The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.203 เสื้อคลุมท่ามกลางสายฝน
เมืองฉิงอี้เป็นเมืองที่เงียบสงบตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลอวิ้นจง เมืองฉิงอี้มีชื่อเสียงในด้านการหมักเหล้าจากธัญพืช แม้จะเป็นเมืองเล็ก ทว่าก็มีโรงเตี๊ยมมากกว่ายี่สิบแห่งซึ่งดึงดูดทหารและเหล่าคนพเนจรให้แวะเวียนเข้ามา อีกทั้งเมืองฉิงอี้ยังเป็นที่ตั้งของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิง
…
ยามเช้าตรู่มีฝนตกโปรยปรายไปทั่วทั้งเมือง ละอองฝนตกลงบนถนนดินและหินหล่อเลี้ยงชีวิตใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ บนถนนมีเหล่าผู้คนเดินกันขวักไขว่ หลายคนกำลังแบกสิ่งของเดินไปมา ทหารถือขวานหินนายหนึ่งกำลังถามราคาสุราจากโรงเตี๊ยม เขาพลันส่ายหัวเนื่องจากมีเงินไม่เพียงพอ จึงต้องมองหาโรงเตี๊ยมแห่งอื่นที่ราคาถูกกว่า
ท่ามกลางสายฝนชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีเหลืองเดินอ้อยอิ่ง เขาเงยหน้าขึ้นและดึงผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้า จากนั้นก็มาหยุดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เมื่อเถ้าแก่ในร้านเห็นก็เข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตร “เจ้าหนุ่ม ต้องการที่พักหรือมาดื่มล่ะ?”
ชายผู้นั้นยิ้มเล็กน้อย เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ทว่ายังดูค่อนข้างอ่อนเยาว์ “ข้าต้องการถามว่ากองบัญชาการของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงอยู่ที่ใดหรือขอรับ?”
“ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิง?”
เถ้าแก่ตะลึงก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าต้องการเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงรึ?”
“ขอรับ…”
“อืม…ผู้นำเฝิงสี่อาศัยอยู่บริเวณลานกว้างทางด้านเหนือสุดของเมือง ทว่าเจ้าดูไม่เหมือนทหารรับจ้างพเนจรเลย?”
“ขอบคุณขอรับ”
หลินมู่อวี่ขอบคุณเถ้าแก่ก่อนจะดึงเสื้อคลุมขึ้นและเดินออกไปท่ามกลางสายฝน
ทันใดนั้น! ก็มีรถม้าวิ่งเข้ามาด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะที่คนคุมบังเหียนฟาดแส้ลงบนม้าและตะโกนเสียงดัง “หลบไปไอ้เวรเอ๊ย!”
‘เพี๊ยะ!’
แส้แฉลบโค้งมาที่คอของหลินมู่อวี่อย่างรวดเร็ว ทว่าเขาเร็วยิ่งกว่า อาอวี่พลันยกมือซ้ายขึ้นคว้าปลายแส้และดึงด้วยความแรง! ทำให้คนคุมบังเหียนตกจากรถม้าทันที…กล้าขับรถม้าอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้ในเมืองเล็กๆ นี่มันอันตรายเกินไป!
‘พลั่ก!’
ชายผู้นั้นล้มลงคว่ำหน้าอยู่ในโคลนตม เขารีบลุกขึ้นยืนและสาปแช่งทันที “ไอ้สารเลว! บังอาจทำเช่นนี้กับข้า! เฮ้ย! จัดการมันซะ!”
ชายร่างใหญ่สีหน้าดุดันหลายคนถือดาบและขวานกระโดดลงจากเกวียน หนึ่งในนั้นเรียกวิญญาณยุทธ์หมาป่าคลั่งระดับแปดออกมา ก่อนจะยกขวานสงครามพร้อมตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “บังอาจมาขวางทางข้า รนหาที่ตายชัดๆ!”
