Taming Master - ตอนที่ 110
นี่มันที่ไหนกัน…?
“อะไรนะ…?”
แล้วเจ้าเป็นใครกัน? สับสนจริงๆ
เฟนเรียร์ตายเพราะถูกเอียนฆ่า
มันเป็นวิญญาณที่ปรากฏออกมาและพูดคุยกับเอียน
ข้างๆเขา ฮารินก็จ้องมองไปยังร่างนั้นอย่างตื่นเต้น
“ว้าว หมาป่าพูดได้ด้วย”
เมื่อฮารินพูดจบ เฟนเรียร์ก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมา
ข้าคือแชลลอส หัวหน้าผู้พิทักษ์สายเลือดโลหิต อย่าเอาข้าไปเทียบกับพวกชั้นต่ำพวกนั้น
เมื่อวิญญาณเฟนเรียร์พูดออกมา ฮารินก็ผงะ
“ขะ เข้าใจแล้ว…”
และเอียนที่ได้มองทั้งสองพูดกันก็แนะนำตัวเองด้วยท่าทางเกร็งๆ
“ฉันชื่อเอียน”
เอียน? เอียนเจ้าบอกว่า…
ก่อนที่เอียนจะพูดจบ เฟนเรียร์ที่แนะนำตัวเองว่าชื่อ ‘แชลลอส’ ก็เปิดปากพูดอีกครั้ง
งั้นเจ้าก็คือซัมมอนเนอร์
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเอียนก็พยักหน้า
“ใช่แล้ว ฉันเป็นซัมมอนเนอร์”
แชลลอสมองรอบๆอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็จ้องไปที่ร่างที่แตกสลายของตนและมองไปยังเอียนอีกครั้ง
เอียนเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
ยังไงเขาก็เป็นฆ่ามัน
อย่างไรก็ตามมันต่างจากที่เอียนคิดเอาไว้ เฟนเรียร์พูดในสิ่งที่ไม่คาดคิด
อืมม อย่างแรกข้าอยากจะบอกว่า ขอบคุณ
“…?”
ข้าแค่อยากขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าจากโซ่ตรวนแห่งความบ้าคลั่ง
แชลลอสพูดกับเอียนที่อึ้งจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา และแชลลอสก็พูดต่อ
ความแข็งแกร่งของข้าถูกผนึกเอาไว้ แต่ยังไงเจ้าก็ฆ่าข้าได้…ข้าเคารพความแข็งแกร่งของเจ้า
เมื่อเขาได้ยินว่าพลังถูกผลึกเอาไว้ เอียนก็ส่ายหน้า
‘ไม่จริงน่า ถ้าค่าสถานะถูกผลึกเอาไว้แล้วปกติเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?’
เอียนคิดไปไกลแล้วก็ส่ายหน้าเพื่อตอบกลับ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกแชลลอส”
แชลลอสหันไปมองสัตว์เลี้ยงที่ยืนอยู่ด้านหลังของเอียน
และหลังจากได้มองรอบนึงแล้ว เขาก็พูดต่อ
ถึงมันจะน่าผิดหวังไปหน่อยก็เถอะ
เอียนตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“อะไรนะ?”
ถ้าหากมีสายเลือดของพวกข้าอยู่ในหมู่สัตว์เลี้ยงของเจ้าด้วยแล้ว ข้าก็คงจะสามารถช่วยเจ้าได้มากทีเดียว
“ช่วยอะไรงั้นหรอ?”
มันก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของสายเลือด แต่ข้ามีพลังที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่สายเลือดของข้า
เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นมันก็มีสิ่งหนึ่งโผล่ขึ้นมาในห้วงความคิดของเขา
‘อย่าบอกนะว่า มันมีความเป็นไปได้ที่ฉันจะได้เบาะแสในการวิวัฒนาการไลจากเจ้านี่งั้นหรอ?’
