กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 991.1 เรื่องมงคลคู่มาเยือนพร้อมกัน
ในระเบียงชั้นหนึ่งของเรือนไม้ไผ่ เฉินผิงอันถือสมุดเล่มหนึ่งไว้
ในมือ หน่วนซู่กับหมี่ลี่น้อยนั่งขนาบอยู่ฝั่งซ้ายและฝั่งขวา พวกนาง
ต่างเอียงศีรษะอ่านเนื้อหา “ประวัติประจําปีหน้าที่สามด้วยกัน
เด็กชายผมขาวเอ่ยอย่างลําพองใจว่า “ปณิธานของข้าอยู่ที่
ผลงานการประพันธ์และรวบรวม ส่องแสงสว่างพราวพราวยาวนาน
นับพันปี บรรพบุรุษอิ่นกวานหากไม่เป็นเพราะท่านเคยเตือนข้าว่า
ตัวอักษรในประวัติประจําปีต้องเรียบง่าย ยิ่งธรรมดาเท่าไรก็ยิ่งดี หา
ไม่แล้วข้าก็จะต้องทําให้พวกเจ้ารู้ว่าอะไรคือคุณภาพของวรรณกรรม
ที่ยอดเยี่ยมโดดเด่นแล้ว”
เฉินผิงอันหัวเราะ ม้วนสมุดเล่มนั้นแล้วเคาะรัวลงบนหัวของ เด็กชายผมขาว หน่วนซู่ก้มหน้าเย็บรองเท้าผ้าต่อ หมีลี่น้อยรีบหันไป มองทางอื่นทันที
เฉินผิงอันเคาะหัวเด็กชายผมขาวพลางเอ่ยอย่างขําๆ ปนฉุนไป ด้วยว่า “รบกวนขุนนางผู้เรียบเรียงตําราช่วยอธิบายให้ข้าฟังหน่อยสิ ว่า อรรถาธิบายสามข้อนั้นมันหมายความว่ายังไง?”
ที่แท้บนประวัติประจําปีได้เขียนไว้ว่าวันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนหนึ่งของ รัชสมัยฉุนผิงปีที่หกหลิวป้าเฉียวผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกําเนิดแห่ง สวนลมหิมะจับมือหนันกงซิงเยี่ยนผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตชมมหาสมุทร
อายุสิบแปดปีมาเป็นแขกที่ภูเขาลั่วมั่ว ปรึกษากับเจ้าขุนเขาเฉินผิง
อัน เรื่องการเข้าร่วมงานพิธีเปิดยอดเขาของผู้ฝึกกระบี่โอสถทองสิง
โหย่วเหิงแห่งสวนลมฟ้า เจ้าขุนเขาจะลงจากภูเขาในวันเริ่มต้นฤดู ร้อนของปีนี้ วันที่ยี่สิบแปดเดือนหนึ่ง หลิวป้าเฉียวและหนันกงซิง
เยี่ยนเดินทางกลับบ้านเกิดผ่านท่าเรือหนิวเจี่ยวในยามชื่อ
(คําอธิบายหนึ่ง บอกอายุลวง อายุการฝึกตนที่แท้จริงของหนันกงซิง เยี่ยนคือยี่สิบเอ็ดปี คําอธิบายสอง หลิวป้าเฉียวเดินเท้าเข้ามาใน ภูเขา มอบยันต์กระบี่ที่เป็นเอกสารผ่านด่านซึ่งสํานักกระบี่หลง เฉวียน เป็นผู้แจกจ่ายให้กับหนันกงซิงเยี่ยน คําอธิบายสาม เข้า ร่วมงานพิธีเปิดยอดเขาของสวนลมฟ้า เจ้าขุนเขาควักกระเป๋าตัวเอง
หรือเลือกเอาจากคลังสมบัติของเฉวียนฝูภูเขาลั่วคั่ว ยังไม่รู้แน่ชัด” เด็กชายผมขาวเอ่ยอย่างน้อยใจ “ไม่ใช่ว่ายิ่งเขียนละเอียดเท่าไร
ก็ยิ่งดีหรอกหรือ?”