หลินมู่อวี่ไม่หลบขวานที่พุ่งเข้ามา เขาเพียงคำรามเสียงทุ้มต่ำปลดปล่อยกำแพงน้ำเต้า ส่งผลให้ขวานกระแทกลงบนกำแพงเต็มแรงก่อนจะกระเด็นปลิวไป ทันใดนั้น! ทหารรับจ้างอีกนายทะลวงดาบยาวอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าหวังแทงทะลุหน้าอกหลินมู่อวี่ ทว่าเขาหลบการโจมตีอย่างฉับพลัน! พร้อมยกมือขวาปัดป้องเปลี่ยนวิถีดาบกระแทกเข้าที่หน้าอกศัตรูอีกคน
‘เปรี้ยง!’
ชายคนนั้นส่งเสียงฮึดฮัดขณะที่โดนกระแทกถอยหลัง
หลินมู่อวี่ยกมุมหนึ่งของเสื้อคลุมลงพร้อมเผยแววตาน่าเกรงขาม “อย่ายั่วโมโหข้า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่ปรานี!”
ทหารรับจ้างต่างตกตะลึงขณะที่ยืนมองวิญญาณยุทธ์ของหลินมู่อวี่ค่อยๆ จางหายไป ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดออกมา เพียงยืนมองหลินมู่อวี่เดินจากไปอย่างเงียบงัน
ขณะเดียวกันที่มุมของถนน เงาร่างหนึ่งมองเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนจะรีบควบม้าออกไป จนมาถึงชานเมืองซึ่งมีรั้วสีเขียวล้อมรอบ ชายผู้นั้นรีบลงจากม้าและตรงเข้าไปในโถงหลักพร้อมพูดเสียงดัง “ท่านผู้นำแย่แล้วขอรับ! หลินมู่อวี่อยู่ที่นี่แล้ว!”
ภายในห้องโถงมีนักรบอายุราวสามสิบปีสวมชุดเกราะเบากำลังจิบชาอยู่ เขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “หวังโฮ่วเอ๋อร์ เหตุใดไม่สงบสติอารมณ์ก่อน? หลินมู่อวี่จะเข้ามายังดินแดนของทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงด้วยตัวเองได้อย่างไร?”
“ทว่าข้าเห็นกับตาขอรับ เขามีวิญญาณยุทธ์น้ำเต้า!”
“น้ำเต้า?” เฝิงสี่เงยหน้ามองพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าระดับสิบ…มีผู้คนนับไม่ถ้วนในเมืองหลันเยี่ยนที่มีวิญญาณยุทธ์น้ำเต้า แม้จะไม่ถึงหมื่น ทว่าอย่างน้อยก็แปดพันคน เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าของหลินมู่อวี่?”
ใบหน้าหวังโฮ่วเอ๋อร์ซีดลงเล็กน้อยด้วยความสับสน “ทว่าน้ำเต้าของเขาเป็นสีเขียวเข้ม และใช้ปราณยุทธ์แทนที่จะเป็นปราณแท้! ข้าเห็นทุกอย่าง หลินมู่อวี่ผู้นั้นกำลังมาหาเราถึงที่!”
“อะไรนะ!?”
เฝิงสี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ ก่อนจะตะโกนกึกก้อง “ทหาร! จัดกองทัพให้ข้าเดี๋ยวนี้! พลธนูและหน้าไม้เตรียมตัวให้พร้อม! และให้ทหารถือขวานสามร้อยนายซุ่มโจมตีจากทั้งสองด้านของห้องโถง ข้าจะรอดูสิว่าเหตุใดหลินมู่อวี่จึงกล้ามาที่นี่คนเดียว!”
“ขอรับ!”
