กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 997.2 กลิ่นหอมของคอกซิ่งเหนือเมฆพร่างพราว
เนื่องจากฮ่องเต้สามรุ่นของสกุลซ่งต้าหลีมักจะมาเยือนต าหนัก ฉางชุนเป็ นประจ าหนันจานไทเฮาของต้าหลีในทุกวันนี้ ปีนั้นก็ยิ่งเคย มาสร ้างกระท่อมฝึกตนอยู่ที่นี่ ประเด็นสาคัญคือราชครูชุยฉานผู้นั้น ยังเคยเข้าร่วมงานพิธีเปิดยอดเขาที่ผู้ฝึกตนหญิงของตาหนักฉางชุน เลื่อนเป็ นเขียนดินโอสถทองถึงสองครั้ง นี่เป็ นเรื่องที่ทุกวันนี้มิอาจ จินตนาการได้เลยสามารถท าให้ซิ่วหูผู้นั้นเข้าร่วมงานพิธีของพรรค แห่งหนึ่ง? อย่าว่าแต่สานักที่เลื่อนขั้นใหม่เลย ต่อให้เป็ นส านัก โองการเทพ สกุลเจียงอวิ๋นหลิน จะยังเชิญเขาได้หรือ?
การเข้าร่วมงานพิธีของภูเขาตะวันเที่ยงในครั้งนั้น ทางฝั่งราช ส านักก็ยังแค่ส่งตัวทูตผู้ตรวจการอย่างเฉาผิงไปเท่านั้น และในอดีต ตอนที่สานักกระบี่หลงเฉวียนก่อตั้งสานัก รวมไปถึงตอนที่หลิว เสี้ยนหยางรับตาแหน่งเจ้าสานักต่อก็ยังมีแค่เจ้ากรมพิธีการของต้า หลีเท่านั้นที่ไปร่วมงาน
กานอี๋ได้ยินเสียงในใจของเถ้าแก่เหลียนหลงอีกครั้ง นางลังเลอยู่ เล็กน้อยก็ใช ้เสียงในใจพูดกับเจิ้งต้าเฟิ งว่า “อาจารย์เจิ้ง มีเรื่อง อยากจะปรึกษาหน่อย”
เจิ้งต้าเฟิงรีบหยุดเท้าหันตัวกลับมา ถูมือยิ้มเอ่ยทันที “ผู้น้อยยัง ไม่ได้แต่งงาน”
กานอี๋แสร ้งทาเป็ นว่าไม่ได้ยิน แค่พูดอยู่กับตัวเองว่า “ข้ายินดีจะ ขายภูเขาเที่ยวอวี๋ให้กับภูเขาลั่วพั่ว ไม่ทราบว่าอาจารย์เจิ้งจะช่วยนา ความไปบอกเจ้าขุนเขาเฉินแทนข้าสักค าได้หรือไม่?”
เจิ้งต้าเฟิงพยักหน้ายิ้มเอ่ย “ได้เลยๆ จะต้องเอาไปบอกให้แน่”
บริเวณใกล้เคียงกับภูเขาลั่วพั่ว นอกจากภูเขาฮุยเหมิงทางทิศ เหนือที่เป็ นภูเขาใต้อาณัติบ้านตัวเองแล้ว ยังมีภูเขาอีกสามลูกได้แก่ ยอดเขาเทียนตู ภูเขาเที่ยวอวี๋ รวมไปถึงเชิงเขาฝูเหยา ทุกแห่งล้วนมี เจ้าของแล้ว
เพียงแต่ว่าไม่ได้โดดเด่นเหมือนยอดเขาอีได้ ผู้ฝึกตนที่อยู่บน ภูเขาล้วนเก็บตัวเงียบไม่ค่อยออกไปข้างนอก น้อยครั้งนักที่จะปรากฏ ตัว โดยเฉพาะยอดเขาเทียนตูที่ผู้ฝึ กตนคล้ายกับถูกกักบริเวณ หรือไม่ก็ปิดด่านอย่างไรอย่างนั้น แทบไม่มีใครลงมาจากภูเขา อีกทั้ง เกี่ยวกับสถานะของเจ้าขุนเขาสามท่าน แม้ว่าทางฝั่งของต้าหลีจะมี บันทึกลับ แต่กลับไม่เคยแพร่งพรายต่อภายนอก และทางฝั่งของ ภูเขาลั่วพั่วนี้ก็ไม่เคยจงใจไปสืบเสาะเรื่องนี้
ทุกครั้งที่ทะยานลมไปกลับระหว่างภูเขาลั่วพั่วกับเมืองเล็กจะต้อง เป็ นฝ่ายทิ้งระยะห่างช่วงหนึ่งเพื่ออ้อมภูเขาไปอีกทาง
