Taming Master - ตอนที่ 100
“แล้ว…นายกำลังจะบอกฉันว่าเธอเป็นNPC?”
เอียนรีบพยักหน้า
“นั่น นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังจะพูด! เธอเป็นซัมมอนเนอร์ NPC ที่ฉันตั้งแต่งในฐานะผู้ติดตามของฉันในตอนนี้”
ในขณะที่เอียนแก้ตัว (?) เขาพยายามเรียนรู้เกี่ยวกับฮารินอยู่
เธอพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับท่าทีที่ไม่พอใจ
“แต่ทำไมทุกคนถึงต้องเป็นเด็กสาวที่สวยและน่ารัก?”
เอียนไม่สามารถบอกว่าทำไมแต่เขารู้สึกเหงื่อแตก
นี่เป็นเพราะเขารู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกประหลาดจากน้ำเสียงของฮารินที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“นั่น…ก็ในเมื่อความสามารถของNPCพวกนี้มันดีที่สุดไง…?”
เสียงของเอียนซึ่งอ่อนลงโดยอัตโนมัติ
เมื่อฮารินได้ยินได้ยินเสียงนั่น เธอรู้สึกใจอ่อนนิดหน่อย
ฮารินกลืนความอิจฉาของเธอลงและเริ่มสะกดจิตตัวเอง
‘ใช่แล้ว ผู้ชายที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเกมเพียงอย่างเดียวและไม่มีความสนใจในเด็กผู้หญิงโดยเจตนาเลือก NPC ที่น่ารักหรอกมั้ง? เขาอาจเลือกเธอด้วยความสามารถของเธอจริงๆ’
เมื่อเธอคิดอย่างนั้นแล้ว เธอเริ่มเขินอายนิดหน่อยเช่นกัน
‘นี่ฉันอิจฉาสิ่งที่ไม่ใช่แม้แต่มนุษย์อย่างNPCงั้นหรอเนี่ย’
เธอรู้สึกว่าถ้าหากเธอกดดันเขามากกว่านี้เธอจะกลายเป็นแฟนที่มีความคิดคับแคบที่ยังอิจฉากระทั่งNPCในเกม ฮารินก็ฝืนยิ้มออกมา
“งั้นหรอ…มันเป็นแบบนั้นเองสินะ?”
รู้สึกว่าเสียงของฮารินอ่อนลงเล็กน้อย เอียนก็แสดงอาการสดใสขึ้นเล็กน้อย
“ใช่ ฉันบอกเธอแล้ว!”
“โอเค ถ้างั้นฉันจะปล่อยนายไปครั้งนี้!”
ขณะที่มองไปยังฮารินที่พูดด้วยท่าทีเหมือนกับใจดีแบบสุดๆ เอียนก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าเขาผิดอะไรหรือเธอปล่อยเขาไปเพื่ออะไร
* * *
เมื่อเอียนทำให้ฮารินใจเย็นลงได้แล้วก็มุ่งหน้าไปยังหอคอยมิติ
ถ้าหากเป็นนักเวทมิติกริปเปอร์ที่อยู่ที่หอคอยมิติก็สามารถรู้ได้เลยว่าเขาเป็นNPCระดับสูงมากแน่นอน เขาจึงได้มาที่แห่งนี้และหวังว่าเขาจะแต่งตั้งกริปเปอร์ได้
‘มันอาจจะผิดพลาดได้…แต่มันก็ไม่มีอะไรจะเสียที่จะลอง’
และเอียนที่มาถึงหอคอยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากกริปเปอร์
“โอ้ เอียนไม่ได้เจอกันนาน ข้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับเจ้ามาแล้ว”
เมื่อกริปเปอร์พูด เอียนทำท่าสงสัยออกมาพร้อมกับถามกลับ
“ห้ะ? ข่าวอะไร?”
“จะข่าวอะไรล่ะ มันก็ต้องเป็นข่าวที่เจ้ากลายเป็นบารอนที่น่านับถือน่ะสิ”
เอียนก็ตกใจ
“ที่ไหน ท่านได้ยินมาจากที่ไหน?”
