กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 994.5 ในภูเขาช่างงดงาม
เกาจวินอยากจะปฏิเสธ ไปเป็ นแขกที่ภูเขาพีอวิ๋น แขกไม่พก ของขวัญพบหน้าไปก็ยังพอท าเนา ไหนเลยจะยังมีเหตุผลให้รับ ของขวัญมาจากเจ้าบ้านอีก เพียงแต่นางตัดใจจะคืนให้อีกฝ่ ายไม่ได้ จริงๆ จึงหยุดการทะยานลม รับตาราตระกูลเขียนสองเล่มที่สามารถ ช่วยคลี่คลายไฟไหม้ลามขนคิ้วของตัวเองได้ดีที่สุดมา เกาจวินคารวะ ตามขนบลัทธิเต๋ขอบคุณเว่ยซานจวินที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็ นอย่างดี เว่ยป้ อหลุดหัวเราะพรืด เจ้าประมุขเกาที่มีมารยาทอย่างมากผู้นี้ หาก ในอนาคตกลายมาเป็ นผู้ฝึ กตนท าเนียบของภูเขาลั่วพั่วหรือไม่ก็ เค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่ออย่างจงเชี่ยน คาดว่าต่อให้เข้าร่วมการ ประชุมศาลบรรพจารย์หลายครั้งก็ยังต้องรู ้สึกปรับตัวไม่ได้อยู่ เหมือนเดิมกระมัง
ขนบธรรมเนียมของภูเขาลั่วพั่ว คนทั่วไปคิดจะปรับตัวให้ กลมกลืน ทั้งต้องมีความสามารถในการทาความเข้าใจ และยิ่งต้องมี วาสนาต่อกัน
เว่ยป้ อรู ้สึกว่าจนถึงตอนนี้ตนก็ยังเข้ากับขนบธรรมเนียมของ ภูเขาลั่วพั่วไม่ได้เลย หากจะพูดถึงลมเย็นปราณเที่ยงตรงแล้วล่ะก็ ยัง ต้องเป็ นภูเขาพีอวิ๋นของตนเท่านั้น
เว่ยป้ อยิ้มเอ่ย “แม้จะตกเป็ นที่ต้องสงสัยว่าชมตัวเอง แต่เพื่อไม่ให้ เจ้าประมุขเกาเข้าใจผิดก็จ าเป็ นต้องอธิบายสักสองสามค า ซานจวิ นแห่งมหาบรรพตอุดรอย่างข้าไม่เพียงแต่เป็ นซานจวินประจ าแคว้น ของราชวงศ์ต้าหลีเท่านั้น ภูเขาพีอวิ๋นที่อยู่ตรงหน้านี้ยังเป็ นมหา บรรพตอุดรของแจกันสมบัติทวีปอีกด้วย เพราะเมื่อหลายปี ก่อน ราชวงศ์ต้าหลียังอยู่ในสถานการณ์ที่ว่าหนึ่งแคว้นก็คือหนึ่งทวีป ภายหลังมีลาน้าใหญ่ภาคกลางเป็ นเส้นแบ่ง สกุลซ่งต้าหลีถอย กลับไปอยู่ทางเหนือของลาน้าใหญ่ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังได้ครอบครอง แผ่นดินครึ่งหนึ่งของแจกันสมบัติทวีป”
เกาจวินกระจ่างแจ้งโดยพลัน พื้นที่มงคลบ้านเกิดก็เป็ นเช่นนี้ เหมือนกัน ห้ามหาบรรพตตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างฟ้ าดิน ราวกับว่าไม่ ต้องให้จักรพรรดิแต่งตั้งก็ได้รับการยอมรับจากฟ้ าดินแล้ว ถังเถี่ยอี้ ฮ่องเต้พระองค์ใหม่แห่งแคว้นเป่ ยจิ้นที่ยึดครองบัลลังก ์แต่กลับไม่ได้ ผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ก็เคยคิดอยากแต่งตั้งขุนเขาเหนือในอาณาเขต