กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 993.3 เทียบเชิญ
ยกตัวอย่างเช่นภูเขาเยี่ยนซานของพื้นที่มงคลถ้าเมฆาของสกุล เจียงที่สานักกระบี่ชิงผิงจะแบ่งส่วนแบ่งกับสกุลเจียงห้าต่อห้า ภูเขาลั่ว พั่วกับสานักกระบี่ชิงผิง แม้ว่าจะเป็ นสานักเบื้องบนกับสานักเบื้องล่าง แต่กระนั้นก็ยังต้องเป็ นพี่น้องที่คิดบัญชีกันอย่างชัดเจน
ไม่มี “เส้นทางการเงิน” ที่เงินทองไหลมาเทมาพวกนี้ ฮ่องเต้ซ่ง เหอก็คงไม่มีความจริงใจถึงขนาดเป็ นฝ่ายมาเชื้อเชิญให้เฉินผิงอันไป รับหน้าที่เป็ นราชครูต้าหลีเช่นนั้น
ขอบเขตสูงต่า ชื่อเสียงมากน้อย สถานะเยอะหรือน้อย สืบสาว ราวเรื่องกันแล้วก็อยู่ที่สองค าว่า “บรรลุความจริง
จงเชี่ยนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไร กลับเป็ นเกาจวินที่จดจา ชื่อของจวนเซียนพวกนั้นไว้ในใจเงียบๆ
ทั้งๆ ที่พูดคุยกันเรื่องของการซื้อภูเขา ทว่าจู่ๆ ฉางมิ่งกลับยิ้ม น้อยๆ เปิดปากเอ่ยว่า “ขอให้ข้าพูดนอกเรื่องสักคา เจ้าขุนเขา เรื่อง เงินเหรียญทองแดงแก่นทองหกร ้อยเหรียญในบัญชีของจวนเฉวียนฝู่ สามารถอาศัยโอกาสนี้ยกขึ้นเป็ นระเบียบวาระการประชุมได้เลย หรือไม่?”
ใบหน้าของเฉินผิงอันมีแต่รอยยิ้มฝืดเผื่อน
“เรื่องราวเรียบง่ายมาก ก็คือเงินเหรียญทองแดงแก่นทองในคลัง ของเฉวียนฝู่พวกนี้เจ้าขุนเขามีเรื่องให้ต้องเอาไปใช ้”
ฉางมิ่งเอ่ยต่ออีกว่า “หากเจ้าขุนเขารู ้สึกว่าอาจตกเป็ นที่ต้อง สงสัยว่าเบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน รู ้สึก ไม่ดีอยู่ในใจ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็พูดคุยกับทุกคนอย่างเปิดเผยไปเลย ไม่สู้ลองฟังความคิดเห็นของทุกคนดู หากว่านอกจากเจ้าขุนเขาแล้ว ทุกคนล้วนไม่มีความเห็นต่าง ถ้าอย่างนั้นเจ้าขุนเขาก็คงต้องทาตัว เป็ นคนเผด็จการ เท่านั้นถึงจะขจัดข้อถกเถียงของทุกคนไปได้การ ประชุมศาลบรรพจารย์คราวหน้าก็ค่อย“พูดคุยรายละเอียดกันอีก ครั้ง” ก็แล้วกัน”
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนเรือเฟิ งยวนซึ่งมุ่งหน้าไปยังใบถงทวีป เฉินผิงอันเพิ่งจะพาเสี่ยวโม่เดินทางจากใต้หล้าห้าสีกลับมายังใต้หล้า ไพศาล ก็ได้เป็ นฝ่ ายพูดเรื่องนี้กับฉางมิ่ง ด้วยตัวเอง เพราะเรื่องของ การหลอมกระบี่บินแห่งชะตาชีวิต “จันทร ์กลางบ่อ เขาจึงคิดจะสร ้าง แม่น้าแห่งกาลเวลาที่การโคจรมีระบบระเบียบสายหนึ่งขึ้นมา จากการ ประมาณการณ์ของเฉินผิงอันในเวลานั้น