดับแรกก็มีเฉินยวนจี ตามมาด้วยเฉาอิน จูเหลี่ยนจึงคิดจะใช ้ กรณีตัวอย่างที่ประสบผลสาเร็จมากยิ่งขึ้นนี้มาช่วยปูเส้นทางเดินขึ้น
เขาใหม่เอี่ยมเส้นหนึ่งให้กับภูเขาลั่วพั่ว บนเส้นทางมีด่านน้อย ยิ่ง ธรณีประตูต่าเท่าไร เส้นทางก็จะยิ่งเดินยิ่งกว้างขวางมากเท่านั้น
จะคิดว่าเขาเป็ นแค่พ่อครัวเฒ่าที่ดีแต่ผูกผ้ากันเปื้อนไว้บนเอว ลงมือท าอาหารสามมื้อในหนึ่งวันซึ่งใช ้เวลาไม่มาก ก็เลยต้องหาเรื่อง บางอย่างมาท าไม่ได้จริงๆ
เซียนเว่ยถามอย่างใคร่รู ้ “เจ้าขุนเขาเฉิน เย่อวิ๋นอวิ๋นที่ท่านพูด ถึง ใช่หวงอือวิ๋นแห่งใบถงทวีปหรือไม่?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “นางนั่นแหละ ทาไมหรือ นักพรตเซียน เว่ยเคยได้ยินชื่อนางมาก่อนหรือ?”
เซียนเว่ยยิ้มกว้าง “เคยไปเตร็ดเตร่ที่ท่าเรือตระกูลเซียนแห่งหนึ่ง แล้วได้ยินมา ต่างก็พูดกันว่าปรมาจารย์ใหญ่แห่งวิถีวรยุทธท่านนี้ ชอบสวมเสื้อผ้าสีเหลืองออกท่องใต้หล้า วิชาหมัดสูงส่ง ตัวคนก็ยิ่ง งดงาม เจ้าขุนเขาเฉิน การประลองฝีมือครั้งนี้ แพ้หรือชนะล่ะ?”
เมื่อหลายปีก่อนตอนที่ยังร่อนเร่พเนจรอยู่ในยุทธภพ ค้นพบว่า เกี่ยวกับใบถงทวีปซึ่งมีคาประเมินที่ไม่ดีก็มีแค่คนไม่กี่คนเท่านั้นที่ผู้ ฝึกตนของแจกันสมบัติทวีปยอมพูดถึงในแง่ดีได้แก่เจียงซ่างเจินอดีต เจ้าสานักของสานักกุยหยก เหวยอิ๋งเซียนกระบี่ใหญ่เจ้าสานักคน ใหม่ เทพเซียนผู้เฒ่าลู่ ลู่ยงแห่งภูเขาชิงจิ้ง จากนั้นก็เป็ นเหยาจิ้นจือ ฮ่องเต้หญิงต้าเฉวียนที่เพียบพร ้อมทั้งสติปัญญาและความสามารถ นอกจากนี้ก็เป็ นหวงอือวิ๋นที่เล่าลือกันว่าเป็ นโฉมสะคราญคนหนึ่ง
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เสมอกัน”
เด็กชายชุดสีชาดกล่าวอย่างเข้าใจกระจ่างแจ้ง “นั่นก็แสดงว่า ชนะแล้ว”
เซียนเว่ยถามอย่างสงสัย “ทาไมถึงได้ข้อสรุปเช่นนี้ล่ะ?”
เด็กชายชุดสีขาดใช้สายตามองคนปัญญาอ่อนมองเซียนเว่ย “ใต้เท้าเจ้าขุนเขาชอบถ่อมตนยกย่องแต่ผู้อื่นมาโดยตลอด นี่ยัง จ าเป็ นต้องถามอีกหรือ? นักพรตเซียนเว่ย เจ้านี่อย่างไรกันนะ? ไม่อย่างนั้นเขาจะสอนลูกศิษย์ดีๆ ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในยุทธภพอย่าง หัวหน้าใหญ่เผยออกมาได้อย่างไร?”
