Taming Master - ตอนที่ 235
- ท่านประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนอาชีพเเป็น ‘หัวหน้าปีศาจ – นักเวทย์มนตร์แห่งปีศาจ’
- ท่านประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนอาชีพเป็น ‘หัวหน้าปีศาจ’ คนแรก
- ชื่อเสียงของท่านเพิ่มขึ้น 100,000 หน่วย
- เมื่อท่านประสบความสําเร็จในการเปลี่ยนอาชีพเป็น ‘หัวหน้าปีศาจ’ อาชีพคู่ถูกสร้างขึ้น
- ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอาชีพ ‘หัวหน้าปีศาจ’ ได้รับการสร้างเพิ่มเติมในหน้าต่างข้อมูลของอาชีพ
- ท่านได้เรียนรู้สกิล ‘ห้วงแห่งเวทย์มนตร์’ ซึ่งเป็นสกิลพื้นฐานของอาชีพ ‘หัวหน้าปีศาจ’
- ท่านได้เรียนรู้สกิล ‘พลังงานปีศาจหวนกลับ’ ซึ่งเป็นสกิลพื้นฐานของอาชีพ ‘หัวหน้าปีศาจ’
ในขณะที่ดูข้อความของระบบที่โผล่ขึ้นมา รีเมียร์ก็แสดงความพึงพอใจ
“ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นคนแรกที่ได้รับอาชีพคู่ในหมู่นักเวทย์มนตร์”
ขณะที่จ้องมองที่รีเมียร์ซึ่งพูดราวกับว่าเธอกำลังพึมพำ คาซานดราหัวเราะคิกคัก
- อาจจะเป็นอย่างนั้น เจ้าเป็นนักเวทย์มนตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเสมอ ถ้าเจ้าไม่สูญเสียฉายาการเป็นคนแรกที่ได้รับอาชีพคู่จากคนที่ชื่อเอียนล่ะนะ?
เมื่อคาซานดราพูดซึ่งกระทบ รีเมียร์ทำหน้าบึ้งเล็กน้อย
“ฉันบอกเธอว่าไม่ยุ่ง”
รีเมียร์อ่านข้อมูลสกิลและค่าสถานะใหม่อย่างขยันขันแข็งที่ได้รับจากการได้รับอาชีพคู่
เธอกำลังวางแผนในหัวของเธอว่าเธอต้องการรวมอาชีพคู่ของเธอเข้ากับอาชีพที่มีอยู่ก่อนหน้าของเธอเพื่อสร้างประสิทธิภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้อย่างไร
เนื่องจากแม้ว่าเธอจะได้รับพลังใหม่ พลังการต่อสู้ที่สามารถแสดงได้หลากหลายขึ้นอยู่กับการใช้งาน
คาซานดราจ้องไปที่รีเมียร์
- ถึงกระนั้นเจ้าก็มีความสามารถพิเศษที่ทำให้ข้าประหลาดใจ รีเมียร์
“เธอหมายความว่ายังไง?”
- ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในการเป็น ‘หัวหน้าปีศาจ’ ได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
นอกจากนี้ยังเป็นนักเวทย์มนตร์ปีศาจ
รีเมียร์ส่ายหน้าขณะที่เธอพูด
“ฉันไม่ต้องการการปลอบใจหรือสิ่งที่คล้ายกันเมื่อมันสายเกินไป ดังนั้นบอกตำแหน่งที่อัญมณีแห่งดวงอาทิตย์หลับไหลอยู่แทน คาซานดรา”
- ฮ่าๆ ใจร้อนจัง…
“ถ้าเธอไม่บอกฉันเร็วๆ ฉันจะพิจารณาว่าไม่มีสัญญาหรืออะไรทั้งนั้น!”
ตามคำท้าของรีเมียร์ คาซานดราโบกมือขณะที่เธอแสดงออกแบบประจบสอพลอ
- เอ่อ นี่มันไม่มากไปหรอฉันแค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง?
“จิ๊ ฉันควร…”
- โว้ว โว้ว โอเค ข้าจะบอกเจ้า ข้าจะบอกเจ้าแล้ว
คาซานดราพักหายใจสักครู่ก่อนที่เธอจะพูดอย่างช้าๆ
- ก่อนอื่น เจ้ารู้ว่าทำไมข้าถึงบอกให้เจ้าได้รับอาชีพคู่เร็วๆใช่ไหม?