คิดไม่ถึงว่าภูเขาเที่ยวอวี๋จะเป็ นทรัพย์สินส่วนตัวในนามของกาน อี๋
เหลียนหลงค่อนข้างจะประหลาดใจ เจิ้งต้าเฟิงถึงกับออกไปจาก ร ้านทั้งอย่างนี้เลยน่ะหรือ
เดินอยู่บนถนน เจิ้งต้าเฟิงขมวดคิ้วน้อยๆ เพราะบนร่างของกาน อี๋มีกลิ่นอายบรรพกาลที่คุ้นเคยขุมหนึ่ง
เจิ้งต้าเฟิ งที่ได้จิตวิญญาณกลับคืนมา แม้ว่าความทรงจา บางอย่างจะไม่ได้หวนคืนมาด้วย แต่เขาก็เหมือนมีวิชาอภินิหาร หลายชนิดเพิ่มมา อีกทั้งทุกครั้งที่ได้เห็น ไม่ว่าจะเป็ นคนวัตถุหรือ ทิวทัศน์ก็ล้วนเหมือนมีกุญแจสาหรับไขประตูดอกหนึ่งเพิ่มมาในมือ ซึ่งการปรากฏตัวของกานอี๋ก็ได้ทาให้เจิ้งต้าเฟิงไพล่นึกไปถึงพื้นที่ มงคลแห่งหนึ่งที่มีประวัติศาสตร ์ยาวนาน หายสาบสูญไปจากใต้หล้า ไพศาลมานานแล้วอย่างไม่ทราบสาเหตุ
นี่ก็สอดคล้องตรงกันพอดี
ตอนนั้นหมี่อวี้ได้รับการไหว้วานจากเว่ยป้ อจึงทาการปกป้ อง มรรคาอย่างลับๆ ให้กับคนของตาหนักฉางชุนที่ออกไปหา ประสบการณ์ด้านนอก ในกลุ่มคนก็มีแม่นางน้อยคนหนึ่งที่ชื่อว่า จงหนัน อายุน้อยมาก แต่ลาดับอาวุโสสูงมาก หญิงชราที่เป็ นผู้นา ขบวนมีขอบเขตแค่ประตูมังกร เด็กสาวอีกสามคนต่างก็เป็ นต้นกล้า อันดับหนึ่งในการฝึกตนของตาหนักฉางชุน อีกทั้งพวกนางยังเพิ่ง เคยลงจากภูเขาไปหาประสบการณ์เป็ นครั้งแรก ตามหลักแล้วพกพา สมบัติมีชีวิตทั้งสี่คนเช่นนี้ออกเดินทางเตร็ดเตร่ไปทั่ว เซียนดินโอสถ
ทองคนหนึ่งก็ยังไม่แน่เสมอไปว่าจะเพียงพอ แล้วจะให้ขอบเขตประตู มังกรคนหนึ่งมาเป็ นหัวใจสาคัญในกลุ่มคนได้อย่างไร
ขณะเดียวกันการหาประสบการณ์ของผู้ฝึกตนหญิงต าหนักฉาง ชุนกลุ่มนี้ เรื่องที่สาคัญที่สุดก็คือต้องไปขอต้นสนหมื่นปีส่วนหนึ่งมา จากศาลลมหิมะ เพื่อที่จะได้ให้คาตอบที่ทาให้ทูตผู้ตรวจการท่านหนึ่ง ของต้าหลีพึงพอใจ ไม่พูดถึงว่าให้ซ่งอวี๋ผู้อาวุโสไท่ซ่างที่ออกหน้า ด้วยตัวเอง แต่ก็ควรส่งเจ้าต าหนักให้ออกหน้า ถึงจะสอดคล้องกับ มารยาทพิธีการบนภูเขา
ดังนั้นเจิ้งต้าเฟิ งจึงไปยังกองคลังเอกสารของจวนซานจวิน ขุนเขาเหนือยืมเอกสารมาอ่านทันที แล้วก็จริงดังคาด เพราะเขาหา เบาะแสเส้นหนึ่งเจอ มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ผู้ฝึกตนเซียนดินทุกคนของ ต าหนักฉางชุนล้วนหายตัวไป บ้างก็ใช ้ข้ออ้างว่าปิดด่าน บ้างก็บอก แก่ภายนอกว่าออกเดินทางไกล
ทาไมเจิ้งต้าเฟิงต้องใส่ใจขนาดนี้ แน่นอนว่าเป็ นเพราะอีกฝ่ าย คือตาหนักฉางชุนที่มีผู้ฝึกตนหญิงมากมายดุจก้อนเมฆอย่างไรล่ะ!