…
จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะดังขึ้นหลายครั้งบนประตูสีเขียวที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ ทหารรับจ้างเคลื่อนตัวมาเปิดประตูอย่างระมัดระวัง แล้วก็สะดุ้งถอยหลังกลับทันทีที่เปิดประตู
หลินมู่อวี่ที่อยู่ด้านนอกกำลังสะบัดเสื้อผ้าที่เปียกโชกจากหยาดฝนและเผยให้เห็นชุดเกราะของวิหาร ผ้าคลุมสีขาวที่หลังทำให้ทหารรับจ้างหวาดกลัวยิ่งขึ้น ราวกับว่าชุดเกราะของหลินมู่อวี่เต็มไปพลังที่น่าเกรงขามซึ่งทำให้เหล่าทหารสั่นสะท้าน
“ผู้นำเฝิงสี่อยู่ที่นี่หรือไม่?”
หลินมู่อวี่ชี้นิ้วไปที่ทหารผู้หันปลายหอกมาที่เขา ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือการต้อนรับของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงหรือ?”
ขณะเดียวกันเสียงของเฝิงสี่ก็ดังขึ้นจากด้านในโถง “พวกเจ้าออกไปได้! ฮ่า…ท่านหลินมู่อวี่เองรึ ข้าไม่ทราบว่าท่านจะมา จึงมิได้เตรียมการต้อนรับอย่างเหมาะสม ท่านหลินมู่อวี่โปรดเข้ามาด้านในเพื่อสนทนาเถิด”
“ขอบคุณมากขอรับ”
หลินมู่อวี่ปราดตามองทหารรับจ้างโดยรอบขณะที่เดินเข้าไปใจกลางห้องโถงของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงอย่างกล้าหาญ เมื่อใช้ทักษะชีพจรวิญญาณก็พบว่ามีคนกว่าห้าร้อยคนล้อมรอบอยู่ มีพลธนูจำนวนมากซุ่มโจมตีจากด้านในกำแพงและเล็งเป้ามาที่หลินมู่อวี่
“ฮ่า…”
หลินมู่อวี่นั่งลงพร้อมรอยยิ้มจางๆ
เฝิงสี่ทำสีหน้าประหลาดและถามว่า “ท่านหลินมู่อวี่มายังที่แห่งนี้ด้วยเหตุอันใดหรือ?”
“เพื่อหว่านล้อมท่าน”
“หว่านล้อมข้าเพื่อสิ่งใด?” เฝิงสี่ตะลึง
“หว่านล้อมท่านให้เลิกเป็นผู้นำและให้คนของท่านเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด” หลินมู่อวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ว่าไงนะ!?” เฝิงสี่เลิกคิ้วอย่างไม่พอใจ “หลินมู่อวี่! ท่านคิดว่าทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงไม่มีกำลังพลหรืออย่างไร? ท่านมาที่นี่ตัวคนเดียว เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถสับท่านเป็นชิ้นๆ ได้ในทันที?”
“ข้าเชื่อ! ข้าเชื่อ!” หลินมู่อวี่ประสานมือ “ท่านเฝิงสี่ได้โปรดไว้ชีวิตข้า และให้ข้าพูดให้จบก่อนที่ท่านจะสับข้าเป็นเนื้อบด…”
เฝิงสี่ระงับความโกรธและกล่าวว่า “เอาล่ะพูดมา…ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงมียอดฝีมืออย่างน้อยสองพันคน เหตุใดต้องอยู่ภายใต้บัญชาของท่านด้วย? หากไม่สามารถให้เหตุผลที่น่าพึงพอใจได้ก็อย่าคิดจะได้ออกไปจากที่นี่!”
