The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.459 ศรทะลุเมฆหมอก
EP.459 ศรทะลุเมฆหมอก
ณ วันที่สิบสามเมษายน หมอกหนาปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองห้าหุบเขา เหล่าทหารกองทัพเมืองชีไห่ทอดสายตามองไปยังเมฆหมอกเบื้องหน้า เมื่อสองวันก่อนพวกเขาได้รับสารขนนกแจ้งว่ากองกำลังหลักของทัพจักรวรรดิพ่ายแพ้ศึกในป่าฉีหลิน ทว่าตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวคราวใดอีกเลย ถังตี่ชายชราหนวดเคราขาวโพลนผู้เคยเป็นแม่ทัพที่คอยติดตามและร่วมรบกับถังหลาน ขณะนี้เป็นผู้บัญชาการของทหารรักษาการณ์แห่งเมืองห้าหุบเขา
ทันใดนั้นเสียงเกือกม้ากระทบพื้นดังสนั่น ถังตี่หรี่ตามองก่อนกล่าวออก “นั่นใคร?”
ทหารที่ถือกล้องส่องทางไกลคุณภาพต่ำในมือกล่าวออก “เหมือนจะเป็นกองทหารม้าที่สวมชุดทหารจักรวรรดิขอรับ ทว่าหมอกนั้นหนาเกินกว่าที่ข้าจะยืนยันได้ ระ..เราควรเปิดประตูเมืองหรือไม่ขอรับ? ”
“ไม่ รอก่อน”
“ขอรับ”
ภายในไม่กี่นาที เหล่าทหารม้าเนื้อตัวเปื้อนเลือดก็ควบม้าเข้ามาถึงประตูเมืองพร้อมกับธงดอกจื่อยินในมือ ทหารทุกนายมีตราสัญลักษณ์กองทัพองครักษ์อยู่บนบ่า ชายในชุดแม่ทัพถือทวนก้าวออกมาก่อนตะโกนเสียงดังลั่น “ใครเป็นผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์ที่นี่?”
ถังตี่ก้าวออกมายังขอบเชิงเทินก่อนประสานหมัดพร้อมกล่าวออก “ถังตี่ ผู้บัญชาการแห่งเมืองห้าหุบเขา ไม่ทราบว่าท่านคือผู้ใด?”
“ข้ามีนามว่าโจวผิง แม่ทัพของกองทัพองครักษ์ขอรับ ขณะนี้พวกข้าถูกเหล่าอสูรเกราะไล่ล่า โปรดท่านผู้บัญชาการถังตี่เปิดประตูเพื่อช่วยชีวิตข้าและพี่น้องทหารเหล่านี้ด้วยเถิด”
“โจวผิงงั้นรึ?”
ถังตี่ขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “มีตรากองทัพหรือไม่?”
“มีขอรับ”
โจวผิงดึงตราสัญลักษณ์ที่เปื้อนเลือนออกจากแขนก่อนโยนขึ้นไปบนกำแพงเมือง ถังตี่หยิบมันขึ้นมามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวออก “พวกเขาเป็นทหารกองทัพองครักษ์”
โจวผิงมองไปด้านหลังก่อนกล่าวออกเสียงดัง “ท่านผู้บัญชาการถัง หากท่านไม่เปิดประตู พี่น้องของข้าจะต้องตายตกอยู่ที่นี่ ท่านเห็นแล้วไม่ใช่หรือว่าเราคือกองทัพองครักษ์ โปรดช่วยทหารจักรวรรดิเหล่านี้ด้วยเถิด”
ถังตี่กล่าวออกด้วยแววตาสั่นระริก “เปิดประตูเมือง พลธนูเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อเผ่าปีศาจบุกมา จงยิงโจมตีทันที อย่าให้พวกเขาเข้าใกล้เมืองห้าหุบเขาได้แม้แต่ก้าวเดียว!”
