The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.424 กลับจักรวรรดิอี้เหอ
EP.424 กลับจักรวรรดิอี้เหอ
“หลงเซียนหลินพ่ายแพ้แล้ว”
หลินมู่อวี่ค่อยๆ วางม้วนหนังสือในมือลงขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “กองทัพเหล่ยฉงชาญฉลาดยิ่งนักที่สามารถจัดการทหารม้ามังกรไปมากกว่าครึ่ง ครานี้จักรวรรดิอี้เหอต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวง”
เว่ยโฉวพยักหน้าพร้อมกล่าวด้วยปัญญา “ผู้บัญชาการ เมื่อทหารม้ามังกรพ่ายแพ้ เจตจำนงของจักรวรรดิอี้เหอที่จะต่อสู้กับเผ่าปีศาจสูญสลายไป เช่นนั้นไม่เกินสามวันเหล่ยฉงคงส่งอสูรเกราะกลับมายึดเมืองทางเหนือของกำแพงเหล็กอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้เราออกจากที่นี่ไม่ได้ขอรับ”
“อย่าตื่นตระหนก...”
หลินมู่อวี่กระชับด้ามกระบี่ “ทั้งเราและติงซี่ต่างกังวลถึงการกลับมาของเผ่าปีศาจ เช่นนั้นรอฟังข่าวจากเขาก่อน อย่าเพิ่งกังวล”
“ขอรับ”
…
พอถึงเวลาพลบค่ำ จักรวรรดิอี้เหอก็ถือธงขาวตามดังคาด ทหารม้าประจำเมืองซิงเจว๋กล่าวเสียงแผ่วเบา “นายพลตัวแทนของท่านแม่ทัพติงซี่ขอเข้าพบท่านผู้บัญชาการหลินมู่อวี่ขอรับ!”
คบเพลิงบนผนังสว่างไสว หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “ให้เขาเข้ามา”
“ขอรับ!”
ไม่นานทูตจักรวรรดิอี้เหอเดินเข้ามาในกำแพงอย่างไม่เกรงกลัวพร้อมมองไปยังค่ายกองทัพมังกรผงาดที่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาทั้งสองด้าน เมื่อเห็นหลินมู่อวี่ เขาประสานหมัดกล่าวอย่างเคารพ “แม่ทัพติงซี่แห่งจักรวรรดิอี้เหอคารวะผู้บัญชาการหลินขอรับ”
“อย่ามากพิธีเลย” ใบหน้าหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสราวพบเจอสหายคนสนิทก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านนายพลติงได้รับสั่งให้มาที่นี่ ไม่ทราบว่าแม่ทัพติงซี่มีสิ่งใดหรือ?”
ติงซานเกิงหัวเราะ “ไม่มีสิ่งใดมากขอรับ แม่ทัพติงซี่ได้ชงชาเขียวชั้นดี จึงต้องการเชิญท่านผู้บัญชาการหลินไปร่วมดื่ม”
“ชาชั้นดี…”
เว่ยโฉวเยาะเย้ย “ข้าเกรงว่ามันจะกลายเป็นชาปลอมและทำร้ายท่านผู้บัญชาการแทน”
“เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น ท่านแม่ทัพติงซี่ซื่อตรงและเปิดเผย แล้วจะทำสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นได้อย่างไร?”
ฉินเหยียนด้านข้างถือหอกและกล่าวด้วยสายตาเย็นชา “ติงซานเกิงอย่ามาเล่นแง่ที่นี่ มิเช่นนั้นข้าจะแทงทะลุร่างเจ้าเป็นร้อยครั้งทันทีที่เจ้าก้าวออกจากเมืองซิงเจว๋”
ใบหน้าติงซานเกิงตกใจเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ท่านผู้บัญชาการหลิน ไม่คาดคิดเลยว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี ทหารแห่งจักรวรรดิจะไร้ผู้หาญกล้าเสียแล้ว”
“งั้นเหรอ?”
หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “ไปกันเถิด ข้าเกรงว่าชาของแม่ทัพติงซี่คงเย็นชืดแล้ว”
“ขอรับ ท่านผู้บัญชาการหลินโปรดตามมา”
“พี่ใหญ่…”
ฉินเหยียนและคนอื่นๆ พยายามหยุดเขา แต่หลินมู่อวี่กระซิบตอบ “หลังจากที่ข้าออกไป ทุกคนจงทำตามบัญชาการของเว่ยโฉว เข้าใจไหม?”