หลังจากที่ฟ้ าดินของสองใต้หล้าอย่างไพศาลและเปลี่ยวร ้าง เชื่อมต่อกัน ภาพเหตุการณ์ผิดปกติก็พลันบังเกิด นอกจากเรือราตรี บนมหาสมุทรลานั้นแล้ว ทางฝั่งของแจกันสมบัติทวีปก็มีพื้นที่ลับที่ปริ แตกของถ้าสวรรค์พื้นที่มงคลยุคบรรพกาลจานวนไม่น้อยที่เป็ นดั่งน้า ลดหินผุด ยกตัวอย่างเช่นศาลชิวเฟิงที่พลัดมาถึงแจกันสมบัติทวีป ราวกับลอยตามน้าตามลมมา อาศัยแค่ขอบเขตของผู้ฝึกตนอย่าง
เดียวมิอาจได้มาครอง ได้แต่ดูที่วาสนาของผู้ฝึ กลมปราณห้า ขอบเขตล่างที่เข้าไปด้านในเท่านั้นว่าจะได้สมบัติอะไรมา แม้จะบอก ว่ามีคนโชคดีบางส่วนที่ได้โชควาสนาตระกูลเซียนมา จากการ ก าหนดขอบเขตของบนภูเขา พื้นที่สมบัติที่ประวัติความเป็ นมาไม่แน่ ชัดแห่งนี้ ตอนนี้ยังอยู่ในสถานะไร ้เจ้าของเว้นที่ว่างไว้รอคอยคนมา ครอบครอง
รายชื่อสานักสามแห่งที่ถูกราชสานักต้าหลีเลือกเป็ นการภายใน ตามหลังภูเขาลั่วพั่วและภูเขาตะวันเที่ยง แจกันสมบัติทวีปก็มีจวน เซียนอักษรจงเพิ่มมาอีกสองแห่ง วัดใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมตลิ่งหลง ชิวภูเขาเยี่ยนตั้ง และอารามเต๋ของเซียนจวินเฉาหรง ต่อจากนี้คาด ว่าก็น่าจะเป็ นพรรคกระบี่หวงซานที่เป็ นภูเขาเบื้องล่างไม่ใช่สานัก เบื้องล่างของภูเขาตะวันเที่ยงแล้ว
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะราชส านักต้าหลีโปรดปรานภูเขาตะวัน เที่ยงมากเป็ นพิเศษ แต่เป็ นเพราะแจกันสมบัติทวีปต้องการส านักวิถี กระบี่ใหม่เอี่ยมแห่งหนึ่ง อีกทั้งสานักใหม่เอี่ยมนี้ต้องตั้งอยู่ในอาณา เขตของราชวงศ์จูอิ๋งเก่าด้วย
อันที่จริงภูเขาตะวันเที่ยงเองได้ถอดใจไปแล้ว แต่กลับไม่รู ้ว่าเรื่อง ของสานักเบื้องล่างจะเป็ นดั่งสถานการณ์ที่พลิกกลับมาดีกะทันหัน เรื่องราวทางโลกก็ล้วนเป็ นเช่นนี้ ในขณะที่คิดว่าเข้าใกล้ที่สุดแล้ว กลับกลายเป็ นว่ายิ่งห่างออกไปไกล แต่ตอนที่นึกว่าอยู่ไกลสุดขอบ
