กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 980.1 สอนหมัดและเติมสุรา
ยามเหม่า (ช่วงเวลาตีห้าถึงเจ็ดโมงเช ้า) ฟ้ าเริ่มสว่างน้อยๆ ใน ภูเขามีหมอกมากมายอากาศสดชื่นปลอดโปร่ง น้าค้างเกาะอยู่ตาม ใบไม้ดอกไม้เป็ นก้อนกลมเกลี้ยง โยกไหวส่ายสะบัด อยากจะเอื้อน เอ่ยแต่ก็เขินอาย
เฉินผิงอันเหน็บห่อผ้าฝ้ ายไว้ใต้รักแร ้ เลือกทางสายเล็กเส้นหนึ่ง ที่มุ่งหน้าไปยังภูเขาด้านหลัง เดินไปเพียงลาพังด้วยจิตใจที่แช่มชื่น
หยุดฝี เท้าลงแล้ว เย็นผิงอันหันหน้าไปมอง ผ่านไปพักหนึ่งก็ มองเห็นผู้เฒ่าหลังค่อมกาลังเดินเร็วๆ มาหา หักกิ่งดอกไม้ถือไว้ใน มือ เรื่องแบบนี้หากปรากฏอยู่ในสายตาของคนทั่วไป เซียนกระบี่หมี่ เป็ นคนท าก็จะหล่อเหลาสง่างาม แต่พ่อครัวเฒ่าตรงหน้าเป็ นคนท า กลับตกเป็ นที่ต้องสงสัยว่าแก่แล้วหน้าไม่ขายอยู่บ้างเล็กน้อย
มือหนึ่งของจูเหลี่ยนกาเป็ นหมัดวางแนบไว้ตรงหน้าท้อง มือที่ถือ ดอกไม้อ้อมไปด้านหลังเหมือนถือกระบี่ ตะโกนเสียงดังยิ้มเอ่ย “มาเร็ว ไม่สู้มาได้จังหวะบังเอิญ นี่ถึงได้เจอกับคุณชายพอดีอย่างไรเล่า
คุณชายทาอะไรมักจะว่องไวดุจฟ้ าแลบท่ามกลางสายฝนที่ แปรเปลี่ยนมาจากลมวสันต์เช่นนี้เสมอ
เมื่อวานเพิ่งพูดว่าจะสอนหมัดให้กับเฉาอิน เฉายาง วันนี้ก็มา เสียตั้งแต่เช ้าตรู่
คนบนโลกมักจะเข้าใจผิดคิดว่าการเดินทางไกลในใต้หล้าเป็ น แค่การใช ้สองเท้าก้าวเดิน มีแค่นักพเนจรที่ออกจากบ้านเกิด เดิน ทางผ่านพันภูเขาหมื่นสายน้าเท่านั้น
แต่ในความเป็ นจริงแล้วกลับไม่ได้เป็ นเช่นนั้น ทุกครั้งที่ในใจ คิดถึงเรื่องบางเรื่อง ทาเรื่องบางเรื่องได้สาเร็จ ก็คือการเดินทางไกล บนเส้นทางหัวใจครั้งหนึ่ง
เฉินผิงอันสอดมือไว้ในชายแขนเสื้อหยุดรออยู่ข้างทาง รอให้จูเห ลี่ยนตามมาทันแล้วก็เดินเคียงบ่ากันไป ถามว่า “ซู่เซี่ยกับเติงเกาไม่ ต้องขัดขวางแขกที่มาจากต่างถิ่นพวกนั้นแล้วหรือ?”
คนทั้งสองต่างก็แซ่จ้าว คนหนึ่งคือลูกศิษย์ผู้สืบทอดสายวรยุทธ จากเฉินผิงอัน อีกคนหนึ่งคือลูกศิษย์ใหญ่ของนักพรตตาบอดเจี่ย เฉิง คงเป็ นเพราะนิสัยเข้ากันได้ดี บวกกับที่ชาติก าเนิดคล้ายคลึงกัน เวลาปกติจ้าวซู่เซี่ยกับจ้าวเติงเกาจึงพูดคุยกันถูกคอ บวกกับพวก โจวจวิ้นเฉิน เถียนจิ่วเอ๋อร ์และชุยฮวาเซิงที่อยู่ในสองร ้านของตรอกฉี หลงก็ถือเป็ นภูเขาลูกเล็กลูกหนึ่ง เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับสายของ เรือนไม้ไผ่ภูเขาลั่วพั่วแล้วกลับไม่ได้ดึงดูดสายตาคนมากขนาดนั้น
จูเหลี่ยนพยักหน้า “ทางฝั่งของที่ว่าการก็แอบปล่อยข่าวออกไป ว่าไม่อนุญาตให้คนต่างถิ่นเข้ามาใกล้ภูเขาลั่วพั่ว เดิมทีทางฝั่ง จังหวัดฉู่โจวของพวกเราก็ตรวจสอบเอกสารผ่านด่านอย่างเข้มงวด อยู่แล้ว ไปๆ มาๆ จึงถือว่าช่วยขัดขวางผู้ฝึกตนอิสระที่แสวงหามรรคา และการถามหมัดของผู้ฝึกยุทธหลายคนที่มาเยือนเพราะเลื่อมใสใน
ชื่อเสียงไว้ได้ แล้วก็ไม่กล้ามีความไม่พอใจอะไร ผ่านการปรับตัวของ เมื่อหลายปีก่อน กฎระเบียบของราชสานักต้าหลีก็ถือว่าฝังลึกเข้าไป ในใจคนอย่างแท้จริงแล้ว เพราะถึงอย่างไรบนยอดเขาของภูเขา บรรพบุรุษพรรคตระกูลเซียนแห่งต่างๆ ก็ยังมีการตั้งป้ ายศิลาเอาไว้ นี่ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ยังคงเป็ นคาพูดของทางการที่ใช ้ได้ผล ดีกว่า”
จูเหลี่ยนกล่าว “ข้าเคาว่านี้ไม่ใช่ความต้องการของผู้ว่าอู๋ยวน และยิ่งไม่ใช่ของพวกนเจ้าเมืองเป๋ าซี หลงเฉวียนแน่ วงการขุนนางมี ข้อพิถีพิถันมากมาย กังวลว่าจะเป็ นการวาดงูเติมขา ไม่แน่ว่าจะเป็ น..
จูเหลี่ยนพูดมาถึงตรงนี้ก็ยกกิ่งดอกไม้ขึ้นชี้ไปที่ท้องฟ้ า
เป็ นคาสั่งของฮ่องเต้ต้าหลี
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ไม่ผิดไปจากที่คาด ก็คือโองการที่ซ่งเห อมอบให้อู๋ยวน
จูเหลี่ยนยิ้มเอ่ย “มีใจแล้ว”
ดังนั้นจูเหลี่ยนจึงถามอย่างใคร่รู ้ว่า “ในเมื่อฮ่องเต้มีความจริงใจ เช่นนี้ ก่อนหน้านี้ยังเข้าร่วมงานแต่งครั้งนั้นด้วยตัวเอง เชื้อเชิญให้ คุณชายออกจากภูเขาต่อหน้า เหตุใดคุณชายถึงไม่ตอบตกลงเป็ น ราชครูสกุลซ่งต้าหลีของพวกเขาล่ะ? มีเรื่องใดให้ต้องเป็ นกังวลหรือ?