“ขอรับ”
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างนอบน้อม “ขณะนี้จักรวรรดิแบ่งออกเป็นสิบสองมณฑล และเมืองหลินเยี่ยนตั้งอยู่ในมณฑลหลิงเป่ย ดังนั้นทหารรับจ้างที่รุ่งเรืองที่สุดอยู่ในมณฑลหลิงเป่ย ไม่สามารถนับได้ว่ามีกลุ่มทหารรับจ้างอยู่มากมายเพียงใด ทว่ามีแปดกลุ่มหลักที่นั่น กลุ่มแรกคือทหารรับจ้างหลิงเป่ยมีกำลังพลกว่าหนึ่งหมื่นนาย กลุ่มที่สองคือทหารรับจ้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีกำลังพลกว่าเก้าพันนาย ในมณฑลหยุนจงนอกจากกลุ่มของข้าและท่าน ยังอีกกลุ่มที่แข็งแกร่ง นั่นก็คือทหารรับจ้างมังกรอัคนี ซึ่งมีกำลังพลทั้งสิ้นเจ็ดพันห้าร้อยนาย ม้าศึกกว่าสองพันตัว พร้อมอุปกรณ์ครบครัน และขณะนี้พวกเขาจับตามองทหารรับจ้างหมาป่าเพลิง ท่านเฝิงสี่มิได้เป็นกังวลเลยหรือ?”
เฝิงสี่สูดหายใจลึกและแสดงสีหน้าแปลกประหลาด หลินมู่อวี่พูดแทงใจดำจนทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
“อืม…ทหารรับจ้างมังกรอัคนีตกอยู่ในสภาพแตกแยกและไม่น่าเกรงขามอีกต่อไป” เฝิงสี่คำรามอย่างเยือกเย็น “ท่านหลินมู่อวี่ช่างใจเย็นเหลือเกิน คิดหรือว่าหากกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงของข้าถูกทำลาย แล้วทหารรับจ้างมังกรอัคนีจะปล่อยทหารรับจ้างมังกรผงาดไป?”
“ไม่”
หลินมู่อวี่ส่ายหัว “ดังนั้นพวกเราจึงอ่อนแอเมื่อแยกกัน และแข็งแกร่งเมื่อรวมกัน นี่คือเหตุผลที่ข้ามาที่นี่”
“โอ้?”
เฝิงสี่อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ในเมื่อท่านต้องการให้ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงเข้าร่วมทหารรับจ้างมังกรผงาด เช่นนั้นบอกข้าสิ ว่าท่านมีคุณสมบัติอะไรที่จะทำให้พวกข้าต้องเข้าร่วม?”
หลินมู่อวี่ชูสามนิ้วขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “ประการแรกทหารรับจ้างมังกรผงาดมีภูเขาหลงหยานซึ่งเป็นปราการป้องกัน ประการที่สองทหารรับจ้างมังกรผงาดมีเงินทุนมากพอพร้อมอาวุธหลายชนิด และสามารถซื้อม้าศึกเพิ่มเพื่อต่อกรกับทหารรับจ้างมังกรอัคนีได้ ประการที่สามทหารรับจ้างมังกรผงาดมีนายพลที่แข็งแกร่งรวมทั้งหลัวอวี่ที่อยู่ขอบเขตนภา ท่านเฝิงสี่…มีสิ่งเหล่านี้หรือไม่?”
“นี่…”
เฝิงสี่ไม่สามารถตอบกลับได้ จึงพูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงจึงไม่มีเหตุผลใดที่ต้องเข้าร่วมกับท่าน”
“แน่นอนว่ามี” หลินมู่อวี่หัวเราะออกมาเล็กน้อย “ท่านไม่มีเงิน ไม่ว่าจะสำหรับอาวุธหรือม้าศึก ท่านขาดแคลนมันทั้งหมด ดูอาวุธที่ทหารด้านนอกใช้สิ ส่วนใหญ่ก็ชำรุดทรุดโทรมหมดแล้ว! ท่านต้องการให้เหล่าพี่น้องใช้อาวุธเหล่านี้ต่อสู้กับทหารรับจ้างมังกรอัคนีจริงหรือ?”