เฉินผิงอันส่งสมุดคืนให้เด็กชายผมขาว ลังเลเล็กน้อยก็เอ่ยว่า
“ทําเล่มเสริมมาอีกเล่มหนึ่ง เนื้อหาในคําอธิบายเพิ่มเติมทั้งหมดให้ เรียบเรงไว้ในเล่มเสริม วันหน้าภูเขาลั่วมั่วมีคนแค่สามถึงห้าคน เท่านั้นที่สามารถเปิดอ่านเล่มเสริมได้”
เด็กชายผมขาวถามหยั่งเชิง “สามคนห้าคน มีแค่เจ้าขุนเขา ผู้ คุมกฎ ผู้ถวายงานอันดับหนึ่ง เจ้าจวนเฉวียน พ่อครัวเฒ่า? หน่วน ซู่และผู้พิทักษ์ขวาล่ะ หรือว่าอาจารย์เสี่ยวโม่ก็อ่านไม่ได้?” เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ทําไม เริ่มจะยุแยงตะแคงรั่วแล้วใช่ไหม?”
เด็กชายผมขาวชูสองนิ้ว พูดอย่างหนักแน่นว่า “ตะวันจัน ทราแจ่มกระจ่าง ฟ้าดินเป็นพยาน!”
เฉินผิงอันหันหน้าไปมอง กลุ่มคนสามคนเดินมาทางเรือนไม้ไผ่
ล้วนมีสีหน้าปิติยินดีคนหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าแห่งแคว้นหูที่เดินทางมา
จากพื้นที่มงคลรากบัว
ผู้คุมกฏฉางมิ่งปฏิบัติต่อพื้นที่มงคลรากบัวซึ่งอยู่ในระดับสูงแล้ว
เหมือนสวนผักที่นางตั้งใจดูแล ทุกครั้งที่นางเปิดประตูเข้าไปข้างในก็
จะต้องไปเยือนสถานที่ที่มีปราณวิญญาณรวมตัวกันหนาแน่น และ เมืองที่เจริญรุ่งเรืองมีกลิ่นอายผู้คนครึกครื้น หยิบเอาเงินเหรียญ ทองแดงแก่นทองหนึ่งถึงห้าเหรียญจํานวนไม่เท่ากัน หลอมให้
เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงรวบรวมพวกมันขึ้นเป็นสถานที่ที่ลี้ลับคล้าย “จุดพักม้า” แห่งแล้วแห่งเล่า ภูเขามีรากภูเขาน้ํามีเส้นทางน้ํา เงิน ทองก็มี “เส้นทางของเงินทอง เงินเหรียญทองแดงแก่นทองพวกนี้ แน่นอนว่าล้วนเป็นเงินเก็บส่วนตัวของนาง เงินเหรียญทองแดงแก่น
ทองพวกนี้
เฉินผิงอันพอจะเดาสถานการณ์ของพื้นที่มงคลออกคร่าวๆ แล้ว
จึงเพียงแค่ยิ้มไม่เอ่ยอะไร
เพ่ยเซียงยอบกายคารวะ เอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เรื่องมงคล!” จูเหลี่ยนยิ้มเอ่ย “พอคุณชายกลับมาบ้านก็มีเรื่องมงคลมาเยือน
เลย สมกับคําว่าปีใหม่บรรยากาศใหม่จริงๆ”
เฉินผิงอันผายมือเชิญให้คนทั้งสามนั่งลงคุยกัน ยิ้มถามว่า “คือ
เรื่องอะไรกันแน่?”
เพ่ยเซียงนั่งลงบนขั้นบันได เบี่ยงตัวมาอธิบายให้เจ้าขุนเขาฟัง “เรื่องมงคลคู่มาเยือนพร้อมกัน! พื้นที่มงคลปรากฏ “สองทอง” ใน เวลาเดียวกัน ตอนนั้นที่อวี้เจินอี้ “พิสูจน์มรรคาบินทะยาน’ ออกไป
จากพื้นที่มงคลได้ทิ้งโชคชะตาไว้ให้กับพรรคหูซานแคว้นซงไล่ไม่
น้อย ถือเป็นบุญกุศลส่วนหนึ่งกระมัง ผลคือมีคนจับผลัดจับผลู
ภายใต้โชควาสนาอํานวย ถึงกับสร้างโอสถทองได้สําเร็จจริงๆ! และ
ยังมีผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งที่ก็เลื่อนเป็นขอบเขตร่างทองในเวลา
ไล่เลี่ยกัน”
เฉินผิงอันพยักหน้า ถามว่า “ผู้ฝึกตนโอสถทองคนแรกใช่ฮ่องเต้ เฒ่าเว่ยเหลียงของแคว้นหนันเยวี่ยนหรือไม่? ส่วนผู้ฝึกตนขอบเขต เจ็ดคนนั้น ใช่ปี้เซิ่งเฉิงจงหยวนหรือไม่? หรือจะเป็นถังเถี่ยอี้แม่ทัพ ใหญ่
นายหน้า แคว้นหนันเยวี่ยน?
จูเหลี่ยนส่ายหน้า “ผู้ฝึกลมปราณของพรรคหูซานชื่อว่าเกาจวิน เกาที่แปลว่าสูง จวินที่แปลว่าวิญญูชน ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวนามว่าจง เซี่ยน จงที่แปลว่าเกิดจิตปฏิพัทธ์ เชี่ยนที่แปลว่างดงาม”
ฉางมิ่งยิ้มเอ่ย “พื้นที่มงคลมีผู้ฝึกตนโอสถทองและผู้ฝึกยุทธ ขอบเขตร่างทอง เดิมทีเรื่องนี้ไม่นับเป็นอะไร ที่สําคัญที่สุดก็คือนี่ หมายความว่าการโคจรของพื้นที่มงคลได้เข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้องแล้ว
ปลูกฤดูใบไม้ผลิเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง สัจธรรมแห่งสวรรค์โคจรเป็น
วงจร ธรรมชาติถือกําเนิด พลังชีวิตเปี่ยมล้น ปราณวิญญาณฟ้าดิน ไหลรินไปทั่วสี่ทิศ หากจะพูดถึงว่านิมิตมงคลและภูตในสถานที่ต่างๆ
ปรากฏขึ้นพร้อมกันต่างก็เป็นแค่เค้าลางอย่างหนึ่ง ตอนนี้ก็ถือว่าเป็น ภาพบรรยากาศ “ดินแดนแห่งปลาและข้าว ใต้ต้นข้าวได้ร่มเย็น อย่าง ที่กล่าวถึงในตําราโบราณของตระกูลเซียนอย่างแท้จริงแล้ว” อวี่เจินอี้เคยเป็นบุคคลผู้โดดเด่นคนแรกที่เปลี่ยนจากการ
เรียนวรยุทธไปฝึกวิชาเซียนของพื้นที่มงคลในอดีต
ฝึกตนประสบความสําเร็จ หวนคืนสู่ธรรมชาติความเป็นจริง
เปลี่ยนจากแก่มาเป็นเด็กอวี่เจินอี้ที่เป็นสหายรักร่วมบ้านเกิดกับจังชิว
ท่วงท่าข
สุดท้ายใช้รูปโฉมของเด็กน้อย ท่วงท่าของเซียนเหรินขี่กระบี่ปรากฏ กายที่เมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน
ก่อนหน้าที่อวี้เจินอี้จะ “ทิ้งคราบเซียนบินทะยาน” ได้ทิ้งตําราสอง เล่มไว้ให้พรรคหูซานหนึ่งคือความรู้ความเข้าใจจากการเรียนวรยุทธ ซึ่งรวมเอาข้อดีของร้อยสํานักมาไว้ด้วยกันอีกเล่มหนึ่งคือ “ตํารา
สวรรค์ตระกูลเซียน” ที่ช่วยให้เขาได้พิสูจน์มรรคาบินทะยาน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าอวี่เฉินอี้แห่งพรรคหูซานได้นั่ง ครองตําแหน่งของเก้าอี้อันดับหนึ่ง “บนภูเขา” อย่างมั่นคงแล้ว เพราะ ความจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการสืบทอดมรรคกถาที่อวี่เฉินอี้บรรพ
จารย์รุ่นแรกทิ้งไว้ให้ ไม่ใช่บทความเลื่อนลอยที่เอาตรงโน้นมาผสม ตรงนี้แล้ววางไว้บนชั้นสูง แต่เป็นสิ่งที่สามารถหยิบจับมาเรียนรู้แล้ว นํามาใช้ได้อย่างแท้จริง เท่ากับว่าได้ช่วยพาดสะพานเดินขึ้นฟ้า
ให้กับลูกหลานรุ่นหลังของพรรคหูซาน ตอนนี้ก็ต้องดูว่าบรรพจารย์
รุ่นสองของพรรคหูซานที่เป็นเซียนดินโอสถทองผู้นี้จะสามารถรักษา
สถานการณ์ยิ่งใหญ่อันดีงามนี้ไว้ได้หรือไม่
จังชิวและเฉาฉิงหล่างที่แม้จะมาจากพื้นที่มงคลเหมือนกัน และ
วันนี้ต่างก็เป็นผู้ฝึกตนที่ประสบความสําเร็จ แต่กลับมีสิ่งกีดขวาง
ชั้นหนึ่งกับพื้นที่มงคล เพราะพวกเขาต่างก็เดินไปบนเส้นทางการฝึก ตนในใต้หล้าไพศาล เป็นเหตุให้ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นระบบสืบ ทอดที่ถูกต้องจากฟ้าดินใหม่ ก็เหมือนไม่เคยถูกรับเข้าในทําเนียบ
“ถูกต้องชอบธรรม” ก็
ของศาลบรรพจารย์ ดังนั้นเซียนฝึกตนวันหน้าของคนผู้นี้ หาก
ยังคงเป็นเกาจวินแห่งพรรคหูซาน
ไม่ผิดไปจากที่คาดจะต้องราบรื่นมาก ก็เหมือนว่าได้รับความรัก
ความเมตตาจากมหามรรคาแห่งฟ้าดินมากเป็นพิเศษ เหมือนทายาท
สายตรงคนโตที่มีหวังจะสืบทอดระบบที่ถูกต้องมากที่สุด
เฉินผิงอันกล่าว “เว่ยเหลียงยังเป็นขอบเขตประตูมังกรอยู่หรือ?” เพ่ยเซียงพยักหน้า “ช่วงหลายปีมานี้เว่ยเหลียงอยู่ที่คอขวด ขอบเขตประตูมังกรมาโดยตลอด ปิดด่านออกด่านมาสองครั้งแล้ว แต่ก็ยังมิอาจฝ่าคอขวดไปได้”
เฉินผิงอันกล่าว “พวกเจ้าลองหาโอกาสคุยกับเขาดู เว่ยเหลียง เป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเรื่องผลได้ผลเสียมากเกินไป อย่าให้ไม่ทัน
ระวังกลายเป็นธาตุไฟเข้าแทรก ไม่แน่ว่าคนแรกที่สัมผัสได้ถึงความ
ผิดปกติของฟ้าดินในพื้นที่มงคลอาจไม่ใช่พวกเจ้า แต่เป็นเว่ยเหลี
ยง”
เว่ยเหลียงไท่ซ่างหวงของแคว้นหนันเยวี่ยนมิอาจเป็นผู้ฝึกตนที่
ได้สร้างโอสถเป็นคนแรก เฉินผิงอันไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเท่าใดนัก ถึงอย่างไรเว่ยเหลียงก็อายุมากแล้ว อีกทั้งยังฝึกตนช้า เริ่มเดินขึ้นเขา ฝึกตนอย่างเป็นทางการตอนอายุหกสิบแล้ว แม้ว่าจะมีวิชาลับ คือ กล่องหินที่ภูเขาลั่วคั่วมอบให้ตามสัญญา ด้านในบรรจุตําราเต๋าสาม
เล่ม อีกทั้งไท่ซ่างหวงของแคว้นหนันเยวี่ยนที่เป็นฝ่ายสละราชบัลลังก์
ประกอบพิกานนนนมังกรขุดดินก่อสร้างพื้นที่
ประกอบพิธีกรรมแห่งหนึ่งขึ้นมาอย่างลับๆ และตัวเว่ยเหลียงเองก็มี คุณสมบัติในการฝึกตนที่ดีเยี่ยม ความเร็วในการฝ่าทะลุขอบเขต บอกไม่ได้ว่าไม่เร็ว แม้จะถือว่าเป็นการเดินทางลัด แต่อยู่บนภูเขาก็ สามารถอยู่ในขอบเขตของการเดินเส้นทางด้านข้างได้แล้ว ไม่ใช่
ทางนอกรีตที่เจตนาไม่เที่ยงตรง เว่ยเหลียงมีครบทั้งดินอวยพรและคน
สามัคคีแล้ว ผลคือยังถูกเกาจวินแห่งพรรคหูซานชิงตัดหน้าไปได้ ก่อน ก็เหมือนกับเว่ยเหลียงคํานวณมาหมดทุกทาง แต่ดันขาด “ฟ้า อํานวย” ไปส่วนหนึ่ง อันที่จริงนี่ก็คือการโคจรมหามรรคาของพื้นที่ มงคลรากบัวที่มีระเบียบ ทําให้เกิดการ “ผลักไส” ต่อการก้าวก่ายของ กองกําลังฝ่ายนอกอย่างที่มองไม่เห็น
แต่จากข้อตกลงระหว่างภูเขาลั่วมั่วกับแคว้นหนันเยวี่ยนในช่วง
แรกเริ่มสุด ทางฝั่งภูเขาลั่วตั่วรับรองว่าเว่ยเหลียงจะเลื่อนเป็นห้า
ขอบเขตกลางได้ กลัวก็แต่ว่าใจคนไม่รู้จักพอขึ้นสู่ที่สูงแล้ว การ มองเห็นก็เปิดกว้างขึ้นแล้ว ความทะเยอทะยานพุ่งพล่าน เหมือนกับ ขยายกระเพาะให้ใหญ่ขึ้น ทําให้รู้สึกหิวอยู่ตลอด ไม่มีวันกินได้อิ่ม
จูเหลี่ยนกล่าว “ถูกมหามรรคาที่ล่องลอยมองไม่เห็นสยบกําราบ
เป็นเหตุให้เว่ยเหลียงมิอาจสร้างโอสถทองได้เป็นคนแรก สําหรับ ภูเขาลั่วมั่วแล้ว อันที่จริงกลับเป็นเรื่องดี เพราะ มหามรรคาของพื้นที่ มงคลรากบัวได้รวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ไม่แน่ว่าใน อนาคตอาจมี “ท่านเทพเทวดาน้อย” อย่างในตํานานปรากฏขึ้นมา คนหนึ่งก็ได้”
ผู้ครองถ้ําสวรรค์พื้นที่มงคลที่ถูกเรียกขานอย่างหยอกล้อว่า “ท่านเทพเทวดาน้อย” นี้คล้ายคลึงกับเจ้าแห่งบุปผาของพื้นที่มงคล ร้อยบุปผา ฮูหยินภูเขาชิงเงินแห่งถ้ําสวรรค์จู่ไห่ที่ต่างก็ถือว่าถือ กําเนิดขึ้นตามโชคชะตา พบเห็นได้ยากอย่างถึงที่สุด
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “หายนะในพื้นที่มงคลถ้ําเมฆาของ
ปีนั้นก็คือความล้มเหลวของคนรุ่นเก่าที่เป็นกระจกเงาของคนรุ่นหลัง
เรื่องทํานองนี้ ดีร้ายยากจะคาดเดา”
เจียงซ่างเงินคาดเดามาโดยตลอดเวลาถึงเหตุพลิกผันที่เกิดขึ้น
ในพื้นที่มงคลถ้ําเมฆาปีนั้น การบงการจากตาเฒ่าทั้งหลายที่นั่งอยู่
ในศาลบรรพจารย์สํานักกุยหยกเป็นแค่เหตุผลที่แสดงออกภายนอก
เท่านั้น
เสียที
เพียงแต่เจียงซ่างเจินหามานานหลายปีก็ยังหาบุคคลผู้นั้นไม่เจอ
นี่จึงทําให้เกิดการคุมเชิงที่ลี้ลับอย่างยิ่ง สกุลเจียงกับบุคคลที่
ซ่อนตัวอย่างลึกล้ํานี้ ต่างฝ่ายต่างถือว่าเป็นเจ้าของพื้นที่มงคลถ้ํา เมฆากันครึ่งตัว
จูเหลี่ยนยิ้มเอ่ย “หากมีสหายที่เป็นเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ
ง พูดคุยกับอีกฝ่ายสองสา
ลงถกมรรคากัน ก็น่าจะเจรจากันได้แล้ว”
นั่ง
แล้วนับประสาอะไรกับที่การบ่มเพาะและดูแลที่ภูเขาลั่วตั่วมีต่อ พื้นที่มงคลรากบัวก็มิอาจไม่พูดได้ว่ามีคุณธรรมมีน้ําใจ เฉินผิงอันยิ้มเจื่อนเอ่ย “พูดง่ายจริงนะ” ปีนั้นกําลังจะออกจากพื้นที่มงคลดอกบัวที่ยังไม่ถูกเจ้าอาราม