“ขอรับ”
ประตูเมืองค่อยๆ เปิดออก ทันใดนั้นโจวผิงรีบพุ่งตัวเข้าไปในเมืองก่อนพุ่งโจมตีนายทหารใต้กำแพงเมือง เขาตะโกนดังลั่น “พังประตูเมือง!”
ถังสี่ยืนตกตะลึงอยู่บนกำแพง “บัดซบ! พวกมันเป็นกบฏ ยิงลูกศรสังหารพวกมันให้หมด!”
ทว่าก็สายเกินไปเสียแล้ว โจวผิงนำกลุ่มทหารม้าหนักหลายร้อยนายบุกทะลวงเข้ามาก่อนฟาดดาบตัดศีรษะของถังตี่จนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ เขาหยิบศีรษะที่กลิ้งไปบนพื้นขึ้นมาก่อนกล่าวออก “หากไม่อยากเป็นเช่นถังตี่ จงยอมจำนนเสีย”
“ไอ้กบฏชาติชั่ว!”
เหล่าทหารรักษาการณ์ต่างพุ่งตัวเข้ามาหวังโจมตีโจวผิง ทว่ากลับถูกใบดาบของเขาสังหารตายตกจนหมด เดิมทีเมืองห้าหุบเขานั้นมีทหารรักษาการณ์ไม่มากนักอยู่แล้ว อีกทั้งเหล่าทหารยอดฝีมือยังถูกระดมพลไปช่วยคุ้มกันกำแพงเหล็ก ทหารที่เหลืออยู่จึงมีเพียงทหารผ่านศึกที่ไม่อาจต่อกรกับกลุ่มของโจวผิงได้แม่แต้น้อย สุดท้ายเหล่าทหารผ่านศึกในเมืองห้าหุบเขาก็ถูกฆ่าตายตกจนหมดสิ้น
ประตูเมืองเปิดออกกว้าง กลุ่มทหารกบฏตะโกนดังลั่นท่ามกลางหมอกหนา ไม่นานนักเหล่าอสูรเกราะก็รีบบุกทะลวงเข้าไปในเมืองหลังจากได้ยินเสียงที่พวกมันไม่แม้แต่จะเข้าใจ เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วเมืองทันที อสูรเกราะถือดาบวิ่งไล่ฟันผู้คน ขณะที่บางตนจับมนุษย์กินทั้งเป็น
“พวกปีศาจบุกเข้ามาในเมืองแล้ว!”
“เผ่าปีศาจพังประตูเมืองทางใต้แล้ว!”
“หนีเร็ว หากยังชักช้าคงไม่มีทางรอด!”
ผู้คนในเมืองต่างตื่นตระหนกและวิ่งวุ่นไปทางทิศตะวันออกและตะวันตกราวกับคลื่นสมุทร พวกเขาไม่อาจรู้ว่าประตูเมืองห้าทุบเขาทั้งสี่ได้ถูกปิดผนึกไว้หมดแล้ว
…
ขณะนั้น ประตูเมืองทางเหนือค่อยๆ ปรากฏแก่สายตา ธงดอกจื่อยินสะบัดไหวตามสายลม ทหารรักษาการณ์ด้านนอกเมืองประสานหมัดพร้อมกล่าวออก “คารวะท่านผู้บัญชาการหลินขอรับ”
หลินมู่อวี่ในชุดเสื้อคลุมองครักษ์มังกรพยักหน้าแผ่วเบา ทว่ากลับดูสง่าผ่าเผยยิ่ง เขากล่าวออกขณะควบท่าเฉว่มุ่งตรงสู่ประตูเมือง “นำกองกำลังทหารม้าและทหารราบอย่างละห้าพันนายเข้าไปในเมือง ส่วนกองทหารที่เหลือประจำการอยู่ด้านนอกเมือง”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการ” เว่ยโฉวพยักหน้าก่อนจากไปสั่งการ
ถังเสี่ยวซีจ้องมองเมืองห้าหุบเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาพร้อมกล่าว “เหตุใดจึงเงียบเช่นนี้ บรรยากาศน่ากลัวนัก”
หลินมู่อวี่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย ทว่าทักษะชีพจรวิญญาณที่แผ่ขยายไปถึงสิบกิโลเมตรกลับไม่พบรังสีใดแม้แต่น้อย เขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น
ซือตู่เซินกล่าวออก “ท่านผู้บัญชาการ เรารีบไปยังประตูทิศเหนือเถิดขอรับ หากพวกปีศาจบุกโจมตี ประตูทิศเหนือคงเป็นจุดที่รับความเสียหายมากที่สุด”
“อืม”
หลินมู่อวี่พยักหน้าก่อนกล่าวต่อ “มุ่งหน้าไปยังประตูทิศเหนือโดยเร็วที่สุด!”