จริงๆแล้วมันค่อนไปทางมั่นใจมากกว่าคาดเดา
เอียนรีบพูดออกมาทันที
“สัตว์เลี้ยงของฉัน ‘ไล’ เป็นหนึ่งในสายเลือดของนาย หมาป่าเคราสีเลือด”
เมื่อเอียนพูด แชลลอสก็เบิกตาทั้งสองขึ้นเล็กน้อย
หืม? จากในหมู่หมาป่าเครา ถ้าหากมีสายเลือดเดียวกันมันก็เป็นสายเลือดเดียวกับข้า ยังไงก็เถอะข้าไม่เห็นมันจากในหมู่สัตว์เลี้ยงของเจ้าเลย…
ตอนนี้ไลบาดเจ็บจากการต่อสู้กับแชลลอสที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง มันก็เลยถูกย้ายไปยังอีกมิติหนึ่ง
เอียนพูด
“ตอนนี้ไลติดสถานะยกเลิกการอัญเชิญอยู่ ถ้าหากนายรอประมาณ20นาทีได้ ฉันจะเรียกมันออกมา”
ในที่สุดแชลลอสก็เข้าใจจึงพยัหน้าออกมา
เข้าใจแล้ว นั่นถึงทำให้ข้าไม่เห็นมัน จริงๆแล้วข้าก็รู้สึกถึงสายเลือดของข้าอยู่เหมือนกันแต่เพราะว่าข้าไม่เห็นมันข้าก็เลยเพียงแค่สงสัย
“ใช่แล้วรออีกสักหน่อย ฉันจะอัญเชิญมันออกมา”
ต่างจากที่เอียนคิด เขาพยักหน้าและพูดต่อ
ถึงอย่างนั้นมันก็น่าผิดหวังอยู่ดี
เอียนหยีตาลงเล็กน้อย
“อะไรอีก? ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะเรียกมันออกมาในอีก20นาที”
เพราะว่าข้าจะหายไปก่อนหน้านั้น ก่อนที่ข้าจะไปยังโลกวิญญาณเวลาที่ข้าจะสามารถอยู่ที่นี่ได้ไม่เกิน10นาที ข้าเหลือเวล่อีกแค่9นาทีเท่านั้น
ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น เอียนก็ตกตะลึง
“…”
มันเป็นสถานการณ์ที่น่าอนาถใจ เอียนพยายามที่จะไม่พูดคำสบถออกมา
‘นี่มัน บ้าเอ๊ย! ทำไมพวกเขาต้องสร้างเกมให้มันเป็นแบบนี้ด้วยเนี่ย?’
ขณะที่มองไปยังไลที่ไม่มีวี่แววว่าจะวิวัฒนาการเลยแม้แต่น้อยไม่ว่ามันจะเลเวลเพิ่มขึ้นขนาดไหนก็ตาม เอียนเคยคิดว่าเขาจะต้องเติมเต็มเงื่อนไขอะไรสักอย่างเสียก่อน
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการที่เขาเจอเบาะแสได้จากสถานที่ที่ไม่คาดคิดแบบนี้ได้ มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดเหลือเกิน
ขณะที่มองไปที่เอียนที่ถอนหายใจออกมา แชลลอสก็พูดขึ้น
ยังไงก็ตามในเมื่อเจ้าช่วยให้วิญญาณของข้าหลุดพ้นจากการคุมขังได้ ข้าก็ควรจะตอบแทนให้เหมาะสม
เมื่อเขาพูดจบ ข้อความระบบก็เด้งแจ้งเตือนเอียนว่าเขาได้รับบางอย่าง
ท่านได้รับไอเทม ‘Bloody Hole’
ชื่อของมันถูกเขียนด้วยสีม่วง แน่นอนว่ามันต้องเป็นไอเทมระดับHeroic
ถึงกระนั้นมันก็ไม่มีทางที่อารมณ์ของเอียนจะดีขึ้นได้จากของเพียงแค่นี้
‘เห้อ แล้วฉันจะวิวัฒนาการไลยังไงละทีนี้…’
เพื่อที่จะตอบรับรางวัลที่เขาให้มาไม่ว่าเอียนจะอารมณ์เป็นยังไง เอียนก็ก้มหัวให้เล็กน้อย
มันเป็นการกระทำที่กลายเป็นเรื่องธรรมชาติที่ร่างของเอียนจะทำเองหลังจากเล่นไคลันมาจนถึงตอนนี้
“ขอบคุณมาก ฉันจะใช้มันอย่างดี”
มันเป็นไอเทมที่เป็นสัญลักษณ์ของสายเลือดโลหิต ข้าอยากให้เจ้าดูแลมันดีๆ
เขายังไม่ได้ตรวจสอบว่ามันคือไอเทมอะไร แต่เอียนก็พยักหน้า
“แน่นอน ฉันจะทำตามนั้น”
เอียนคิดว่าเขาหมดธุระที่นี่แล้วก็เดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับทางเดิน
ทันใดนั้นแชลลอสก็พูดขึ้นอีก
เอ่อ เจ้าอยากจะผ่านทางนี้ไปและออกอีกทางนึงงั้นหรอเอียน?