เฉินผิงอันรู ้สึกว่าหากมีโอกาสคงต้องเอ่ยเตือนลูกศิษย์ใหญ่เปิด ขุนเขาสักสองสามค าว่าคุยโวถึงอาจารย์ตัวเองเช่นนี้ เจ้าไม่หน้าแดง แต่ข้าอายมากนะ
แม้ว่าหมี่ลี่น้อยจะไม่ได้พูดคุยเท่าไร แต่นางต้องเป็ นคนที่มี ความสุขมากที่สุดแน่นอน
ช่วงเวลาที่เจ้าขุนเขาคนดีไม่อยู่บ้าน มารวมตัวกันกินข้าวที่เรือน ของพ่อครัวเฒ่าครึกครื้นก็ครึกครื้นอยู่ ไม่รู ้สึกเงียบเหงา แต่เจ้า ขุนเขาคนดีไม่อยู่ ดูเหมือนว่าจะขาดอะไรไปบางอย่าง อธิบายไม่ถูก เหมือนกัน เอาเป็ นว่ามีเจ้าขุนเขาคนดีอยู่บ้านก็ดีที่สุดเลยล่ะ
เสี่ยวโม่พลันเอ่ยว่า “ทางฝั่งของเซี่ยโก่ว ข้าจะจัดการเอง”
จูเหลี่ยนยิ้มประหลาด
เซียนเว่ยเคยชินที่จะยกชามข้าวหุ้ยข้าวกินแล้ว พอได้ยินจึงเงย หน้าขึ้น จัดการ? ท าไมฟังแล้วแปลกๆ นะ หากไม่เป็ นเพราะอาจารย์ เสี่ยวโม่เปิดปากพูดเอง เปลี่ยนมาเป็ นคนอื่นที่เอ่ยประโยคนี้ เซียนเว่ ยคงนึกว่าเป็ นคาสั่งลับในยุทธภพที่มีกลิ่นอายสังหารเดือดพล่านแล้ว
เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอก “เจ้าน่ะไม่ต้องเลย สู้ก็สู้ไม่ชนะคนเขา จะ ไล่ก็คงไล่ไม่ไป หากทาให้นางร ้อนใจขึ้นมาจริงๆ แม่นางเซี่ยคิดตัด ขาดความสัมพันธ ์กับเจ้าและภูเขาลั่วพั่วตัดใจควักกระเป๋ าเงินของ ตัวเอง ทุ่มเงินซื้อบ้านในเมืองเล็กลงหลักปักฐานอย่างจริงจัง หรือไม่ หากนางอามหิตกว่านี้อีกสักหน่อย ซื้อหนึ่งในภูเขาสามลูกอย่าง ภูเขาเที่ยวอวี๋ เชิงเขาฝูเหยาและยอดเขาเทียนตูที่อยู่ใกล้กับภูเขาลั่ว พั่วเอาไว้ เป็ นเพื่อนบ้านกับพวกเรา จากนั้นนางก็สามารถนั่งอยู่บน หลังคา เบิกตากว้างมองมายังทิวทัศน์ของภูเขาลั่วพั่วทุกวันได้แล้ว เมื่อเป็ นเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเข้าท่าแล้วหรือ?”
เสี่ยวโม่สะอึกอึ้งพูดไม่ออกไปทันที ด้วยพฤติกรรมของป๋ ายจิ่ง แล้ว ไม่ใช่อาจจะอะไรด้วยซ้า แต่เป็ นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว
หมี่ลี่น้อยคว้าจับกุญแจสาคัญไว้ได้ทันที “ที่แท้แม่นางเซี่ยที่เพิ่ง มาถึงก็มีเงินมากขนาดนี้เลยหรือ?”
ทุกวันนี้ใครคิดจะซื้อภูเขาลูกใดในภูเขาใหญ่ทิศตะวันตก ราคา ก็ไม่ใช่ถูกๆ เลยนะ!
