กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 984.4 ผู้ที่มีความกังวลคลายความกังวลด้วยตัวเอง
แจกันสมบัติทวีปในทุกวันนี้ต่างก็มองเกาะจูไชที่ย้ายศาลบรรพ จารย์มาอยู่ในภูเขาหลังอ๋าวเป็ นพรรคใต้อาณัติของภูเขาลั่วพั่ว ผู้ฝึก ลมปราณเกาะจูไชอย่างพวกนาง อันที่จริงไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ พึ่งพิง ต้นไม้ใหญ่อาศัยร่มเงา แล้วนับประสาอะไรกับที่ขนบธรรมเนียมของ ภูเขาลั่วพั่วก็ดีถึงเพียงนั้น นี่จึงเป็ นเหตุให้ไม่ว่าแจกันสมบัติทวีปจะ ชุบซิบนินทากันอย่างไร พูดถึงแค่เรื่องเดียว ล้วนไม่เคยมีคานินทาว่า ร ้ายว่าผู้ฝึกตนหญิงของเกาะจูไชอาศัยเรือนร่างความงามคบค้ากับ ภูเขาลั่วพั่ว
เฉินผิงอันยิ้มถาม “เจ้าเกาะหลิว ในบรรดาลูกศิษย์ผู้สืบทอด ช่วง นี้มีใครที่มีโอกาสจะสร ้างโอสถทองบ้างไหม?”
หลิวจ้งรุ่นได้ยินประโยคนี้ก็โมโห หัวเราะหยันเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่า ภูเขาทุกลูกล้วนเหมือนภูเขาลั่วพั่วของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ภูเขาลั่วพั่วแห่งนี้ ดูเหมือนว่าแม้แต่ขอบเขตก่อกาเนิดก็ยังไม่ เห็นเป็ นส าคัญ
เพราะมีลูกศิษย์ฝึกตนอยู่ในพื้นที่มงคลรากบัว หลิวจ้งรุ่นจึงมักจะ ไปมาหาสู่กับหงเซี่ยและเพ่ยเซียงอยู่เสมอ
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะพรืด
นอกจากเฉินผิงอันที่เป็ นอาจารย์พ่อแล้ว คนนอกอาจจะไม่รู ้ว่า ปี นั้นถ่านดาน้อยที่ถูกเขาพาออกจากพื้นที่มงคลไปท่องยุทธภพ ด้วยกัน นางเคยอิจฉาคนสองคนอย่างมาก
คนแรกคือู๋อี้บรรพบุรุษเปิดขุนเขาของจวนจื่อหยาง ครั้งแรกที่ ติดตามอาจารย์พ่อไปขอกินขอดื่มที่นั่น นางเห็นเพียงว่าบนลาน กว้าง ผู้ฝึกตนบวกกับสาวใช ้และลูกศิษย์นักการทั้งหลาย คนมากถึง พันกว่าคน พากันมารวมตัวอย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริก นั่งคุกเข่าโขกหัว เรียกขานว่าท่านบรรพบุรุษ มารดามันเถอะ ขบวนที่ใหญ่โตเช่นนี้ ภาพฉากที่อลังการเช่นนี้ทาเอาเผยเฉียนอึ้งตะลึงไปทันที เผด็จการ เผด็จการยิ่งนัก ถ่านดาน้อยแอบตัดสินใจไว้แล้วว่า วันหน้าเมื่อออก ท่องยุทธภพ อะไรที่เรียกว่ามีหน้ามีตา ท าอย่างไรถึงจะถือว่ามี ชื่อเสียงได้อย่างแท้จริง? ก็คือต้องใช ้สิ่งนี้มาเป็ นเกณฑ์ในการวัด ประเมิน ต้องมีลูกสมุนนับร ้อยนับพันคน พอพบเจอตนก็คุกเข่ากัน เป็ นแถบๆ เรียกขานว่าบรรพบุรุษเผย เสียงดังก้องสะเทือนฟ้ า ประหนึ่งอสนีบาต!