ของแคว้นเช่นกัน ยกขบวนเดินทางออกจากเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ ผลคือขบวนเพิ่งจะไปถึงตีนเขา ฟ้ าดินก็เกิดภาพเหตุการณ์ผิดปกติ ลมฝนพัดกระโชกแรง สายฟ้ าตัดสลับกัน เป็ นเหตุให้คนทั้งกลุ่มไม่ ทันได้เดินขึ้นเขา ถังเถี่ยอี้เองก็ไม่อาจบุกฆ่าขึ้นเขาไปเพียงลาพังได้ สุดท้ายจึงกลายมาเป็ นเรื่องตลกใหญ่เทียมฟ้ า ฮ่องเต้เว่ยเยี่ยนแห่ง แคว้นหนันเยวี่ยนที่เดิมทีก็คิดจะทาแบบเดียวกันจึงไม่ไปชนตออย่างรู ้ อะไรควรไม่ควร
เกาจวินรู ้เรื่องราวและบุคคลประหลาดมากมายในภูเขาเพราะเคย ไปเยือนห้ามหาบรรพตด้วยตัวเองมาก่อน เป็ นเหตุให้นางได้ส่ง จดหมายลับฉบับหนึ่งไปให้ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของแคว้นซงไล่นาน แล้ว ตั้งใจเตือนเรื่องนี้โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงไม่ให้ทางราชสานัก กระท าการบุ่มบ่ามกลายเป็ นแตกหักกับซานจวิน
เว่ยป้ อกล่าว “ราชครูคนก่อนของราชวงศ์ต้าหลีมีชื่อว่าชุยฉาน ฉายาซิ่วหู ตามการค านวณของสายบุ๋นที่นี่ของเรา ราชครูชุยคือ ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าขุนเขาเฉิน และเจ้าขุนเขาเฉินก็เป็ นลูกศิษย์ปิด ส านักของสายบุ๋นสายหนึ่งของพวกเรา”
เกาจวินกระจ่างแจ้งอีกครั้ง
มิน่าเล่าตอนนั้นที่เฉินผิงอันออกมาจากพื้นที่มงคล เวลาไม่ถึง สามสิบปีก็มีรากฐานกิจการเช่นนี้ได้
ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้อาศัยร่มเงา มีคนรู ้จักในราชส านักก็เป็ น ขุนนางได้ง่าย คิดดูแล้วอยู่ในใต้หล้าไพศาลก็น่าจะเป็ นหลักการที่ไม่ ต่างกัน
เว่ยป้ อกลั้นขาอย่างชั่วร ้าย “ถึงอย่างไรก็เป็ นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วม ส านัก ราชครูชุยจึงฝากความหวังและให้การดูแลศิษย์น้องเล็กอย่าง เจ้าขุนเขามากเป็ นพิเศษ”
เกาจวินพยักหน้า “ในเมื่อเป็ นคนร่วมสานัก ถ้าอย่างนั้นราชครู ชุยดูแลเขียนกระบี่เฉินมากหน่อยก็เป็ นความรู ้สึกของคนทั่วไป
ส่งเสริมคนเก่งไม่ต้องหลีกเลี่ยงญาติมิตร จงใจห่างเหินกลับจะ กลายเป็ นว่าไร ้คุณธรรม”
เว่ยป้ อได้ยินแล้วก็ประหลาดใจเล็กน้อย เจ้าประมุขเกาที่คาพูด คาจาจริงใจผู้นี้ ดูเหมือนว่านางจะใกล้ชิดกับมหามรรคาของภูเขาลั่ว พั่วได้อย่างเป็ นธรรมชาติเหมือนกันนะ
