The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.461 เกราะรบบัวดารา
EP.461 เกราะรบบัวดารา
“ซือตู่เซิน เจ้า!”
หลินมู่อวี่กัดฟันแน่น ขณะที่ทุกคนรอบบริเวณต่างตกตะลึงและไม่คาดคิดว่าทหารเหล่านี้จะกล้าสังหารคนในเมือง
ซือตู่เซินค่อยๆ เก็บดาบเปื้อนเลือดเข้าฝักพร้อมกล่าวคำเบา “ซือตู่เซินยินดีรับโทษจากผู้บัญชาการขอรับ”
“เข้ามา”
ดวงตาหลินมู่อวี่เย็นชา “ส่งไปประหารชีวิต!”
“ขอรับ!”
ทหารกองทัพมังกรผงาดสองนายดึงตราทหารของซือตู่เซินออกพร้อมพากลับค่าย แต่พวกเขารู้ดีว่าไม่มีกฎประหารชีวิตภายในกองทัพ
หลินมู่อวี่ลงจากม้าเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่กำลังตกตะลึง ก่อนจะหยิบศีรษะของชายชราขึ้นมาพร้อมกล่าวกับทหารด้านข้าง “เขาจะไม่ตายเปล่า นำเงินหนึ่งร้อยเหรียญทองจากกองทุนไปให้ครอบครัวของเขา”
“ขอรับผู้บัญชาการ”
เว่ยโฉวประสานหมัดพร้อมพยักหน้ารับ
หลินมู่อวี่วางศีรษะลงข้างศพของชายชราอย่างแผ่วเบา และประสานหมัดต่อหน้าทุกคน “ข้าคือหลินมู่อวี่ ผู้บัญชาการกองทัพมังกรผงาดของจักรวรรดิ เราเคลื่อนทัพมายังเมืองห้าหุบเขาเพื่อต่อสู้กับเผ่าปีศาจ เช่นนั้นโปรดวางใจว่าทหารเหล่านี้จะจงรักภักดีต่อจักรวรรดิจนตัวตาย ดังนั้น…โปรดอย่าทำร้ายพวกเขา ไม่เช่นนั้นจะถือเป็นการก่ออาชญากรรม”
คนกลุ่มหนึ่งหยักหน้ารับขณะที่ดวงตาเผยความนับถือ
จากนั้นหลินมู่อวี่ขี่ม้านำทุกคนออกไป
เว่ยโฉวที่ตามมากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้บัญชาการ คำพูดเมื่อครู่น่าซาบซึ้งยิ่ง”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “ปล่อยซือตู่เซินไปหลังจากกลับถึงค่าย ไม่เช่นนั้นเราจะขาดทหารในการรบ”
“ขอรับผู้บัญชาการ”
…
ภายใต้แสงจันทร์นวล หน่วยสอดแนมหนึ่งร้อยนายจากกองทัพมังกรผงาดถูกส่งออกไปนอกเมือง ขณะที่ทหารในค่ายค่อยๆ ผล็อยหลับไปทีละคน เนื่องจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทัพกว่าหกชั่วโมงเพื่อมายังเมืองแห่งนี้
ด้านนอกกระโจม หลินมู่อวี่ยืนนิ่งอาบแสงดาวราวกับรูปปั้นหิน ขณะเดียวกันแสงเหล่านั้นถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่มพลังดวงดาวในทะเลปราณ ก่อนพวกมันจะควบแน่นกลายเป็นพลังวิญญาณ ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งขึ้น และดูเหมือนว่าใกล้จะสามารถทะลวงขั้นในที่สุด
เขาหลับตาลงและปลดปล่อยปราณยุทธ์โคจรรอบกายจนเสื้อคลุมปลิวไสว
เว่ยโฉวและซือตู่เซินนั่งบนกองฟางนอกกระโจมพร้อมดื่มสุราอย่างเงียบงัน พวกเขาอยู่ที่นี่เพียงเพื่อปกป้องหลินมู่อวี่ระหว่างฝึกพลังยุทธ์เท่านั้น