กริปเปอร์ขยิบตาพร้อมกับตอบ
“ข้ามีความใกล้ชิดกับราชวงศ์ของอาณาจักรรัสเปล”
“อ้อ…ผมเข้าใจแล้ว”
เอียนรู้สึกบางอย่างแปลกๆ
‘อะไรกันเนี่ย ทำไมกริปเปอร์มีความใกล้ชิดกับราชวงศ์? หรือว่า…?”
เอียนรีบตรวจสอบข้อมูลของกริปเปอร์
กริปเปอร์
เลเวล : ?
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
อาชีพ : นักเวท (นักเวทมิติ)
ตำแหน่ง : เอิร์ล
บุคคลิก : ขี้สงสัย
อันดับความสามารถ : (ไม่ทราบ)
ค่าสถานะการต่อสู้ (ขยาย)
ความสามารถเฉพาะด้าน (ขยาย)
ความสามารถส่วนตัว (ไม่ทราบ)
นักเวทมิติที่กลายเป็นตำนาน
และก่อนที่เข้าจะตระหนักถึง เขาหายใจเข้า
‘อะไรวะเนี่ย เลเวลของเขามันขึ้นเครื่องหมายสงสัย สูงขนาดไหนกันเนี่ย?’
เขาเคยเห็นกรณีแบบนี้มาก่อน
‘เฮลเลี่ยม เขาเลเวลเดียวกันกับสัตว์ประหลาดนั่นหรอ?’
ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งของเขาคือเอิร์ล
มันเป็นตำแหน่งขุนนางที่สูงกว่าของเอียน
มันไม่มีทางที่บารอนจะสามารถมีเอิร์ลเป็นผู้ติดตาม
เอียนค่อยๆเก็บตราลอร์ดของเขาที่เขาเกือบจะหยิบออกมาลงไป
“ฮ่าฮ่า แสดงว่าคุณก็เป็นขุนนางของอาณาจักรรัสเปลเหมือนกันงั้นหรอกริปเปอร์?”
เมื่อเอียนพูด กริปเปอร์หัวเราะขณะเขาพยักหน้า
“ใช่แล้ว มันเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วแต่ราชาองค์ก่อนได้ให้ฉายาเอิร์ลกับข้า จากนั้นมาข้าก็แวะเข้าไปช่วยงานนักเวทของอาณาจักรรัสเปลบ้างเป็นบางครั้ง”
“อย่างที่คิดเอาไว้เลย… กริปเปอร์ ท่านเป็นคนที่มหัศจรรย์จริงๆ”
กริปเปอร์ซึ่งอารมณ์ดีจากคำเยินยอของเอียนก็หัวเราะและหลังจากคุยกับเขามาระยะหนึ่งเอียนก็ไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับส่วนของผู้ติดตามและทำได้เพียงกลับไปที่เมือง
เอียนตัดสินใจเก็บความโลภของเขาเอาไว้
‘หลังจาก… หากฉันเพิ่มฉายาของฉันเป็นมาควิสต์หรือฉายาดุ๊คในสักวัน ฉันจะลองอีกครั้งหนึ่ง’
ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับมัน เอียนตรวจสอบข้อกำหนดที่ต้องการในการได้รับฉายาต่อไป
ต่อจากฉายาบารอนคือ ‘ไวส์เคาท์’
ระดับยศผู้เล่น
ปัจจุบันระดับ : บารอน
ระดับต่อไป : ไวส์เคาท์
ค่าชื่อเสียงที่ใช้สำหรับการเลื่อนตำแหน่ง : 800,000 หน่วย
อำนาจ: สามารถมีNPC 25คนอยู่ใต้อาณัติได้
“จิ๊…”
เอียนเลียริมฝีปากของเขา
จำนวนชื่อเสียงที่เอียนมีอยู่ในปัจจุบันมีมากกว่า 900,000 หน่วยเล็กน้อย
เขาสามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นฉายาไวส์เคาท์ทันที แต่ข้อดีอย่างเดียวที่เขาจะได้รับคือจำนวน NPC ที่เขาสามารถแต่งตั้งได้ในใต้อาณัติจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5 คนเท่านั้น
ถ้าหากค่าชื่อเสียงเขาลดลง ความสนิทกับNPCภายในเมืองก็จะลดลงและผลประโยชน์บางอย่างที่มาจากชื่อเสียงเช่นการลดราคาไอเทมก็จะลดลงไปเช่นกัน มันไม่มีสาเหตุอะไรเลยที่ทำให้เขาต้องเลื่อนระดับในตอนนี้
‘หลังจากไวส์เคาท์เป็นเอิร์ลและหลังจากนั้น มันจะเป็นมาควิสต์และหลังจากนั้นมันจะเป็นดุ๊ค ดังนั้นยังเหลือเส้นทางอีกยาวไกล’