ภูเขาพีอวิ่น ภูเขาสูงตระหง่านงา แต่กลับไม่ทาให้คนรู ้สึกว่าสูง ชันอันตราย เว่ยป้ อไม่ได้พาเกาจวินตรงไปที่จวนซานจวิน แต่เลือก แท่นหินที่เงียบสงบแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับยอดเขา การมองเห็นเปิด กว้าง ผืนแผ่นดินของหลายจังหวัดล้วนปรากฏอยู่ด้านใต้แท่นหินแห่ง นี้ด้านข้างมีลาธารไหลผ่านป่ าไผ่งดงามก่อนจะไหลลงสู่สระลึก น้า ยังคงเยียบเย็น ใสกระจ่างและลึกมากด้วยปลา มีก้อนหินโผล่พ้นน้า เป็ นระยะ ด้านบนคือตะไคร่น้าและต้นชางผูที่เกาะกลุ่มเป็ นพุ่มเขียว ขจี ยังคงมีสายน้าไม่ทราบชื่อ พืชพรรณบุปผายากจะแยกแยะ ร ้อย รัดเกี่ยวพันยากจะแยกจาก ป่ าไผ่เขียวขจีและทะเลเมฆอิงแอบเคียง ข้างอยู่กับภูเขาลูกนี้ สีเขียวกับสีขาวล้อมวนเชื่อมต่อกับผืนฟ้ า กวาดตามองไปตรงใดก็เหมือนกันหมด สีสันพร่างพราวขับล้อ ประกายแสงจากฟ้ า ภูเขาเขียวชอุ่มแมกไม้หนา ทุกครั้งที่มีลมพัด จากจุดสูง ยอดหญ้าจะไหวเอน สีสันของภูเขาพัดตามลมจากเบื้อง บนคล้อยลงสู่น้าไหลเบื้องล่าง
เว่ยป้ อโบกชายแขนเสื้อเบาๆ บนพื้นราบเรียบที่เหมือนถูกมีด ปาดของแท่นสูงก็มีพรมของแคว้นไฉ่อีปรากฏขึ้นมา ด้านบนยังมี
เบาะรองนั่งตระกูลเซียนที่ถักทอมาจากจวนซานหลางอุตรกุรุทวีป สิ่ง เหล่านี้ล้วนเป็ นของบรรณาการที่ได้จากงานเลี้ยงท่องราตรีของ ขุนเขาเหนือ ในคลังสมบัติของหน่วยสมบัติและกองเครื่องพิธีการ ใกล้จะกองทับกันจนกลายเป็ นภูเขาอยู่แล้ว
ซานจวินท่านหนึ่ง ผู้ฝึกตนคนหนึ่ง นั่งอยู่บนเบาะรองนั่ง เกาจวิ นมองทัศนียภาพงดงาม หูฟังเสียงน้าไหล เงียบงันไปนานกว่าจะคืน สติ เอ่ยถามว่า “เว่ยซานจวินรับหน้าที่เป็ นซานจวินมานานกี่ปีแล้ว?”
เว่ยป้ อยิ้มบางๆ “เมื่อนานมากมาแล้ว ข้าเป็ นแค่ซานจวินของ แคว้นเล็กแห่งหนึ่ง ภายหลังผลัดเปลี่ยนราชสานัก ข้าก็ถูกลดขั้นให้ กลายเป็ นเทพแห่งผืนดินของภูเขาลูกหนึ่ง”
กล่าวมาถึงตรงนี้ เว่ยป้ อก็ยื่นนิ้วชี้ไปที่ภูเขาฉีตุน “ก็คือที่นั่น ไม่ใช่แม้กระทั่งเทพภูเขา”
“เพราะวาสนาน าพา โชคชะตาเวียนมาถึง โชคดีได้เข้ามาอยู่ใน ภูเขาพีอวิ๋น อันที่จริงข้าก็เพิ่งมารับหน้าที่เป็ นซานจวินขุนเขาเหนือ ของราชวงศ์ต้าหลีได้ไม่ถึงสามสิบปี”
“แต่ถึงอย่างไรก็มีโทษติดตัว คนมีความผิดย่อมกระวนกระวายใจ อดเป็ นกังวลไม่ได้ว่าความมีหน้ามีตาในวันนี้จะกลายเป็ นเพียงอดีตที่ รักษาไว้ไม่ได้”
กระวนกระวายใจ เว่ยป้ อใช ้คานี้มาบรรยายสภาพจิตใจของ ตัวเองก็ไม่ใช่ค าหยอกล้อของซานจวินมหาบรรพตอุดรท่านนี้ไปเสีย หมด