ฟ้ า กลับกลายเป็ นว่าเอื้อมมือคว้าก็ได้มาครองโดยที่ไม่ต้องเปลือง แรงแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ตาหนักฉางชุนที่อยู่ในอันดับตัวสารองสานักของ แจกันสมบัติทวีป นครมังกรเฒ่า พรรคบางแห่งที่มีพื้นที่มงคลชิงถาน ของส านักโองการเทพเป็ นรากฐาน ภูเขาเมฆาเรื่อง ฯลฯ ล้วนอยู่ใน
รายชื่อที่ราชสานักต้าหลีเสนอไปทั้งสิ้น เรื่องน่ายินดีมีอยู่ทุกปี ปีนี้มีมากเป็ นพิเศษ |
ปีนี้ก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด
เจิ้งต้าเฟิงเจอกับผู้เฒ่าสีหน้าเมตตาคนหนึ่งบนถนน ข้างกายมีผู้ ฝึ กตนหญิงลักษณะ เป็ นสาวใช ้ติดตามมาด้วย คนสองคนที่มองดู คล้ายเป็ นนายบ่าวก าลังเดินเล่นในร ้านผ้าห่อบุญของท่าเรือหนิว เจียว
เพียงแต่ว่าเจิ้งต้าเฟิ งจะต้องไปเยือนภูเขาพีอวิ๋นทันที ร ้อนใจ อยากพบเว่ยป้ อจึงไม่ได้ไปพูดคุยด้วย คนจริงจังเป็ นการเป็ นงาน ใคร เขาจะขยับเข้าไปใกล้สตรีหน้าตางดงามที่พบเจอบนถนนกันเล่า
เจิ้งต้าเฟิงพลันหยุดชะงัก เอ๊ะ แม่นางผู้นี้เป็ นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง เชียวหรือ? คนเป็ นการเป็ นงานไม่ทาเรื่องเป็ นการเป็ นงานสักหน่อย จะไม่เท่ากับว่าปล่อยความสง่างามให้เสียเปล่าหรอกหรือ ดังนั้น เจิ้งต้าเฟิงจึงรีบเดินตามเข้าไปในร ้านบ้านตัวเอง เริ่มแนะนาของที่อยู่ ด้านในด้วยท่าทางคล่องแคล่ว พอพูดคุยกันถึงได้รู ้ว่าผู้เฒ่าแซ่หง มา
จากท่าเรือตระกูลเซียนแห่งหนึ่งของภูเขาตี้หลงที่ตั้งอยู่ภาคกลางของ แจกันสมบัติทวีป ตรงจุดตัดระหว่างแคว้นซูสุ่ยกับแคว้นซงซีมีหอชิงฝู อยู่แห่งหนึ่ง และหงหยางโปผู้นี้ก็ทาการค้าอยู่ในชั้นสองของหอชิงฝู ส่วนสาวใช ้สวมชุดกระโปรงสีสันสดใสข้างกายผู้เฒ่าคนนี้ นางบอก ว่าตัวเองชื่อฉิงไฉ่ พอพวกเขาได้ยินว่าชายฉกรรจ์เป็ นคนรุ่นอาของ เจ้าขุนเขาเฉินแห่งภูเขาลั่วพั่วก็ต้องหันมามองอีกฝ่ายเสียใหม่
ก่วนชิงทาท่าจะพูดแต่ก็หยุดไปอยู่หลายครั้ง
……
แม่ทัพเฉาเม่าแห่งอวี๋โจว พอมีเวลาว่างก็ไปเยือนเขตอวี้จาง หงโจวมารอบหนึ่ง ในฐานะแม่ทัพประจาจังหวัด อันที่จริงได้ดูแล กิจการของกองทัพสองจังหวัดในเวลาเดียวกันดังนั้นจึงสามารถมอง เป็ นการไปท างานได้
การออกเดินทางครั้งนี้ เฉาเม่าที่อยู่ในตาแหน่งสูงมีอานาจมาก ไม่ได้บอกกล่าวกับขุนนางแต่ละระดับขั้นของหงโจวไว้ก่อน เพียงแค่ พาคนสนิทและผู้ฝึกตนติดตามกองทัพไม่กี่คนไปเยือนศูนย์ตัดต้นไม้
แต่ขุนนางหลักไม่ได้อยู่ในที่ว่าการ แล้วก็ไม่ได้บอกกับลูกน้องว่า จะไปที่ไหน เฉาเม่าไม่คิดจะอยู่รอคน ออกมาจากศูนย์ตัดต้นไม้ บอก ให้ผู้ฝึกตนติดตามกองทัพสองคนไปสืบข่าวในเมือง แม่ทัพหนุ่มคน หนึ่งที่อยู่ข้างกายอดไม่ไหวถามว่า “แม่ทัพเฉา หลินเจิ้งเฉิงผู้นี้มี
ความเป็ นมาอย่างไรกันแน่ ถึงได้สามารถจัดการเรื่องการลอบตัดไม้ ของเขตอวี้จางได้สาเร็จโดยไม่กระโตกกระตากเช่นนี้?”
เฉาเม่าเอ่ย “หากออกจากเขตอวี้จางไปแล้วเจ้ายังอดใจไม่ถาม ได้ไหว ก็สามารถไปรับหน้าที่ในกรมกลาโหมที่เมืองหลวงสารองได้ แล้ว”
แม่ทัพหนุ่มหน้าม่อย “แม่ทัพเฉา นี่ท่านหลอกกันใช่ไหม? บอก ไว้แล้วว่าจะช่วยแนะน าข้าให้กับทางราชสานัก ไฉนจึงเปลี่ยนใจแล้ว เล่า ต าแหน่งขุนนางก็ไม่ได้ใหญ่สักหน่อย ก็แค่หยวนไหว้หลางกรม กลาโหมของเมืองหลวงสารอง ตามกฎของต้าหลี แม่ทัพบู๊ที่มีคุณ ความชอบและมียศติดตัว หากออกจากสนามรบมาเป็ นขุนนางใน พื้นที่ ส่วนใหญ่จะลดระดับลงไปขั้นสองชั้น นี่ข้าถูกลดไปตั้งกี่ขั้น แล้ว? แล้วนับประสาอะไรกับที่ก็แค่เมืองหลวงสารอง ไม่ใช่กรม กลาโหมของเมืองหลวงเสียหน่อย”
อยู่กับแม่ทัพแห่งอวี๋โจวผู้นี้ อันที่จริงไม่จาเป็ นต้องพิถีพิถันใน เรื่องกฎเกณฑ์วงการขุนนางมากนัก สามารถพูดคุยได้ตามสบาย
เฉาเม่าเอ่ยด้วยน้าเสียงเฉยเมย “หกกรมในเมืองหลวงสารอง ของต้าหลีเราจะเหมือนที่ว่าการทั้งหลายในเมืองหลวงสารองแคว้นอื่น ที่มีไว้แค่เลี้ยงคนแก่ได้อย่างไร?”
ผู้ฝึกตนติดตามกองทัพคนหนึ่งที่เป็ นสตรีซึ่งยืนอยู่ข้างกายยิ้ม เอ่ย “แม่ทัพเฉา ได้ยินมาว่าขุนนางหลักของศูนย์ตัดต้นไม้คนใหม่นี้
คือคนที่ไม่ชอบยิ้มแย้มพูดคุย ถือว่าเป็ นคนเคร่งขรึมตรงไปตรงมา หน้าตาไม่เป็ นมิตรหรือไม่?”