“หืมม..?”
เพราะว่าเขาไม่รู้ไม่ว่าทางเดินนี้จะมีทางเชื่อมไปที่อื่นอีกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนั้น แต่เอียนก็พยักหน้า
“ใช่แล้ว พวกเรากำลังจะออกไปอีกฝั่งนึง”
เขาวางแผนที่จะเห็นจุดสิ้นสุดของดันเจี้ยนอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้พูดโกหกอะไร
อย่างที่คิดไว้เลย เข้าใจแล้วถ้าอย่างนั้น เจ้าพอจะช่วยอะไรข้าหน่อยได้มั้ย?
การขอร้องจากNPCจะต้องเป็นเควสต์แน่นอน
เอียนตาลุกวาวขึ้นเล็กน้อย
‘ถ้าหากฉันได้เบาะแสเกี่ยวกับการวิวัฒนาการจากเควสต์นี้มันก็คงจะดี…’
“เค ไม่สิ ให้ช่วยอะไรล่ะ?”
เมื่อเอียนถาม แชลลอสก็พูดต่อทันที
ข้ามีน้องชายที่เป็นวิญญาณถูกขังเอาไว้เช่นกัน
และหน้าต่างเควสต์ก็เด้งขึ้นมา
Ring- .
*เฟนเรียร์โลหิต ‘แชลลอส’ ขอร้อง
เฟนเรียร์โลหิตผู้ปกป้องสายเลือดโลหิตได้เป็นอิสระจากการพันธนาการวิญญาณเอาไว้โดยท่านเป็นผู้ช่วยเหลือ
เขาขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามน้องชายของเขายังไม่ได้รับอิสระจากการพันธนาการวิญญาณและกำลังเจ็บปวด
จากข้อมูลที่ได้รับจากแชลลอส ให้ไปช่วยปลดปล่อยพันธสัญญาวิญญาณของ ‘โอวิลล์’ น้องชายของแชลลอสรวมถึงเป็นเฟนเรียร์อันธการ สายเลือดแห่งความมืด
ความยากเควสต์: S
เงื่อนไขเควสต์: ผู้เล่นจะต้องปลดปล่อยวิญญาณเฟนเรียร์โลหิต ‘แชลลอส’
เวลาจำกัด: ไม่จำกัด
รางวัล – ไม่ทราบ
ดวงตาทั้งสองของเอียนก็เบิกโพลงทันทีเมื่อเห็นหน้าต่างเควสต์เปิดออกมา
‘ระดับS? มันเป็นระดับSงั้นหรอ..?’
ความยากระดับนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นตั้งแต่ที่เล่นไคลันมา เอียนก็สับสน
‘ถ้าหากเป็นเควสต์ระดับS…ฉันคิดว่าฉันเคยอ่านมาจากบอรืดเมื่อไม่นานมานี้ว่าผู้เล่นเลเวล130ก็ยังทำเควสต์ล้มเหลวเหมือนกัน”
อย่างไรก็ตามการที่จะปฏิเสธมัน เขาก็เสียดายที่จะเสียโอกาสในการวิวัฒนาการเหมือนเมื่อครุ่นี้อีก
สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ลังเลและรับเควสต์นี้ทันที
‘ใช่แล้ว มันไม่มีเวลาจำกัดดังนั้นฉันก็น่าจะลองดูหน่อย’
“โอเค ฉันจะลองช่วยดู”
เมื่อเอียนรับเควสต์แชลลอสก็ดูสดใสขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ขอบคุณมากเอียน ข้าหวังว่าเจ้าจะปลดปล่อยน้อยชายของข้าที่ทรมาณกับการคุมขังมาเป็นระยะเวลากว่าศตวรรษได้
“แน่นอน…ฉันจะลองดู”
‘ถึงฉันจะไม่รู้ว่าฉันจะทำได้รึเปล่าก็เถอะ”
และแชลลอสก็พูดต่อ
ถ้าหากเจ้าเดินตามทางต่อไปอีกประมาณ10นาที เจ้าจะสามารถผ่านที่ราบสูงฟอลาสและออกไปด้านนอกได้
ที่ราบสูงฟอลาสที่เขาพูดถึงอยู่เป็นที่ราบสูงที่ไม่มีจุดจบได้คลี่ออกตรงหน้าเอียนก่อนที่เขาจะเข้ามาในนี้เสียอีก
ถ้าหากเจ้าออกไปด้านนอกแล้วมันก็จะเชื่อมต่อกับทางริมน้ำ และถ้าเจ้าตามทางน้ำไปทางเหนือมันก็น่าจะมีหมู่บ้านโอลิบัสอยู่ ผ่านไป100ปีแต่พื้นที่ไม่น่าจะเปลี่ยนไปมาก
เอียนตั้งใจฟังสิ่งที่แชลลอสพูด
มันไม่ได้มีอะไรที่ยุ่งยากขนาดนั้นเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องจด
เมื่อเจ้าถึงหมู่บ้านโอลิบัสแล้วหาคนที่ชื่อ ‘อิคาเอล’ เขาเป็นคนที่รู้ว่าน้องชายของข้าอยู่ที่ไหน
เอียนที่เต็มไปด้วยความสงสัยก็ถาม
“อิคาเอล? เขาเป็นมนุษย์รึป่าว?”
แชลลอสตอบ
ใช่แล้ว เขาเป็นเพื่อนมนุษย์เพียงคนเดียวของโอวิลและข้า
“เข้าใจแล้ว แต่ไม่ใช่ว่านายบอกว่าพวกนายถูกขังมามากกว่า100ปีแล้วงั้นหรอ? มนุษย์จะยังมีชีวิตอยู่ได้หรอ?”
เมื่อเอียนถาม แชลลอสก็พยักหน้าอย่างช้าๆ
เขายังมีชีวิตอยู่ เพราะว่า….
หลังจากเขาพักหายใจครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆพูดออกมา
เขาเป็น ‘ผู้ที่เปลี่ยนชะตาตัวเอง’
* * *
เอียนและฮารินแยกกับแชลลอสและเดินจนถึงสุดทางของทางเดิน
“แต่จินซุง ไม่ใช่ว่ามันจะดีกว่างั้นหรอถ้าเราล่าที่นี่จนกว่าบัฟผู้ค้นพบคนแรกจะหมดลงน่ะ?”
ฮารินถามออกมา เอียนพยักหน้าพร้อมกับตอบกลับ
“ถูกแล้ว นั่นก็เป็นแผนที่ฉันวางเอาไว้ เขาบอกว่ามันมีที่ที่ชื่อหมู่บ้านโอลิบัสอยู่เมื่อเราออกจากที่นี่ ฉันก็จะไปที่นั่นและซื้อหินกลับเมืองรวมถึงฟื้นฟูตัวเองเสียก่อนแล้วค่อยออกมาล่าอีกที”
“เข้าใจแล้ว”
ประมาณ10นาทีผ่านไป ทั้งสองก็สามารถออกมาจากที่แห่งนี้ได้
“ว้าว! มันมีชายฝั่งจริงๆด้วย!”
พวกเราออกมาจากทางเดินก็เห็นเข้ากับทะเลจนสุดสายตา
เอียนก็ยินดีเช่นกัน
“ว้าว…นี่สร้างขึ้นมากระทั่งทะเลเลยงั้นหรอ?”
เพราะว่าทวีปโคโลน่า แผ่นดินที่พวกเขาเหยียบมาเป็นที่แรกในไคลันก็โดนปิดทั้งสามฝั่งของแผนที่ จึงยังไม่มีผู้เล่นคนไหนในไคลันเห็น ‘ทะเล’ เลยแม้แต่น้อยคนเดียว
ก่อนที่ทวีปตอนเหนือจะเปิดออก ทั้งสี่ฝั่งก็ถูกตัดออกไปตั้งแต่เริ่มแต่จากแพทช์ล่าสุดแผนที่ทางเหนือก็เปิดออก
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่ทวีปตอนเหนือเชื่อมต่อกับทะเลถูกค้นพบโดยเอียนเป็นผู้แรก
และแน่นอนว่ารางวัลผู้ค้นพบคนแรกจะต้องเด้งขึ้นมาตรงหน้าเอียนและฮาริน
Ring- .