ฮ่องเต้เว่ยเหลือ นายเสนอตัวเองหลวงได้เจอกับ
แบ่งออกเป็นสี่ส่วน เฉินผิงอันอยู่ในเหลาสุราของเมืองหลวงได้เจอกับ
ตอนนั้นฮ่องเต้ที่ยัง อยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์มีปณิธานสูงส่งยาวไกล อยากสร้างประเทศชาติ ให้เจริญรุ่งเรือง หมายจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่น ภายหลังมี หายนะหล่นลงมาจากฟ้า จังชิวลาออกจากการเป็นราชครู ระหว่าง การรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นกับการเป็นอมตะของตัวเอง เว่ยเห
ลียงเลือกอย่างหลัง เป็นฝ่ายยกตําแหน่งให้องค์ชายเว่ยเยี่ยน
อาจไม่พูดได้ว่ามีคุณธรรมมีน้ําใจ เฉินผิงอันยิ้มเจื่อนเอ่ย “พูด
ง่ายจริงนะ”
ปีนั้นกําลังจะออกจากพื้นที่มงคลดอกบัวที่ยังไม่ถูกเจ้าอาราม แบ่งออกเป็นสี่ส่วน เฉินผิงอันอยู่ในเหลาสุราของเมืองหลวงได้เจอกับ
ฮ่องเต้เว่ยเหลียงที่เป็นฝ่ายเสนอตัวจัดงานเลี้ยง ตอนนั้นฮ่องเต้ที่ยัง อยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์มีปณิธานสูงส่งยาวไกล อยากสร้างประเทศชาติ ให้เจริญรุ่งเรือง หมายจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่น ภายหลังมี หายนะหล่นลงมาจากฟ้า จังชิวลาออกจากการเป็นราชครู ระหว่าง การรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นกับการเป็นอมตะของตัวเอง เว่ยเห
ลียงเลือกอย่างหลัง เป็นฝ่ายยกตําแหน่งให้องค์ชายเว่ยเยี่ยนองค์ชาย รองเว่ยอวิ้นถูกจับขัง มาภายหลังเว่ยเซี่ยนหวนคืนสู่พื้นที่มงคลอีก ครั้ง ในฐานะฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้น จักรพรรดิในโลกมนุษย์คนแรกใน
ประวัติศาสตร์ที่ส่งคนไปแสวงหาเซียนและยาอายุวัฒนะ บรรพบุรุษ ท่านนี้ได้เจอกับ “ลูกหลาน’ อย่างไท่ซ่างหวงเว่ยเหลียงฮ่องเต้คนใหม่ เว่ยเยี่ยน ตามคํากล่าวของเผยเฉียน บรรยากาศการพบหน้ากันใน ตอนนั้นน่าตลกอย่างมาก คิดดูแล้วก็น่าจะเป็นตั้งแต่ตอนนั้นที่เว่ยเห ลียงมีใจอยากฝึกตน แต่เว่ยเหลียงอาศัยราชครูจังชิวทําให้ได้คํา สัญญาปากเปล่ามาจากภูเขาลั่วคั่ว ในอนาคตเว่ยเหลียงยินดีเข้าสู่ ทําเนียบของภูเขาลั่วคั่ว “กลายเป็นเซียนตามกฎระเบียบ” แต่เขาก็ หวังว่าจะได้เห็นแคว้นหนันเยวี่ยนรวบรวมใต้หล้าเป็นปึกแผ่นกับตา
ตัวเอง ทั้งสามารถเรียกลมเรียกฝนได้แล้วก็ต้องการใช้ฐานะของ
เซียนเหรินมาช่วยให้แคว้นหนันเยวี่ยนฮุบกลืนกองกําลังอีกสามฝ่าย
ซึ่งมีแคว้นซงไล่เป็นหนึ่งในนั้น