Taming Master - ตอนที่ 221
เรื่องราวที่เขาได้ยินจากเซราฟิมค่อนข้างยาว แต่ถ้าสรุปสั้นๆมันจะเป็นอย่างนี้
- ‘ไดซ์’ ปีศาจระดับขุนนางที่เป็นเจ้าของตลาดค้าทาสแห่งเมืองแห่งความโกรธเกรี้ยวกำลังมองหาสัญญาทาสอย่างเร่งด่วนและสำหรับผู้ที่นำสัญญาทาสมาให้เขา เขาประกาศว่าเขาจะเปิดชั้นล่างสุดของตลาดค้าทาสเพียงครั้งเดียว
- โดยปกติมีกฎว่าชั้นล่างสุดของตลาดค้าทาสเปิดให้กับราชาปีศาจเท่านั้นและเปิดให้กับปีศาจที่มีระดับขุนนางหรือสูงกว่าปีละครั้งเพียงหนึ่งในสี่ของวัน
- ชั้นล่างสุดของตลาดค้าทาสคือสถานที่ซึ่งมีการขายทาสจำนวนมากซึ่งหายากมากจนถึงจุดที่แม้แต่เซราฟิมซึ่งเป็นปีศาจระดับขุนนางก็ต้องการพวกเขา
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเซราฟิม เอียนรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่น่าอัศจรรย์ แต่ในเวลาเดียวกันก็มีคำถาม
“ไม่สิ แต่ว่า… อะไรคือการที่จะให้โบนัสที่ยอดเยี่ยม? นอกจากนั้นปีศาจระดับขุนนางซึ่งเป็นเจ้าของตลาดค้าทาสก็ไม่ได้มีสัญญาทาสสักอันอยู่แล้วหรอกหรอ?”
เมื่อเอียนถาม เซราฟิมแสยะยิ้มขณะที่เขาตอบกลับ
“เจ้ารู้เรื่องสัญญาทาสน้อยกว่าที่ข้าคาดไว้มาก”
“…?”
“ความสามารถของมันเองที่เป็นไอเทมสัญญาทาสนั้นมีค่าไม่มากนัก”
แต่เดิมประโยชน์ของสัญญาทาสคือไอเทมที่มีค่าสำหรับปีศาจที่เป็นปีศาจธรรมดาหรือต่ำกว่านั้น เนื่องจากไม่สามารถใช้ทาสได้
นอกจากนี้ยังมีข้อดีสำหรับปีศาจที่เป็นปีศาจระดับสูงหรือสูงกว่าซึ่งสามารถลดราคาของทาสที่พวกเขาต้องการจ้างครึ่งหนึ่ง แต่มันก็ไม่ถึงจุดที่ถือว่าน่าอัศจรรย์
“แล้ว?”
“อย่างไรก็ตาม สัญญาทาสนั้นหายากอย่างมาก”
“ห้ะ?”
“เพราะมันเป็นไอเทมที่มีเพียงสามชิ้นในทุกๆปีในอาณาจักรปีศาจ ความหายากของมันอยู่เหนือจินตนาการของเรา”
“หืมมม…?”
เป็นไอเทมที่ไม่อาจถือได้ว่าน่าทึ่ง แต่ด้วยความหายากเพียงอย่างเดียวคุณค่าของพวกมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามคำถามของเขายังไม่ได้รับการแก้ไข เอียนพูดอีกครั้ง
“อืมม… แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ทำไมเจ้าของตลาดค้าทาสซึ่งเป็นระดับขุนนางต้องการสัญญาทาสล่ะ? มันเป็นของที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาไม่ใช่หรอ?”
เซราฟิมหัวเราะขณะที่เขาตอบกลับ
“นั่นเป็นเพราะเขาเป็นพ่อที่น่าเบื่อและมีลูกสาวที่น่ารัก”
เมื่อได้ยินคำที่คาดไม่ถึง เอียนแสดงท่าทางงุนงง
“ขอโทษนะครับ…?”
“ไดซ์เป็นขุนนาง แต่ ‘ซาช่า’ ลูกสาวของเขายังคงเป็นปีศาจธรรมดาและสำหรับของขวัญวันเกิดยี่สิบปีของเธอ เธอบอกว่าเธอต้องการทาส”
ตอนนั้นสถานการณ์ในปัจจุบันเริ่มมีรูปร่างที่ชัดเจนขึ้นในหัวของเอียน
‘ดังนั้น… เขาต้องการสัญญาทาสเพราะว่าเป็นของขวัญวันเกิดของลูกสาวของเขาสินะ?’