ทหารม้ายอดฝีมือของกองทัพมังกรผงาดเร่งความเร็วการเคลื่อนทัพทันที ส่วนทหารราบอีกห้าพันนายจากเผ่าคนป่าไล่ตามหลังไปโดยมีหวงซีนำทัพ นักรบคนป่ามีน้ำหนักราวสองร้อยกิโลกรัมซึ่งม้าในป่านิรันดร์สามารถรับน้ำหนักของพวกเขาได้ ทว่านักรบคนป่ากลับเคลื่อนทัพโดยการเดินเท้าเนื่องจากพลังการต่อสู้ของพวกเขาจะลดลงอย่างฮวบฮาบหลังจากการขี่ม้า
ไกลออกไป คนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งอาละวาดไปทั่วบริเวณขณะที่ผู้คนพยายามหลบหนีพวกเขา
หลินมู่อวี่ระมัดระวังตัวในทันที ขณะนั้นกลุ่มทหารม้าของจักรวรรดิจากระยะไกลก็ควบม้าเข้ามา ทุกคนต่างมีตราสัญลักษณ์กองทัพองครักษ์อยู่บนแขน ทว่าเนื้อตัวกลับชุ่มไปด้วยเลือด
ทหารค่ายมังกรผงาดค่อยๆ หยุดม้าตามหลินมู่อวี่ เช่นเดียวกันกับกลุ่มคนฝั่งตรงข้ามอีกห้าพันคนซึ่งเผชิญหน้ากับพวกเขาบนถนนในเมือง
“ท่านผู้บัญชาการ...” ซือตู่เซินเหมือนมีบางสิ่งที่อยากกล่าว
หลินมู่อวี่พยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นการอนุญาต
ซือตู่เซินกดด้ามดาบของตนก่อนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม “ข้าซือตู่เซิน แม่ทัพของกองทหารมังกรผงาด ข้านำกองกำลังมาเสริมทัพเมืองห้าทุบเขา ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”
โจวผิงประสานหมัดก่อนกล่าวออกด้วยความเคารพ “ข้าคือโจวผิง แม่ทัพแห่งกองทัพองครักษ์ หลังจากที่เราถูกพวกอสูรเกราะสังหารและไล่ล่า ข้าจึงพาพี่น้องทหารมาตั้งหลักที่เมืองห้าหุบเขาแห่งนี้และกำลังจะมาต้อนรับพวกท่านพอดีเลยขอรับ”
“โอ้ กองทัพองครักษ์งั้นรึ?”
ซือตู่เซินยกยิ้มพร้อมกล่าวขณะมือยังจับด้ามดาบที่เอวของตนไว้แน่น “เช่นนั้นลองกล่าวคำขวัญของกองทัพทั้งสองให้ข้าฟังหน่อย ข้าจะกล่าวประโยคแรกก่อนและให้เจ้ากล่าวต่อ ศรทะลุเมฆหมอก...”
