กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 999.1 จอกเหล้าเปลี่ยนเป็ นชาม
เฉินผิงอันลุกขึ้นนั่ง หันกลับไปมอง เป็ นเว่ยป้ อที่เดินทางจาก ภูเขาพีอวิ๋นมาที่นี่ บนร่างสวมชุดคลุมยาวสีขาวหิมะ ตรงหูห้อยห่วงสี ทอง
มิน่าเล่าห้ามหาบรรพตของแจกันสมบัติทวีปถึงได้เป็ นภูเขา พีอวิ๋นที่มีขุนนางหญิงเยอะที่สุด
เฉินผิงอันยิ้มถาม “ทุกวันนี้เจิ้งต้าเฟิ งคออ่อนขนาดนี้เลยหรือ เว่ยซานจวินถึงกับยังดื่มไม่เต็มอิ่ม? จะมาขอดื่มมื้อที่สองกับข้าหรือ ไร?”
คาดว่าเจิ้งต้าเฟิ งน่าจะดื่มจนเมาแล้วจึงไม่ได้กลับมาที่เรือนบน ภูเขาลั่วพั่ว แต่หาที่นอนที่จวนซานจวินเสียเลย
เว่ยป้ อนวดคลึงหว่างคิ้ว ดื่มเหล้าปนกันก็ง่ายที่จะเมาเสมอ “มี สองเรื่อง หนึ่งส่วนรวมหนึ่งส่วนตัว หากไม่ใช่เรื่องส่วนรวมข้าก็ไม่มี ทางวิ่งมารบกวนการฝึกตนอย่างสงบของเจ้าขุนเขากลางดึกแบบนี้ หรอก”
เฉินผิงอันถามอย่างสงสัย “ระหว่างเจ้ากับข้ายังมีเรื่องส่วนรวม อะไรด้วยหรือ?”
เว่ยป้ อไม่รู ้ว่าโทสะผุดมาจากไหน เอ่ยว่า “เฉาเม่าแม่ทัพแห่งอวี๋ โจวมีเรื่องอยากจะปรึกษากับเจ้า ตามกฎของกองทัพต้าหลี เขา สามารถอาศัยตราทหารที่ทาจากวิธีกรรมลับมาสื่อสารกับข้าได้ โดยตรง ตอนนี้เขาไปเป็ นแขกอยู่ที่กองงานพิธีกรรมของจวนซานจ วินคาดว่าดื่มน้าชาไปถ้วยหนึ่งแล้วก็คงจะมาหาเจ้าที่ภูเขาลั่วพั่ว”
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างประหลาดใจ “อวี๋โจวอยู่ห่างจากฉู่โจวของ พวกเราไม่ไกล ตามกฎแล้วแม่ทัพประจ ามณฑลสามารถมีเรือข้าม ฟากส่วนตัวลาหนึ่งได้แล้ว ไยต้องรบกวนจวนซานจวิน อีกอย่างหาก เฉาเม่ามีเรื่องด่วนทางการทหารจริงๆ ภูเขาทายาทมหาบรรพอุดร ของพวกเจ้าก็อยู่ใกล้กับค่ายทหารของแม่ทัพผู้นี้ สามารถให้ซานจวิ นของภูเขาทายาทมาที่หน้าประตูภูเขาลั่วพั่วได้โดยตรง ท าไม จงใจ อ้อมเป็ นวงใหญ่ แม่ทัพเฉาผู้นี้คิดจะอาศัยนามของเว่ยซานจวินมา ข่มข้าอย่างนั้นหรือ?”