ก็เหมือนอย่างถ้อยคาที่มีเจตนาอื่นแฝงซึ่งเอ่ยไปก่อนหน้านี้ที่ก็ ไม่ถือว่าเว่ยป้ อจงใจหยอกล้อเกาจวินเหมือนกัน หากนางมาเยือนใต้ หล้าไพศาลครั้งแรก บุคคลเรื่องราวและวัตถุที่พบเจอ ทั้งสามอย่างนี้ ล้วนแตกต่างจากบ้านเกิด ก็ง่ายที่นางจะรู ้สึกเคลือบแคลง อยู่ใน สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ได้ยินมาล้วนเกินขอบเขต ความรู ้ที่เคยมีมา จึงจาเป็ นต้องตามหาวัตถุที่ตัวเองคุ้นเคยซึ่งพอจะ ท าความเข้าใจได้ หายาสงบใจให้ตัวเอง หรือควรจะพูดว่าหาตะกร ้า สักใบมาทาเป็ นหินถ่วงท้องเรือ ให้เรือหยุดลอยนิ่ง ปลอบประโลม จิตใจของตัวเอง
สาเนียงคนบ้านเกิดเป็ นเช่นนี้ ดื่มสุราที่รสชาติไม่ต่างกันสัก เท่าไรในใต้หล้า ตามหาสหายร่วมปณิธานระหว่างฟ้ าดิน คิดดูแล้วก็ น่าจะเป็ นเช่นนี้เหมือนกัน
สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็แค่เป็ นคาว่า ‘เหมือนตน” และ “ไม่โดด เดี่ยว” เท่านั้น
มีครั้งหนึ่งได้ดื่มเหล้าร่วมโต๊ะกับพ่อครัวเฒ่า เจิ้งต้าเฟิงได้เสนอ การคาดเดาที่เป็ นเอกลักษณ์เฉพาะของเขาออกมา
เขาบอกว่าโลกมนุษย์บางทีอาจเป็ นแคว้นเทพแห่งหนึ่ง
“คน” ทั้งหมดล้วนเป็ นองค์เทพในบางความหมาย กิน “ควันธูป” ที่แตกต่างกันไป
น่าจะเป็ นแค่คาพูดด้วยความเมามายที่ออกมาจากจินตนาเพ้อ ฝันเลื่อนลอยเท่านั้นกระมัง
บนยอดสูงสุดของยอดเขาจี้เซ่อ เด็กสาวสวมหมวกขนเตียวนั่ง ยองอยู่บนราวรั้ว นางผงกปลายคางไปทางประตูภูเขา “ได้เจอ กับเจิ้งต้าเฟิงตัวจริง รู ้สึกคุ้นตาบ้างไหม?”
เสี่ยวโม่พยักหน้า “รูปร่างเปลี่ยนไป แต่บุคลิกลักษณะกลับไม่ เปลี่ยน”
เมื่อหมื่นปีก่อน ศึกเดินขึ้นฟ้ าที่การต่อสู้ดุเดือดรุนแรง ก็มีเพียง แม่ทัพเทพที่สวมเสื้อเกราะต้าซวงผู้นั้นเท่านั้น ที่ทั้งๆ ที่รู ้ดีว่าต้องตาย แน่นอน แต่ก็ยังเฝ้ าประตูสวรรค์ไม่ยอมถอยห่างแม้แต่ก้าวเดียว
ต้องรู ้ว่าศัตรูที่แม่ทัพเทพต้องเผชิญหน้าในเวลานั้น ไม่ใช่ทั้งผู้ ฝึกกระบี่หรือผู้ฝึกลมปราณในโลกมนุษย์ แต่เป็ นผู้ถือกระบี่หนึ่งใน ห้าเทพสูงสุดแห่งสรวงสวรรค์
ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้น สุดท้ายแม่ทัพเทพก็ถูกกระบี่หนึ่งแทงทะลุ เสื้อเกราะและเรือนกายร่างถูกปักตรึงตายอยู่บนประตูใหญ่
เซี่ยโก่วในเวลานี้ต่างจากเวลาปกติราวกับเป็ นคนละคนกัน นาง มีสีหน้าเย็นชาสายตาเยียบเย็น ถามว่า “ปีนั้นเจ้าเคยคบค้ากับชิงถง เทียนจวินหรือไม่?”