รีเมียร์พยักหน้า
“เธอบอกฉันครั้งที่แล้ว เธอบอกว่าฉันต้องการอาชีพคู่เพื่อที่จะเข้าสู้ป้อมปราการแห่งปีศาจในโซน 80 หรืออะไรสักอย่าง”
- ถูกต้อง ถ้างั้นทำไมข้าถึงบอกแบบนั้นล่ะ?
รีเทียร์ซึ่งครุ่นคิดสักครู่หนึ่งได้ถามคาซานดรากลับ
“อัญมณีแห่งดวงอาทิตย์หลับไหลอยู่ในป้อมปราการแห่งปีศาจงั้นหรอ?”
คาซานดรายิ้มขณะที่เธอตอบกลับ
- บิงโก ถูกต้อง หรือจะพูดให้ถูกกว่านี้ก็คือสถานที่ที่อัญมณีแห่งดวงอาทิตย์ถูกขังอยู่ข้างในป้อมปราการแห่งปีศาจดีล่ะ…?
รีเมียร์ถามคาซานดราด้วยท่าทางงุนงง
“ห้ะ? ใครทำอย่างนั้น?”
- ถ้าข้าพูดชื่อไป เจ้าอาจจะรู้จักเขา เนื่องจากเขาเป็นวีรบุรุษของโลกมนุษย์
“หืมม…?”
- ชื่อของเขาคือโซล่า จากที่ข้ารู้ เขาเป็นวีรบุรุษของโลกมนุษย์ที่ถูกจับเป็นเชลยระหว่างการต่อสู้ระหว่างอาณาจักรปีศาจและโลกมนุษย์เมื่อพันปีก่อน
“…!”
ตามที่คาซานดราพูด รีเมียร์รู้จักเกี่ยวกับชื่อโซล่าอย่างแน่นอน
‘อะไรกัน ถ้าเป็นโซล่าที่มีส่วนร่วมในการต่อสู้กับอาณาจักรปีศาจเมื่อพันปีก่อน ถ้างั้นฉันคิดว่านั่นคือนักเวทย์มนตร์โซล่า…’
คาซานดราพูดต่อ
- อย่างไรก็ตามถ้าเจ้ารู้จักเขา ถ้าอย่างนั้นเจ้าควรจะเดาได้อย่างน้อยก็ว่าเขาจะรู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอัญมณีแห่งดวงอาทิตย์ใช่ไหม?
ชื่อ ‘นักเวทย์มนตร์โซล่า’ เป็นชื่อที่ปรากฏบ่อยครั้งมากในขณะทำเควสต์ของนักเวทย์มนตร์
เขาเป็นนักเวทย์มนตร์ในตำนานที่เป็นคนแรกในหมู่มนุษย์ที่มีวงเวทย์มากกว่า 8 วง เขาเป็นหนึ่งในวีรบุรุษของมนุษย์ที่มีบทบาทส่วนที่ใหญ่ที่สุดในการทำสงครามกับอาณาจักรปีศาจเมื่อพันปีก่อน
และในขณะที่อาชีพของรีเมียร์ตอนนี้เป็นนักเวทย์มนตร์จึงไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้จักเขา
‘พวกเขาบอกว่าเหลืออีก 30 วันจนกว่าคลื่นมอนสเตอร์ของอาณาจักรปีศาจจะมาใช่ไหม? ฉันจะได้รับอัญมณีแห่งดวงอาทิตย์ภายในเวลาไหม?’
นี่คือเควสต์หลักเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังของเทพดวงอาทิตย์
ใจของรีเมียร์เร่งรีบเล็กน้อย
* * *
ความคิดของเอียนซับซ้อน
‘มันเป็นเพราะเจ้านี่ค้นพบดันเจี้ยนที่โอ๊คเลย์พักอยู่ในทวีปทางเหนืองั้นหรอ’
ในเวลานั้นเขาเพิ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่หลังจากได้ยินเรื่องราวของกาก้า จึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เหตุผลที่บุ๊กค์ชี้นำวิญญาณของคาร์เซอุสนั้นคล้ายกับสัญชาตญาณของเขา
‘บุ๊กค์ค่อนข้างเป็นคนสำคัญสินะ…’
มันเป็นช่วงเวลาที่ภาพของบุ๊กค์ที่ถูกวาดในหัวของเอียนอัพเกรดจาก ‘เต่าตะกละที่กินมีตบอลไม่หยุดหย่อน’ กลายเป็น ‘คนสำคัญ’ ในครั้งเดียว
บุ๊กค์กะพริบตาที่ใหญ่สองข้างของเขาราวกับว่าเขากำลังบอกว่าเขาไม่รู้ว่านี่เป็นสถานการณ์แบบไหนในขณะที่เขาเคี้ยวมีตบอลของเขาอย่างขยันขันแข็ง
“อะไรคือซินตะมานิบุ๊กค์? ฉันจะสามารถวิวัฒนาการได้หากว่าฉันมีมันหรอบุ๊กค์?”
ไม่รู้ว่าเนื้อหาที่เพิ่งพูดไปนั้นจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาและในขณะที่มองบุ๊กค์ผู้ส่งเสียงที่น่าหงุดหงิดเช่นนั้น กาก้าก็ถอนหายใจ
“แกได้รู้อะไรบ้างจากคำอธิบายจนถึงตอนนี้เนี่ย?”
บุ๊กค์อธิบาย
“ฉันไม่ได้ฟังเพราะว่าฉันกำลังยุ่งกับการลิ้มรสมีตบอลบุ๊กค์ เป็นไปตามที่คาดเลย มีตบอลโอสถนี่อร่อยจริงๆบุ๊กค์”
“เฮ้อ…”
สำหรับเรื่องนี้จะเป็นการประชุมระหว่างกาก้าซึ่งเป็นมันสมองที่ไม่มีบัฟหรือไอเทมชดเชยและเพียงแค่มีค่าสติปัญญามากกว่า 7,000 หน่วยและบุ๊กค์ซึ่งมีค่าสติปัญญาเป็นเพียงตัวเลขสองหลัก แม้จะเป็นเลเวล 170 …
ด้วยเหตุผลแปลกๆบางอย่าง เอียนคิดว่าทั้งสองนั้นเหมาะสมกันในขณะที่เขาจัดระเบียบข้อมูลที่เขาได้ยินมาจนตอนนี้อยู่ในหัวของเขา
‘สรุปได้ว่า… นี่ไม่ได้หมายความว่าในบรรดาตำนานทั้งเจ็ดที่เป็นพลังขับเคลื่อนในการหยุดยั้งการรุกรานของอาณาจักรปีศาจเมื่อพันปีก่อนอยู่กับฉันตั้งสามตัวใช่ไหม?’
คาร์เซอุสและไคซาร์รวมถึงบุ๊กค์
เอียนเริ่มตื่นเต้นอย่างมาก
‘นั่นหมายความว่าแม้ในคลื่นมอนสเตอร์แห่งอาณาจักรปีศาจ รางวัลของฉันก็ช่วยไม่ได้ที่จะเยอะมากสินะ!’
ถ้าเขาให้ซินตะมานิแก่บุ๊กค์ มันก็เป็นไปได้ที่คาร์เซอุสจะถูกปลุกด้วยเช่นกัน
มันเป็นสถานการณ์ที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ในที่สุดบุ๊กค์ก็จะวิวัฒนาการ แม้กระทั่งคาร์เซอุสก็จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเป็นระดับ Mythological
‘ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเทพมังกรที่เหลือรวมตัวกันในที่เดียวกัน มีโอกาสที่ฉันจะฝึกมังกรเหล่านั้นด้วย…!’
ทันใดนั้น ในขณะที่เอียนกำลังดีใจ กาก้าก็ยุติความหลงผิดในความคิดของเอียน
“เจ้านาย เนื่องจากท่านฉลาดต่างจากบุ๊กค์ ท่านเข้าใจว่าท่านควรทำอะไรใช่ไหม?”
บุ๊กค์จ้องมองไปที่กาก้า แต่ไม่มีทางที่จะทำให้กาก้ากลัวได้
“อืมม ถ้ามันเป็นสิ่งที่ฉันควรจะทำก่อน…”
เอียนหันไปมองบุ๊กค์
“ฉันควรวิวัฒนาการเขาและทำให้เขาเป็นเต่ามังกรสินะ?”