เว่ยป้ อยิ้มเอ่ย “ถึงอย่างไรคืนนี้ข้าก็แค่ช่วยนาความมาบอก เท่านั้น เฉาเม่ากังวลว่าเจ้าจะหาเหตุผลมาปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม บอกว่าเขาเพิ่งไปเยือนศูนย์ตัดต้นไม้ของเขตอวี้จางหงโจวมารอบ หนึ่ง ได้ไปพบกับหลินเจิ้งเฉิงขุนนางคนใหม่มาแล้ว”
สถานะที่แท้จริงของเฉาเม่า ทางฝั่งของจวนซานจวินขุนเขา เหนือแห่งนี้ก็มีบันทึกเอาไว้ ชื่อเดิมของเฉาเม่าคือสวี่เม่า ก็คือนักกวี ผู้ถือหอกของแคว้นสือหาวในอดีตผู้นั้น ปีนั้นกองทัพม้าเหล็กต้าหลี เดินทางลงใต้ ก าลังจะยกทัพโจมตีราชวงศ์จูอิ๋งเก่า ในฐานะหนึ่งใน
แคว้นใต้อาณัติที่สาคัญของฝ่ ายหลัง แคว้นสือหาวแสดงออกอย่าง หนักแน่น เพื่อถ่วงฝี เท้าของกองทัพม้าเหล็กต้าหลี สองแคว้นท า สงครามกัน สถานการณ์การสู้รบดุเดือด เนื่องจากเฉาเม่าปกป้ อง นายได้ไม่ดี เป็ นเหตุให้องค์ชายหันจิ้งซิ่นตายไปอย่างเฉียบพลัน เขา จึงจ าต้องหันไปสวามิภักดิ์ซูเกาซานทูตผู้ตรวจการของต้าหลี แรกเริ่มสุดคิดจะคว้าสถานะของนายกองลาดตระเวนมา หลายปีมานี้ อาศัยคุณความชอบทางการสู้รบ เดินทีละก้าวจนกลายเป็ นแม่ทัพอวี๋ โจวของต้าหลี ในอดีตยังได้แต่งทายาทหญิงสายตรงของสกุลหยวน เสาค้ายันแคว้นมาคนหนึ่ง ชื่อเสียงของเฉาเม่าในกองทัพชายแดน และวงการขุนนางต่างก็ไม่แย่
เฉินผิงอันขมวดคิ้วน้อยๆ “ถ้าอย่างนั้นข้าจะตามเจ้าไปที่กองงาน พิธีกรรม เป็ นฝ่ ายไปพบแม่ทัพแห่งอวี๋โจวที่ให้เกียรติมาเยือนผู้นี้ด้วย ตัวเอง”
เว่ยป้ อยิ้มกล่าว “ให้หน้ากันขนาดนี้เชียว?”
เฉินผิงอันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ทุกวันนี้ทั่วทั้งราชสานักต้าหลีมี แม่ทัพประจ ามณฑลกี่คนกันเชียว ถือเป็ นขุนนางดุจบิดามารดาครึ่ง ตัวเชียวนะ!”
เฉาเม่าไม่เคยไปใต้หล้าเปลี่ยวร ้างก็มีความเป็ นไปได้แค่สอง อย่าง หนึ่งคือนั่งเก้าอี้เย็นเส้นทางการเลื่อนขั้นสูงในวงการขุนนางต้า หลีเดินไปสุดปลายทางแล้ว นอกจากนี้คือเฉาเม่าได้กลายเป็ นคนรู้ใจ ของฮ่องเต้แล้ว ถูกฮ่องเต้ซ่งเหอมองเป็ นหนึ่งในตัวเลือกของคนที่จะ
มาควบคุมกรมกลาโหมในอนาคต ค่อยๆ หลุดพ้นจากระบบ กองทัพต้าหลี เฉาเม่าแค่ต้องสั่งสมประสบการณ์และเครือข่ายผู้คน อยู่ในท้องถิ่น ในอนาคตก็จะมีโอกาสกลายมาเป็ นบุคคลที่สกุลหยวน เสาค้ายันแคว้นผลักให้ไปอยู่ในจุดศูนย์กลางของราชสานัก
จากนั้นเฉินผิงอันก็ตามเว่ยป้ อไปที่ภูเขาพีอวิ๋น ในเรือนพักหลัง หนึ่งที่สงบงามประณีตเขาได้เจอกับแม่ทัพแห่งอวี๋โจวที่กาลังดื่มชา ด้านข้างมีขุนนางหญิงคอยจุดธูปชงชาให้
เฉินผิงอันกุมหมัดยิ้มเอ่ย “แม่ทัพเฉา จากลากันท่ามกลางลม พายุหิมะในคืนนั้น พวกเราก็ไม่ได้พบหน้ากันมาเกือบยี่สิบปี แล้ว กระมัง?”