“ขอรับ”
“นำม้ามาให้ข้า”
หลินมู่อวี่ควบม้าศึกติดตามติงซานเกิงออกจากเมืองตรงไปยังค่ายจักรวรรดิอี้เหอที่ตั้งอยู่ระยะไกล กลุ่มทหารม้าของอีกฝ่ายถือหอกเข้ามาจับจ้องหลินมู่อวี่ผู้สวมตราแม่ทัพแห่งจักรวรรดิฉิน
“กลัวข้าจะทำอะไรหรือ?” หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขณะที่เขตแดนพลังขอบเขตปราชญ์แผ่ออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกล่าวว่า “หากข้าคิดจะลงมือ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าแม้แต่น้อย”
ติงซานเกิงหัวเราะ “ลดอาวุธลง”
จากนั้นทุกคนค่อยๆ ลดอาวุธในมือ
…
กระโจมหลักอยู่ลึกเข้าไปในค่าย เมื่อเดินเข้าไป หลินมู่อวี่เห็นติงซี่สวมชุดเกราะสีทองยืนต้อนรับอยู่หน้ากระโจม
“ผู้บัญชาการหลิน ไม่เจอกันนานเลยขอรับ” ติงซี่ยิ้มเล็กน้อย
“ไม่เจอกันนานเลยแม่ทัพติงซี่”
หลินมู่อวี่แสดงความเคารพเฉกเช่นทหาร
ติงซี่ประหลาดใจและไม่เข้าใจความหมาย เขาแตะจมูกพร้อมกล่าวออก “ผู้บัญชาการหลิน ข้าเป็นคนของจักรวรรดิอี้เหอและไม่เคยชินการกระทำเช่นนั้น”
“โอ้ ข้าลืมไป” หลินมู่อวี่ยิ้มพร้อมกล่าว “ท่านแม่ทัพต้องการชงชามิใช่หรือ?”
“ฮ่าๆ ใช่ เข้าไปด้านในเถิด”
ทหารนายหนึ่งเดินถือถาดน้ำชาเข้ามา ติงซี่คุกเข่าชงชาพร้อมกล่าวว่า “ผู้บัญชาการหลินทราบถึงเหตุผลที่ข้าไม่โจมตีเมืองใช่หรือไม่?”
“เผ่าปีศาจแข็งแกร่งมาก”
หลินมู่อวี่กล่าวคำเบา
ติงซี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ผู้บัญชาการกล่าวถูกต้องขอรับ พวกปีศาจแข็งแกร่ง และมนุษย์ช่างอ่อนแอ หากจักรวรรดิอี้เหอและจักรวรรดิฉินต่อสู้กันอีกครั้ง ข้าเกรงว่าปีศาจจะฉวยโอกาสนี้จัดการเรา ข้าจึงต้องการเชิญท่านมาหารือเรื่องสำคัญ”
“หากต้องการให้ข้าเข้าร่วมจักรวรรดิอี้เหอ เช่นนั้นก็ลืมซะ” หลินมู่อวี่ยิ้มจางๆ
ติงซี่ยิ้ม “ท่านยังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ? กองทัพมังกรผงาดจะถูกทำลายไม่ช้าก็เร็ว และจักรวรรดิฉินจะไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากภักดีต่อฉินอี้”
“งั้นหรือ?”
หลินมู่อวี่จ้องมองด้วยจิตสังหาร ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มขณะที่แรงกดทับไร้ลักษ์พวยพุ่งออกปกคลุมติงซี่
“อยากเห็นนักว่าข้าไม่มีทางเลือกอย่างไร?” แสงดวงดาวปรากฏขึ้นบนฝ่ามือหลินมู่อวี่ ด้วยพลังเพียงฝ่ามือเดียวก็สามารถสังหารแม่ทัพติงซี่แห่งจักรวรรดิอี้เหอได้อย่างง่ายดาย
ทว่าทันใดนั้นมีเสียงลอดออกมาจากหลังม่าน “หลินมู่อวี่ หนึ่งในสี่แม่ทัพแห่งเมืองหลันเยี่ยนเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ข้าจึงต้องการเอ่ยถามท่านถึงบางสิ่ง”
มีบางคนอยู่ด้านหลังม่าน!