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนรวมหรือส่วนตัว คุณชายบ้านตนรับ ต าแหน่งราชครูต้าหลีต่อจากชุยฉานก็ถือเป็ นเรื่องที่ทุกคนฝาก ความหวังเอาไว้ ร่วมมือกันแล้วเป็ นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ ายก็ยิ่งเป็ น เรื่องที่ไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าเมื่อเป็ นเช่นนี้คุณชายก็ต้องแบ่งสมาธิ ไปกับเรื่องล่างภูเขามากขึ้น เพราะถึงอย่างไรราชสานักต้าหลีก็ไม่ใช่ แคว้นเล็ก กินอาณาเขตพื้นที่ของครึ่งทวีปของแจกันสมบัติ จูเหลี่ยน คุ้นเคยกับนิสัยของคุณชายดียิ่งนัก หากว่ารับปากที่จะ “ออกจาก ภูเขาไปรับตาแหน่ง อย่างน้อยที่สุดหกสิบปีก็จะต้องสิ้นเปลืองแรงกาย แรงใจอย่างมหาศาลอยู่ในสองสถานที่อย่างเมืองหลวงต้าหลีและเมือง ลั่วจิงเมืองหลวงส ารองขณะเดียวกันคนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็ นฮ่องเต้สกุลซ่งต้าหลี เพราะหากคุณชายยอม รับปากเป็ นราชครูก็เท่ากับว่าเว้นเสียจากว่าฮ่องเต้เป็ นฝ่ ายสละ บัลลังก ์ด้วยตัวเอง สืบทอดชะตาแคว้นด้วยวิธีผลัดจากพี่สู่น้อง หาไม่ แล้วลั่วอ๋องซ่งมู่ก็ไม่มีทางพัฒนาไปได้อีกขั้นแน่นอน
เฉินผิงอันพยักหน้า “มีเรื่องให้ต้องกังวลเยอะมาก
จูเหลี่ยนเองก็ไม่ชักใช ้อย่างละเอียด “ถ้าอย่างนั้นก็ชะลอไว้ก่อน รอดูกันไปก่อน
เห็นห่อผ้าฝ้ ายที่เหน็บอยู่ใต้รักแร ้ของคุณชาย จูเหลี่ยนก็ยิ้มถาม ว่า “คือของขวัญที่มอบให้หยกคู่สองคนนั้นหรือ?”
เฉินผิงอันอธิบาย “คือตาราฉบับสมบูรณ์แบบบางส่วนที่จะนาไป มอบให้เฉาอิน ทุกวันนี้ชิงถงแห่งหอสยบปีศาจเป็ นเค่อชิงที่ได้รับการ
บันทึกชื่อของสานักกระบี่ชิงผิงแล้ว ก่อนหน้านี้นางมอบตาราหายาก ที่ราคาไม่ธรรมดาให้กับภูเขาเซียนตูไปไม่น้อย ข้าก็เลยเลือกเอา ตาราที่มีเล่มเดียวซึ่งถูกภายนอกจัดแบ่งเป็ นประเภทที่หายสาบสูญไป แล้วมา”
จูเหลี่ยนยิ้มถาม “คุณชายทิ้งตาราที่มีเล่มเดียวไว้ให้ที่ภูเขาเซียน ตูกี่เล่ม?”
เฉินผิงอันตบไหล่พ่อครัวเฒ่า “เป็ นคนต้องใจกว้าง ท าอะไรก็ ต้องใจป้า อืม ตอนนั้นข้าก็โน้มน้าวลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจเช่นนี้ แหละ ตงซานฟังเข้าหูแล้ว เขายังถามอีกว่าตาราสมบูรณ์แบบที่เหลือ มากกว่านั้นจะนากลับมาที่ภูเขาลั่วพั่วให้มากหน่อยหรือไม่ ในเมื่อ ศิษย์เกรงใจอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์จะต้องเกรงใจอะไรลูกศิษย์ อีกเล่า”
จูเหลี่ยนกลั้นขา “อยู่กับคุณชาย เจ้าสานักชุยก็ให้ความเคารพ ครูบาอาจารย์มากจริงๆ”
เฉินผิงอันเอ่ย “เรื่องการ “เดินลงน้า” ของหน่วนซู่ ข้ามีเค้าโครง ไว้คร่าวๆ แล้ว เมื่อคืนก็คุยเรื่องนี้กับหน่วนซู่แล้ว นางยังคงไม่ตอบตก ลง ไม่ยินดีจะให้ข้าต้องเสียสมาธิกับเรื่องพวกนี้ หน่ วนซู่รู้ความ เกินไป ข้าหรือจะตัดใจพูดจาแรงๆ กับนางได้แม้แต่ครึ่งคา เหอะ หาก เปลี่ยนมาเป็ นเฉินหลิงจวิน ข้าคงจับหัวเฉินหลิงจวินกดลงพื้นไปนาน แล้ว
จูเหลี่ยนหัวเราะเสียงดังลั่น นี่ก็คงเป็ นความต่างระหว่างเลี้ยงลูก สาวกับเลี้ยงลูกชายกระมัง?