อีกคนหนึ่งก็คือหลิวจ้งรุ่นแห่งเกาะจูไชแล้ว เผยเฉียนเคยได้ยิน พ่อครัวเฒ่าเล่าว่าเจ้าเกาะหลิวผู้นี้ ในอดีตเป็ นถึงองค์หญิงใหญ่ที่ว่า ราชการอยู่หลังม่าน ถ่านด าน้อยแค่คิดก็รู ้สึกว่าร ้ายกาจยิ่ง ในท้อง พระโรงที่กว้างใหญ่ ฝั่งซ ้ายมีขุนนางบุ๋นที่ชอบพูดจากากวมยืนเรียง แถวยาว ฝั่งขวาคือแม่ทัพบู๊ที่ออกศึกฆ่าคนเหมือนหั่นผักหั่นแตง ทุก คนล้วนเป็ นขุนนาง อีกทั้งยังเป็ นขุนนางใหญ่ ข้าที่เป็ นองค์หญิงซึ่ง
พลัดพรากอยู่ในหมู่ชาวบ้าน ถึงอย่างไรก็เป็ นตัวปลอม เอามาใช ้ ข่มขู่คนยังพอได้ แต่ท่านป้ าหลิวกลับไม่เหมือนกัน!
บวกกับที่หลิวจ้งรุ่นเป็ นผู้ดูแลเรือมังกรมานานหลายปี อาศัยร ้าน ที่ผ้าห่อบุญบนภูเขาหนิวเจี่ยวทิ้งไว้ ช่วยดูแลเรื่องการขนย้ายสินค้า ไปขายที่อุตรกุรุทวีปของภูเขาลั่วพั่ว ตามค ากล่าวของหน่วนซู่ รายรับทุกๆ ไตรมาสของคลังทรัพย์สินบ้านพวกเรา นั่นคือเงินเทพ เซียนก้อนที่ใหญ่มากเชียวนะ! เป็ นรองแค่ส่วนแบ่งที่ได้มาจากเรือ ข้ามฟากของแต่ละฝ่ ายที่มาจอดเทียบท่าที่ท่าเรือหนิวเจี่ยวเท่านั้นเอง ดังนั้นเผยเฉียนในเวลานั้นจึงให้ความสนิทสนมกับหลิวจ้งรุ่นมากเป็ น พิเศษ รู ้สึกจากใจจริงว่าท่านป้ าหลิวผู้นี้มีคุณธรรม เคารพในอาชีพ ของตัวเอง หาเงินได้เก่งมาก แล้วก็เป็ นคนที่มีความพิถีพิถันยิ่ง! นับ ถือ นับถือ ต้องนับถือแน่อยู่แล้ว!
เผยเฉียนตอนเด็กเป็ นตัวขี้เกียจ หากนอนได้นางจะไม่มีทางนั่ง เด็ดขาด หากยืนได้ก็จะไม่มีทางขยับไปไหนแน่
แต่มีเพียงตอนที่เอาของขวัญไปส่งที่ภูเขาหลังอ๋าวพร ้อม กับหน่วนชูเท่านั้น เผยเฉียนถึงจะกระตือรือร ้นขยันมากเป็ นพิเศษ จะต้องติดตามไปให้ได้ พอได้เจอกับหลิวจ้งรุ่นแล้วก็เรียกขานค าแล้ว ค าเล่าว่าท่านป้ าหลิว เรียกเสียสนิทสนม
และหลิวจ้งรุ่นก็ไม่เคยทาให้นางต้องผิดหวัง ทุกครั้งจะต้องมี ของขวัญมอบให้เสมอ
ภูเขาลูกเล็กบางลูกของภูเขาลั่วพั่ว สายของเรือนไม้ไผ่ มี ท าเนียบเป็ นของตัวเอง ธรณีประตูสูงมาก พูดถึงแค่เจ้าขุนเขาอย่าง เฉินผิงอันยังไม่อาจเข้าไปอยู่ได้ นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉินหลิงจวิน เลย
คนที่สามารถทาให้เผยเฉียนอิจฉา ทาให้หน่วนซู่ซาบซึ้งใจ และ ทาให้หมี่ลี่น้อยใกล้ชิดสนิทสนมได้ในเวลาเดียวกัน ก็มีอยู่ไม่มาก จริงๆ หลิวจ้งรุ่นแห่งเกาะจูไชต้องเป็ นคนหนึ่งในนั้นแน่นอน