โจวผิงตกตะลึงก่อนกล่าวออก “ม้าและกองทัพนับหมื่น เอ่อ…”
“เอ่ออะไร ไอ้สวะ”
ซือตู่เซินชักดาบออกจากฝักก่อนฟันออกไปเต็มแรง “ฉัวะ!” เลือดสาดกระเซ็นพร้อมกับหัวของโจวผิงที่ลอยขึ้นไปในอากาศ เขาเย้ยหยัน “นี่เป็นรหัสลับของค่ายมังกรผงาด กล่าวสิ่งใดออกมา ม้าและกองทัพนับหมื่นรึ ไอ้เวร!”
หลินมู่อวี่ค่อยๆ ชักกระบี่ออกจากฝักก่อนกล่าว “ฆ่าพวกให้หมดอย่าให้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว ผู้ที่ยอมจำนนต่อพวกปีศาจถือเป็นกบฏต่อจักรวรรดิทั้งสิ้น!”
“ฆ่ามัน!”
ถังเจิ้น เว่ยโฉว เฝิงสี่และผู้บัญชาการคนอื่นๆ ต่างรีบขึ้นม้าและเปิดการโจมตีทันที ขณะที่ฉือเจี้ยนเทาถือโล่ทรงกรวยพุ่งเข้าชน แท้จริงแล้วกบฏเหล่านี้เป็นเพียงแรงงานต่อแผ่นไม้ของพวกปีศาจเท่านั้น พวกเขาจะต่อกรกับกองทัพมังกรผงาดได้อย่างไร
“ตู้ม”
เกิดเสียงดังสนั่นท่ามกลางฝูงชน หนึ่งประทีปพิฆาตชีวันของหลินมู่อวี่ทำให้ร่างของกบฏนับสิบแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่างกายของเขาพลันชุ่มไปด้วยเลือด ถังเสี่ยวซีเดินตามหลังหลินมู่อวี่สังหารกลุ่มกบฏไปคนแล้วคนเล่าจนตราประทับจิ้งจอกอัคนีหล่นหายไประหว่างการต่อสู้ พวกกบฏเหล่านี้ไม่อาจนับเป็นศัตรูของจอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์ทั้งสองได้เลยแม้แต่น้อย
“ท่านผู้บัญชาการขอรับ”
หน่วยสอดแนมควบม้าเข้ามาในขณะที่เขากำลังสังหารเหล่ากบฏ “พวกปีศาจเข้ามาในเมืองแล้วขอรับ อสูรเกราะอย่างน้อยพันตนกำลังไล่ล่าผู้คนในเมือง”
“บัดซบ!”
หลินมู่อวี่กัดฟันก่อนกล่าวออก “เว่ยโฉว นำทหารสามพันนายไปยังประตูเมืองทิศใต้ ยึดพื้นที่แล้วปิดประตูเสีย อย่าปล่อยให้เหล่าปีศาจนอกเมืองเข้ามาได้อีก กองทัพคนป่าพร้อมแล้ว ถึงเวลาทดสอบการใช้โล่ทรงกรวยของพวกเราแล้วล่ะ”
“ขอรับ”
เว่ยโฉวนำกองทหารล่วงหน้าออกไป หวงซีนำเหล่านักรบคนป่าพร้อมโล่ทรงกรวยก้าวออกมาก่อนเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “ท่านผู้บัญชาการหลิน พวกเราได้รับภารกิจหรือขอรับ?”
“ใช่”
หลินมู่อวี่ชี้ไปยังกองทัพอสูรที่อยู่ไกลออกไปพร้อมกล่าว “นั่นคือเผ่าปีศาจ เตรียมกองทัพของท่านให้พร้อม เหล่าทหารมังกรผงาดจะคอยยิงศรเศวตรมณีเพื่อเสริมกำลังให้แก่กองทัพของท่าน”
“ได้ขอรับ”
ดูเหมือนพวกอสูรเกราะจะไหวตัวทันว่ามีกองทัพอันแข็งแกร่งกำลังมุ่งหน้ามา พวกมันจึงรวมตัวกันและพุ่งเข้าโจมตีพร้อมหอกและขวานศึกในทันที
“เหล่านักรบ เตรียมต่อสู้!”