เฉาเม่าลุกขึ้นยืนนานแล้ว กุมหมัดคารวะกลับคืน ยิ้มเอ่ยอย่าง เปิดเผยว่า “เฉาเม่าแม่ทัพอวี๋โจว สวี่เม่าคนเก่าแห่งแคว้นสือหาว คารวะเจ้าขุนเขาเฉิน ไม่ได้เจอกันนานหลายปีแล้ว เจ้าขุนเขาเฉิน”
เว่ยป้ อที่เป็ นเจ้าบ้านยิ้มบอกขุนนางหลักกองพิธีกรรมที่ รับผิดชอบชงชารับรองแขกว่าไม่ต้องอยู่ช่วยแล้ว เขาจะรับรองแขกผู้ สูงศักดิ์สองคนนี้ด้วยตัวเอง ขุนนางหญิงที่มีชาติก าเนิดจากองค์เทพ แม่น้าในอาณาเขตขุนเขาเหนือรู ้สึกผิดหวังเล็กน้อย นางยอบกาย คารวะอิ่นกวานหนุ่มที่เพิ่งได้เจอตัวจริงเป็ นครั้งแรกแล้วจากไปอย่าง แช่มช้อย พีอวิ๋น ลั่วพั่ว สองภูเขาอยู่ใกล้กันขนาดนี้ อีกทั้งซานจวิน ยังมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับอิ่นกวานหนุ่มซึ่งเป็ นเรื่องที่รู ้กันทั้ง ทวีป แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด อิ่นกวานหนุ่มถึงมาเป็ นแขกที่ภูเขาพีอวิ่นน้อย
ครั้งขุนนางมากมายในกองพิธีกรรมของนางต่างก็รู ้สึกผิดหวังกับ เรื่องนี้กันมาก นางถึงขั้น “ขอร ้อง” ซานจวินอยู่หลายครั้งว่าจะต้อง เชิญให้อิ่นกวานหนุ่มมานั่งที่กองพิธีกรรมให้ได้ น่าเสียดายที่เว่ยป้ อ แค่พูดปัดอย่างไม่สนใจนัก
เฉินผิงอันนั่งลงแล้วก็รับถ้วยน้าชามาจากมือของเว่ยป้ อ ถามว่า “ไม่ทราบว่าคืนนี้พี่สวี่มาหาข้ามีธุระอะไร?”
สวี่เม่าเอ่ย “ฮ่องเต้กาลังจะเดินทางลงใต้อย่างลับๆ ระหว่างนี้จะไป ประทับอยู่ที่ศูนย์ตัดต้นไม้ของเขตอวี้จาง ข้าที่เป็ นแม่ทัพอวี๋โจวซึ่ง ดูแลด้านการทหารของหงโจวควบด้วยจ าเป็ นต้องดูแลการเดินทาง ครั้งนี้ของฮ่องเต้ แต่ผู้ฝึกตนติดตามกองทัพในทุกวันนี้ล้วนอายุยัง น้อย ผู้ฝึกตนติดตามกองทัพที่มากประสบการณ์ต่างก็ถูกโยกย้ายไป ที่สนามรบของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างหมดแล้ว ดังนั้นข้ากังวลว่าหากเกิด เหตุกะทันหันบางอย่างอาจรับมือไม่ทันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงขอ บังอาจมาเชิญให้เจ้าขุนเขาเฉินไปเยือนเขตอวี้จางหงโจวด้วยกันสัก รอบ”
เฉินผิงอันตอบไม่ตรงคาถาม “เกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าศูนย์หลินว่า อย่างไร มีความเห็นอะไรหรือไม่”
สวี่เม่ากล่าว “เจ้าศูนย์หลินคิดว่าศูนย์ตัดต้นไม้ของเขามี ขีดจากัดอยู่ที่ภาระหน้าที่และสมาชิกในศาล จึงดูแลได้ไม่รัดกุมทุก ด้าน จ าเป็ นต้องให้จวนแม่ทัพอวี๋โจวออกแรงมากหน่อย”
เป็ นค าพูดในวงการขุนนางตามแบบฉบับแล้ว ใช ้ถ้อยค า คลุมเครือเหมือนไม่ได้พูดอะไร แต่ก็คล้ายจะพูดไปแล้ว
เฉินผิงอันหัวเราะ พยักหน้ารับ “เข้าใจแล้ว รบกวนพี่สวี่ช่วยบอก วันเวลาที่แน่ชัดแก่ข้าที ต่อให้ข้าไม่อาจไปเยือนเขตอวี้จางได้ด้วย ตัวเองก็จะต้องให้ผู้ฝึกกระบี่ในภูเขาไปช่วยคุ้มกันอย่างลับๆ เกี่ยวกับ เรื่องนี้ ถึงอย่างไรก็เกี่ยวพันกับความลับในราชสานัก ข้าเองก็มีแค่ ป้ ายสงบสุขปลอดภัยระดับล่างที่กรมกลาโหมต้าหลีแจกจ่ายให้ เท่านั้น ตามหลักแล้วหากไม่มีคาสั่งจากกรมอาญา ข้าและภูเขาลั่ว พั่วล้วนไม่อาจเข้าร่วมเรื่องนี้ได้ ดังนั้นพี่สวี่สามารถร่วมมือกับจวน ซานจวินไปแจ้งข่าวแก่กรมอาญาและกองชิงลี่ฝ่ ายบวงสรวงของกรม พิธีการ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดที่ไม่จาเป็ น เมื่อมีคาตอบที่ แน่ชัดมาจากทางราชส านักแล้วข้าถึงจะจัดหาคนและวางแผนการ เดินทางที่เหมาะสมแต่เนิ่นๆ ได้”
แม่ทัพอวี๋โจวผู้นี้เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ชูจอกด้วยสอง มือ “สวี่เม่าขอใช ้ชาแทนสุราขอบคุณเจ้าขุนเขาเฉินแล้ว!”
เฉินผิงอันก็ดื่มชาตามไปด้วยจอกหนึ่ง จากนั้นพูดคุยเรื่อง สถานการณ์ของแคว้นสือหาวในช่วงที่ผ่านมากับสวี่เม่าอีกเล็กน้อย เพียงไม่นานสวี่เม่าก็ขอตัวลากลับไป
ส่งแม่ทัพแห่งอวี๋โจวผู้นี้ที่หน้าประตู เว่ยป้ อก็ร่ายวิชาอภินิหาร ของซานจวิน สวี่เม่าได้หดย่อพื้นไปตรงกลับไปยังห้องลับของจวนแม่ ทัพโดยตรง
เว่ยป้ อยิ้มเอ่ย “เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพเฉาคิดจะเอาเจ้ามาทาเป็ น น้าใจครั้งหนึ่งของตัวเองแล้ว เพราะถึงอย่างไรแจกันสมบัติทวีปในทุก วันนี้ คนที่เชิญตัวใต้เท้าอิ่นกวานได้ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ว่า เจ้าจะไปเยือนเขตอวี้จางหงโจวด้วยตัวเองหรือไม่ ต่อให้จะส่งสมาชิก บนท าเนียบของภูเขาลั่วพั่วไปแค่คนสองคน เชื่อว่าฮ่องเต้ก็ต้องหัน มามองแม่ทัพเฉาเสียใหม่ ตอนนี้ข้าค่อนข้างสงสัยใคร่รู ้ว่าเฉาเม่า พูดคุยกับหลินเจิ้งเฉิงอย่างไร อยากให้ข้าไปสืบความให้เจ้าไหม? จะ ได้หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกเฉาเม่าฉวยโอกาส”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เดิมที่ข้าก็ลังเลอยู่แล้วว่าควร จะไปที่เขตอวี้จางสักรอบดีหรือไม่”
ไม่ต้องให้เฉินผิงอันเป็ นฝ่ ายถาม เว่ยป้ อก็พูดเรื่องส่วนตัวนั้น ทันที “เจิ้งต้าเฟิงบอกว่าตอนนี้เขามีสามทางเลือก อยู่ต่อที่ภูเขาลั่ว พั่ว ไม่เป็ นคนเฝ้ าประตูแล้ว แต่ไปอยู่ในภูเขาใต้อาณัติสักลูก คอย ป้ อนหมัดให้คนอื่นในวันหน้า หรือไม่ก็ไปอยู่กับชุยตงซานที่ใบถง ทวีปส่วนทางเลือกอย่างที่สาม เขาจะไปที่ฉีตู้ แต่หากคิดจะทาเรื่องนี้ ให้ส าเร็จก็ต้องให้เจ้าและข้าช่วยกันแนะนา ดังนั้นเขาจึงค่อนข้าง ล าบากใจ”
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างเดือดดาล “ไอ้หมอนี่น้าเข้าสมองแล้วหรือ ไร!”
เจ้าเจิ้งต้าเฟิงเป็ นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งจะวิ่งไปเป็ นกงโหวแห่ง ลาน้าใหญ่อะไรกัน?!
ก็จริงที่ว่าลาน้าใหญ่ภาคกลางของแจกันสมบัติทวีปในทุกวันนี้มี ฉางชุนโหวหยางฮวาและหลินหลีป๋ อเฉาหย่งแล้ว ยังขาดสุ่ยจวินใน ตาแหน่งอักษร “กง” อีกคนหนึ่ง
หากกระตุ้นเรื่องนี้ให้สาเร็จ ไม่ว่าใครที่จะมารับตาแหน่งที่ว่างอยู่ นั้น แน่นอนว่าราชส านักต้าหลีมีอ านาจในการแนะน า แม้จะยังต้องรอ ให้ทางฝั่งของศาลบุ๋นตอบตกลงเสียก่อนแต่นี่ก็เป็ นแค่การทาให้พอ เป็ นพิธีเท่านั้น สถานการณ์นี้ไม่ค่อยเหมือนกับที่แจกันสมบัติทวีป อยากจะมีจวนเซียนอักษรจงเพิ่มมาสักแห่ง เพราะลาน้าใหญ่สายนี้ เป็ นราชสานักต้าหลีที่ขุดขึ้นมากับมือตัวเอง ในเรื่องนี้ศาลบุ๋นไม่มี ทางเจ้ากี้เจ้าการกับสกุลซึ่งต้าหลี เป็ นเหตุให้ตาแหน่งเทพของลาน้า ใหญ่ที่กุมอานาจสูงแต่กลับยังเว้นว่างมาโดยตลอดตาแหน่งนี้ จะบอก ว่ากองก าลังของแต่ละฝ่ ายแย่งชิงกันหัวร ้างข้างแตกก็ไม่เกินจริงเลย สักนิด ดังนั้นหากเจิ้งต้าเฟิงคิดจะไป “เก็บตก’ ที่ฉีตู้จริงๆ นอกจาก จะต้องให้เว่ยป้ อช่วยสานสะพานความสัมพันธ ์ให้แล้ว ในความเป็ น จริงแล้วคนที่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้อย่างแท้จริงก็คือเฉินผิงอันที่ ปฏิเสธจะรับหน้าที่ราชครูต้าหลี
เว่ยป้ อเอนกายพิงประตูห้อง เอ่ยอย่างจนใจว่า “ตอนนั้นข้าก็ด่า เขาแบบนี้ ผลคือเขาบอกว่าเป็ นความต้องการของอาจารย์เขา ข้ายัง จะพูดอะไรได้อีก ไม่ใช่เจ้าไม่รู ้เสียหน่อยว่าเจิ้งต้าเฟิงเคารพอาจารย์ ที่สุดแล้ว”
เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที
เว่ยป้ อเหลือบตามองเฉินผิงอันที่มีสีหน้ามืดทะมึน ยิ้มเอ่ยว่า “ทาไมถึงเสียกิริยาเช่นนี้ผู้ฝึ กตนอย่างพวกเจ้ามองเรื่องความเป็ น อมตะเป็ นหลัก วิญญาณวีรบุรุษบุ๋นบู๊อย่างพวกเราดูความสาเร็จที่ ต าแหน่งเทพ ก็ไม่ถือว่าเส้นทางต่างแต่มีจุดหมายเดียวกันหรอกหรือ”
ก่อนหน้านี้ตอนที่ดื่มเหล้าอยู่ในกองงานสังคีต เจิ้งต้าเฟิงเมาจน ตาปรือ เช็ดมุมปากยิ้มเอ่ยว่าหากเขาได้เป็ นขุนนางใหญ่เช่นนี้จริงๆ ตามมาด้วยภูเขาพีอวิ๋น ก็ไม่ใช่ว่าดอกไม้เบ่งบานในภูเขาสายน้า สองพี่น้องมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านกันอย่างแท้จริง มีโอกาสได้ ครอบครองฉายาเทพกันหรอกหรือ