กาก้าพยักหน้าขณะที่มันตอบกลับ
“ถูกต้อง เป็นไปตามที่คาดเจ้านายนั้นฉลาด”
เอียนเกาหัวของเขา
‘อะไรวะเนี่ย? แม้ว่ามันจะเป็นเกม แต่ความรู้สึกที่ได้รับการยกย่องจากทาส… มีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องนี้…’
กาก้าพูดต่อ
“ก่อนอื่น บุ๊กค์ต้องวิวัฒนาการเป็นเต่ามังกรเพื่อให้มีอำนาจด้วยการได้รับซินตะมานิ ดังนั้นต้องเสร็จเป็นอย่างแรก”
“และเมื่อบุ๊กค์วิวัฒนาการ ฉันต้องได้รับซินตะมานิก่อน?”
กาก้าพยักหน้า
“ถูกต้อง”
“แต่ว่าฉันจะวิวัฒนาการเขาได้ยังไง?”
“ถามบักค์เถอะเจ้านาย”
ก่อนที่เอียนจะพูดอีกครั้ง บักค์ตัดบทราวกับว่ามันรอที่จะตอบอยู่แล้ว
“สำหรับให้บุ๊กค์วิวัฒนาการ เขาต้องการสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังงานอันทรงพลังที่ถูกเก็บรักษามานานนับร้อยปี”
“อืมม… สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์งั้นหรอ?”
เอียนจ้องไปที่บุ๊กค์อีกครั้ง
“ถ้าเป็นอะไรอย่างนั้น เขาหามันและกินพวกมันเรียบร้อยแล้ว”
บักค์ตอบกลับด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย
“งะ งั้นหรอ”
“ถ้างั้นหากฉันปล่อยเขาไว้ เขาจะวิวัฒนาการด้วยตัวเขาเองใช่ไหม?”
ขณะที่บักค์ลังเล บุ๊กค์ซึ่งอยู่ถัดจากเขาตอบอย่างมีพลัง
“ถูกต้องบุ๊กค์ ฉันจะวิวัฒนาการเร็วๆนี้แล้วบุ๊กค์ เลเวลจิตวิญญาณแห่งเต่าอยู่ที่ 99 แล้วบุ๊กค์”
“…”
เอียนซึ่งไม่รู้ว่าบุ๊กค์พูดถึงอะไร สักพักหนึ่งก็ทิ้งความคิดของเขาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และถามกาก้าเกี่ยวกับส่วนอื่นๆที่เขาอยากรู้
“ขณะที่ปล่อยให้บุ๊กค์วิวัฒนาการ… ฉันมีบางอย่างที่ฉันอยากรู้ กาก้า”
“แน่นอน ถามได้เลยเจ้านาย”
“ถ้าอย่างนั้นในอดีต ถ้าบุ๊กค์ขึ้นกลายเป็นมังกรอเวจีแล้ว เทพมังกรที่เกษียณไปต่างๆจะรวมตัวกันหาบุ๊กค์ไหม? เพื่อหยุดยั้งการรุกรานของอาณาจักรปีศาจน่ะ?”
เอียนคิดว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น แต่กาก้าส่ายหน้า
“ไม่ครับ เจ้านาย”
“ห้ะ? ทำไมล่ะ?”
“นั่นเป็นเพราะสถานการณ์ปัจจุบันนั้นต่างจากอดีต”
“…?”
ตามคำอธิบายของกาก้าและถ้าสรุปโดยสังเขปมันก็เป็นแบบนี้
- ถ้าเต่ามังกรขึ้นกลายเป็นมังกรอเวจี เทพมังกรที่ยังไม่ตื่นขึ้นมาจะรวมตัวกันที่มังกรอเวจีเพื่อที่จะตื่นขึ้น
- มังกรที่รวมตัวกันรอบมังกรอเวจีจะได้รับส่วนแบ่งจากพลังของซินตะมานิและเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นเทพมังกรที่แท้จริง
- เพราะเทพมังกรทั้งสี่นอกเหนือจากเทพมังกรแห่งสงครามอยู่ในช่วงก่อนที่พวกเขาจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเมื่อหนึ่งพันปีก่อน พวกเขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งของซินตะมานิและปรากฏตัวขึ้น
- อย่างไรก็ตามในตอนนี้ เนื่องจากไม่รวมเทพมังกรคาร์เซอุส สี่ตัวที่เหลืออยู่ในสถานะที่พวกเขาตื่นขึ้นมาแล้ว แม้ว่าบุ๊กค์จะกลายเป็นมังกรอเวจี พวกเขาก็จะไม่ปรากฏขึ้นมา
เอียนซึ่งได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็เดาะลิ้น
“จิ๊… อะไรกัน น่าผิดหวังจริงๆ”
ขณะที่มองเอียนซึ่งผิดหวัง กาก้าแหย่
“เจ้านาย ไม่ใช่ว่าท่านโลภเกินไปงั้นหรอ?”
“กะ แกพูดเรื่องอะไร?”
“ท่านอยากจะฝึกเทพมังกรทั้งห้าไม่ใช่หรอ?”
“…!”
เอียนซึ่งถูกแทงไปที่ใจทันทีไม่สามารถควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าได้และเคลียร์ลำคอ
“อะแฮ่ม แฮ่ม มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ฉันแค่ตั้งคำถามขึ้นมาเฉยๆ”
กาก้าแสดงท่าทางงุนงงขณะที่มันถามกลับ
“คำถาม? คำถามอะไร? ฉันรู้สึกว่าฉันอธิบายไปหมดแล้ว”
เอียนโบกมือขณะที่เขาตอบกลับ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่คำถามที่เกี่ยวข้องกับที่นายพูดมา”
“ถ้างั้น?”
“ในอดีต พวกเขาหยุดยั้งการรุกรานของปีศาจด้วยความแข็งแกร่งของเทพมังกรรวมตัวกัน ดังนั้นคราวนี้เราต้องหยุดพวกมันโดยไม่มีความแข็งแกร่งนั้นและถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันก็อยากรู้ว่าเราเป็นอย่างไร จะสามารถหยุดพวกเขาได้โดยไม่ต้องมีพละกำลังของเทพมังกรได้ไหม?”
ในขณะที่กาก้ามีความรู้กว้างขวาง เอียนจึงถามทุกสิ่งที่เขาอยากรู้โดยไม่คิด
และการแสดงออกของกาก้าก็ค่อนข้างจริงจัง
“อืมม… ไม่มีทางที่ฉันจะรู้เช่นนั้น เนื่องจากฉันมีแค่ความรู้ในอดีตและไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ว่าอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร”
เอียนเกาหัวของเขา
“อืมม นั่นสินะ”
“อย่างไรก็ตาม ฉันรู้บางอย่าง”
“อะไรล่ะ?”
“พลังของเทพมังกรทั้งสี่ที่เหลือจะปรากฏขึ้นเพื่อหยุดยั้งการโจมตีของอาณาจักรปีศาจ นั่นหมายความว่าอาจะเป็นไปได้”
“…?”
สำหรับเอียนที่แสดงว่าเขาไม่เข้าใจ กาก้าเสริมอีกเล็กน้อย
“ฉันหมายความว่าพวกเขาได้พยายามปกป้องโลกมนุษย์จากการบุกรุกทุกรูปแบบจากโลกอื่นอยู่เสมอและหากพวกเขารู้เกี่ยวกับความจริงที่ว่าอาณาจักรปีศาจบุกเข้ามาในโลกมนุษย์ พวกเขาจะให้พลังของพวกเขา”
เอียนแสดงท่าทางงุนงง
“อะไรกันเนี่ย ท้ายที่สุดนายก็บอกว่าพวกเขาจะปรากฏออกมา”
กาก้าส่ายหน้า
“ไม่มีทางที่จะรู้ พวกเขาอาจจะให้พลังของพวกเขากับใครบางคน”
“หืมม…? พลังของเทพมังกรน่ะหรอ…?”
ไคซาร์ที่แค่ฟังเขาอยู่ข้างๆเงียบๆแสยะยิ้มเมื่อเขาถามเอียน
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่โดดเด่นในหมู่มนุษย์หรือไม่?”
“อะไรนะ?”
ไคซาร์พูดต่อ
“พวกเขาแต่ละคนอาจช่วยเหลือมนุษย์ที่มีความพิเศษที่พวกเขาเชื่อว่าเหมาะสมกับมาตรฐานของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาสามารถให้พลังของพวกเขาในการปกป้องโลกมนุษย์”
กาก้าก็พยักหน้าเมื่อเขาเห็นด้วย