กว่าจูเหลี่ยนจะหุบยิ้มได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาพยักหน้า พูดด้วยสี หน้าจริงจังว่า “ว่ากันไปตามเนื้อผ้า เรื่องการฝ่ าทะลุขอบเขตของ หน่วนซู่มีความยากมากกว่าเฉินหลิงจวินจริงๆ ยากกว่ามากๆ เกี่ยวพันถึงเรื่องโชคชะตาบุ๋นที่ล่องลอย ได้แต่ปรารถนามิอาจได้มา ครอบครอง หน่วนซู่น้อยกลัวจะรบกวนคนอื่นมากที่สุด จะยอมรับ ปากคุณชายในเรื่องนี้ได้อย่างไร
เฉินหน่วนซู่คืออดีตโชคชะตาบุ๋นของหอหนังสือที่จาแลงกาย เป็ นงูหลามไฟ ทุกวันนี้เป็ นขอบเขตประตูมังกร ดังนั้นเผ่าพันธุ์น้าเดิน ลงน้ากลายเป็ นเจียวในความหมายทั่วไปส าหรับหน่วนซู่แล้วไม่มี ความหมายเลย
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูกับเด็กชายชุดเขียวที่ติดตามคุณชาย มาก่อนโคร อันที่จริงนิสัยของพวกเขาตรงกันข้ามกันพอดี คนหนึ่ง อ่อนนอกแข็งใน คนหนึ่งแข็งนอกอ่อนใน เฉินหลิงจวินนั้นไม่เรียกว่า อ่อน แต่เรียกว่าขี้ขลาด
เฉินผิงอันกล่าว “ดังนั้นนอกจากการจัดการบางอย่างของข้า แล้ว ยังต้องการของนอกกายอีกบางส่วน ข้าคิดว่าจะซื้อชางผู้ ชะตาบุ๋นที่มีอายุสามพันปีกระถางหนึ่งมาจากภูเขาจิ่วอี๋ พอดีกับที่ เสินจวินภูเขาจิ๋วอี้เชื้อเชิญให้ถั่วเหยียนฮูหยินไปเป็ นแขกที่นั่น เซียน กระบี่เส้าต้องเดินทางไปพร ้อมกับถัวเหยียนฮูหยินแน่นอน ชางผูที่มี
อายุการฝึกตนเช่นนี้ รวมๆ กันแล้วก็มีอยู่แค่ไม่กี่กระถางเท่านั้น เป็ น ของรักของเสินจวินภูเขาจิ่วอี๋ เขาไม่ยินดีเอาออกมาขายก็เป็ นเรื่อง ปกติ มีความยากไม่น้อยเลยนะ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็จะต้องเอามา ครองให้จงได้ ไม่ว่าเรื่องไหนก็ปรึกษากันได้ แต่ในเมื่อเกี่ยวพันกับ มหามรรคาของหน่วนซู่ ถ้าอย่างนั้นก็เป็ นอีกเรื่องแล้ว
หากว่าเส้าอวิษนเหยียนเจรจาไม่ส าเร็จ วันหน้าข้ากับหลิวจิ่งหลง ออกเดินทางไปท่องเที่ยวทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางด้วยกัน ก็ต้องไป เยือนภูเขาจิ๋วอี๋รอบหนึ่งแน่นอน”
พูดมาถึงตรงนี้เฉินผิงอันก็บิดหมุนข้อมือ หัวเราะร่าเอ่ยว่า “อย่าได้บีบให้ข้าต้องจูงและติดมือกลับมา โยนถุงเงินทิ้งไว้แล้วเผ่น หนีล่ะ”
มือวางอันดับหนึ่งในจวนเฉวียนฝู่ ของภูเขาลั่วพั่วทุกวันนี้ เหวย เหวินหลงเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ดูแลคลังสมบัติยังคงเป็ นขอบเขต โอสถทอง
เหวยเหวินหลงคือลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเซียนกระบี่เส้ายวิ๋นเห ยียน นับตั้งแต่ที่จากลากันที่เรียนชุนฟานภูเขาห้อยหัว อาจารย์และ ศิษย์ก็ไม่เคยได้กลับมาพบเจอกันอีก