เฉินผิงอันส่ายหน้ากล่าว “เจิ้งต้าเฟิงไม่เหมือนกับเจ้า”
หากว่าเป็ นแค่เรื่องดีอย่างเดียว หนีไม่พ้นว่าต้องใช ้น้าใจคนที่ เคยติดค้างกัน เฉินผิงอันย่อมไม่มีความลังเลใดๆ ต่อให้ภูเขาลั่วพั่ว ต้องแลกเปลี่ยนทางผลประโยชน์กับสกุลซ่งต้าหลี เพื่อเจิ้งต้าเฟิงแล้ว ก็ล้วนเป็ นเรื่องเล็ก ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าการเดินไปบนเส้นทางเทพของ เจิ้งต้าเฟิงมีเหตุผลที่ซับซ ้อนซุกซ่อนอยู่ และจะส่งผลกระทบลึกล้า ยาวไกล ไม่อาจบอกได้ว่าเขาจะต้อง “ทาผิดซ้ารอยเดิม” หรืออะไร แต่ประเด็นสาคัญนั้นอยู่ที่ว่าจนถึงตอนนี้เฉินผิงอันก็ยังไม่รู ้ชัดเจนว่า เจิ้งต้าเฟิงจา “เรื่องในอดีต” ได้แล้วหรือไม่ สรุปก็คือในความเห็นของ เฉิน ผิงอัน เรื่องนี้สามารถ “รอดูไปก่อน” ได้ เพราะถึงอย่างไรใบถง ทวีปก็จะมีลาน้าใหญ่ใหม่เอี่ยมเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นมาเหมือนกัน หาก
เจิ้งต้าเฟิงอยากจะได้ตาแหน่งเทพมาครองจริงๆในอนาคตก็จะได้ไม่ ต้องถึงขั้นทอดถอนใจว่า “บนโลกนี้ไม่มีที่ให้ข้าอยู่ อีก
เฉินผิงอันถาม “ตัวเจิ้งต้าเฟิงเองคิดอย่างไรกันแน่? ตอนที่เขา ดื่มเหล้ากับเจ้า ระหว่างที่พูดคุยเขาได้เผยสีหน้าที่มีแนวโน้มไปทาง ไหนหรือไม่?”
เว่ยป้ อยิ้มเอ่ย “ต้องโทษที่ข้าไม่ได้พูดให้ชัดเจน ไม่ได้ย่าแย่อย่าง ที่เจ้าคิด ตอนอยู่บนโต๊ะเหล้าพี่ต้าเฟิ งของพวกเราได้เริ่มดีดลูกคิด วางแผนเกี่ยวกับยี่สิบกองงานในจวนวารีบ้านตัวเองแล้วว่าจะเชิญสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าหญิงคนใดที่ยังไม่มีตาแหน่งมาบ้าง อยากจะให้ข้าเขียนใบรายชื่อมาให้ ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางด้อยกว่า ภูเขาพีอวิ๋นอยู่แล้ว”
เฉินผิงอันอัดอั้นตันใจอย่างยิ่ง ด่าแม่ไปคาหนึ่งอย่างอดไม่ไหว
ไม่รู ้ว่าด่าว่าเจิ้งต้าเฟิงใจใหญ่ หรือด่าเว่ยป้ อที่ “รายงานเท็จ” กัน แน่
“วันนี้มีเหล้าก็เมาวันนี้ พรุ่งนี้กลัดกลุ้มค่อยกลุ้มพรุ่งนี้”
เว่ยป้ อยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เจ้าขุนเขาเฉินมีกิจธุระรัดตัว อุตส่าห์มา เยือนภูเขาพีอวิ๋นของพวกเราทั้งที ในเมื่อมาก็มาแล้ว คืนนี้ก็ต้อง อาศัยโอกาสนี้มาจิบเหล้าด้วยกันสักสองสามจอกให้จงได้”
เฉินผิงอันกล่าว “ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน ดื่มเหล้า อะไรกัน วิญญูชนคบหากันดุจน้าเปล่า!”