อาศัยเงินเหรียญทองแดง แก่นทองที่หนิงเหยามอบให้ตอนอยู่ใต้หล้าห้าสี สร ้างแม่น้าแห่ง กาลเวลาที่มีขนาดมาตรฐานก็ไม่ใช่ปัญหา ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าการ “หลอมกระบี่ ประเภทนี้ของเฉินผิงอันก็คือหลุมไร ้กันที่ถูกกาหนด มาแล้วว่าไม่ว่าจะทุ่มภูเขาเงินภูเขาทองลงไปกี่ลูกก็ไม่มีทางเติมได้ เต็ม อีกทั้งเงินเทพเซียนสามชนิดล้วนไร ้ความหมายต้องใช ้เงิน
เหรียญทองแดงแก่นทองอย่างเดียวเท่านั้น ตอนนั้นฉางมิ่งโน้มน้าว เฉินผิงอันได้ แล้ว แต่เฉินผิงอันบอกว่าจะไม่เกรงใจนาง กลับไปถึง ภูเขาเซียนตูแล้วจะพูดคุยเรื่องนี้กันอีกที ผลคือรอกระทั่งสานักกระบี่ ชิงผิงสร ้างเสร็จ ในการประชุมศาลบรรพจารย์ครั้งแรก เฉินผิงอัน กลับไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย แล้วก็เพราะอยู่ที่สานักเบื้องล่าง ฉางมิ่งที่ เป็ นผู้คุมกฎของสานักเบื้องบนจึงไม่สะดวกจะโยนหัวข้อการประชุมนี้ ออกไปในศาลบรรพจารย์ นางจึงได้แต่อดทนรอคอยเท่านั้น
เฉินหลิงจวินรู ้สึกประหลาดใจเล็กน้อย สหายฉางมิ่งถึงกลับไม่ เรียกนายท่านของตนด้วยความเคารพว่าคุณชายแล้ว? ไยถึงเปลี่ยน มาเรียกว่าเจ้าขุนเขา? แล้วท าไมถึงได้รู ้สึกเหมือนจะมี…ปราณสังหาร ด้วย?!
จูเหลี่ยนรีบก้มหน้าดื่มชาทันที เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนก็ให้มันไป อยู่ไกลๆ ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่ไปลุยน้าขุ่นด้วย ทุกคนบอก ว่าใช่ก็ใช่ ทุกคนบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ข้าเป็ นแค่ผู้ดูแลควบ ต าแหน่งพ่อครัว สถานะต่าต้อยพูดจาไม่มีน้าหนัก พวกเจ้าคิดเสียว่า ข้าไม่อยู่ก็แล้วกัน
เว่ยป้ อสะบัดชุดคลุม ยกขานั่งไขว่ห้างแทะเมล็ดแตง คาพูด ประโยคนี้ของสหายฉางมิ่งมีนัยชวนให้ขบคิดยิ่งนัก ชวนให้คน กระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่าดื่มชาเสียอีก
ฉางมิ่งยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แน่นอนว่าตามกฎเกณฑ์ข้อนั้นที่เจ้า ขุนเขาก าหนดไว้เองตั้งแต่แรก ขอแค่เป็ นเงินทองและสมบัติที่เข้าไป
อยู่ในคลังสมบัติ ไม่ว่าใครที่อยากจะนาไปใช ้ล้วนต้องผ่านการ ตัดสินใจจากศาลบรรพจารย์ก่อนถึงจะได้ เจ้าขุนเขาเองก็ไม่ใช่ ข้อยกเว้น”
เฉินหลิงจวินแสร ้งท าท่าครุ่นคิดจริงจัง ก่อนเอ่ยอย่างสงสัยว่า “มี กฎเกณฑ์แบบนี้ด้วยหรือ? ท าไมข้าถึงจ าไม่ได้เลยล่ะ?”
เสี่ยวโม่ยิ้มกล่าว “ข้าเองก็ไม่เห็นจะเคยได้ยิน”
เซี่ยโก่วรีบพูดสนับสนุน “เสี่ยวโม่พูดถูก!”
ในตาราพูดถึงหลักการอย่างหนึ่งที่มีเหตุผลอย่างมาก บอกว่า สตรีอยู่ข้างนอกจะต้องคอยช่วยสนับสนุนบุรุษของตัวเอง
เมื่อก่อนเป็ นเพราะนางไม่เข้าใจเรื่องนี้ถึงได้เสียเปรียบอย่างหนัก ไม่ใช่หรือ? ไม่อย่างนั้นป่านนี้นางก็คงได้เป็ นคู่บาเพ็ญเพียรกับเสี่ยว โม่ มีลูกกันเป็ นขโยงไปแล้ว
เฉินผิงอันถลึงตาใส่ “เสี่ยวโม่ เซี่ยโก่ว พวกเจ้าขึ้นเขามา เมื่อไหร่กัน จะเคยได้ยินกะผายลมอะไร”
เสี่ยวโม่ไม่กล้าเถียงคุณชายก็เลยหันไปยิ้มให้หมี่ลี่น้อย หมี่ลี่ น้อยรับรู ้ความนัยได้ทันทีความคิดดีๆ พลันบังเกิด จึงกระแอมสอง สามที่ก่อนเอ่ยว่า “ขุนนางผู้เรียบเรียงตาราคนใหม่เจ้าจาเรื่องนี้ได้ ไหม?”
เด็กชายผมขาวแสร ้งทาเป็ นหยิบสมุดเล่มนั้นออกมาจากชาย แขนเสื้อทันใด “ขอให้ข้าได้ตรวจสอบอย่างละเอียดดูก่อน ทุกท่าน โปรดรอสักครู่ หลักฐานแน่นหนาดุจขุนเขา ตัวอักษรด าบนกระดาษ ขาวไม่หลอกคนที่สุดแล้ว”
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พอแล้วๆ เดิมทีเรื่องนี้ข้าก็ ไม่คิดจะเกรงใจฉางมิ่งอยู่แล้ว เงินเหรียญทองแดงแก่นทองหกร ้อย เหรียญของจวนเฉวียนฝู่ อย่างน้อยที่สุดข้าจะเอามาใช ้ครึ่งหนึ่ง”
ฉางมิ่งรีบพูดแก้ทันที “เจ้าขุนเขา จะบอกว่าเกรงใจข้าได้อย่างไร ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลยสักนิด ข้าไม่กล้ารับภาระนี้ไว้หรอกนะ”
เหวยเหวินหลงยิ้มกล่าว “เดิมทีเงินเหรียญทองแดงแก่นทองสอง ก้อนนั้นก็เป็ นเจ้าขุนเขาที่หามาได้จากทั้งทางตรงและทางอ้อมอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องของการนาไปใช ้ข้าไม่มีความเห็นต่าง”
จูเหลี่ยนถึงได้พยักหน้าเอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่มีความเห็นต่าง”
เว่ยป้ อรีบช่วยสรุปให้โดยไว “ถ้าอย่างนั้นก็เป็ นคนบางคนที่เรื่อง มากไปเองสินะ”
เกาจวินหันมามองหน้ากับจงเชี่ยน ผู้ฝึ กตนบนทาเนียบของ ภูเขาลั่วพั่วใจกล้ากันขนาดนี้เชียวหรือ? นี่ถือว่าเป็ นการล้อมโจมตี เฉินผิงอันผู้เป็ นเจ้าขุนเขาหรือไม่? แม้จะบอกว่าทุกคนต่างก็หวังดีต่อ เจ้าขุนเขา ทว่าแต่ละคนพูดจาไม่มีความยาเกรงกันขนาดนี้เชียว หรือ?
อันที่จริงนี่ก็มีสาเหตุมาจากการที่เกาจวินกับจงเชี่ยนยังไม่ได้เข้า เมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตามแล้ว หาไม่แล้วโจวอันดับหนึ่ง เผยเฉียน ชุย ตงซาน เจิ้งต้าเฟิง เซียนกระบี่ใหญ่หมี่ เทพซียนผู้เฒ่าเจี๋ย…แม่ทัพ หลักผู้มีคุณูปการที่หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีเหล่านี้ หากว่าพวกเขาอยู่ กันครบ ภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั่นก็ หึหึ
เซี่ยโก่วได้ยินค าวิจารณ์จากเว่ยป้ อก็มองซานจวินแห่งขุนเขา เหนือท่านนี้สูงขึ้นทันใดเยี่ยม เยี่ยมมาก มีความรับผิดชอบมีความ ห้าวหาญ กล้าพูดความจริง เป็ นลูกผู้ชายคนหนึ่ง!
กวอจู๋จิ่วท าท่าหมายมั่นปั้นมือ ถามว่า “อาจารย์พ่อ ต้องการให้ ข้าท้าตีกับพวกเขาทั้งกลุ่มไหม? ข้ารู ้สึกว่าความยากไม่น้อย แต่ ปัญหาไม่มาก!”
เด็กสาวสวมหมวกขนเตียวกับเด็กชายผมขาวแอบหันมาสบตา กัน ต่างคนต่างพยักหน้า หากผู้น ากวอเปิดปากแล้วก็คงได้แต่ตาม นางไปเท่านั้น
เฉินผิงอันนวดคลึงหว่างคิ้ว ขนบประเพณีบางอย่างของ คฤหาสน์หลบร ้อนขออย่าได้เอามาไว้ที่ภูเขาลั่วพั่วเลย เขาโบกมือ ให้กวอจู๋จิ่ว ดื่มชาไปหนึ่งอีก วางถ้วยชาลงเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “ถ้าอย่าง นั้นก็ตกลงตามนี้ วันนี้ข้าจะเอาเงินเหรียญทองแดงแก่นทองไปสาม ร ้อยเหรียญ ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งจวนเฉวียนฝู่ ช่วยเก็บไว้ให้ข้า ก่อน”
ฉางมิ่งใช ้เสียงในใจพูดกลั้วหัวเราะ “คุณชาย สถานการณ์บีบ บังคับ โปรดอภัย โปรดอภัย เรื่องราวในวันนี้รบกวนคุณชายบอก กล่าวกับหมี่ลี่น้อยสักคา อย่าให้ดังไปเข้าหูเผยเฉียนเด็ดขาดเชียว”
เสียงในใจของเฉินหลิงจวินตรงไปตรงมาอย่างมาก “นายท่าน ต้องการให้ข้าร่วมมือกับกวอจู๋จิ่วโจมตีให้ศัตรูถอยร่นหรือไม่? แต่ บอกตามตรงนะ พวกฉางมิ่งเขาก็หวังดี เป็ นเว่ยซานจวินนี่แหละที่ เกินกว่าเหตุที่สุด หากว่านายท่านไม่ขัดขวางเอาไว้ ข้าก็จะไม่เห็นแก่ ความสัมพันธ ์พี่น้อง ด่าเขาไปตรงๆ แล้ว”
จูเหลี่ยนรวมเสียงให้เป็ นเส้น “คุณชาย ขนบธรรมเนียมนี้จะ ปล่อยให้เติบโตต่อไปไม่ได้นะ หากยังเป็ นแบบนี้ต่อไป แต่ละคนต้อง ก่อกบฏกันแน่ สมควรที่ไหนกัน เรื่องที่สหายฉางมิ่งทาวันนี้ไม่มี คุณธรรมเอาเสียเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว่ยซานจวินที่เป็ นคนนอก พูดจาว่าร ้าย ใช ้คาพูดเหน็บแนม ไม่รู ้ว่าเป็ นนิสัยเสียๆ ที่ไปเรียนรู ้ จากใครมา ไม่เข้าท่าเลย”
เฉินผิงอันแสร ้งท าเป็ นไม่ได้ยิน บอกให้เจ้าจวนเหวยพูดหัวข้อ ก่อนหน้านี้ต่ออีกครั้ง
ทว่าพริบตานั้นเฉินผิงอันกับเว่ยป้ อ เซี่ยโก่วและเสี่ยวโม่ล้วนหัน ไปมองยังทิศตะวันตกแทบจะในเวลาเดียวกัน
มีกระบี่บินแจ้งข่าวเล่มหนึ่งส่งจากตะวันตกมายังตะวันออก พุ่ง เข้ามาในอาณาเขตของฉู่โจวในเสี้ยววินาที ก่อนจะผลุบหายเข้าไป ในห้องกระบี่ของยอดเขาจี้เช่อ
เฉินผิงอันยื่นมือออกไปกวักกระบี่บินมาไว้ในมือ อ่านจดหมาย ลับที่ส่งมาจากสถานศึกษาหลี่จื้ฉบับนี้แล้ว เขาก็ทั้งปิติยินดี ทั้งโล่งใจ
จดหมายลับคือเทียบเชิญฉบับหนึ่งที่มาจากศิษย์พี่เหมาเสี่ยวตง รองผู้อ านวยการสถานศึกษา เนื้อหาท่อนแรก เป็ นศิษย์พี่เหมาที่ใช ้ นามของสถานศึกษาหลี่จี้ส่งเอกสารมาให้กับภูเขาลั่วพั่ว เชื้อเชิญให้ เฉินผิงอันเข้าร่วมฟังการโต้วาทีของสามลัทธิ ครึ่งท่อนหลังของ ของ จดหมายกลับเหมือน “จดหมายจากทางบ้าน” ระหว่างศิษย์พี่กับศิษย์ น้องมากกว่า ในจดหมายพูดถึงตัวเลือกคนที่จะมาเข้าร่วมการโต้วาที ของสามลัทธิ บอกว่าได้ก าหนดไว้เรียบร ้อยแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อีกแล้ว มีพุทธบุตรเก้าท่านของดินแดนพุทธะสุขาวดีเมล็ดพันธ ์เต๋า เก้าท่านจากใต้หล้ามืดสลัว สองคนในนั้นค่อนข้างจะประหลาด คน หนึ่งคือจางเฟิงไห่ที่เดิมที่ควรถูกกักตัวอยู่ในถ้าแยนเสียตาหนักเจิ้น เยว่ของป๋ ายอวี้จิง แต่ดูจากความหมายของป๋ ายอวี้จิงแล้ว ทุกวันนี้ จางเฟิ งไห่ไม่เพียงแต่ไม่ใช่เต้ากวานของนครอวี้ซูแล้ว ถึงขั้นที่ว่า สถานะบนท าเนียบของป๋ ายอวี้จิงก็ยังรักษาไว้ไม่ได้ นอกจากนี้ก็เป็ น โจวหลี่คนดูแลตาราแห่งสานักชิงเสวียน สานักเบื้องบนของสานัก โองการเทพแห่งแจกันสมบัติทวีป
ทางฝั่งของศาลบุ๋นก็ได้ส่งคนเก้าคนเข้าร่วมการโต้วาทีเช่นกัน เห็นรายชื่อของคนสามคนในนั้น เฉินผิงอันถึงได้รู ้สึกดีใจเป็ นเท่าทวี ขณะเดียวกันก็โล่งอกอย่างมาก เพราะฝ่ ายหลังคือหยวนพางเจ้า ขุนเขาหนุ่มของสานักศึกษาเหิงฉวี สองคนแรกคือหลี่ซีเซิ่งลูกศิษย์ ลัทธิขงจื๊อกับหลี่เป่าผิงวิญญูชนแห่งสานักศึกษาซานหยาต้าสุย
เหมาเสี่ยวตงยังบอกด้วยว่า จากความหมายของหลี่เซิ่ง ศาลบุ๋ นยังอนุญาตให้เจ้าศิษย์น้องนาคนผู้หนึ่งมาเข้าร่วมการโต้วาทีของ สามลัทธิครั้งนี้ได้ด้วย
ช่วงท้ายของจดหมาย เหมาเสี่ยวตงบอกว่าการเชื้อเชิญนี้ไม่ จ าเป็ นต้องเห็นเป็ นจริงเป็ นจังเกินไปนัก ในเมื่อไม่ใช่การร่วมโต้วาที แค่รับฟังเท่านั้น อันที่จริงจะไปหรือไม่ไปก็ได้
เหมาเสี่ยวตงใช ้ถ้อยคาที่ค่อนข้างละมุนละม่อมในจดหมาย แต่ กลับแฝงไว้ด้วยการโน้มน้าวที่ชัดเจน เฉินผิงอันสามารถเข้าใจ ความหวังดีของศิษย์พี่เหมาได้ การโต้วาทีของสามลัทธิใน ประวัติศาสตร ์ผู้ที่เข้าร่วมจะมีอันตรายอย่างมาก ส่วนผู้ที่รับฟัง หาก ฝึ กบ าเพ็ญตนมาไม่มากพอ ขอบเขตไม่สูงมากพอ แต่กลับปล่อย อารมณ์ร่วมมากเกินไป ก็ง่ายที่จะพาตัวไปอยู่ในสถานการณ์นั้น ถูก ชักน าจิตแห่งมรรคา เรียกได้ว่าเป็ นการ “สลายมรรคา” ใน ความหมายบางอย่างเลยทีเดียว
การที่เฉินผิงอันไม่ค่อยกังวลที่หลี่เป่ าผิงจะไปเข้าร่วม หนึ่ง เพราะหลี่ซีเซิ่งพี่ชายของนางก็เข้าร่วมการโต้วาทีด้วย เดิมทีนี่ก็เป็ น
การปกป้ องมรรคาอย่างหนึ่งอยู่แล้ว นอกจากนี้ความเชี่ยวชาญใน การศึกษาหาความรู ้ของหลี่เป่ าผิง เฉินผิงอันก็เคยสัมผัสมาด้วย ตัวเองระหว่างการประชุมศาลบุ๋นแล้ว ที่สาคัญที่สุดก็คือไม่ว่าจะเป็ น อาจารย์ของตน ศิษย์พี่ชุยฉานหรือศิษย์พี่จั่วโย่ว ต่างก็มั่นใจในตัว เป่ าผิงน้อยอย่างมาก เพราะถึงอย่างไรตอนที่ยังเด็กนางก็คือแม่นาง น้อยชุดผ้าฝ้ ายบุนวมสีแดงที่สามารถคัดภูเขาตาราหนึ่งลูกได้เพียง แค่เพื่อให้ตัวเองได้โดดเรียน
ทางฝั่งของศาลบุ๋น ซิ่วไฉเฒ่าคนหนึ่งยืนเอาสองมือไพล่หลัง ข้างกายมีรองผู้อ านวยการสถานศึกษาร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่ด้วย ซิ่วไฉเฒ่ายิ้มถาม “เสี่ยวตงอ่า ในจดหมายเขียนอะไรไปบ้างหรือ?”
แม้ว่าเหมาเสี่ยวตงจะเปลี่ยนระบบสืบทอดแล้ว แต่เขาก็ยัง ซื่อสัตย์จริงใจต่ออาจารย์ผู้มีพระคุณอยู่เสมอ จึงบอกถึงเนื้อหาใน จดหมายให้อีกฝ่ ายฟังอย่างไม่มีตกหล่น ซิ่วไฉเฒ่ายิ่งฟังก็ยิ่งโมโห ขมวดคิ้วมุ่น ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เห็นว่ารอบด้านไม่มีใครอยู่ก็ กระโดดตบหัวอีกฝ่ ายทันที “ไปหรือไม่ไปก็ได้อะไรกัน เจ้าไม่มีความ มั่นใจในตัวศิษย์น้องเล็กขนาดนี้เลยหรือ?!”
เหมาเสี่ยวตงจึงได้แต่อธิบายว่า “ศิษย์น้องเล็กไม่ได้ต่างจาก อาจารย์ ต่างก็ชอบศึกษาหาความรู ้เช่นเดียวกัน แล้วยังชอบดันทุรัน จริงจังเกินเหตุด้วย การโต้วาทีของสามลัทธิ ต่างฝ่ ายต่างก็มีคาพูดที่ ละเอียดอ่อนและแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ข้ากังวลว่าศิษย์น้อง เล็กจะสิ้นเปลืองความคิดจิตใจมากเกินไป กลับกลายเป็ นว่าจะไม่ดี”
ซิ่วไฉเฒ่าอิ่มรับหนึ่งที “คาพูดนี้ถือว่ามีคุณธรรม เสี่ยวตงยังคง ทาอะไรเชื่อถือได้อยู่เสมอ เป็ นอาจารย์ที่กล่าวโทษเจ้าผิดไป คงไม่ น้อยใจใช่ไหม?”
เหมาเสี่ยวตงเอ่ยอย่างจริงใจ “อาจารย์สั่งสอนได้ดี ต่อให้ศิษย์จะ เรียนรู ้มาได้อย่างผิวเผิน แต่ก็ยังเป็ นประโยชน์ไปชั่วชีวิต ดังนั้นศิษย์ จะน้อยใจอะไรได้ อาจารย์ไม่น้อยใจจึงจะดี
ซิ่วไฉเฒ่าลูบหนวดยิ้ม นี่ก็คือจุดที่ศิษย์พี่สู้ศิษย์น้องไม่ได้แล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้ประจบสอพลอ แต่กลับพูดเหมือนยกยอเอาใจ
เหมาเสี่ยวตงพึมพา “ความน้อยใจที่แท้จริง มีแต่จะทาให้คน น้อยใจจนไม่รู ้ว่าควรจะร ้องไห้ดีหรือไม่ต่างหาก”
ซิ่วไฉเฒ่ายืดแขนยาวออกไปตบบ่าของเหมาเสี่ยวตงเบาๆ
ภูเขาลั่วพั่ว เฉินผิงอันเดินไปถึงประตูภูเขา ยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ ไม้ไผ่ตัวหนึ่ง เซียนเว่ยคนเฝ้ าประตูกาลังอ่านตารา คอยใช ้นิ้วแตะ น้าลายพลิกเปิดหน้าหนังสืออยู่เป็ นระยะ ท่าทางจะเพลิดเพลินมาก บางครั้งยังเปิดกลับไปอ่านซ้าหน้าเดิมด้วย
เฉินผิงอันกระแอมหนึ่งที นักพรตเซียนเว่ยตกใจสะดุ้งโหยง ใช ้ ความเร็วที่ฟ้ าผ่าไม่ทันป้ องหูโยนตาราเล่มนั้นทิ้งลงพื้น “พี่ใหญ่ต้า เฟิง คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะเป็ นคนเช่นนี้ ถึงกับมีตาราแบบนี้ได้!”
ชายฉกรรจ์หลังค่อมคนหนึ่งปรากฏกายในเรือน ทันมาเจอกับ ภาพนี้เข้าพอดีก็ตวาดกร ้าวเดือดดาล โหวกเหวกว่าเป็ นเวรกรรมที่
พ่อครัวเฒ่าก่อโดยแท้ ถึงกับเอาต าราประเภทนี้มาไว้ในบ้านของคน อื่นได้
ใบหน้าเฉินผิงอันเต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนยินดี ยิ้มถาม “กลับมาได้อย่างไร?”
เจิ้งต้าเฟิงยิ้มเอ่ย “คิดถึงบ้านแล้ว”