การลงมือทาเรื่องต่างๆ สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็คือการวางตัว เป็ นคน เวลานานวันเข้าก็จะเห็นใจคน จนถึงทุกวันนี้ โดยทั่วไปแล้ว ไม่พูดถึงว่าเกาะจูไชสามารถเดินกร่างอยู่ในแจกันสมบัติทวีปได้ แต่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไปมีเรื่องกับใคร
แล้วนับประสาอะไรกับที่ก่อนหน้านี้อยู่บนเรือมังกร เซียนกระบี่ ใหญ่หมี่กับหลิวจ้งรุ่นก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่มากแล้ว แม้จะไม่ได้ พูดคุยอะไรกันนัก แต่ผู้ฝึกตนหญิงของเกาะจูไชต่างก็ชอบคุยเล่นกับ เจ้าคนที่ชื่อว่า “อวี๋หมี่” ผู้นั้นอยู่สองสามประโยค บุรุษคนหนึ่งหน้าตา ดีขนาดนั้น ก็แค่คุยเล่นกันมากหน่อยเท่านั้น ไม่เสียเปรียบสักหน่อย น่าเสียดายที่อวี๋หมี่เงียบขรึมพูดน้อยเกินไป ไม่ค่อยชอบพูดคุย แล้วก็ หน้าบางอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกนางจึงชอบเอาเขามาล้อเล่น เอ่ยสัพยอก ไปสองสามประโยค หึ บางครั้งเขายังหน้าแดงด้วยนะ
อันที่จริงหลิวจ้งรุ่นไม่ค่อยยินดีจะพูดคุยเรื่องการค้ากับเฉินผิงอัน เท่าใดนัก เพียงแต่ว่าอีกฝ่ ายก็ขึ้นเขามาแล้ว นางจึงข่มกลั้นความอึด
อัดในใจ บากหน้าเปิดปากว่า “ข้าอยากจะต่อสัญญาเช่าภูเขาหลังอ๋า วจากภูเขาลั่วพั่วไปอีกหกร ้อยปี”
รวมกันแล้วก็คือเก้าร ้อยปี ได้ครอบครองพื้นที่ประกอบพิธีกรรม แห่งหนึ่ง ระยะเวลายาวนานเกือบพันปี อันที่จริงนี่ก็เท่ากับว่าซื้อภูเขา หลังอ๋าวมาจากเฉินผิงอันโดยตรงแล้ว
เฉินผิงอันเพิ่งจะยกถ้วยชาขึ้นดื่มชารุ ้งกินน้าไปหนึ่งคา
อยู่ที่อุตรกุรุทวีป ในถ้าสวรรค์เล็กวังมังกร เฉินผิงอันได้ซื้อเกาะ เป็ ดน้าที่มีความหมายไม่ธรรมดาต่อเขาเอาไว้ จ่ายเงินไปแปดสิบ เหรียญฝนธัญพืช แน่นอนว่านี่เป็ นราคาที่ต่าสุดแล้ว มีเสิ่นหลิน หลิง หยวนกงและหลี่หยวน หลงถิงโหว และทะเลสาบกระบี่ฝูผิงของเซียน กระบี่ลี่ไฉ่คอยให้การช่วยเหลือ บุคคลยิ่งใหญ่ที่มีสถานะสูงศักดิ์ เหล่านี้ สาหรับสานักมังกรน้าแล้วก็คือแรงกดดันแฝงอย่างหนึ่ง แล้ว นับประสาอะไรกับที่ตัวของสานักมังกรน้าเองก็ยินดีที่จะมี ความสัมพันธ ์ควันธูปบนภูเขากับเฉินผิงอันเพิ่มมาอีกส่วนหนึ่ง
ดังนั้นหลิวจ้งรุ่นจึงกระดากที่จะเสนอราคา คิดดูแล้วหากว่าเฉิน ผิงอันปฏิเสธอย่างเด็ดขาด นางก็จะใช ้เทียบยาโอสถวารีที่เป็ นเคล็ด วิชาลับของต าหนักวารีมาเป็ นข้อแลกเปลี่ยน
เฉินผิงอันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “สามร ้อยปีก่อนหน้านี้ เป็ นเงินสามสิบเหรียญฝนธัญพืช ถ้าอย่างนั้นหากต่อไปอีกหกร ้อยปี ก็ให้คิดตามราคาก่อนหน้านี้ มอบเงินฝนธัญพืชให้ภูเขาลั่วพั่วของ
พวกเราอีกหกสิบเหรียญ เจ้าเกาะหลิว เจ้าคิดว่าเป็ นอย่างไร? ราคานี้ แน่นอนว่าต่ามากแล้ว แต่ก็เหมือนที่ข้าพูดไว้ก่อนหน้านี้ หลายปีมานี้ เกาะจูไชช่วยพวกเรามาเยอะมาก ออกทั้งคนออกทั้งแรง ภูเขาลั่วพั่ว มิอาจไม่เห็นแก่น้าใจส่วนนี้”
หากเป็ นตอนที่อายุยังน้อย อย่าว่าแต่ให้เช่าหกร ้อยปีเลย มอบ ภูเขาหลังอ๋าวทั้งลูกให้กับเกาะจูไชก็ยังได้
เพียงแต่เมื่อเวลานานวันเข้าก็จะยิ่งเข้าใจหลักการเหตุผลข้อ หนึ่ง ต่อให้การทาดีกับผู้อื่น ในใจข้าจะไร ้ความละอาย กับเรื่องบาง เรื่องก็ไม่เคยคิดมาก แต่กับความคิดร ้อยตลบของคนอื่น คิดซ้าแล้ว ซ้าเล่า เรื่องเดียวกันก็จะกลายเป็ นความรู ้สึกสองแบบ เข้าใจหลักการ เหตุผลข้อนี้ ไม่ได้เรียกว่าจนใจ แต่เรียกว่าเติบโต เห็นแก่ความรู ้สึก ของคนอื่น เดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายอะไรเลย
หลิวจ้งรุ่นยากจะปกปิ ดสีหน้าตกตะลึงระคนยินดีเอาไว้ได้ อด กลั้นอยู่นาน กว่าจะเปิดปากถามหยั่งเชิงว่า “ไม่เพิ่มเงินฝนธัญพืชอีก หน่อยหรือ?”
เฉินผิงอันยกนิ้วโป้ งให้ เอ่ยชมเชย “เจ้าเกาะหลิวทาการค้าเก่ง จริงๆ ข้าเคยเห็นคนที่พยายามเปลี่ยนวิธีมาต่อรองราคาหลายคน แต่ ไม่เคยเห็นคนที่เป็ นฝ่ายเพิ่มราคาเองอย่างเจ้าเกาะหลิวมาก่อนเลย”
หลิวจ้งรุ่นยิ้มตาหยี “ก็เพราะว่าข้ารู ้สึกละอายใจน่ะสิ”
เฉินผิงอันแสร ้งท าเป็ นว่าฟังไม่เข้าใจ แค่หัวเราะหึหึ ก้มหน้าดื่ม ชา
หลังจากนั้นคนทั้งสองก็ดื่มชาแล้วคุยกันเรื่อยเปื่อย ท่วงท่าผ่อน คลายสบายอารมณ์งดงามดุจภาพวาด ปรากฏอยู่ในสายตาของเด็ก สาวที่มองดูอยู่ด้านข้างเงียบๆ อาจารย์กับเขา ไม่พูดถึงความรักชาย หญิง แต่ทั้งสองกลับเป็ นคนในกลุ่มเทพเซียนกันทั้งคู่
ออกมาจากภูเขาหลังอ๋าวแล้ว ขยับเข้าใกล้ภูเขาลั่วพั่ว เฉินผิง อันหยุดเดิน ข้างทางมีศาลาอยู่หลังหนึ่ง ด้านในวางโต๊ะไว้ตัวหนึ่ง ไม่ มีใครย้ายออกไป
ได้ยินมาว่าป๋ ายเสวียนรู ้จักวีรบุรุษแห่งยุทธภพมากมายที่นี่ สุดท้ายก็เรียบเรียงต าราวีรบุรุษเล่มหนึ่งออกมาได้
ป๋ ายโส่วไม่ตอบตกลง ถึงอย่างไรก็เคยกล้ากลืนความขมขื่น เคย หัวทิ่มหัวตามาบ่อยครั้ง กลับเป็ นชิวจื๋อแห่งยอดเขาจิ่วอี้ที่เพิ่งเจอ หน้าป๋ ายเสวียนครั้งแรกก็ ขึ้นกระดาน” อย่าง เลอะเลือนไปเสียแล้ว
เฉินผิงอันเดินเข้าไปในศาลา หยุดพักครู่หนึ่ง