ส่วนเจิ้งต้าเฟิ งที่ขึ้นเขามาก่อนหน้านี้กลับคอยบอกเป็ นนัย กับเว่ยซานจวินไม่หยุดว่าดื่มสุราในคืนนี้ จะมากจะน้อยควร ท าอาหารคาวมาสักหน่อย อย่าให้จืดชืดเกินไปนัก
เพียงแต่ว่าเว่ยป้ อแสร ้งท าเป็ นไม่ได้ยินการบอกเป็ นนัยของเจิ้งต้า เฟิง ยังดีที่สุดท้ายแล้วเจิ้งต้าเฟิงดื่มเหล้าอย่างเดียว แล้วก็ไม่ได้บ่น อะไร
เว่ยป้ อยื่นมือไปคว้าแขนของเจ้าขุนเขาเฉิน กระชากกลับเข้าไป นั่งในห้องอีกครั้ง แล้วจึงดีดนิ้วหนึ่งที เพียงไม่นานก็มีขุนนางหญิง แต่งกายด้วยชุดนางกานัลสวมเครื่องประดับเสียงดังกรุ ้งกริ้งเดินเข้า มาในห้อง ยกเหล้ายกอาหารมาส่ง ล าพังแค่ขุนนางหญิงที่หิ้วกล่อง อาหารก็มีมากถึงสามคน คงไม่ใช่ท าอาหารจานเล็กๆ ที่คีบสองสามที ก็หมดจานหรอกนะ? หาไม่แล้วคนทั้งสองดื่มเหล้าด้วยกันไหนเลย จะต้องสิ้นเปลืองขนาดนี้ อีกทั้งตอนที่พวกนางจัดวางอุปกรณ์ วาง อาหาร ความเคลื่อนไหวก็เนิบช ้าแผ่วเบามากเป็ นพิเศษ ดวงตาจ้อง มองมาหวานหยาดเยิ้ม
ใบหน้าเฉินผิงอันประดับยิ้มน้อยๆ ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “เว่ยซานจ วิน อย่างเจ้านี่ถือว่าตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นหรือไม่?”
เว่ยป้ อยิ้มกล่าว “แค่จะใส่ความคนอื่น ไยต้องกลัดกลุ้มว่าหา ข้ออ้างไม่ได้ด้วย”
คิดดูแล้วในเวลาครึ่งปีนี้ กองงานพิธีกรรมบ้านตนคงมีใครบ่นว่า มีหนังสือราชการกองเป็ นพะเนินอีกแล้ว
คราวหน้าที่เจ้าขุนเขาเฉินมาเยือนจวนซานจวิน สถานที่ดื่ม เหล้าสามารถย้ายไปที่กองตรวจตราได้?
รอกระทั่งพวกนางถอยออกไปจากในห้อง เว่ยป้ อเองก็คร ้านจะยุ ให้ดื่ม คืบหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิที่ดองสดๆ ขึ้นมา เคี้ยวอย่างละเอียด แล้วกลืน ถามว่า “ห้ามหาบรรพตของแจกันสมบัติทวีปมีโอกาสจะได้ “แต่งตั้งเทพ” คือความต้องการของเจ้าหรือ?”
เฉินผิงอันจิบเหล้าหนึ่งคา “คิดอะไรน่ะ แม้แต่นักปราชญ์ของ ส านักศึกษาข้าก็ยังไม่ได้เป็ น ไหนเลยจะมีฝีมือยิ่งใหญ่ขนาดนั้น”
เว่ยป้ อกล่าว “แต่จากข่าวที่แพร่มาจากทวีปแดนเทพแผ่นดิน กลาง ดูเหมือนว่าอาจารย์ของเจ้าจะเป็ นคนโยนข้อเสนอนี้ออกไป ด้วยตัวเอง ทางฝั่งของสถานศึกษาหลี่จี้ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รองผู้อานวยการเหมายังเสนอแผนการที่ละเอียดมากฉบับหนึ่ง อธิบายถึงข้อดีข้อเสียของเรื่องนี้ เจ้าลัทธิหลักรองของศาลบุ๋นสาม คนมีคนหนึ่งเห็นด้วยคนหนึ่งไม่เห็นด้วย และอีกคนยังไม่แสดงท่าที ดังนั้นศาลบุ๋นจึงยังต้องเปิดการประชุมอย่างเป็ นทางการที่เจ้าขุนเขา ของส านักศึกษาทั้งเจ็ดสิบสองแห่งต้องมาเข้าร่วม แล้วค่อยสรุปผล ลัพธ์สุดท้ายของเรื่องนี้ ดูจากภายนอกแล้วโอกาสที่จะผ่านมี ค่อนข้างมาก”