หลินมู่อวี่ตกตะลึง ตั้งแต่เข้ามาในกระโจม เขาไม่รู้สึกถึงปราณชายผู้นี้เลย ทันใดนั้น! เขตแดนพลังของเขาก็ถูกบดขยี้จากเขตแดนพลังขอบเขตปราชญ์ของศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่ง
“เปรี้ยง!”
หน้าผากหลินมู่อวี่มีเหงื่อไหล เมื่อม่านขาดออกเผยให้เห็นชายชราผมสีดอกเลาด้านหลัง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยแสงสีแดง เขตแดนสวรรค์ที่แข็งแกร่งและซับซ้อนแผ่ปกคลุมรอบบริเวณ ซึ่งเป็นของจอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ชั้นที่สาม!
หลินมู่อวี่เพิ่มความแข็งแกร่งเขตแดนพลังด้วยโซ่เทวะ กระนั้นกลับรู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานพลังอีกฝ่ายได้เลย เนื่องจากความแข็งแกร่งแตกต่างกันเกินไป และตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควรกับชายผู้นี้
ทันใดนั้น เสียงเสียดแหลมดังขึ้นในอากาศ ทำให้หลินมู่อวี่ร่างกายสั่นเทิ้มครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพลันเอ่ยถามด้วยใบหน้าซีดเซียว “ท่านเป็นใคร?”
ชายชราผู้รับแรงกดดันเดียวกันกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “หลูจ๋าน ศิษย์คนที่สองของท่านเซียนลั่วหลาน และเคยพบท่านผู้บัญชาการหลินแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อเชิญท่านกลับเมืองสายัณห์ตามคำสั่งของท่านซีหยางโหวหม่านหนิง”
“หากข้าไม่ไปล่ะ?” หลินมู่อวี่กัดฟันแน่น
ติงซี่ด้านข้างลุกขึ้นจับไหล่หลินมู่อวี่พร้อมกล่าวว่า “ท่านหลินไม่มีทางเลือก หากไม่ต้องการให้กองทัพมังกรผงาดทั้งห้าพันนายถูกฝังไปพร้อมท่าน ก็จงทำตาม”
“ฝันไปเถิด!”
หลินมู่อวี่กัดฟันแน่นพร้อมกล่าวอย่างเคืองโกรธ “หลูจ๋าน หากไม่จัดการข้าตอนนี้ สักวันข้าจะไปเด็ดหัวลั่วหลานทิ้ง!”
“บังอาจ!” หลูจ๋านระเบิดโทสะพร้อมปล่อยเขตแดนพลังรุนแรงขึ้น
ติงซี่กังวล “หลินมู่อวี่ ข้าขอร้องให้ท่านยอมทำตามโดยดีเถิด ความอดกลั้นจะช่วยปกป้องท่านชั่วขณะหนึ่ง เหตุใดจึงต้องต่อต้าน? ข้าติงซี่นับถือท่านในฐานะที่เป็นแม่ทัพผู้ปราดเปรื่องและหาญกล้า แต่เหตุใดท่านจึงกลายเป็นคนเขลาเช่นนี้?”
หลินมู่อวี่กำลังชักกระบี่ออกมากระทั่งได้ยินคำพูดติงซี่ เขาจึงค่อยๆ ดันกระบี่กลับเข้าฝักและกล่าวอย่างโศกเศร้า “แม้ว่าข้าจะไปจักรวรรดิอี้เหอ แต่ทั้งชีวิตของข้าจะไม่มีทางเข้าร่วมด้วยเด็ดขาด!”
ติงซี่พยักหน้า “ตราบใดที่ท่านยอมไป เราจะไม่ขอให้ท่านทำสิ่งใดให้”
“อืม แต่เจ้าต้องปล่อยกองทัพมังกรผงาด”
“ข้า…เกรงว่าจะไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น”
“เจ้า!”
ขณะเดียวกันทหารส่งสารรีบเข้ามารายงานอย่างกระตือรือร้น “ท่านแม่ทัพติงแย่แล้วขอรับ ทหารกองทัพมังกรผงาดบุกทะลวงประตูทิศเหนือและหนีออกไปแล้ว”
“อะไรนะ?!”