ท่านค้นพบ ‘ทะเล’ เป็นคนแรก ค่าชื่อเสียงของท่านเพิ่มขึ้น 50,000 หน่วย ความสนิทกับประเภท ‘น้ำ’ เพิ่มขึ้น5%
เนื่องจากค่าความสนิทของเธอเพิ่มขึ้น ฮารินจึงเข้าใจวัตถุดิบอาหารทะเลมากขึ้น5%
ทั้งสองที่ได้รับค่าชื่อเสียงและค่าสถานะมาแบบฟรีๆแล้วก็เดินตามทางน้ำไปและไปทางเหนือขณะที่อารมณ์ดี
และเป็นอย่างที่แชลลอสบอก ไม่นานพวกเขาก็พบกับ ‘หมู่บ้านริมหาดโอลิบัส’
“โว้ว มันมีหมู่บ้านตั้งอยู่ในที่สงบๆแบบนี้จริงๆด้วย”
เอียนพูดกับตนเองออกมา ฮารินก็เห็นด้วย
“ยิ่งไปกว่านั้นหมู่บ้านนี้ก็ขนาดค่อนข้างใหญ่อีกด้วย”
เธอพูดออกมา มันก็มีบางสิ่งโผล่ขึ้นมาในความคิดของเอียนในทันที
‘หรือว่า ถ้าหากเป็นหมู่บ้านที่ยังไม่ถูกค้นพบ มันคงยังไม่ได้อยู่ในประเทศหรือกิลด์ไหนใช่มั้ย?’
ถ้าหากเป็นหมู่บ้านที่เป็นอิสระ นั่นก็หมายความว่าเขาสามารถลงทะเบียนที่นี่ให้กลายเป็นฐานใหม่ของกิลด์โลตัสได้
เอียนรีบตรวจสอบข้อมูลของหมู่บ้านโอลิบัสทันที
*โอลิบัส
ประเภท: หมู่บ้านริมหาด (อิสระ)
ระดับ: หมู่บ้าน
พื้นที่: 5582ตารางเมตร
ประชากร: 1995 คน
โอลิบัสเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของริมหาด
การต่อเรือและการตกปลาพัฒนาได้ดีในที่แห่งนี้
มูลค่าของดินแดน: 2758
ข้อมูลเชิงลึก (ขยาย)
‘อิสระ! มันเป็นอิสระจริงๆด้วย!’
เอียนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เพราะว่าในหมู่ฐานอิสระที่ถูกค้นพบในทวีปตอนเหนือจนถึงตอนนี้มันก็ไม่มีที่ไหนที่มีขนาดใหญ่และพัฒนาได้เท่าอันนี้มาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นระดับของมันก็เป็นระดับ ‘หมู่บ้าน’ ถ้าหากพวกเขาได้ที่นี่มาละก็มันก็จะมีส่วนช่วยในกิลด์ได้มากทีเดียว
เอียนรีบดึงผนึกของลอร์ดออกมาจากช่องเก็บของทันที
“ยึดครองฐาน!”
อย่างไรก็ตามข้อความระบบที่ไม่คาดคิดก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าเอียนที่ยิ้มกว้างพร้อมกับอ้าแผ่นผนึกออกมา
ท่านไม่สามารถยึดครองหมู่บ้านริมหาด ‘โอลิบัส’ ได้เพื่อที่จะยึดครองหมู่บ้านริมหาด ‘โอลิบัส’ ท่าต้องผ่านเงื่อนไขทั้งหมด เงื่อนไขที่1. ท่านต้องมีเมืองที่มีระดับสูงกว่าระดับ ‘หมู่บ้าน’ (ผ่านเงื่อนไข) เงื่อนไขที่2 ท่านต้องมีกำลังทหารที่แข็งแกร่งกว่าในหมู่บ้าน (ไม่ผ่านเงื่อนไข) เงื่อนไขที่3 ค่าความพันธ์ของท่านกับคนในหมู่บ้านจะต้องมากกว่า 70% (ไม่ผ่านเงื่อนไข)