เฉาเม่ากล่าว “เกี่ยวกับหลินเจิ้งเฉิง พวกเจ้าอย่าถามมากเลย อีกเดี๋ยวเจอกันแล้วตอนที่ข้าคุยกับเขา พวกเจ้าห้ามสอดปากแทรก”
เพราะก่อนหน้านี้แม่ทัพแห่งอวี๋โจวได้รับจดหมายลับจากทาง ราชส านัก ฮ่องเต้จะเดินทางลงใต้อย่างลับๆ มาเยือนหงโจวในอีกไม่ นานนี้ แล้วก็จะมาหยุดพักอยู่ที่ศูนย์ตัดต้นไม้จะไม่พาผู้ติดตามมา มากนัก ทุกอย่างเอาความเรียบง่ายเป็ นหลัก บางทีอาจจะอ้อมผ่าน ขุนนางใหญ่ในแต่ละจังหวัดไปด้วย ดังนั้นเฉาเม่าถึงได้เดินทางมา เยือนเขตอวี่จาง ต้องการพบหน้ากับหลินเจิ้งเฉิงก่อน จากนั้นค่อยไป ตรวจสอบดูหน้าด่านชายแดนและค่ายทหารทั้งหลายของหงโจว
ศูนย์ตัดต้นไม้ของหงโจวแห่งนี้คล้ายคลึงกับสานักทอผ้าที่ราช สานักต้าหลีสร ้างขึ้นในอวี๋โจวและอู้โจว ต่างก็เป็ นโครงสร้าง ริมขอบ วงการขุนนางที่มีลักษณะคล้ายกับที่ว่าการผู้ตรวจการงานเตาเผาใน อดีต แต่สามารถส่งฎีกาลับตรงไปให้ฮ่องเต้ได้เลย เพียงแต่ว่าระดับ ขั้นของตาแหน่งขุนนางหลักแห่งศูนย์ตัดต้นไม้ต่าที่สุด เหมือน อย่างหลี่จือจ้าวหลี่เป่าเจินแห่งสานักทอผ้าอวี๋โจว ระดับขุนนางอยู่ที่ ขั้นสี่ชั้นโทก็ถือว่าไม่ต่าแล้ว เพราะถึงอย่างไรศูนย์ตัดต้นไม้ก็มีความ พิเศษกว่าอยู่หลายส่วน ไม่ถือเป็ นที่ว่าการทั่วไป แต่กลับเหมือนที่ว่า การที่เปลี่ยนผ่านอย่างหนึ่งมากกว่า เมื่อทางานเสร็จแล้ว ราชสานักก็ อาจจะรื้อทิ้ง ดังนั้นขุนนางที่ถูกโยกย้ายให้มาทางานที่นี่ต่างก็ไม่มี
ความกระตือรือร ้นกันสักเท่าไร หนึ่งเพราะศูนย์ตัดต้นไม้ไม่มีค่าน้า ร ้อนน้าชา นอกจากนี้หากใครคิดจะทางานอย่างจริงจังก็ง่ายที่จะเป็ น การหาเรื่องใส่ตัว เพราะถึงอย่างไรทางราชสานักและหงโจวก็สั่งห้าม เรื่องการแอบตัดต้นไม้ใหญ่มาหลายครั้งแล้ว กองกาลังที่อยู่เบื้องหลัง มีใครบ้างที่ไม่มีที่พึ่งอยู่ในราชสานัก พูดถึงแค่สกุลหนันเขตอวี้จางที่ เป็ นตระกูลในท้องถิ่น ตลอดทั้งปีมีค่าใช ้จ่ายมากขนาดนั้น จะไม่ได้ แตะต้องกิจการส่วนนี้เลยอย่างนั้นหรือ?
ทาไมวงการขุนนางต้าหลีถึงมีคาหยอกล้อว่า “อวี้จางใหญ่ หงโจวเล็ก?
ก็ไม่ใช่เพราะสกุลหนันเขตอวี้จางมีผู้สูงศักดิ์อยู่หรือไร อดีต ฮองเฮาหรือไทเฮาหนันจานในทุกวันนี้ นางคือมารดาแท้ๆ ของโอรส สวรรค์ซ่งเหอและลั่วอ๋องซ่งมู่เชียวนะ
หากจะพูดถึงเรื่องที่มารดาได้ดีเพราะบุตร ตลอดทั้งแจกันสมบัติ ทวีป ใครจะมาแข่งกับนางได้?