เสี่ยวโม่ส่ายหน้า “ตอนนั้นหลังจากข้าเลื่อนเป็ นขอบเขตบิน ทะยานก็แค่เคยขยับเข้าใกล้หอบินทะยานเท่านั้น ไม่เคยขึ้นไปบน เส้นทางเทพสายนั้น จึงไม่เคยได้เจอกับบรรพบุรุษแห่งเซียนดินฝ่ าย ชายท่านนี้” เซี่ยโก่วกล่าว “ข้าเคยเจอ”
เสี่ยวโม่กึ่งเชื่อกึ่งกังขา
เซี่ยโก่วเอ่ยเสียงหนัก “หลังจากข้ากลายเป็ นเซียนดินก็เคยไป เยือนหอบินทะยาน แต่กลับไม่ใช่สายที่สตรีควรเดิน ข้ายืนกรานจะใช ้ สถานะของผู้ฝึกกระบี่หญิงไปเดินบนเส้นทางอีกเส้นนั้นให้จงได้”
เสี่ยวโม่เชื่อในทันที เชื่ออย่างไม่คลางแคลง เพราะนี่เป็ นเรื่องที่ผู้ ฝึกกระบี่ป๋ ายจิ่งท าได้จริงๆ อีกทั้งนางจะต้องทาแน่นอน
เซี่ยโก่วยกมือสองข้างขึ้นโอบหมวกขนเตียวบนศีรษะ เบ้ปาก “คนเราจะท าอะไรตามอารมณ์ไม่ได้เด็ดขาด ขอบเขตไม่สูงมากพอ ตอนนั้นเวทกระบี่ไม่ได้เรื่อง เกือบจะรักษาหัวสุนัขเอาไว้ไม่ได้แล้ว”
เสี่ยวโม่กล่าว “ชิงถงเทียนจวินกับอีกท่านหนึ่งนั้นนับว่ายังมี ความเมตตาต่อผู้ฝึกตนบนโลกมนุษย์อยู่มาก”
เซี่ยโก่วพยักหน้า เอยว่า “นั่นเป็ นเพราะพวกเขาต่างก็รักษา ความเป็ นคนส่วนใหญ่เอาไว้ได้ นี่เป็ นเรื่องที่สรวงสวรรค์บรรพกาลมิ อาจคาดคิดได้ถึง จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังคิดหาเหตุผลที่สมเหตุสมผล ไม่ได้เลย”
เสี่ยวโม่เงียบงัน
ใจคนยากจะคาดเดา พัวพันกันดุจปมเชือกยุ่งเหยิง นี่จึงเป็ นเหตุ ให้ปากอย่างใจอย่างค าพูดและการกระท าไม่ตรงกัน
แต่ทวยเทพบรรพกาลกลับไม่เหมือนกัน ดูเหมือนว่านอกจากห้า เทพสูงสุดและเทพชั้นสูงแล้ว การกระท าและค าพูดของเทพทุกองค์ ล้วนตรงไปตรงมา
ผู้ฝึ กตน นอกจากจะเดินไปบนเส้นทางของใครของมัน มีเวท คาถานับพันนับหมื่นแล้วหากสืบสาวไปถึงต้นก าเนิด ก็เป็ นแค่ ความคิดสับสนวุ่นวายที่ถูกเหล่าทวยเทพที่อยู่สูงเหนือผู้ใดขจัดทิ้ง แล้วหลอมรวมให้กลายเป็ นหนึ่งเดียวเท่านั้น
อันที่จริงเซี่ยโก่วสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคุ้นเคยหลายขุมที่อยู่ใน เมืองเล็กได้นานแล้วใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความดูแคลน จุ๊ปาก เอ่ย “ฟ้ าดินกลายเป็ นหุบเขา มหาสมุทรกลายเป็ นผืนนา น่าเสียดาย ที่ในอดีตเป็ นปลากลืนเรือ มาอยู่บนบกกลับสู้มดสักตัวก็ยังไม่ได้”
เสี่ยวโม่เตรียมจะขยับเท้าเดินจากไป เซี่ยโก่วพลันถามว่า “เสี่ยว โม่ เสี่ยวโม่ ท่านั่งยองของข้าไม่ค่อยงดงามใช่หรือไม่?”