เฉินผิงอันจึงคิดว่าควรจะให้เซียนกระบี่เส้ามาที่ภูเขาลั่วพั่วก่อน สักรอบดีหรือไม่
จูเหลี่ยนพลันเอ่ยว่า “ในเมื่อจะเป็ นคนกลางไกล่เกลี่ยให้ระหว่าง เฟิ งอี๋กับพื้นทีมงคลร ้อยบุปผา ต้องนาเชือกห้าสีเส้นนั้นไปมอบให้ รบกวนคุณชายว่าครั้งหน้าที่เดินทางไปเยือนพื้นทีมงคลช่วยยืนยัน เรื่องหนึ่งให้ข้าหน่อยว่าผู้ดูแลกองงานในศาลเทพีบุปผา ได้ดูแล ดอกไม้และกลิ่นหอมจริงๆ หรือไม่ เซียนกวานในพื้นที่มงคลพวกนี้ ล้วนเป็ นสตรี หรือว่ามีเซียนที่เป็ นบุรุษอยู่ด้วย คุณชายช่วยใส่ใจสัก หน่อย…”
เฉินผิงอันยิ้มพลางตอบตกลง
จูเหลี่ยนกล่าว “ก่อนหน้านี้เจ้าสานักชุยได้มอบวิชาลับสามเล่ม ให้กับเฉาอิน แบ่งออกเป็ นตาราที่มีไว้สาหรับขอบเขตชมมหาสมุทร ขอบเขตประตูมังกรและจะฝ่ าทะลุคอขวดขอบเขตประตูมังกรเลื่อน เป็ นสร ้างโอสถทองได้อย่างไรส าหรับเฉาอิน ล าพังแค่ค าอธิบายทีเจ้า ส านักชุยเขียนขึ้นด้วยตัวเองก็มีมากถึงหกพันคาแล้ว นี่แสดงให้เห็น ว่าเจ้าส านักชุยต่างหากถึงจะเป็ นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร ้าง เป็ นช่าง ผู้มีฝี มือประณีตละเอียดอ่อนอย่างแท้จริงสามารถใช ้ฟ้ าดินเล็ก ร่างกายมนุษย์ของเฉาอินเป็ นพื้นฐานแล้วทาการก่อสร ้างอย่างจริงจัง สร ้างโดยวัดประเมินจากร่างของเขาได้เลย”
“ช่วงเวลาที่เผยเขียนและสุยโย่วเปียนซึ่งสร ้างกระท่อมฝึกตนอยู่ ที่หอบูชากระบี่ พวกนางสองคนต่างก็เคยช่วยสอนหมัดให้กับเด็ก สาวเฉายางอยู่หลายครั้ง”
เด็กหนุ่มเฉาอิน นามเฟิ่ งเชิง ผู้ฝึ กกระบี่ คอขวดขอบเขตชม มหาสมุทร เด็กสาวเฉายาง ชื่อเล่นอู๋ถง ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสี่ขั้นสูงสุด
ตอนนั้นในงานพิธีเฉลิมฉลองที่ภูเขาตะวันเที่ยงเลื่อนขั้นเป็ น ส านัก ในฐานะแขกผู้มาร่วมงานที่สาคัญที่สุด เฉาผิงเลือกที่จะจาก ไปก่อนกาหนด ใต้เท้าทูตผู้ตรวจการท่านนี้เท่ากับว่าได้ปล่อย สัญญาณที่ชัดเจนจนชัดเจนไปมากกว่านั้นไม่ได้อีกแล้วให้กับแขก ที่มาร่วมงานพิธีบนยอดเขาทั้งหลาย ไม่ใช่สัญญาณลับอะไรด้วยซ้า แต่เป็ นการบอกอย่างโจ่งแจ้งเลยว่า ความสัมพันธ ์ระหว่างภูเขาตะวัน เที่ยงกับราชสานักตัาหลีธรรมดาอย่างมาก
นี่จึงเป็ นเหตุให้ระหว่างภูเขาลั่วพั่วกับภูเขาตะวันเที่ยง หากต้าหลี จะต้องเลือกและสละใคร ทูตผู้ตรวจการเฉาก็ได้ช่วยให้ค าตอบมาแล้ว