เอียนตรวจสอบชื่อผู้ติดตามของเขาซึ่งว่างเปล่าและถอนหายใจออดมา
‘ใช่แล้วถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ดีอย่างที่ฉันหวังเอาไว้ เราก็น่าจะไปแต่งตั้งผู้ติดตามสัก4หรือ5คนจากศูนย์ทรัพยากรมนุษย์ในเมืองที่มีสถานะที่โอเคหน่อยดีกว่า’
ในเมื่อเขามีที่ว่างสำหรับผู้ติดตามอยู่จนกว่าจะถึงลิมิตของมัน และเขาก็ตรวจดูแล้วว่าหากเขาเลื่อนยศขึ้นลิมิตของผู้ติดตามก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก
ตอนนี้เอียนมุ่งหน้าไปที่ศูนย์ทรัพยากรมนุษย์
* * *
เมืองโลตัส ห้องประชุมของคฤหาสน์
นานมาแล้วตั้งแต่บุคคลที่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นสมาชิกชั้นนำของกิลด์ทุกคนมารวมตัวกันในห้องประชุม
ขณะที่สมาชิกกิลด์โลตัสเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในกิลด์มีสมาชิกกิลด์ประมาณ 150 คน
ตอนนี้มีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งร้อยคนแล้วที่มีเลเวลมากกว่า100 ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเรียกได้ว่ามีพลังต่อสู้ที่ค่อนข้างสูง
ฟิโอลันที่ตอนนี้ยังคงเป็นผู้เล่นที่เลเวลสูงที่สุดในกิลด์ด้วยเลเวล 118 และหลายๆคนรวมถึงเฮิร์ซก็รีบเร่งตามเลเวลของเธอให้ทันจนตอนนี้เลเวล115แล้ว
แม้แต่เอียนที่เพิ่มเลเวลด้วยความเร็วอย่างกับสัตว์ประหลาดก็อยู่ที่เลเวล114แล้ว
“อย่างที่คิดไว้เลย เราได้การท้าสงครามดินแดนทันทีที่การป้องกันของเราหมดลง”
เมื่อฟิโอลันพูด เฮิร์ซก็พยักหน้า
“ก็นะ มันก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อกิลด์ของเราถือว่าครองเมืองที่ดีเมืองนึงเลยแล้วเมื่อเทียบกับอันดับกิลด์แล้วมันก็ทำให้มีหลายกิลด์อยากได้”
โครบานที่อยู่ถัดจากเขาก็พูดเช่นกัน
“ถึงงั้นก็เถอะ มันเป็นสิ่งที่พวกเราคาดเอาไว้อยู่แล้วและกิลด์ของเราก็ไม่ได้เข้าสงครามกิลด์เลยพักหลังมานี้ แต่พวกเราก็แข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่รึไง? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็เป็นฝ่ายป้องกันดังนั้นพวกเราก็ไม่ต้องห่วงอะไรมากหรอก ศัตรูคือกิลด์โพราริสและก็ไม่ได้มีอันดับกิลด์ห่างกับเรามากนัก”
“โครบานพูดถูก ความเป็นจริงแล้วในสงครามดินแดนที่เกิดขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ประมาณ70%ฝ่ายป้องกันจะเป็นฝ่ายชนะ”
ในวินาที่ที่การป้องกันฐานของกิลด์โลตัสหมดลง กิลด์โพราริสก็เป็นฝ่ายขอทำสงครามดินแดนมาก่อน
การประชุมในปัจจุบันคือการวางแผนกลยุทธ์ของสงครามดินแดน
“อย่างไรก็ตาม มีใครบ้างที่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังการต่อสู้ของกิลด์โพลาริสบ้าง?”
เมื่อเฮิร์ซถาม คาร์วินตอบ
“อืมม ก่อนหน้านี้ฉันพอรู้จักคนที่อยู่ในกิลด์โพราริสมาบ้างแต่จะพูดยังไงดี…แบบนี้ละกันดูเหมือนว่าพวกเขาจะเปลี่ยนสมาชิกกิลด์บ่อยมาก ซึ่งต่างจากพวกเรา”
“จริงหรอ?”