เมื่อก่อนตอนที่เผยเฉียนยังเป็ นถ่านดาน้อย วันๆ เอาแต่คิด อยากจะเก็บเงิน เก็บเงินหวังว่าสักวันหนึ่งจะซื้อยอดเขาเทียนตูมาได้ หากทาได้จริง นางจะไม่ขมวดคิ้วสักครั้ง เชิญอีกฝ่ ายเปิดราคามาได้ เลย
สะสมเงินเทพเซียนได้มากพอก็จะแอบซื้อยอดเขาเทียนตูมาก่อน จากนั้นวันใดวันหนึ่งในปีใดปีหนึ่งถึงจะเล่าเรื่องนี้ให้อาจารย์พ่อฟัง ต้องการสร ้างเรื่องประหลาดใจที่น่ายินดีซึ่งใหญ่ยิ่งกว่าให้กับอาจารย์ พ่อ
ส่วนจะเป็ นวันไหน แล้วทาไมถึงต้องใหญ่ยิ่งกว่า เผยเฉียนกลับ ไม่เคยบอกโจวหมี่ลี่
ทุกวันนี้โจวหมี่ลี่รู ้สึกว่าตนเวลานั้นช่างชื่อนัก ทุกๆ สองสามวัน จะต้องคอยถามเผยเฉียนว่าขาดเงินอีกกี่เหรียญ ถามจนเผยเฉียน ราคาญ ผลคือเป็ นเวลาที่นานมากช่วงหนึ่งที่เผยเฉียนไม่ยินดีพานาง ออกไปเล่นด้วย ทาเอาโจวหมี่ลี่น้อยใจแทบตาย กระปุกเก็บเงิน ทั้งหลายที่มอบไว้ให้พี่หญิงหน่วนซู่ช่วยดูแล เผยเฉียนไม่สนใจนาง วันหนึ่ง นางก็ไม่เพิ่มกองก าลังทหารให้กับภูเขาเงินภูเขาทองของ ตัวเองวันหนึ่ง ภายหลังไม่รู ้ว่าทาไมเผยเขียนถึงเป็ นฝ่ ายมา ลาดตระเวนภูเขาเป็ นเพื่อนนางด้วยตัวเอง วันนั้นนางจึงรีบพา “ภูเขา เงินลูกเล็ก” ที่ตั้งค่ายอยู่บุกฆ่าเข้าไปในเมืองหลวง รวมพลในสนาม รบได้ส าเร็จ!
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เป็ นเศรษฐีบ้านนอกรายใหญ่จริงๆ”
เสี่ยวโม่อ่อนใจยิ่งนัก ป๋ ายจิ่งมีเงินจริงๆ ขอบเขตบินทะยานที่ อายุขัยการฝึกตนพอๆกันอย่างพวกเขา หากพูดถึงความสามารถใน การหาเงินและกาลังทรัพย์ที่หนาลึกล้าแล้วป๋ ายจิ่งอาจเป็ นรองแค่คน บางคนที่เคยดีดลูกคิดร่วมมือกันหาเงินกับ “บัณฑิต” ในห้องบัญชี เท่านั้น
เฉินผิงอันหันหน้ามาถาม “เสี่ยวโม่ ทาไมวันนี้นางถึงไม่ตามเจ้า ขึ้นเขามาด้วยล่ะ?”
เสี่ยวโม่พูดอย่างปวดหัว “นางยุ่งอยู่กับการเอาแผ่นป้ ายไปติด ตามที่ต่างๆ ในเมืองเล็ก ก่อนหน้านี้ไปที่ถนนฝูลู่และตรอกเถาเย่เป็ น ประจา นางรู ้สึกว่าคนมีเงินของที่นั่นมีเยอะพอใบประกาศถูกฉีกทิ้ง นางก็น าไปติดตอนกลางคืนอีก ผลคือเมื่อสองวันก่อนถูกคนของ ตรอกเถาเย่จับได้จังๆ เกือบจะถูกคนซ้อมแล้ว”
อีกฝ่ ายได้ยินว่านางคือลูกจ้างของร้านยาสุ่ยในตรอกฉีหลง ถึง ได้ไม่ถือสานาง
จูเหลี่ยนยิ้มเอ่ย “หากลงมือกันจริงๆ อย่างมากก็แค่ผลักกันดัน กันไม่กี่ที แม่นางเซี่ยไม่มีทางเอาคืนแน่ ไม่แน่ว่าอาจไม่ทันระวังขา กะเผลก หรือไม่ก็ชนเข้ากับกาแพง จากนั้นหน้าเขียวจมูกบวมกลับ ตรอกฉีหลง ให้เสี่ยวโมดูให้ดีๆ ว่านางอยู่ข้างนอกต้องได้รับความอ ยุติธรรมอย่างใหญ่หลวงเพียงใด”
เสี่ยวโม่ยิ้มอย่างเหนื่อยใจ เรื่องแบบนี้ เซี่ยโก่วในทุกวันนี้ทาได้ ลงจริงๆ นั่นแหละ
ไม่อาจพูดได้ว่านางก่อกวนเล่นสนุกไปเสียทั้งหมด ถึงอย่างไรป๋ า ยจิ่งกับเขาเสี่ยวโม่ก็เหมือนกัน ต่างก็ใช ้เวทลับบรรพกาลบางอย่างดึง เอา ‘ป๋ ายจิ่งที่เล็กยิ่งกว่า คนหนึ่งออกมาเมื่อเทียบกันแล้วนิสัยที่ แท้จริงจึงเป็ นไปในทางเดียวมากกว่า
หลังจากเซียนเว่ยได้ยินเรื่องนี้ ภาพจาที่มีต่อเด็กสาวสวมหมวก ขนเตียวก็เปลี่ยนไปแม่น้อย ด้วยเรื่องที่แม่นางเซี่ยตั้งใจหาเงินนี้ ก็ จาต้องยกนิ้วโป้ งให้นาง เรียกนางว่าสหายจริงๆ
ในสายตาของนักพรตเซียนเว่ยที่มีชีวิตยากจนมาจนเคยชินแล้ว เรื่องที่จนใจที่สุดในใต้หล้าก็คือสองค า ไม่มีเงิน!
เฉินผิงอันมองคนเฝ้ าประตูบ้านตัวเองด้วยความรู ้สึกซับซ ้อน
ทุกวันนี้เจ้าไม่มีเงิน แต่เหรียญเงินเหรียญแรกในใต้หล้า หาก บันทึกของศาลบุ๋นไม่มีข้อผิดพลาด ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็ นคนสร ้าง ขึ้นมาเองกับมือ
ตอนนั้นเพื่อให้เป็ นเงินค่าผ่านทางในการเข้าไปเยือนถ้าสวรรค์ หลีจู เงินเหรียญทองแดงแก่นทองสามชนิดอย่างเงินอิ๋งชุน เงินก้ง หย่าง เงินยาเซิ่งที่แลกซื้อมาจากราชส านักต้าหลี แรกเริ่มสุดเป็ นเงิน แม่แบบที่ยอดฝีมือของสานักโม่ช่วยสร ้างให้กับสกุลซึ่งต้าหลี ต่อให้ ไม่พูดถึงวัสดุในการน ามาท าเป็ นเหรียญเงิน พูดถึงแค่ความประณีต
ยอดเยี่ยมของการสร ้างเหรียญทองแดงเอง ในอดีตก็ได้รับการ สนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านน้าพุที่มีชื่อเสียงทุกคนในแจกันสมบัติ ทวีปอย่างจริงจังอยู่แล้ว แต่ในเรื่องของการแกะสลักเงินแม่แบบนี้ก็ยัง มีเงินบรรพบุรุษที่เป็ น “หนึ่งเดียว อยู่ด้วย เงินบรรพบุรุษของเงินเกล็ด หิมะ แน่นอนว่ามาจากสกุลหลิวของธวัลทวีป ส่วน “ผู้ฝึกลมปราณ” ท่านนี้เลือกที่จะเปิดเผยตัวตนต่อหน้าผู้อื่นด้วยรูปโฉมแบบใด กลับ เป็ นปริศนามาโดยตลอด
ในคุกของกาแพงเมืองปราณกระบี่ในอดีต ข้างกายสิงกวาน หาวซูมีข้ารับใช ้หญิงสองคนคอยติดตามอยู่ มีสถานะเป็ นเจ้านายและ บ่าวกัน แต่กลับเหมือนสหายในการฝึกตนที่ต่างคนต่างฝึกตนของ ตัวเองมากกว่า
เฉินผิงอันพบเจอกับพวกนางเป็ นครั้งแรกที่ริมลาธาร เห็นสตรีที่ ใช ้ไม้ทุบผ้าและสาวใช ้ที่กาลังซักผ้า ฝ่ ายแรกก็คือผู้คุมกฏฉางมิ่ง ของภูเขาลั่วพั่วในทุกวันนี้ นางจาแลงร่างมาจากบรรพบุรุษของเงิน เหรียญทองแดงแก่นทอง ฝ่ ายหลังก็คือสาวใช ้ข้างกายของตู้ซานอิน ลูกศิษย์ใหญ่ของหาวซู่ มีนามแฝงว่าจี้ชิง เป็ นร่างจาแลงของบรรพ บุรุษเงินฝนธัญพืชในโลกมนุษย์
เพียงแต่ว่าฉางมิ่งและจี๋ชิง หากว่ากันถึงอายุขัยในการฝึ กตน พวกนางยังอยู่ห่างจาก “น้าพุบรรพบุรุษ ซึ่งเป็ นเหรียญเงินเหรียญ แรกในโลกมนุษย์อยู่อีกไกลนัก
ก่อนหน้านี้ยกระดับขั้นของพื้นที่มงคลรากบัวให้สูงขึ้น ระหว่าง ขั้นตอนของการทุ่มเงินเทพเซียนเหมือนฝนตกครานั้น ผู้คุมกฏฉาง มิ่งตาแหลมที่สุด บวกกับที่มีความใกล้ชิดบนมหามรรคา นางจึง ค้นพบบุคคลที่ล้าค่าหายากซึ่งยังไม่ได้เผยตัวออกมาในม้วนภาพ ขุนเขาสายน้าได้ก่อนใคร นั่นคือสตรีคนหนึ่งที่เรือนกายล่องลอยอยู่ ใน โลกมนุษย์ของพื้นที่มงคลตอนนั้นนางกาลังแอบเปิดอ่านต าราอยู่ ในตระกูลปัญญาชนแห่งหนึ่งในอาณาเขตของแคว้นเป่ ยจิ้น สตรีที่ ภายหลังถูกยอดเขาจิ้นเซ่อตั้งชื่อให้ชั่วคราวว่า “ซูเซียง” ผู้นี้ เกิด จากการรวมตัวกันของโชคชะตาบุ๋นในใต้หล้าทั้งแห่ง นางถือว่าเป็ น การจ าแลงของมหามรรคาในบางความหมาย ในใต้หล้าทั้งหลายมี พื้นที่มงคลทั้งสิ้นเจ็ดสิบสองแห่ง ส่วนที่มีหลักฐานให้สืบเสาะ รวมๆ กันแล้วดูเหมือนว่าจะมีบุคคลที่คล้ายคลึงกันนี้ปรากฏขึ้นมาแค่สิบ เจ็ดคนเท่านั้น
จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “ช่วงนี้บนภูเขาได้รับเทียบเชิญหลายแผ่น ล้วนเชื้อเชิญให้คุณชายไปเป็ นแขกข้างนอก ทั้งข้ออ้างและเหตุผลมี สารพัดอย่าง เกือบจะเอามารวมเป็ นรูปเล่มได้แล้ว สรุปก็คือเหตุผล ประหลาดแค่ไหนก็มีหมด หลายแห่งเป็ นพรรคตระกูลเซียนที่ไม่เคยมี ความสัมพันธ ์กันมาก่อนด้วยซ้า และยังมีจักรพรรดิล่างภูเขาทางทิศ ใต้อีกบางส่วน ข้าไม่ได้สนใจ ส่วนคนบางส่วนที่ภูเขาลั่วพั่วของพวก เรานับว่าสนิทสนม ขอแค่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ข้าล้วนปฏิเสธไปอย่าง ละมุนละม่อมแทนคุณชายแล้ว คนอื่นๆ ที่เหลือข้าตอบจดหมาย
กลับไปหนึ่งฉบับ บอกไปว่าตอนนี้เจ้าขุนเขายังออกเดินทางไกลไม่ กลับมา เรื่องไหนที่เจ้าขุนเขาต้องตัดสินใจเองก็ได้รวบรวมเทียบเชิญ ไว้ด้วยกันแล้ว วันหน้าข้าจะให้หน่วนซู่ยกไปให้ที่เรือนไม้ไผ่ มีเป็ น กระบุงเล็กเลยนะ ส่วนที่สาคัญ ข้าเอาวางไว้ด้านบนสุด คุณชายมี เวลาว่างก็ลองเปิดดู”
ผู้ฝึกตน หากเสียกาลังไปกับเรื่องพวกนี้มากเกินไป ก็ไม่เพียงแต่ จะเปลืองเวลาเปล่ายังง่ายที่จะเหน็ดเหนื่อยเปลืองแรง เผาผลาญจิตใจ ไปไม่น้อยด้วย
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ยกชามเหล้าจิบเหล้า พูดเสียงเบาด้วยสี หน้าอ่อนโยน “บางทีส าหรับภูเขาลั่วพั่วและตัวข้าเองแล้ว นี่ก็คือ จดหมายลับและเทียบเชิญกองใหญ่ที่ทาให้คนปวดหัว แต่ส าหรับ เจ้าของเทียบเชิญส่วนใหญ่ที่ส่งมาให้ ไม่ว่าเหตุผลของพวกเขาแต่ละ คนจะเป็ นอะไร ก็พอจะมั่นใจได้ว่า สาหรับพวกเขาแล้วต้องเป็ นเรื่อง ใหญ่ที่ยากจะเจอสักครั้งแน่นอน หาไม่แล้วก็ไม่มีทางส่งจดหมายมาที่ ห้องกระบี่ยอดเขาจี้เซ่อง่ายๆ เด็ดขาด ดังนั้นพวกเราสามารถปฏิเสธ คาเชิญอย่างละมุนละม่อมได้ แต่ห้ามรู ้สึกว่าเนื้อหาที่กล่าวในเทียบ เชิญน่าข าเด็ดขาด”
จูเหลี่ยนเก็บสีหน้ากลับคืนมา พูดเสียงทุ้มหนักว่า “คาพูดที่เปิด อกเผยความในใจเช่นนี้ มีเพียงคุณชายเท่านั้นที่พูดได้!”