ตามคำอธิบายของเซราฟิม ‘ชั้นล่างสุดของตลาดค้าทาส’ เป็นสถานที่ที่มีค่าพอที่จะนำไปใช้งานได้จริง
‘และโอกาสที่จะเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวได้ก่อตัวขึ้น’
เอียนหันหน้าไปหาเซราฟิมอีกครั้ง
“ถ้างั้น ผมแค่ต้องไปหาไดซ์ใช่ไหมครับ?”
เมื่อเอียนพูดขณะที่เขย่าสัญญาทาส เซราฟิมพยักหน้า
“ถูกต้อง”
เอียนซึ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาต้องทำรวมถึงเควสต์ของเขาได้เรียบเรียงความคิด
‘ก็น่าจะดีถ้าฉันผ่านทุกอย่างไปทีละอัน’
อย่างไรก็ตาม ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำสิ่งเหล่านี้อย่างมั่วซั่วแม้แต่น้อย
เอียนพูดกับเซราฟิมอีกครั้ง
“อย่างไรก็ตาม เซราฟิม ท่านเคยไปชั้นล่างสุดของตลาดค้าทาสมาก่อนใช่ไหมครับ?”
“แน่นอน ข้าไปตลาดค้าทาสทุกๆปีที่ชั้นล่างสุดเปิดขึ้น”
เอียนยิ้มขณะที่เขาพูเด
“ถ้างั้นให้ขอมูลผมสักหน่อยสิ”
ในตอนแรกเซราฟิมคิดว่ามันน่ารำคาญอย่างมาก แต่เมื่อเอียนถามอย่างจริงจังเขาก็เริ่มพูดอย่างช้าๆ
และแตกต่างจากตอนแรก เมื่อเขาคิดว่ามันน่ารำคาญ แต่เขาอธิบายข้อมูลที่เขารู้เป็นรายละเอียดค่อนข้างมาก
“อย่างแรก ข้าจะบอกเจ้าถึงจุดที่สำคัญที่สุดในการเลือกทาสที่ดี”
“จุดที่สำคัญที่สุด?”
“นี่เป็นข้อมูลอย่างดีที่ทุกคนไม่เคยรู้จัก อย่าพลาดแม้แต่คำเดียวและจดจำมันไว้”
ข้อมูลชิ้นแรกที่เซราฟิมบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้คือยิ่งชั้นล่างเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้ทาสระดับสูง
มีคนไม่มากที่รู้เรื่องนี้เพราะนอกจากชั้นล่างสุดแล้วความแตกต่างนั้นมาก แต่นี่เป็นข้อมูลที่สำคัญ
” ‘ชั้นล่างสุด’ ซึ่งเป็นพื้นที่ล่างสุด เป็นพื้นที่หลายระดับที่ประกอบด้วย 3 ชั้นและโดยธรรมชาติมีโอกาสสูงที่ทาสที่อยู่บนชั้นล่างสุดของทั้งสามเป็นทาสระดับสูงกว่า”
“ผมเข้าใจแล้ว นี่เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับผมอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามนี่เป็นข้อมูลอย่างดีงั้นหรอ? มันเป็นข้อมูลที่ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่จะรู้ถ้าเขาเป็นปีศาจที่เคยใช้ตลาดค้าทาสมาก่อน…”
“นั่นไม่จริง นี่เป็นเพราะมีหลายกรณีที่พวกเขาไม่รู้วิธีแยกแยะทาสที่ดีแม้จะเคยใช้ทาสมาก่อนก็ตาม”
ข้อมูลที่เซราฟิมบอกเขาต่อไปคือวิธีแยกแยะข้อมูลของทาส
ตามที่เขาพูด ไม่มีวิธีหาระดับของทาสก่อนที่จะซื้อในตลาดค้าทาส
“หากเจ้าเป็นปีศาจระดับสูงกว่าหรือสูงกว่านั้น ใครๆก็สามารถตรวจสอบข้อมูลของทาสได้ อย่างไรก็ตามข้อมูลเกือบครึ่งหนึ่งจะถูกซ่อนไว้จากเจ้า แต่เจ้าจะไม่สามารถตรวจสอบ ‘ระดับ’ ของทาสซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุดจนกว่าเจ้าจะประทับตราสัญญา”
เหตุผลที่เป็นอย่างนั้นเพราะมีราคาต่อยอดและราคาต่ำสุดที่กำหนดไว้สำหรับราคาคงที่ของทาส
เพราะถ้าราคาของทาสนั้นมีราคาอิสระขึ้นอยู่กับระดับและค่าสถานะของมัน ตลาดทาสจะเป็นไปตามหลักการของระบบเศรษฐกิจตลาดและเดินหน้าตามความต้องการของตัวเอง
อย่างไรก็ตามหากราคาของทาสระดับสูงและทาสระดับต่ำไม่แตกต่างกันมากนักจะไม่มีใครซื้อทาสระดับต่ำ
“ดังนั้นเมื่อตรวจสอบข้อมูลของทาสสิ่งที่ผู้ซื้อต้องตรวจสอบอย่างแน่นอนคือสายพันธุ์ของทาส”
“ผมเข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าทาสจะไม่ใช่ปีศาจสินะ?”
“ไม่ใช่ มีปีศาจที่เป็นทาสเช่นกัน มีแม้กระทั่งปีศาจที่เป็นปีศาจระดับสูงหรือสูงกว่านั้น อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวหายากมาก ส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ต่างๆจากมิติอื่นมาเป็นทาส”
“ดูเหมือนแนวคิดที่คล้ายคลึงกับทาสสงครามมาจากสงครามรุกรานของอาณาจักรปีศาจ”
“เจ้าสามารถพูดได้ว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกเขาอาจถูกมองว่าเป็นทาสสงครามในอดีต”
“ทาสสงครามในอดีต?”
“ตอนนี้อาณาจักรปีศาจไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามรุกรานใดๆ แต่ในอดีตพวกเขาบุกเข้าไปในมิติต่างๆ เผ่าพันธุ์และมิติที่ยอมจำนนต่ออาณาจักรปีศาจในเวลานั้นกลายเป็นอาณานิคมของเรา เจ้าอาจพูดได้ว่าคนที่เข้ามาในฐานะทาสในขณะนี้คือสายพันธุ์ของมิติที่กลายเป็นอาณานิคมของพวกเราเมื่อนานมาแล้ว”
“ผมเข้าใจแล้ว ดังนั้นในกรณีที่โลกมนุษย์ยอมจำนนอย่างสมบูรณ์ในสงครามระหว่างอาณาจักรปีศาจและโลกมนุษย์ มนุษย์จะกลายเป็นทาสและปรากฏตัวในตลาดทาส”
“ถูกต้องแล้ว ตอนนี้ข้าอาจจะสนุกกับอำนาจของข้าในฐานะปีศาจ แต่โดยพื้นฐานแล้วข้าเป็นมนุษย์และในกรณีนี้ ข้าพยายามป้องกันไม่ให้เกิดสงครามมิติกับโลกมนุษย์ในตอนนี้”
“ผมเข้าใจแล้ว…”
“บทสนทนาของเราออกทะเลไปไกลแล้ว กลับไปที่จุดเริ่มต้นของการสนทนาของเราอีกครั้ง…”
เซราฟิมบอกเอียนถึงสองสายพันธุ์ที่มีโอกาสสูงสุดในการเป็นทาสระดับสูง
“หากคุณค้นพบมูนเอลฟ์หรือดาร์คแฟนท่อมหรือแม้แต่คาร์กอน เจ้าจะไม่เสียดายถ้าเจ้าทำสัญญากับพวกเขา”
“โอ้โห…”
ในขณะที่ดูเอียนผู้ซึ่งจดบันทึกสิ่งนี้ไว้อย่างขยันขันแข็ง เซราฟิมเสริมต่อ
“มูนเอลฟ์มีลักษณะของเอลฟ์ที่มีโทนสีผิวสีม่วงสดใสและเจ้าสามารถคิดว่าดาร์คแฟนท่อมเป็นผีที่มีลำตัวทึบแสงเกือบมืดทึบและสุดท้ายเรียกว่าครึ่งมังกรคาร์กอนเป็นมนุษย์ที่ดูเหมือนมังกร”
“มนุษย์ที่ดูเหมือนมังกร…? พวกเขาหน้าตาเป็นยังไง?”
“เจ้าจะรู้เมื่อเจ้าไปเห็นด้วยตัวเอง”
“…”
และข้อมูลที่เซราฟิมบอกเขาอย่างสุดท้ายคือสกิลของทาส
“เมื่อคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องมาทำสัญญาทาส พวกเขาจะเปรียบเทียบค่าสถานะการต่อสู้ของทาสโดยไม่จำเป็นและเลือกคนที่มีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด แต่อย่าทำอย่างนั้น”
“หืมม…?”
เอียนรู้สึกเหมือนถูกต่อยอยู่สักครู่หนึ่ง
เป็นเพราะว่าถ้าเซราฟิมไม่พูดขึ้นมา เขารู้สึกว่าเขาคงจะทำอย่างนั้น
‘ฉันอาจเปรียบเทียบค่าสถานะการต่อสู้ของทาสทั้งหมดที่อยู่ในชั้นล่างสุดและเลือกค่าสถานะที่มีค่าสูงสุด…’
เอียนเกาหัวขณะที่เขาถามกลับ
“ทำไมล่ะครับ?”
“นี่เป็นเพราะการใช้ทาสเป็นพลังการต่อสู้ปกติในการต่อสู้นั้นเป็นตัวเลือกที่แย่ที่สุดอย่างแท้จริง เจ้าสามารถพูดได้ว่าประสิทธิภาพใกล้เคียงกับศูนย์เลยล่ะ?”
“ทำไมครับ?”
“นี่เป็นเพราะโดยพื้นฐานแล้ว ไม่ว่าค่าสถานะการต่อสู้ของทาสจะยอดเยี่ยมแค่ไหน ไม่มีทางที่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะปีศาจระดับสูงและอีกกรณีหนึ่ง พลังแฝงของทาสที่ทาสเพียงเท่านั้นจะมีนั้นน่าสนใจมากกว่า”
เอียนรู้สึกว่าสนใจมากขึ้น
‘อะไรกัน? เนื้อหาใหม่งั้นหรอ?’
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเพิ่มพลังการต่อสู้ที่ทรงพลัง แต่ก็มีวิธีอื่นอีกหลายวิธีที่จะทำให้พอใจโดยการเลือกผู้ติดตาม การจับสัตว์เลี้ยงเป็นต้น
ด้วยเหตุนี้เอียนจึงให้ความสนใจกับความจริงที่ว่ามีบางสิ่งที่พิเศษสำหรับเนื้อหาทาสเท่านั้น
“โอ้โห ท่านอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ?”
เซราฟิมพูดต่อ
“อย่างแรกในกรณีของมูนเอลฟ์ มีหลายกรณีที่พวกเขามีสกิลติดตัวแบบ AoE ที่มีเงื่อนไขซึ่งเกี่ยวข้องกับ ‘กลางคืน’ หรือ ‘พระจันทร์’ ”
ทันทีที่เขาได้ยินความสามารถของมูนเอลฟ์ มีบางคนที่เขาคิดถึงทันที
‘โอ้ ฉันจะสามารถได้รับบางสิ่งบางอย่างเช่นพลังแฝงของไลที่เป็น AoE งั้นหรอ?’
หากเป็นเช่นนั้น มันเป็นเรื่องที่แน่นอนว่ามันจะช่วยได้มาก
‘โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาณาจักรปีศาจซึ่งมีพระจันทร์สามดวง มันจะดีมากยิ่งขึ้น’
เซราฟิมพูดอีกครั้ง
“ในกรณีของดาร์คแฟนท่อม ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขานั้นมารวมกันอย่างแท้จริงคือ 0 แต่พวกเขามีความสามารถในการซ่อนตัวที่ทำให้ข้าพูดไม่ออก”
เอียนถามกลับด้วยท่าทางงุนงง
“ความสามารถในการซ่อนตัวทีความหมายอะไร ในเมื่อพวกเขาไม่มีความสามารถในการต่อสู้เลย?”