“ขะ…ข้า…” เฝิงสี่พูดไม่ออก “ทะ…ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงแทบไม่ได้ปล้นสะดมในช่วงครึ่งปีหลัง เพียงฝึกฝนความแข็งแกร่งอยู่ในเมืองฉิงอี้ มิเช่นนั้นคง…”
หลินมู่อวี่ยิ้ม “ท่านผู้นำเฝิงสี่ เป็นเพราะท่านไม่ต้องการจะทำสิ่งใดซึ่งเป็นการขัดต่อขวัญกำลังใจ เหตุใดจึงไม่มาเข้าร่วมกับพวกเราล่ะ? ตราบใดที่ท่านเข้าร่วมทหารรับจ้างมังกรผงาด ข้าให้คำสัญญาว่าทุกคนจะได้รับม้า อาวุธ และชุดเกราะชั้นยอด”
“จริงหรือ?”
เฝิงสี่กระตือรือร้นเล็กน้อย ทว่าก็รู้สึกเสียใจทันทีหลังพูดจบ เขาพลันส่ายหัวและหัวเราะเยาะตัวเอง “ความยากจนทำลายความทะเยอทะยานของคนผู้หนึ่งจนหมดสิ้น…”
หลินมู่อวี่พูดต่อ “ทหารรับจ้างมังกรผงาดจะไม่มีวันจับหรือเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เช่นนี้ยังไม่เพียงพอสำหรับท่านเฝิงสี่ที่จะเข้าร่วมกับเราหรือ? แล้วข้าจะให้ท่านเป็นรองผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดเป็นอย่างไร? ทว่าหากท่านคิดเป็นศัตรูกับทหารรับจ้างมังกรผงาดละก็…”
หลินมู่อวี่ชี้ไปยังยศทหารที่ปกเสื้อพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นเท่ากับการเป็นศัตรูกับกองทัพจักรวรรดิ แม้ว่าท่านจะสังหารข้าที่นี่ พี่ชายข้า…เฟิงจี้สิงและฉินเหลย คงนำทหารหลายหมื่นนายมาถล่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงให้ราบเป็นหน้ากลองแน่”
“อา…”
เฝิงสี่ไม่สามารถทนรับแรงกดดันนี้ได้ต่อไป ดวงตาของเขาแดงก่ำและกล่าวด้วยความจำนน “ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าท่านจะรักษาคำพูด ท่านมีเงินทุนเพียงพอสำหรับทหารสองพันนายหรือ?”
หลินมู่อวี่ล้วงมือเข้าไปในถุงสรรพสิ่งและหยิบเหรียญเพชรจำนวนหนึ่งออกมาโยนลงบนโต๊ะ “นี่เพียงพอจะเป็นข้อพิสูจน์ได้หรือไม่?”
“นี่มัน…”
เฝิงสี่พร้อมทั้งทหารรับจ้างที่อยู่ด้านข้างต่างตกตะลึง พวกเขามาจากครอบครัวยากจน แม้จะหาเงินได้มากมายในฐานะทหารรับจ้าง ทว่าทั้งชีวิตก็แทบไม่เคยเห็นเหรียญเพชรมาก่อน
…
“เอาล่ะ เช่นนั้นพวกเราควรจะเดินทางไปที่ภูเขาหลงหยานเมื่อใด?”
“ไปวันนี้เลย ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“อืม”
เฝิงสี่กล่าวด้วยสายตาเย็นชา “แล้วท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าจะไม่ใช้อุบายฉวยโอกาสยึดภูเขาหลงหยานและแทนที่ทหารรับจ้างมังกรผงาด”
หลินมู่อวี่เผยรอยยิ้มจางๆ และผายมือขวาออก จากนั้นน้ำเต้าสีเขียวเข้มขนาดเล็กก็ลอยขึ้นมา ก่อนที่ปราณยุทธ์จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังเจ็ดประทีปสีม่วง สายลมแห่งความโกลาหลถูกปลดปล่อยผลักทุกคนก้าวถอยไป หลินมู่อวี่กล่าวด้วยสายตาไม่แยแส “เพราะข้าจัดการพวกเจ้าได้ในพริบตา แล้วเหตุใดจึงต้องเป็นกังวล?”
………………………………….