อาศัยการสานสะพานความสัมพันธ ์ของกวนอี่หราน เฉินผิงอัน กับสกุลเฉาเสาค้ายันแคว้นได้มีสัญญาลับๆ ต่อกันเป็ นเวลานานสาม ร ้อยปี ตัวอ่อนผู้ฝึกตนและผู้มีพรสวรรค์ด้านการเรียนวรยุทธที่มาจาก สกุลเฉาล้วนสามารถส่งตัวมาฝึกตนที่ภูเขาลั่วพั่วได้ ถึงชั้นที่ว่าขอ แต่สกุลเฉาเปิดปาก เฉินผิงอันยังสามารถช่วยแนะน าส านักในทวีป อื่นให้ได้ด้วย เมื่อถึงเวลานั้นลูกหลานสกุลเฉาก็แค่ต้องเอาจดหมาย แนะนาฉบับหนึ่งจากเฉินผิงอันติดตัวไป ยกตัวอย่างเช่นไปเยือน สานักกระบี่ไท่ฮุยของอุตรกุรุทวีป สานักกระบี่หลงเซียงของทักษิ นาตยทวีป และทุกวันนี้ก็มีตัวเลือกมาเพิ่มอีกมากมาย หนึ่งในนั้นก็มี เรือนอวิ๋นฉ่าวของผูซานใบลงทวีป ต าหนักนภากาศหน่วยฉงเสวียน
ของราชวงศ์ต้าหยวนอุตรกุรุทวีป หรือแม้กระทั่งหอสอบปีศาจของ ชิงถง ดังนั้นเฉินผิงอันจึงคิดว่าจะให้เฉาอินแจ้งเรื่องนี้ให้กับเจ้า ประมุขอย่างเฉาผิงทราบด้วย
เฉาผิงย่อมต้องทิ้งช่องทางติดต่อไว้ให้กับเฉาอินแน่นอน ไม่ใช่ ว่าเฉาผิงจะต้องเห็นดีในตัวของลูกหลานสายรองสกุลเฉาผู้นี้สัก เท่าไร ต่อให้เฉาอินจะเป็ นตัวอ่อนผู้ฝึกกระบี่ส าหรับเฉาผิงที่มีอานาจ ในกลุ่มทหารบู๊ของราชส านักต้าหลีอย่างถึงที่สุดแล้ว ก็ยังไม่นับเป็ น อะไรได้ เพียงแต่ว่าในเมื่อเลือกให้เฉาอินมาฝึกตนอยู่ที่ภูเขาลั่วพั่วก็ หมายความว่าสายรองสกุลเฉาของสายเขาอินนี้ ขอแค่เฉาอินมี ผลส าเร็จบนภูเขาลั่วพั่ว ฐานะของสกุลเฉาเสาค้ายันแคว้นก็จะสูงขึ้น เหมือนเรือที่ลอยตามกระแสน้า บุกรุดไปข้างหน้าอย่างมิอาจหยุดยั้ง
ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งสูงเทียมฟ้ า มีกิ่งไม้หนาใหญ่บางส่วนที่เดิมที อาจผุกร่อนไปตามสายลมสายฝนจึงหล่นร่วงลงมา กิ่งไม้บางกิ่งเล็ก บาง แต่กลับค่อยๆ เติบโตเป็ นล าต้นหนาใหญ่ได้ จากนั้นค่อยแตกกิ่ง ก้านออกไปมากกว่าเดิม พุ่มใบเขียวขจี มอบร่มเงาให้กับลูกหลาน รุ่นหลัง นี่ก็คือบุญกุศลที่บรรพบุรุษสะสมไว้
เฉินผิงอันกับจูเหลี่ยนมาถึงเรือนของภูเขาด้านหลัง ประตูใหญ่ เปิดออกแล้ว ในลานบ้านมีแสงดาบเปล่งวูบวาบ
เฉายางกาลังฝึ กวิชาดาบกลิ้งที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษสกุล เฉาซึ่งต้นกาเนิดมาจากศาสตร ์การโจมตีบนสนามรบอยู่ในลานบ้าน
ที่เอามาใช ้เป็ นลานฝึกวรยุทธ เส้นผมตรงหน้าผากของเด็กสาวเปียก เหงื่อจึงเกาะกันเป็ นเส้นยาว
หยุดเท้าที่หน้าประตู จูเหลี่ยนพูดกลั้วหัวเราะเสียงเบาว่า “แม่นาง น้อยแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็ นท่ายืนแบบไหน ใช ้อาวุธอะไร ก็ ล้วนต้องฝึ กดาบอยู่เสมอ เหมือนกับเผชิญหน้ากับศัตรูจึงมุ่งมั่น อยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้ได้”
เฉินผิงอันเอ่ย “หากไม่มีใจอยากเอาชนะจะเรียนวรยุทธไปท าไม”