เสี่ยวโม่ไม่พูดอะไรสักคา เซี่ยโก่วตีลังกาพลิกตัวไปด้านหลัง งอ เข่าทิ้งตัวลงพื้น พอยึดตัวขึ้นก็จับประคองหมวกขนเตียว มองเสี่ยวโม่ ที่สวมหมวกเหลือง นางรู ้สึกว่าพวกเขาช่างเหมาะสมกันจริงๆ
เดินอยู่ข้างกายเสี่ยวโม่ เด็กสาวเริ่มทอดถอนใจเฮือกๆ ทั้งๆ ที่ เป็ นชะตารักคู่ฟ้ าดินประทาน แต่ไฉนถึงได้ขมขื่นเพียงนี้หนอ
เสี่ยวโม่พลันถามคาถามที่ทาลายบรรยากาศอย่างมาก “เจ้าบอก กับข้ามาตามตรงหากไม่พูดถึงเรื่องส่วนตัวระหว่างพวกเรา ครั้งนี้เจ้า มาเยือนใต้หล้าไพศาลเพราะต้องการสิ่งใด?”
เซี่ยโก่วกะพริบตาปริบๆ ทั้งไม่อยากโกหกเสี่ยวโม่ แล้วก็ไม่ สะดวกจะพูดความจริงนางจึงได้แต่แกล้งโง่ทาเป็ นไม่รู ้เรื่องไปเท่านั้น
เสี่ยวโม่ถือไม้เท้าเดินป่าเดินอยู่บนเส้นทางภูเขาระหว่างยอดเขา จี้เซ่อกับยอดเขาจี๋หลิง พูดด้วยน้าเสียงเรียบเฉยว่า “ไม่อยากพูดก็ไม่ เป็ นไร ถึงอย่างไรข้าก็ไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ข้ามีเรื่องที่อยากจะบอกเจ้า ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็ นสมบัติหนักอะไร ไม่ว่าเจ้าจะได้มาครองด้วยวิธีใด จ าไว้ว่าห้ามละเมิดกฎของศาลบุ๋น อย่าให้คุณชายของข้าต้องล าบาก ใจ”
ผู้ฝึ กกระบี่ขอบเขตบินทะยานเหมือนอย่างเขากับป๋ ายจิ่ง เมื่อ หมื่นปีก่อนต่างก็ชอบออกไปท่องเที่ยว “ใต้หล้า’ เพียงลาพังกันทั้งสิ้น ดังนั้นในความเป็ นจริงแล้ว ใต้หล้าทั้งหลายในทุกวันนี้ สาหรับพวก เขาแล้วจึงทั้งแปลกหน้าทั้งคุ้นเคย แม้จะบอกว่ากาลเวลาผ่านมา ยาวนาน หมื่นปีที่ผ่านมา ผู้ฝึกตนที่เคยท่องผ่านโลกมนุษย์มีจานวน มากดุจขนวัว เป็ นเหตุให้โชควาสนาและสมบัติหนักมากมายของเมื่อ หมื่นปีก่อนแทบจะถูกฉกฉวย ถูกกวาดค้นไป จนหมดสิ้น แต่ก็ย่อม ต้องมีปลาหลุดรอดหว่างแหที่ยังไม่เคยถูกผู้ฝึ กตนรุ่นหลังพบเจอ
อย่างเลี่ยงไม่ได้ เสี่ยวโม่เดาว่าป๋ ายจิ่งออกเดินทางไกลครั้งนี้ต้องมา เพื่อตามหาสมบัติแน่นอนนางไม่มีทางยอมกลับไปมือเปล่า
เซี่ยโก่วยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ฮ่า โจรไม่จากไปมือเปล่าหรอก นะ”
เฉินผิงอันออกจากเรือนพักมาเพียงลาพัง เฉินหลิงจวินถูกเจิ้งต้า เฟิงรั้งตัวไว้อย่างกระตือรือร ้น ทั้งสองยักคิ้วหลิ่วตาให้กัน ก่อนจะเริ่ม ใช ้ภาษาลับกันอีกครั้ง
ก่อนจะจากมา เฉินผิงอันหยิบไหใบใหญ่หลายใบออกมาจาก วัตถุจื่อชื่อ ด้านในล้วนบรรจุ “น้าใส” เอาไว้ แม้จะบอกว่าเป็ นน้าใส แต่กลับมีมูลค่ามาก เพราะเป็ นน้าพุหลิงชิวของตาหนักฉางชุน น้า พุฝูเฉียนของยอดเขาหลงถวนภูเขาเมฆาเรื่อง และยังมีอีกสองส่วนที่ เป็ นน้าที่เผยเฉียนได้มาจากทวีปอื่นระหว่างที่ออกเดินทางไกล แรกเริ่มสุดเป็ นเฉาฉิงหล่างที่ไปเข้าร่วมการสอบที่เมืองหลวงต้าหลี เจิ้งต้าเฟิงแค่เอ่ยหยอกล้อว่าหลังจากที่เฉาฉิงหล่างมีชื่อติดกระดาน ทองแล้ว ให้หาเวลาว่างอ้อมเส้นทางแวะไปที่ตาหนักฉางชุนสักรอบ หากซื้อมาไม่ได้ แต่ต่อให้ต้องขโมยก็ต้องขโมยน้าพุหลิงชิวมาสัก หลายๆ กาให้จงได้ ใช ้น้านี้มาต้มชาสตรีดื่มแล้วสามารถคงความ อ่อนเยาว์เอาไว้ได้ อันที่จริงเจิ้งต้าเฟิ งนั้นหวังดี อยากให้หนอน หนังสืออย่างเฉาฉิงหล่างไปเปิดหูเปิดตาที่ตาหนักฉางชุนที่มีเทพธิดา สาวงามอยู่รวมกันมากมาย จะได้เปิดสติปัญญา…คนพูดไร ้เจตนา คนฟังกลับมีใจ เฉาฉิงหล่างกลับท าจริงเพียงแต่ว่าน้าพุหลิงชิวเป็ น
ต้นกาเนิดน้าในการนามาหมักเหล้าเขียนของตาหนักฉางชุน มีการ ป้ องกันอย่างเข้มงวด เป็ นพื้นที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง ต่อให้เฉาฉิงหล่าง จะเป็ นปั้งเหยียนของต้าหลี เปิ ดปากขอร ้องก็ยังไม่มีประโยชน์ นับประสาอะไรกับที่ตอนนั้นในมือของเฉาฉิงหล่างก็ยังไม่มีวัตถุ ฟางชุ่นและวัตถุจื่อชื่อที่ใช ้บรรจุน้าหลิงชิวได้ ภายหลังเขาต้อง ลาบากเหนื่อยยากอยู่หลายตลบกว่าจะไหว้วานคนแล้วค่อยอาศัยเรือ ตระกูลเซียนนามาส่งที่ภูเขาหนิวเจียวได้อย่างไม่ง่าย
ส่วนน้าพุฝูเฉียนสองขวดกระเบื้องเล็กที่ได้มาจากยอดเขาหลงถ วนนั้น เฉินผิงอันเคยไปเยือนภูเขาเมฆาเรื่องมาครั้งหนึ่ง ได้มา อย่างไร แค่คิดก็พอจะรู ้ได้