เพียงแต่ว่าชีวิตคนไม่ใช่การเดินเล่นในภูเขาใหญ่ทางทิศ ตะวันตก วันนี้เดินเล่นไปแล้วพรุ่งนี้ วันมะรืนยังสามารถเดินซ้าได้อีก รอบ ศาลาไม่อาจขยับเท้าไปไหน แต่ชีวิตคนกลับมุ่งไปข้างหน้าอยู่ ตลอด
ก็เหมือนอย่างไปเยือนภูเขาหลังอ๋าวมารอบหนึ่ง เฉินผิงอันก็รู ้สึก คิดถึงลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาที่เขามองดูนางเติบใหญ่มาอย่างเผย เฉียนมากแล้ว
ปีนั้นเฉินผิงอันไม่ได้อยู่ที่บ้านเกิด ทุกวันเผยเฉียนจะต้องไปเรียน หนังสือที่โรงเรียน ปี นั้นก็มีสตรีออกเรือนแล้วคนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับ ตรอกฉีหลงที่ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ บอกว่าเผยเฉียนตีห่านขาวของ บ้านนางตาย ถ่านดาน้อยจ่ายเงินชดใช ้ไปให้ แต่ก็ยืนหยัดในเรื่อง หนึ่งอยู่ตลอดว่านางไม่ได้ตีห่านขาวตาย เฉิ นผิงอันถึงขั้น จินตนาการถึงสีหน้าดื้อรั้นของเด็กหญิงตัวน้อยที่ต้องควักกระเป๋ า จ่ายเงินได้เลย
นั่นอาจเป็ นเงินก้อนแรกที่เผยเฉียนสะสมมา แต่นางก็ต้องมอบ ออกไป
เสียดายหรือไม่?
แล้วยังมีตุ๊กตาดินปั้นทั้งหลายที่นางเอาไปซ่อนไว้บางแห่งอีก
ตามคากล่าวที่เผยเฉียนบอกกับพวกจูเหลี่ยนและสือโหรว มีครั้ง หนึ่งฝนตกหนัก นางไม่ทันระวังลืมไป ไม่ได้ถอนก าลังพลกลับมา จึง ถูกฝนห่าใหญ่ชะล้าง หลุดกระจายไปหมดแล้ว
แต่เฉินผิงอันรู ้ดีว่าต้องถูกคนวัยเดียวกันทุบท าลายแน่นอน บาง ทีอาจไม่ได้เอาไปทิ้งไกลๆ ด้วยซ้า แต่จงใจทุบให้เละแล้วโยนทิ้งไว้ที่ เดิมให้นางเห็น
โกรธหรือไม่?
แต่บางทีในใจของถ่านด าน้อย ต่อให้จะเสียใจแค่ไหนก็คงไม่เท่า ระหว่างที่นางหนีภัยตอนเยาว์วัย มีคืนหนึ่งที่มารดาแอบซ่อนหมั่นโถว ไว้ไม่ให้นางและบิดารู ้ แล้วแอบกินคนเดียวจนหมด
ความทุกข์ยาก ความขมขื่นและอุปสรรคมากมาย ล้วนสามารถ ใช ้วัยเด็กที่งดงามมารับมือได้ ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางพ่ายแพ้
ก็เหมือนในวันที่อากาศหนาวเหน็บสามารถใช ้ความคิดถึงอัน อบอุ่นมาต้านทาน วันเวลาที่ไม่ผ่อนคลายก็มักจะผ่านไปได้เสมอ
และบางทีก็อาจเป็ นความขยันมานะอย่างตรากตร าและความ ทุ่มเทอย่างเงียบงันในภายหลังของชีวิตใครหลายๆ คน ที่ทาการชัก คะเย่ออย่างยากล าบากอยู่กับวัยเยาว์ของพวกเขาเพียงล าพังในใจ โดยที่มิมีใครล่วงรู ้ และการต่อสู้ครั้งนี้ บางทีอาจอยู่กับเราไปตลอด ชีวิตอย่างมากก็แค่เสมอกัน ไม่มีใครชนะ