ไม่มีที่ใดที่ดาร์คแฟนท่อมจะไปไม่ได้ นอกจากพลังงานปีศาจและความสามารถศักดิ์สิทธิ์ พวกมันจะไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีใดๆเลย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพวกเขาสามารถทำให้ร่างกายโปร่งใสได้ในระยะเวลาหนึ่ง พวกเขาจึงมีความเชี่ยวชาญในการลาดตระเวนในพื้นที่ที่อันตราย”
เอียนซึ่งได้ยินถึงจุดนั้นได้เอียงคอ
‘แน่นอนว่ามันเป็นความสามารถที่ดี แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาขาดอะไรบางอย่างเมื่อเทียบกับมูนเอลฟ์…’
อย่างไรก็ตาม เซราฟิมยังพูดไม่จบ
“และในบรรดาดาร์คแฟนท่อมบางครั้งก็มีพลังแฝงที่เรียกว่า ‘ดินแดนแห่งความมืด’ และนั่นคือสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง”
“ ‘ดินแดนแห่งความมืด’ … ดูเท่ห์จังเลย”
“มันไม่ใช่แค่เท่ห์ หากดินแดนแห่งความมืดถูกร่ายจะเป็นระยะเวลาหนึ่ง การมองเห็นของศัตรูทั้งหมดที่อยู่ในระยะจะหายไป อย่างมากมันแค่ประมาณ 15 วินาที แต่ในสนามรบขนาดใหญ่ความสามารถนี้เป็นผลกระทบอันทรงพลังที่สามารถพลิกกระดานได้เลย ยิ่งกว่านั้นมันจะละเว้นสถานะสภาพคงกระพันทั้งหมด”
การแสดงออกของเอียนเปลี่ยนไปครู่หนึ่ง
ในขณะที่เอียนรู้เกี่ยวกับการต่อสู้ขนาดใหญ่มากขึ้นกว่าคนอื่น เขารู้ถึงมูลค่าที่แท้จริงของความสามารถนั้นทันที
‘มันเป็นความสามารถที่น่ากลัวอย่างแท้จริง หากความสามารถในการมองเห็นหายไปแบบ AoE ในระหว่างการต่อสู้ 15 วินาทีอาจจะรู้สึกเหมือนกับ 15 ปี’
ท้ายสุดคำอธิบายเกี่ยวกับพลังแฝงของคาร์กอนยังคงดำเนินต่อไป
“คาร์กอนเป็นเผ่าพันธุ์ที่ข้ายังไม่เคยใช้เป็นทาส แต่เขาเป็นคนที่เจ้าต้องทำสัญญาทันทีที่เจ้าพบพวกมัน”
เมื่อได้ยินคำเหล่านั้น ความคาดหวังของเอียรเพิ่มมากขึ้น
“พวกเขามีความสามารถประเภทไหนหรอครับ?”
เซราฟิมตอบกลับ
“ความสามารถในการบิดเบือนพื้นที่”
“อืมม…?”
“พวกเขาเป็นคนที่สามารถปิดและเปิดพื้นที่ได้ตามที่ต้องการ หากเจ้ามีพวกเขา เจ้าสามารถคิดว่ามันสามารถย่อพื้นที่ด้วยเวทย์มนตร์เป็นกลุ่ม”
“…”
“แน่นอนอาจมีบางสิ่งบางอย่างเช่นเวลาคูลดาวน์… แต่ถึงกระนั้นข้าเห็นพวกเขาใช้ความสามารถของพวกเขาอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดที่เจ้าไม่สามารถเข้าใจได้ ข้าจะไม่รู้เนื่องจากข้าไม่เคยใช้มันเป็นการส่วนตัว”
ในความคิดของเอียนซึ่งได้รับการจัดระเบียบข้อมูลเกี่ยวกับพลังแฝงของสายพันธุ์ที่แนะนำจนถึงปัจจุบันได้กลายเป็นสีขาวเหมือนแผ่นกระดาษสักครู่หนึ่ง
และภายในพื้นที่นั้นมีเพียงแค่ตัวอักษรหกตัวที่สะกด ค-า-ร์-ก-อ-น
‘เอาล่ะ คาร์กอน ฉันเลือกนาย!”
อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนั้นเอียนก็ไม่รู้
ถึงความหายนะที่จะเข้าหาเขาในอีกหนึ่งในสี่ของวันต่อมา…
โดยปกติแล้วชีวิตไม่ได้ลื่นไหลอย่างที่เราปรารถนา