ตอนที่ศูนย์ตัดต้นไม้เพิ่งก่อตั้งขึ้น ขุนนางทั่วทั้งหงโจวต่างก็รอดู งิ้วสนุก หมายจะดูว่าหลินเจิ้งเฉิงที่ออกจากเมืองหลวงมาลุยน้าขุ่นบ่อ นี้จะต้องหน้าหมองอยู่ในเขตอวี้จางอย่างไร
แต่หลังจากหลินเจิ้งเฉิงที่เป็ นขุนนางหลักมารับตาแหน่ง เขา กลับไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์คนใดในเขตอวี้จาง แม้แต่คนเดียว แล้วก็ไม่ได้เป็ นขุนนางใหม่ที่ไฟแรงสามกอง ถึงขั้น
ที่ว่าไม่เคยไปเดินเล่นบนภูเขาใหญ่ลูกใดของเขตอวี้จางเลยด้วยซ้า แทบจะพูดได้ว่าไม่เคยย่างเท้าออกจากบ้าน
ผลคือทุกคนที่แอบขโมยตัดต้นไม้ยักษ์บนภูเขา ตั้งแต่เบื้องหน้า ไปจนถึงเบื้องหลังกลับหายตัวกันไปหมดภายในค่าคืนเดียว ไม่ใช่ การหลบเลี่ยงประกายเฉียบคมชั่วคราวด้วยซ้า แต่เป็ นการถอนตัว ออกไปด้วยตัวเอง ทาลายสมุดบัญชีทุกเล่ม บุคคลบางคนที่หนี อย่างไรก็หนีไม่พ้นก็ยิ่งถูกทาลายศพและหลักฐาน ลาพังแค่ร ้านค้า สิบกว่าร ้านในเขตอวี้จางก็ล้วนปิดร ้านกันหมด ไม่เหลือคนไว้แม้แต่ คนเดียว แน่นอนว่าบางทีอาจจะยังมี “ตะปู” ที่ไม่มีใครรู ้มากกว่านี้ แต่ กระนั้นก็ล้วนกาจัดตัวเองจนเกลี้ยงเกลา
พูดถึงแค่ตระกูลสกุลหนันที่มีอิทธิพลสลับซับซ ้อนอยู่ในหงโจว ก่อนหน้านี้ไม่นานในช่วงเดือนหนึ่งก็ได้เปิดประตูเปิดการประชุมใน ศาลบรรพชน ลูกหลานทายาทสายตรงทายาทสายรองเจ็ดแปดคน ถูกตัดชื่อทิ้งออกจากทาเนียบวงศ์สกุลไปโดยตรง อีกทั้งยังไม่มีการ ให้เหตุผลใดๆ หากใครไม่พอใจร่าร ้องว่าได้รับความไม่เป็ นธรรม แล้ว ก็มีหลายคนที่พูดจาก าเริบเสิบสาน เหิมเกริมไร ้มารยาท ฝ่ ายแรกถูก ตบจนเลือดกบปาก ส่วนฝ่ ายหลังก็ถูกฆ่าตายอยู่ในศาลบรรพชนไป โดยตรง
ฝนเม็ดเล็กตกปรอยๆ เด็กสาวยากจนคนหนึ่งเดินหิ้วตะกร ้าขาย ดอกซิ่งฮวาไปตามถนน
สุดท้ายเฉาเม่าก็ไปเจอหลินเจิ้งเฉิงที่เส้นผมตรงจอนหูสองข้าง เป็ นสีดอกเลาในร ้านขายเครื่องกระเบื้อง ตัวเขาดูไม่ต่างจากบัณฑิต แก่ๆ ในอ าเภอสักเท่าไร ก็แค่ว่าไม่ได้ดูมีอายุมากขนาดนั้น
เถ้าแก่ร ้านคือผู้เฒ่าคนหนึ่ง กาลังยิ้มพูดคุยกับน้องหลินคนนี้ บอกว่าในเมื่อในกระเป๋ าไม่มีเงินก็อย่าเพ้อฝันอยู่อีกเลย ส่วนของดี ประจาร ้านชิ้นนั้นก็ยิ่งไม่ต้องคิดเลย