“ใช่แล้ว นอกจากหัวหน้ากิลด์และรองหัวหน้ากิลด์แล้วสมาชิกกิลด์ระดับสูงก็เปลี่ยนไปเยอะเช่นกัน จำนวนสมาชิกกิลด์อยู่ที่เกือบ200คนแต่ฉันได้ยินมาว่ามีเพียงประมาณ10คนเท่านั้นที่อยู่มาตั้งแต่สร้างกิลด์”
ฟิโอลันที่นั่งฟังอยู่ข้างๆเขาก็ถาม
“ข้อมูลแบบนี้มันจะช่วยให้รู้ว่าอีกฝ่ายมีพลังต่อสู้เท่าไหร่มั้ยเนี่ย?”
คราวนี้เป็นเอียนที่นั่งฟังเงียบๆเป็นคนตอบ
“การที่สมาชิกกิลด์เปลี่ยนไปเรื่อยๆแสดงว่าการทำงานเป็นปาร์ตี้ของพวกเขานั้นถือว่ายังไม่ลงตัวมันจึงทำให้พวกเขาอ่อนแอมาก”
“ฉันเข้าใจละ มันก็จริง”
คาร์วินเห็นดัวยในขณะที่เขาอธิบายต่อ
“พี่เอียนพูดถูก นั่นมันก็จริงและภายในนั้นบางคนรวมถึงหัวหน้ากิลด์นั้นแข็งแกร่ง ในขณะที่สมาชิกกิลด์เป็นใครก็ไม่รู้ ฉันได้ยินมาว่ามีผู้เล่นหลายคนที่บริจาคเงินเพื่อที่จะพึ่งบารมีของกิลด์ด้วย”
การแสดงออกของเฮิร์ซดีขึ้นเล็กน้อย
“นั่นหมายความว่าเราสามารถชนะได้ง่ายกว่าที่คิด”
เมื่อคำเหล่านั้น เอียนส่ายหน้าขณะเขาพูด
“ไม่ พวกเราไม่สามารถจะอ่อนข้อให้ได้ในเมื่อพวกเขาก็เป็นกิลด์ที่มีระดับไดม่อน ถ้าหากสมาชิกกิลด์ของเขาเป็นใครก็ไม่รู้แสดงว่าพลังต่อสู้ของสมาชิกหลักนั้นจะต้องสูงกว่าพลังต่อสู้ของกิลด์ระดับไดม่อนทั่วไปแน่ๆ”
เอียนพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะวางแผนในหัวของเขา
แทนที่จะเป็นกิลด์ที่มีพลังการต่อสู้ที่ธรรมดา ดูเหมือนว่าจะง่ายกว่าการวางแผนกลยุทธ์เมื่อเผชิญหน้ากับกิลด์ที่มีพลังการต่อสู้ที่มีลักษณะเช่นนี้
เอียนพูดต่อ
“ถ้าลองดูจากสงครามดินแดนที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ กิลด์ฝ่ายป้องกันส่วนมากจะใช้สมรภูมิผู้กล้าเป็นไพ่ใช้แล้วทิ้งและพวกเขาก็ใช้พลังต่อสู้ทั้งหมดลงที่สมรภูมิแห่งการป้องกันแล้วก็ตีตื้นขึ้นมาคว้าชัยงั้นสินะ?”
เมื่อคำพูดเหล่านั้น คนส่วนมากในห้องประชุมพยักหน้าของพวกเขา
มันเป็นเพราะว่าพวกเขาก็ดูสงครามดินแดนคู่สำคัญทั้งหมดโดยไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียวเช่นกัน
เฮิร์ซเข้าใจความหมายของเอียนแล้ว
“พวกเขาทำอย่างนั้น เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ทั่วไปและเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ฝั่งการป้องกันเพียงแค่ต้องชนะการแข่งขันสามนัดรวมถึงการแข่งขันนัดต่อไปดังนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องเสียความแข็งแกร่งของพวกเขาไปที่สมรภูมิผู้กล้า”
เช่นเดียวกับที่เฮิร์ซบอกว่ายังมีอีกหลายกรณีที่เกิดสงครามดินแดน ฝั่งของกิลด์ป้องกันได้ทิ้งการต่อสู้สามรอบแรกไป
พวกเขารู้ว่าจะต้องใช้ทุกอย่างในสมรภูมิแห่งการป้องกัน
ฟิโอลันพูด
“ไม่ใช่ว่ามันจะดีกว่างั้นหรอถ้าเราใช้แผนการรบเช่นนี้เหมือนกัน?”
“ใช่แล้ว มันไม่ฉลาดกว่างั้นหรอที่จะใช้ความแข็งแกร่งของเราในสนามรบที่เราได้เปรียบ?”
มันเป็นบรรยากาศที่ดูเหมือนว่าเห็นด้วยกันมากที่สุด แต่เอียนคิดต่างออกไป
หลังจากเอียนคิดสักครู่หนึ่ง เขายิ้มขณะที่เขาพูด
“แล้วถ้าเราใช้ในทางตรงกันข้ามละ?”
* * *
“พวกเราจะ..ทำแบบนี้จริงๆงั้นหรอ?”
ขณะที่มองไปยังเอียนซึ่งเข้าร่วมสงครามดินแดนด้วย เฮิร์ซก็ถามด้วยน้ำเสียงที่กังวล
“ใช่แล้ว ฉันอธิบายทุกอย่างไปแล้ว เชื่อฉันสิ”
เอียนยิ้ม แต่ความกังวลของเฮิร์วก็ยังไม่ได้หายไปไหน
เพราะว่าเมื่อเข้าร่วมการต่อสู้ไปแล้วรอบต่อไปก็ต้องลงด้วยเช่นกัน และมันจะไม่สามารถเปลี่ยนตัวกลางคันได้
“ไม่หรอก แผนของนายมันก็ดีแหละ…”
“แล้วทำไม?”
“แต่มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรอที่นายจะเป็นคนเดียวที่เข้าร่วมในสองรอบแรก?”
“พวกเราใช้กองกำลังNPCทั้งหมด มันไม่เป็นไรหรอก”
“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาส่วนมากจะอยู่ที่เลเวลประมาณ60งั้นหรอ?”
แต่เอียนก็ไม่ได้สนใจ และเขาก็ใช้พลังต่อสู้ของเขาโดยไม่ลังเล
เฮิร์ซเมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา
“ฉันไม่รู้แล้วนะ ฉันต้องภาวนาให้สงครามเป็นไปอย่างที่นายคิดเอาไว้”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะชนะให้ได้สองรอบติด”
สิ่งที่เอียนคาดการณ์ไว้มันเป็นแบบนี้
ถ้าหากคิดในมุมมองของกิลด์ฝ่ายโจมตีในเมื่อโอกาสของกิลด์ฝ่ายป้องกันจะใช้สมรภูมิผู้กล้าเป็นไพ่ใช้แล้วทิ้งมันสูงมาก พวกเขาก็จะใช้ไพ่ขยะออกมาด้วยการใช้กองกำลังที่น้อยที่สุด
หลังจากเก็บกองกำลังเอาไว้จนกว่าจะถึงการตีเมือง พวกเขาก็สามารถจะชนะได้ด้วยการใช้ทุกอย่างในตอนนั้น
ถ้าหากเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็แค่ต้องทำสวนทาง
เอียนวางแผนที่จะเข้าร่วมในการต่อสู้สองรอบแรกด้วยตัวเขาเพียงคนเดียว คนที่มีพลังต่อสู้สูงที่สุดในกิลด์โลตัสในขณะนี้ และนำNPCทั้งหมดมาด้วย
มันเป็นแผนที่ใช้วิธีสวนทางแผนของกิลด์ศัตรูที่เมื่อเข้าร่วมด้วยจำนวนกองกำลังที่น้อยและหวังจะชนะ
ถ้าหากมันสำเร็จละก็มันก็จะส่งผลมากกว่าการตีตื้นกลับขึ้นมาชนะสองรอบเสียอีก
เมื่อพวกเขาสามารถชนะสองรอบแรกได้กิลด์ฝ่ายโจมตีก็จะถูกกดดันในสถานการณ์ที่ไม่อาจเลี่ยงได้นอกจากการใช้กองกำลังทั้งหมดลงในรอบที่สาม
‘จากนั้นเริ่มจากรอบที่สาม พวกเราก็จะให้ศัตรูชนะรอบนั้นไป’
เพราะว่ามองจากมุมมองของกิลด์โจมตี ถ้าหากพวกเขาแพ้อีกรอบละก็พวกเขาก็จะแพ้สงครามทันที ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้แผนการของฝ่ายตรงข้ามพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะส่งพวกกระจอกออกมาอีกแน่นอน