เดิมทีเฉินผิงอันอยากจะมอบรางวัลให้เป็ นค าว่าไสหัวไป ผลคือ เห็นหน่วนซู่น้อยพยักหน้ารับแรงๆ หมี่ลี่น้อยก็เริ่มปรบมือไร ้เสียงซึ่ง เป็ นกระบวนท่าไม้ตายประจ าตัว
เซียนเว่ยก็มีสีหน้าเห็นด้วยที่จริงใจมาก เด็กชายชุดแดงก็ยิ่งรู ้สึก ว่าได้ฟังค าสอนของอริยะปราชญ์ เจ็บใจก็แต่ในมือไม่มีกระดาษและ พู่กัน
โต๊ะอาหารตัวหนึ่งมีคนอยู่แค่ไม่กี่คนนี้เท่านั้น เฉินผิงอันจึงได้แต่กลืนคาพูดนั้นกลับลงท้องไป
เซียนเว่ยถามอย่างประหลาดใจ “ท าไมป๋ ายเสวียนถึงไม่กลับ ภูเขาลั่วพั่วมาพร ้อมกัน? เขาอยู่ทาอะไรที่ภูเขาเซียนตูสานักเบื้อง ล่าง?”
เฉินหลิงจวินกับป๋ ายเสวียนต่างก็สนิทสนมกับเซียนเว่ยดี เพียงแต่ว่าทั้งสองฝ่ ายมีบางอย่างที่ไม่ค่อยเหมือนกัน เฉินหลิงจวิน ชอบโอภาปราศรัย แทะเมล็ดแตงคุยเล่น ส่วนป๋ ายเสวียนกลับไม่ชอบ พูดมาก ทุกวันเช ้าตรู่จะลงไปจากภูเขา ตอนย่าค่าค่อยกลับมาที่หอ บูชากระบี่ แล้วจะต้องหิ้วกาจื่อชาที่บรรจุน้าชาโก่วฉี่ไปด้วย ทุกครั้งที่ ไปถึงหน้าประตูภูเขาก็จะขอความรู้ในยุทธภพจากนักพรตเซียนเว่ย วางท่าว่าจะต้องปูพื้นฐานให้กับการออกไปท่องเที่ยวล่างภูเขาในวัน หน้า นายน้อยอย่างข้าฝึกกระบี่อย่างยากลาบากไปเพื่ออะไร ก็ไม่ใช่
เพื่อถามกระบี่ได้อย่างไร ้ศัตรูทัดทาน เพื่อให้คนที่มองดูอยู่ด้านข้าง ร ้องให้ก าลังใจเสียงดังสนันฟ้ าหรอกหรือ
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “นายท่านใหญ่ผู้นี้อยู่หลอมกระบี่ที่นั่น ทุก วันนี้เท่ากับว่ามีคนคอยจับตามองการฝ่ าทะลุขอบเขตของเขาแล้ว เขาจึงจะไม่กลับมาที่หอบูชากระบี่ชั่วคราว คาดว่าอย่างน้อยที่สุดต้อง ได้เป็ นขอบเขตประตูมังกรก่อน ป๋ ายเสวียนถึงจะยินดีย้ายรัง หาไม่ แล้วก็คงไม่มีหน้ากลับมา”
กินอาหารมื้อค่าด้วยกันไปแล้ว หน่วนซู่กับหมี่ลี่น้อยก็ช่วยกัน เก็บชามและตะเกียบ