อันที่จริงตัวเฉินผิงอันเองก็เคยทุกข์ทรมานมาก่อน ดังนั้นจึงมี ความอดทนและความเห็นอกเห็นใจมากกว่าคนทั่วไป แต่จุดที่ทาให้ เฉินผิงอันรู ้สึกอ่อนไหวมากที่สุด ยังคงเป็ นการ…รู ้ความพวกนั้น
ยกตัวอย่างเช่นหมี่ลี่น้อยที่ได้รับความอยุติธรรมแต่กลับรู ้สึกว่า ไม่เป็ นอะไร
แล้วก็มีเผยเฉียนที่ปีนั้นยังเป็ นถ่านด่าน้อยจอมเกเร นั่นเป็ นวัน แรกที่เฉินผิงอันได้รับของขวัญในวันที่ห้าเดือนห้า
ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้เฉินผิงอันจึงถนอมเก็บไว้เป็ นอย่างดี ใส่ ไว้ในวัตถุฟางชุ่นไม่ใช่วัตถุจื่อซื่อ พกไว้ติดตัวอยู่ตลอดเวลา
อายุน้อยดื่มเหล้า มักจะชอบใช ้น้าเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกนั้นเสมอ หลังเติบโตเป็ นผู้ใหญ่ ดูเหมือนว่าจานวนครั้งที่หยิบเอาน้าเต้าเลี้ยง กระบี่มาดื่มเหล้าจะน้อยลงแล้ว
ข้ากับคนที่ไม่ใช่ข้า ก็คือความต่างราวฟ้ ากับดิน
มีคนเคยมีความละเมียดละไมและความขัดแย้งประหนึ่งคนรักกับ โลกใบนี้ แล้วก็มีคนมีความรู ้สึกอาฆาตและปรับความเข้าใจกันได้ ราวกับศัตรูคู่แค้นกับโลกใบนี้
เด็กสาวคนหนึ่งที่สวมหมวกขนเตียว สองแก้มเป็ นสีแดงก่าพลัน มาโผล่อยู่นอกศาลามองบุรุษชุดเขียวที่นั่งเหม่อลอยยันโต๊ะด้วยมือ ข้างเดียว
เฉินผิงอันหันไปยิ้มถาม “แม่นางเซี่ย รู ้สึกว่าทัศนียภาพที่หอ บูชากระบี่เป็ นอย่างไรบ้าง?”
เซี่ยโก่วหัวเราะร่า “ไม่เลว ไม่เลวเลยจริงๆ”
เฉินผิงอันหยิบเหล้าออกมาสองกา ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ถือสา หรือไม่ที่จะต้องยืนดื่มเหล้า?”
เซี่ยโก่วยิ้มตาหยี เดินก้าวยาวๆ เข้าไปในศาลา “ล้วนเป็ นชาย หญิงแห่งยุทธภพที่เดินท่องชนบทและหมู่บ้านร ้านตลาดมาจนเคยชิน
แล้ว ไม่ยึดข้อพิถีพิถันอะไรมากมาย ขอแค่มีเหล้าที่ไม่ต้องจ่ายเงินให้ ดื่ม ยังจะมีอะไรให้ไม่พอใจอีกเล่า”
ไม่รู ้ว่าเหตุใด ได้พบกับ “เฉินผิงอัน” คนก่อนหน้านี้ นางเองก็ ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าย่อมรู ้สึกกดดันอย่างมาก อย่าเห็นว่าตอนนั้นที่ อยู่ในน้าวนของกระแสน้าแห่งกาลเวลาในตรอกฉีหลงลูกนั้น ตั้งแต่ ต้นจนจบล้วนคอยระแวดระวังป้ องกันผู้ถือกระบี่คนนั้นอยู่ตลอดเวลา แต่อันที่จริงลางสังหรณ์ของนางกลับรู ้สึกกริ่งเกรงในตัวคนที่เสี่ยวโม่ เรียกว่า “คุณชายมากกว่า
รอกระทั่งได้พบเจ้าขุนเขาหนุ่มที่มีสีหน้าอ่อนโยนตรงหน้าผู้นี้ ประหลาดนัก ยิ่งกดดันมากกว่าเดิมอีก!