ติงซี่ตกตะลึง แต่มุมปากกลับยกขึ้น เขาพลันออกคำสั่ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จงรับสั่งให้พลโล่และหอกออกไปสังหารพวกมันให้สิ้น!”
“ขอรับ!”
ติงซี่มองหลินมู่อวี่ด้วยสายตาเย็นชา “ผู้บัญชาการหลิน ดูเหมือนว่า…กองทัพมังกรผงาดกำลังวางแผนทอดทิ้งท่าน แม้ท่านจะเป็นผู้บัญชาการกองทัพ…แต่อำนาจทางการทหารกลับถูกแบ่งออกไปแล้ว”
หลินมู่อวี่เพียงนั่งเงียบ ก่อนจะยกมือขึ้นและมองติงซี่ “อย่าดื่มชาเลย เราไปดื่มสุรากันเถิด”
ติงซี่ยิ้ม “อืม ดื่มจนกว่าจะเมา!”
…
ภายใต้ดวงดาวสุกสกาว กองทหารม้าหอกโล่เคลื่อนทัพเปิดเส้นทางให้ทหารม้ากว่าสี่พันนายของกองทัพมังกรผงาด พวกเขายกโล่ขึ้นสูงทั้งสองข้างเพื่อป้องกันการโจมตีจากหอก ซึ่งทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถสร้างความเสียหายได้มากนัก
ด้วยเหตุนี้แนวล้อมของจักรวรรดิอี้เหอจึงไม่สามารถจัดการพวกเขาได้ ท้ายที่สุดกองทัพมังกรผงาดสามารถบุกทะลวงออกไปโดยไม่มีใครถูกฆ่าตายในการต่อสู้
เสียงเกือกม้าดังกึกก้อง ฉินเหยียนถือหอกพร้อมกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา “ท่านเว่ยโฉว เราเพิ่งละทิ้งพี่ใหญ่และบุกทะลวงออกมา แล้วพี่ใหญ่จะทำเช่นไร? เขากำลังถูกรายล้อมไปด้วยกองทัพแห่งจักรวรรดิอี้เหอ นะ…นี่เป็นคำสั่งลับของเขาจริงหรือ?”
เว่ยโฉวหยิบเหรียญตราขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ตราผู้บัญชาการกองทัพมังกรผงาดอยู่ที่นี่ ท่านฉินเหยียนโปรดอย่าตั้งคำถามความภักดีของข้าที่มีต่อผู้บัญชาการเลย”
“อืม แต่พี่ใหญ่…”
ฉินเหยียนหันกลับไปมองก็พบเพียงทหารจักรวรรดิอี้เหอที่กำลังไล่ล่ามา แม้ว่าพวกมันจะไม่สามารถตามกองทัพมังกรผงาดได้ทัน แต่เพียงพอที่ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปช่วยหลินมู่อวี่ได้
…
วันรุ่งขึ้น เมืองซิงเจว๋กลับไปอยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดิอี้เหออีกครั้ง และกองทัพถอนกำลังกลับไปปกป้องกำแพงเหล็ก เหล่าทหารม้านับพันคอยคุ้มกันรถม้าขนาดใหญ่ซึ่งมีติงซี่กับหลูจ๋าน ขณะที่หลินมู่อวี่นั่งตรงข้ามและมองออกไปนอกม่านอย่างเย็นชา
ติงซี่ยิ้มบางๆ “ท่านหลินอย่ากังวลไปเลย ท่านซีหยางโหวตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งให้ท่านเป็นแม่ทัพแห่งเมืองสายัณห์ และสารขนนกถูกส่งไปยังเมืองไป๋หลิงแล้วเพื่อรอให้ราชาผู้พิชิตเขียนสาส์นยืนยันว่าท่านหลินเป็นราชา”
“ราชา?”
หลินมู่อวี่มึนงงเล็กน้อย
“ขอรับ” ติงซี่หยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ท่านเป็นพระราชบุตรบุญธรรมของจักรพรรดิ ดังนั้น…ท่านซีหยางโหวจึงแนะนำราชาผู้พิชิตให้ประกาศแต่งตั้งท่านเป็นราชาผู้สูงศักดิ์ นี่คือสิ่งที่ท่านสมควรได้รับ และจักรวรรดิอี้เหอสามารถมอบสิ่งที่จักรวรรดิฉินมอบให้ท่านไม่ได้”
“อืม…”
หลินมู่อวี่พูดไม่ออก