หวงซีตั้งโล่ทรงกรวยลงกับพื้น “ปั้ง!” ฉับพลันเหล่านักรบคนป่าด้านหลังปฏิบัติตามเขาอย่างพร้อมเพรียง เกิดเป็นแนวกำแพงเหล็กอยู่เบื้องหน้าทันใด เหล่านักรบคนป่าค่อยๆ ดันโล่ไปด้านหน้าพร้อมถือหอกสังหารในมือขวา ปลายหอกซึ่งทำจากเพชรสีขาวเปล่งประกายราวกับเปลวเพลิง แม้ว่าช่างตีเหล็กของเมืองหลันเยี่ยนจะไม่สามารถลับใบหอกให้คมได้เท่าหลินมู่อวี่ ทว่าหอกเหล่านี้ก็สามารถใช้เจาะเกราะของปีศาจได้
“ฆ่ามัน!”
นักรบคนป่าเร่งความเร็วขึ้น “ปั้ง ปั้ง ปั้ง” โล่ทรงกรวยพุ่งชนเหล่าอสูรเกราะอย่างรุนแรง หลินมู่อวี่ เฝิงสี่ ฉือเจี้ยนเทาและคนอื่นๆ ต่างตกตะลึงกับความแข็งแกร่งอันไร้ขอบเขตของนักรบเผ่าคนป่า นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นผู้ที่สามารถต้านทานการโจมตีอันบ้าคลั่งของอสูรเกราะได้ ทันใดนั้นหอกถูกแทงออกไปอย่างพร้อมเพรียง
“ฉึก ฉึก ฉึก”
เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ด้ามหอกถูกดึงกลับอย่างมั่นคงขณะเหล่านักรบคนป่ายังคงซ่อนตัวอยู่หลังโล่ จากนั้นพวกเขาใช้กลยุทธ์ให้พวกปีศาจล่าถอยก่อนโจมตีด้วยหอกอีกครา การโจมตีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ทำให้เหล่าอสูรพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งพิสูจน์ความสามารถของฉือเจี้ยนเทาได้เป็นอย่างดี
“ยิงลูกศรได้!”
หลินมู่อวี่ออกคำสั่งก่อนที่ทหารมังกรผงาดจะกระจายตัวขนาบข้างสองฝั่งสนามรบทันที เพชรสีขาวบนหัวลูกศรเปล่งประกายแวววาวขณะพุ่งออกไปราวกับสายฝนโปรยปราย “ฟึ่บ ฟึ่บ” เหล่าอสูรเกราะกลายเป็นซากศพจมกองเลือดในพริบตา ขณะนั้นถังเสี่ยวซีกลายร่างเป็นเทพธิดาจิ้งจอกเก้าหาง นางกวัดแกว่งมือแผ่วเบาก่อนที่เปลวเพลิงขนาดยักษ์จะร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า
“ตู้ม”
ผนึกจิ้งจอกอัคนี!
การระเบิดที่คล้ายคลึงกับพลังดวงดาราทำให้อสูรเกราะหลายสิบตนแหลกสลายเป็นผุยผง เปลวไฟสูงเสียดฟ้าลุกโชนไปทั่วไปบริเวณ ถังเสี่ยวซีเอี้ยวตัวหลบขวานศึกที่พุ่งแหวกอากาศมาหานาง “ปั้ง” ขวานกระแทกกับกำแพงด้านหลังจนแตกร้าว นางแลบลิ้นออกมาขณะประสานมือเข้าหากันก่อนบีบมือด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ฉับพลันแสงสีสองส่องสว่างรอบกาย
ผนึกแห่งเทพ!
พลังแผ่กระจายเป็นวงกว้างราวกับลำแสงแห่งทวยเทพก่อนที่เหล่าอสูรเกราะหลายสิบตนจะกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา