The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.458 ความพ่ายแพ้ในคืนฟ้ากระจ่างดาว
EP.458 ความพ่ายแพ้ในคืนฟ้ากระจ่างดาว
“พวกอสูรปีกบุกแล้ว! ระวัง! ”
ทันใดนั้นลูกศรตกลงมาราวกับห่าฝน “ฉึก ฉึก ฉึก” ทหารถูกยิงจำนวนมาก ลูกศรของพวกอสูรปีกถูกปรับปรุงให้มีขนาดใหญ่และด้ามสั้นเพื่อใช้ยิงโจมตีจากกลางอากาศ ทว่าพวกมันยิงโจมตีจากระยะไกลเกินไป ลูกศรที่ตกลงมาจึงอ่อนแรงจนไม่สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงและทำได้เพียงก่อความรำคาญเท่านั้น
เฟิงจี้สิงใช้โล่กำบังป้องกันลูกศรมากมายที่ตกจากฟากฟ้าขณะเดินกลับมาที่จุดสังเกตการณ์ เขาเช็ดเลือดที่เปื้อนบนใบหน้าก่อนกล่าวออกด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท ดูเหมือนการบุกโจมตีวันที่สองของเผ่าปีศาจจะรุนแรงขึ้นไปอีกพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินอินพยักหน้า “ผู้บัญการเฟิงต้องรับศึกหนักมิน้อยเลย”
ซูอวี่หรี่ดวงตาคู่สวยก่อนกล่าวออก “เฉียนเฟิงคงยังไม่เคลื่อนพลโดยง่าย หลังจากกองทหารของเราฟื้นฟูกำลังกายและโจมตีโดยใช้กระบวนทัพครอบจักรวาล กองทัพปีศาจได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขาต้องวางแผนบุกโจมตีโดยใช้วิธีอื่นเป็นแน่”
“ใช่”
เฟิงจี้สิงกล่าว “หน่วยสอดแนมเพิ่งรายงานว่าเฉียนเฟิงสั่งให้กองทัพอสูรเกราะไปประจำการอยู่ทางทิศเหนือและใต้ของทางป่าฉีหลิน เขาจะโจมตีจากทางสนามรบและทางค่ายของเราพร้อมกัน”
“เฉียนเฟิง ไอ้ปีศาจเจ้าเล่ห์”
เซี่ยงอวี้กัดฟัน
ซูอวี่ผงะไปชั่วขณะก่อนเอ่ยถาม “เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรดี?”
เฟิงจี้สิงยกยิ้ม “หากเราไม่สั่งเคลื่อนทัพ เหล่าทหารคงเสียขวัญกำลังใจมิน้อย เช่นนั้น…โปรดฝ่าบาททรงรับสั่งกองทหารจักรวรรดิทั้งหมดให้เตรียมเคลื่อนทัพไปกับกระหม่อมเพื่อบุกโจมตีค่ายของพวกอสูรเกราะเถิดพ่ะย่ะค่ะ และให้ท่านชวีฉู่คอยอารักขาพระองค์…เพียงเท่านี้แผนของเฉียนเฟิงก็จะพังไม่เป็นท่า”
“อืม”
ฉินอินพยักหน้าก่อนกล่าว “เอาม้าของข้าออกมา”
ชวีฉู่และคนอื่นๆ ออกมาพร้อมหน้า ศึกในครานี้ถือเป็นการชี้เป็นชี้ตายความอยู่รอดของจักรวรรดิที่ทุกคนต้องร่วมสู้
เสียงต่อสู้ดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ พื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของป่าฉีหลินกลายเป็นสนามรบระหว่างจักรวรรดิฉินและเผ่าปีศาจ บรรยากาศนองเลือดกระจายไปไกลหลายร้อยไมล์ เสียงเกือกม้าและเสียงคำรามของเหล่าอสูรเกราะดังกึกก้องอย่างไม่รู้จบ
…
กองทัพจักรวรรดิเกือบสามแสนต่อสู้อย่างดุเดือดในป่าฉีหลินเป็นเวลากว่าสามวันจนสูญเสียกองกำลังไปกว่าหนึ่งในสาม ทหารมากกว่าสองในสามได้รับบาดเจ็บสาหัส ยิ่งไปกว่านั้นเสบียงอาหารของพวกเขายังถูกอสูรปีกเผาจนวอดวาย ซึ่งทำให้กองทัพจักรวรรดิเข้าสู่ภาวะขาดแคลนอาหาร อีกทั้งพวกเขายังไม่เหลือลูกธนูสำหรับกล่องลูกศรแม้แต่ดอกเดียว
แม้แต่อาวุธชั้นยอดทั้งหลายก็เสียหายจนไม่เหลือชิ้นดี
ยามกลางคืน ตราจักรวรรดิบนบ่าของเฟิงจี้สิงส่องสะท้อนแสงสีทองท่ามกลางแสงเทียน เขากระชับสายรัดชุดเกราะของตนขณะคิ้วพร้อมกล่าว “ทุกอย่างพร้อมหรือยัง?”
จางเหว่ยประสานหมัดพร้อมกล่าวตอบ “พร้อมแล้วขอรับ กองทหารเตรียมการถอยทัพเรียบร้อยแล้ว”
“ฝ่าบาทล่ะ?”
“อันที่จริงเซี้ยโหวซางจะนำกองทัพองครักษ์พาองค์จักรพรรดินีถอยไปก่อน ทว่าพระองค์ทรงยืนยันที่จะไปพร้อมกับกองทัพทั้งหมด…ขณะนี้ทรงรอพวกเราอยู่ขอรับ”
“โอ้…”
เฟิงจี้สิงขมวดคิ้ว “แม้ฝ่าบาทจะเปรียบเสมือนดวงดาวที่คอยมอบความสว่างไสวแก่กองทหารจักรวรรดิ ทว่าหากพระองค์ไม่ยอมเสด็จล่าถอยไปก่อนในครานี้ กองทัพทั้งหมดอาจตกอยู่ในอันตราย จงกราบทูลฝ่าบาทเช่นนี้ ปกป้องพระองค์และถอยทัพทันที”
“ขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
จางเหว่ยประสานหมัดก่อนจากไป
เฟิงจี้สิงกระชับดาบในมือขณะเดินออกจากค่าย เหล่าทหารต่างเก็บข้าวของเตรียมการถอยทัพ ขณะนั้นหน่วยสอดแนมควบม้าเข้ามาพร้อมตะโกนเสียงดังลั่น “ท่านผู้บัญชาการเฟิง แย่แล้วขอรับ เผ่าปีศาจจะบุกโจมตีในคืนนี้!”
“คืนนี้รึ? อีกนานหรือไม่?”
“พวกมันใกล้เข้ามาแล้วขอรับ”
“เหตุใดจึงเร็วนัก! พวกอสูรเกราะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงเพื่อมาที่นี่”
“ไม่ใช่อสูรเกราะ แต่เป็นทหารม้าหนักของเผ่าปีศาจขอรับ”
“เผ่าปีศาจมีทหารม้าหนักด้วยงั้นรึ?!”
“ขอรับ” ทหารหน่วยสอดแนมหอบหายใจก่อนกล่าวต่อ “ทหารม้าหนักอย่างน้อยสามหมื่นนายกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ จากที่เห็นทหารบางนายน่าจะเป็นมนุษย์ที่พวกปีศาจจับไปเป็นทาสขอรับ”
“บัดซบ!”
เฟิงจี้สิงชักดาบของตนออกจากฝักก่อนกระโดดขึ้นม้าพร้อมออกคำสั่งดังลั่น “ถอยทัพเดี๋ยวนี้! เหล่าทหารกองแรกอยู่กับข้าเพื่อต้านศัตรูไว้ กองทหารที่เหลือถอยไปให้ไกลที่สุด ทิ้งสัมภาระและเสบียงทุกอย่าง ทำลายกล่องลูกศรและเครื่องยิงให้หมดสิ้น อย่าให้เหลือถึงมือพวกปีศาจ!”
“ขอรับ!”
เฟิงจี้สิงนำทหารม้าห้าพันนายมุ่งหน้าไปโจมตีกองทัพปีศาจทันที ไกลออกไป เกราะของกองทัพปีศาจส่องประกายแวววาวภายใต้แสงจันทร์ขณะเคลื่อนทัพเข้ามาบุกโจมตี ขณะนั้นทหารราบซึ่งประจำการชั่วคราวอยู่นอกค่ายจักรวรรดิถูกเหล่าทหารม้าเผ่าปีศาจบุกสังหารจนหมดสิ้น
“ฆ่ามัน!”
เฟิงจี้สิงยกดาบสะบั้นวาโยในมือขึ้นขณะควบม้านำเหล่าทหารนับพันด้านหลังบุกทะลวงกองทัพเผ่าปีศาจอย่างอาจหาญ การต่อสู้ระหว่างกองทหารม้าของจักรวรรดิและปีศาจระดับสูงเริ่มขึ้นอย่างดุเดือดพร้อมเลือดสาดกระจายไปทั่วค่ายในชั่วพริบตา
ขณะนั้นกองทัพอสูรเกราะบุกเข้ามาจากทางด้านหลัง กองทัพจักรวรรดิแตกพ่ายในทันทีเนื่องจากไม่อาจต้านทานการจู่โจมอย่างกะทันหันได้ ทหารนับพันถูกฆ่าตายตก พวกเขาต่างทำได้เพียงป้องกันตนเองและหลบหนีออกมา
…
ภายใต้แสงดาวแพรวพราวยามค่ำคืน ค่ายของทหารจักรวรรดิถูกเผาจนวอดวาย
กองทหารองครักษ์พาฉินอินออกจากค่ายและมุ่งหน้าสู่ชายป่าฉีหลินด้วยความเร่งรีบ นางหยุดม้าของตนและหันกลับไปมองเปลวเพลิงที่ลุกโชนจากระยะไกล ฉับพลันน้ำใสรินไหลออกจากตาคู่สวย “เราพ่ายแพ้…”
จางเหว่ยถอนหายใจ “ช่างน่าอับอายนัก… กองทัพกว่าสองแสนสามหมื่นถูกเผ่าปีศาจเพียงไม่กี่หมื่นสังหารจนหมดสิ้น เราไม่อาจต้านทานพวกมันได้เลย”
ซูอวี่กัดริมปีฝากแดงก่ำของตนก่อนกล่าวออก “เสี่ยวอิน รีบไปเถิด เผ่าปีศาจต้องส่งกองทัพมาไล่ล่าเจ้าแล้วเป็นแน่”
“ผู้บัญชาเฟิงการและผิงหนานโหวล่ะ?”
จางเหว่ยกล่าวตอบ “เฟิงจี้สิงคงกำลังนำเหล่าทหารม้าต่อสู้กับเผ่าปีศาจอยู่ในขณะนี้ ส่วนเซี่ยงอวี้กำลังนำกองทัพของเมืองชีไห่บุกไปทางใต้ กระหม่อมไม่ทราบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ทว่าตอนนี้รีบเสด็จเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากไม่รีบไป พวกมันอาจไล่ล่าเราทัน”
“เราจะไปที่ใดได้อีก?” ฉินอินเอ่ยถามแผ่วเบา
ซูอวี่กล่าว “ไปต่อสักหน่อยเราจะถึงถนนสายหลักที่มุ่งสู่เมืองห้าหุบเขา กระนั้น…หากเราเดินทางไปยังเมืองห้าหุบเขา พวกปีศาจต้องตามไล่ล่าเราและทำลายเมืองจนหมดสิ้นแน่ กระหม่อมคิดว่าเราควรมุ่งหน้าไปทางเหนือและหลอกล่อเหล่าปีศาจไปในป่าล่ามังกร และใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศของป่าจัดการกับพวกมันเพื่อปกป้องเมืองห้าหุบเขาให้ได้นานที่สุด ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไรเพคะ?”
“อืม”
ฉินอินพยักหน้า “เราเหลือกองกำลังอยู่เท่าใด?”
“ราวแปดพันพ่ะย่ะค่ะ” จางเหว่ยกล่าวตอบ
“อืม รีบไปกันเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ภายใต้แสงดาวส่องสว่าง กองทหารจักรวรรดิควบม้ามุ่งหน้าไปยังป่าล่ามังกร มณฑลระหว่างทางต่างพากันส่งผู้รักษาการณ์นอกเมืองมารับเสด็จองค์จักรพรรดินี ฉินอินทอดสายตามองมณฑลนับไม่ถ้วนด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจ มณฑลเหล่านี้คงต้องถูกเผ่าปีศาจกวาดล้างในไม่ช้าและเป็นนางเองที่นำภัยพิบัตินี้มาสู่พวกเขา
หากแต่สงครามก็เป็นเช่นนี้ นางไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย
…
เช้าวันรุุ่งขึ้น แสงอาทิตย์สาดส่องทะลุเมฆหมอกลงบนผืนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยเลือด ในคืนนั้นกองทัพจักรวรรดิประสบความล้มเหลวและได้รับความเสียหายร้ายแรง พวกเขาสูญเสียทหารสามแสนนายไปกว่าครึ่ง
เกือกม้าเหยียบย่ำไปบนเงาของผืนป่ายามค่ำคืน เฉียนเฟิงกระชับด้ามกระบี่ของตนขณะควบม้านำกองทัพเผ่าปีศาจไปอย่างเชื่องช้า เหล่าอสูรเกราะด้านหลังส่งเสียงร้องฟังไม่รู้ความด้วยดวงตาที่เบิกกว้างราวกับร้อนใจอย่างยิ่ง รถม้ากลางขบวนทัพเต็มไปด้วยซากศพทหารมนุษย์ซึ่งเป็นเสบียงอาหารสำหรับพวกมัน
“โอ้”
เฉียนเฟิงกางแผนที่ของป่าหลิงเป่ยขึ้นมาสำรวจ
อสูรระดับสูงด้านข้างเขากล่าวออกด้วยความเคารพ “ท่านจอมพล คืนนี้เราฆ่าศัตรูไปจำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งกองทัพอสูรเกราะยังพร้อมบุกทะลวงพวกมัน อย่างไรเสียเราก็ชนะแน่นอน เหตุใดท่านจึงสั่งให้ล่าถอย จะไม่เป็นการเปิดโอกาสให้พวกมันรวบรวมกองกำลังและหาเสบียงอาหารเพิ่มหรือขอรับ?”
เฉียนเฟิงโอดโอยก่อนกล่าวออก “แม้กองทัพมนุษย์จะอ่อนแอเพียงใด พวกมันก็มียุทธวิธีทางทหารที่แข็งแกร่ง ถึงพวกมันไม่อาจเทียบเคียงพละกำลังของเผ่าเทพได้ กระนั้นกองกำลังนับแสนของเฟิงจี้สิงกลับทำให้เราสูญเสียอสูรเกราะไปกว่าสองหมื่น บางทีเราอาจต้องเรียนรู้ยุทธวิธีของพวกมนุษย์เสียบ้าง ข้ายับยั้งเหล่าอสูรเกราะไม่ให้บุกโจมตีอย่างบุ่มบ่ามเพื่อที่จะมีโอกาสชนะมากขึ้นในภายภาคหน้า อีกทั้งเรายังถึงเขตหลักของมณฑลชางหนานแล้ว ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่ต้องบุกโจมตีพวกมันในตอนนี้ จงรวบรวมทัพอสูรเกราะเพื่อเดินทางกับข้าต่อก็พอ”
“ขอรับ เช่นนั้นเป้าหมายต่อไปคือ…”
เฉียนเฟิงชี้นิ้วไปยังจุดเล็กๆ จุดหนึ่งบนแผ่นที่พร้อมกล่าว “ใช่…เมืองห้าหุบเขา เมืองหลวงของมณฑลชางหนาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของพวกมนุษย์ ตราบใดที่สามารถยึดเมืองห้าหุบเขาได้ เราจะสามารถวางพิษร้ายเพื่อสร้างบาดแผลอันแสนสาหัสแก่จักรวรรดิฉินได้”
“ขอรับ”
นายพลพยักหน้าก่อนกล่าว “เช่นนั้นข้าจะระดมพลอสูรเกราะทั้งหมดมุ่งหน้าสู่เมืองห้าหุบเขาทันทีขอรับ”
“ไม่”
เฉียนเฟิงส่ายศีรษะ “เลี่ยนฉิง เจ้าเป็นถึงนายพลที่ชาญฉลาดที่สุดของนายหนึ่งของเผ่าเทพ ทว่ากลับไม่รู้ยุทธวิธีการรบที่ดีบ้างเลยหรืออย่างไร เหตุใดจึงไม่ใช้วิธีที่เราสามารถยึดเมืองห้าหุบเขาได้โดยมิต้องเสียแรงแม้แต่น้อย?”
“ท่านจอมพลหมายความว่า…”
เฉียนเฟิงกล่าวด้วยสายตาเยือกเย็น “จงรวบรวมทาสมนุษย์หนึ่งพันคนและให้พวกมันสวมใส่เครื่องแบบทหารกองทัพองครักษ์ของเฟิงจี้สิง จากนั้นขี่ม้าศึกไปบุกทะลวงประตูเมือง ข้าต้องการยึดเมืองห้าหุบเขา หนึ่งในเจ็ดเมืองอันมีชื่อเสียงของจักรวรรดิ!”
“ได้ขอรับท่านจอมพล”
ขณะนั้น อสูรปีกบินลงมาจากฟากฟ้าด้วยใบหน้าซีดเผือดก่อนประสานหมัดพร้อมกล่าว “ท่านจอมพล แย่แล้วขอรับ…”
“เกิดเหตุใดขึ้น?”
“องค์หญิงจิ้งและองค์หญิงหนิง…”
“เกิดอันเหตุใดขึ้นกับองค์หญิง!”
“เมื่อคืนค่ายของเราถูกกองทัพมนุษย์บุกโจมตีและเผาเสบียงอาหารจนหมดสิ้น องค์หญิงทั้งสองถูกมนุษย์จับตัวไปแล้วขอรับ!”
“พระเจ้า…” เฉียนเฟิงหน้าซีดเผือดทันใด “พวกมันเป็นใคร?”
“กองทัพองครักษ์ของเฟิงจี้สิงขอรับ”
“บัดซบ!” เฉียนเฟิงกำหมัดแน่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพยาบาท “เฟิงจี้สิงไอ้ชาติชั่ว ข้าอยากเอาเลือดหัวมันออกนัก!”
นายพลด้านข้างกล่าวออก “ท่านจอมพล องค์หญิงทั้งสองถูกจับไปแล้ว…เราจะทำอย่างไรดีขอรับ?”
“ทำตามแผนเดิม”
“ขอรับ”