และหลังจากนั้นเมื่อศัตรูใช้กองกำลังทั้งหมดของพวกเขาในสมรภูมิป้องกันรอบแรกแล้ว พวกเขาก็จะสามารถป้องกันการโจมตีจากกิลด์ฝ่ายโจมตีที่ไม่ค่อยมีกองกำลังเหลือเท่าไหร่ได้สบาย
สมาชิกกิลด์คนอื่นก็ถึงกับตะลึงเมื่อได้ยินรายละเอียดแผนการของเอียน แต่ดูเหมือนพวกเขาก็จะกังวลเช่นกัน
ในเมื่อพวกเขาไม่อาจเลี่ยงความเสี่ยงที่พวกเขาอาจพลาดได้
“ยังไงก็เถอะสู้ๆนะเอียน ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามที่นายบอกละก็พวกเราก็จะสามารถป้องกันได้อย่างง่ายดายทีเดียว”
“เชื่อใจฉันได้เลย ฟิโอลัน”
ไม่นานนักข้อความระบบก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าเอียน
‘เอียน’ ได้เข้าร่วมสงครามดินแดนรอบแรกระหว่างกิลด์ ‘โลตัส’ และกิลด์ ‘โพราริส’ อีก20นาทีท่าจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังสมรภูมิผู้กล้า โปรดเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะถึงเวลา
มุมปากของเอียนยกขึ้น
‘นี่มัน…มันนานมากแล้วนะที่ฉันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้’
เพราะว่าการต่อสู้รอบนี้มันมีขนาดใหญ่กว่าสนามประลองอย่างเทียบไม่ได้เลย มันเป็นการต่อสู้ที่สำคัญมากซึ่งมีความเสี่ยงในหลายๆอย่าง
และสิ่งที่เอียนแบกไว้หนักที่สุดบนไหล่ก็คือ
หลังจากตรวจสอบสถานะของสัตว์เลี้ยงแล้ว เอียนก็ตรวจสอบสถานะของ ‘ผู้ติดตาม’ ที่เขาแต่งตั้งมา
นั่นมีทั้งหมดห้าผู้ติดตามที่เอียนแต่งตั้ง
ซีเรีย
เลเวล : 110 / อาชีพ : ซัมมอนเนอร์ / ระดับ: Heroic
มัลเลี่ยม
เลเวล : 107 / อาชีพ : วอริเออร์ / ระดับ: Rare
เทนพุส
เลเวล : 114 / อาชีพ : นักบวช / ระดับ: Common
ซีริอุส
เลเวล : 109 / อาชีพ : นักเวท / ระดับ: Unique
โรโรยเทน
เลเวล : 100 / อาชีพ : วอริเออร์ / ระดับ: Rare
โชคดีที่เขาได้รับบุคคลที่มีพรสวรรค์ระดับUniqueมาอีกคนมีชื่อว่า ซีริอุส แต่ความสามารถของผู้ติดตามคนอื่นก็เฉยๆ
ถึงกระนั้นเมื่อพวกเขาอยู่ในเลเวลค่อนข้างสูงพวกเขาก็จะช่วยได้มาก
‘ตอนนี้ฉันไม่เพียงแต่ต้องควบคุมสัตว์เลี้ยงแต่ต้องควบคุมผู้ติดตามด้วยเช่นเดียวกับกองกำลังทั้งหมด ดังนั้นความยากในการควบคุมก็จะยากขึ้นมาก’
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กังวล
เอียนมั่นใจ
ในขณะที่เขาตรวจสอบอุปกรณ์ของผู้ติดตามทั้งหมดเสร็จสิ้นข้อความของระบบก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง
อีกหนึ่งนาทีท่านจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังสมรภูมิผู้กล้า
และไม่นานนักเอียนก็หายไปจากสายตาของทุกคนที่เต็มไปด้วยความกังวล
สงครามดินแดนครั้งแรกของกิลด์โลตัสได้เริ่มต้นขึ้น