เซี่ยโก่วถามคล้ายไม่ใส่ใจ “เจ้าจาเรื่องก่อนหน้านี้ได้ไหม?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เข้าใจตัวเองก็คือการฝึกตนอย่างหนึ่ง”
เซี่ยโก่วดื่มเหล้าหนึ่งอีก พยักหน้า ไม่รู ้ว่าเป็ นเพราะรู ้สึกว่าเหล้า อร่อยหรือรู ้สึกว่าประโยคนี้มีเหตุผลกันแน่ “ถ้าอย่างนั้นในความเห็น ของเจ้าขุนเขาเฉิน ควรจะจัดการกับ หัวใจที่ไร ้ขีดจากัดอย่างไรดี?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่คุยกับแม่นางเซี่ยเรื่องนี้แล้ว ข้าเปลือง ความคิดอย่างมาก เจ้าเองก็เปลืองสุรา อืม ดูเหมือนว่ายังจะเป็ นสุรา ของข้าด้วย”
เซี่ยโก่วหัวเราะร่วน “รู ้สึกว่าข้าเป็ นคนที่ไม่เชี่ยวชาญ หรือว่า เป็ นคนที่เอาแต่สนใจตัวเอง ก็เลยคุยกันไม่รู ้เรื่อง?”
หากเปลี่ยนมาเป็ นคนอื่น นางคงต้องเปลี่ยนคาพูดใหม่ว่า ฉี่ไม่ ลงโถใบเดียวกันแล้ว
เพียงแต่ว่าทุกวันนี้พึ่งพาอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่น คาพูดคาจาจึง ต้องมีความพิถีพิถันเสียหน่อย
ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่เพราะพูดจาไม่เหมาะสมถึงได้ถูกอาจารย์ผู้ เฒ่าจูไล่ลงมาจากภูเขาหรอกหรือ หากว่ายังหาเรื่องให้ใต้เท้าอิ่นก วานที่เป็ นเจ้าบ้านอย่างแท้จริงตรงหน้าผู้นี้โมโหขึ้นมาอีก จะไม่ยิ่ง อนาถเข้าไปใหญ่หรือ
ตนยังจะถูกไล่ไปที่ใดได้อีก? ซื้อบ้านที่อาเภอไหวหวง? นั่นก็ไม่ เท่ากับว่ามีชีวิตสู้เจ้าฟักแคระผมขาวผู้นั้นไม่ได้หรอกหรือ?
แบบนั้นก็ไม่สู้ให้นางจ่ายเงินซื้อภูเขาสามลูกที่มียอดเขาเทียนตู เป็ นหนึ่งในนั้นมาโดยตรงเลยยังดีเสียกว่า เฮ้อ เพียงแต่ว่าสามพรรค นั้นตั้งราคาไว้ไม่ต่าเลย รังแกที่นางไม่เข้าใจเรื่องราวบนภูเขา คิดจะ เชือดหมูสินะ
เห็นได้ชัดว่าเฉินผิงอันไม่ยินดีจะคุยกับนางเรื่องนี้ จึงเปลี่ยน หัวข้อ ยิ้มถามว่า “พูดจริงๆ นะ ข้าสงสัยใคร่รู ้อย่างมากว่าท าไมเจ้า ถึงเอาแต่ชอบเสี่ยวโม่คนเดียวล่ะ”
ก่อนหน้านี้เซี่ยโก่วมีสีหน้ากลัดกลุ้ม แต่ในที่สุดตอนนี้ก็มีสีหน้า โล่งใจได้แล้ว ความซับซ ้อนของสีหน้าและอารมณ์ที่วุ่นวายระหว่าง นั้น ประหนึ่งน้าใสกลางภูเขาเส้นหนึ่งที่ไหลคดเคี้ยวลงไปล่างภูเขา
เห็นเพียงนางกระดกดื่มเหล้าอีกใหญ่ ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที เอ่ย ประโยคหนึ่งมาเป็ นคาตอบซึ่งทาให้เฉินผิงอันอึ้งตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง หรือว่าปี ศาจใหญ่ของ เปลี่ยวร ้างในทุกวันนี้ล้วนมีความรู ้ ความสามารถกันถึงขนาดนี้แล้ว?!
“เดิมทีชีวิตนี้ไม่เคยรู ้ถึงความทุกข์ใจ กลัวก็แต่วันใดได้เจอกับ คนที่ทาให้ใจอ่อนโยน