จนกระทั่งเกือบรุ่งเช้า แสงดาวบนท้องฟ้าเลือนรางไปมาก แต่พลังดวงดาวรอบตัวหลินมู่อวี่กลับส่องประกายเด่นชัด ฌานสัมผัสของเขาจมลงสู่ทะเลจิต ขณะที่เท้ากำลังเหยียบเกลียวคลื่น พลันมีแสงดาวตกลงมาบนฝ่ามือ “วิ้ง!” ภายใต้การควบคุมของจิตใจ ดาวดวงหนึ่งก็แปรเปลี่ยนเป็นกลีบดอกไม้สง่างาม ก่อนจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในพริบตาแสงดวงดาวมากมายก็กลายเป็นดอกบัวที่เต็มไปด้วยพลังแห่งจักรวาลลอยวนเวียนรอบกาย ขณะเดียวกันก็หล่อเลี้ยงทะเลจิต หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหลับตาและเพลิดเพลินกับการถูกชำระล้างด้วยพลังดวงดาว ตั้งแต่ราชาปีศาจเจ็ดประทีปกลับขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ เขาก็ไม่ได้สัมผัสกับการฝึกยุทธ์และชำระล้างเช่นนี้อีกเลย
“วิ้ง”
ดวงดาวแปรเปลี่ยนเป็นดอกบัวทีละดวงขณะลอยวนรอบจิตวิญญาณของหลินมู่อวี่
ย้อนกลับออกมาด้านนอก ดวงดาวมากมายลอยออกจากร่างหลินมู่อวี่และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดอกบัวล้อมรอบกายราวกับเป็นชุดเกราะปกป้องเจ้านาย
“พระเจ้า…”
ซือตู่เซินตกตะลึง “เว่ยโฉว เจ้าเคยเห็นวิทยายุทธ์ของผู้บัญชาการหรือไม่ มันช่าง…ลึกลับยิ่งนัก ข้าไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนในชีวิต ไม่คาดคิดเลยว่าพลังดวงดาวจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
เว่ยโฉวพยักหน้าพร้อมกระซิบ “ผู้บัญชาการเป็นผู้มีพรสวรรค์ หากโชคดีเจ้าอาจมีโอกาสเรียนรู้วิทยายุทธ์ที่วิเศษนี้”
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าแค่ต้องรู้วิธีประจบ”
“อืม…”
…
ไม่นานหลินมู่อวี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ขณะที่ฌานสัมผัสกลับคืนสู่ร่างกายและสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่ได้ทะลวงอีกขั้น เขาเปิดฝ่ามือออกแผ่วเบา ก่อนที่ดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์จะปรากฏขึ้นเรื่อยๆ จนโอบรอบแขนและร่างกายผู้เป็นนาย
ในที่สุดเขาก็สามารถหลอมกลยุทธ์ดวงดาวขั้นที่สี่สำเร็จ และได้รับเกราะรบบัวดารา
หลินมู่อวี่ตื่นเต้นมาก การหลอมเกราะรบบัวดาราไม่ได้หมายความถึงความสามารถในการป้องกันที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่เขากลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังดวงดาวในกายเพิ่มสูงอีกระดับหนึ่ง เขาจึงลองใช้กลยุทธ์ดวงดาราขั้นอื่นๆ เช่นดาราปรากฏ โซ่ดวงดาว และปัญจสวรรค์ ก่อนจะพบว่าพวกมันทรงพลังขึ้นมาก ดังที่ราชาเจ็ดประทีปเคยกล่าวไว้ กลยุทธ์ดวงดาราจะเป็นเช่นไร ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ใช้ หากขาดความแข็งแกร่ง มันจะกลายเป็นเพียงวิทยายุทธ์ธรรมดาเท่านั้น
“ขอแสดงความยินดีกับผู้บัญชาการ”
เว่ยโฉวกระโดดออกจากกองฟางพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยินดีที่ท่านประสบความสำเร็จในการฝึกพลังยุทธ์อย่างมหาศาล”
หลินมู่อวี่หันมองเว่ยโฉวและซือตู่เซินและยิ้มกล่าว “เจ้าทั้งสองยังอยู่ที่นี่หรือ…ขอบคุณที่คอยปกป้องขณะที่ข้ากำลังฝึกฝน”
“ท่านแม่ทัพพูดถึงสิ่งใด พวกเราเพียงอยู่ที่นี่เพื่อขโมยวิชาท่านเท่านั้น” ซือตู่เซินพูดอย่างตรงไปตรงมาพร้อมกางมือออก “แต่น่าเสียดายที่วิทยายุทธ์ของท่านลึกลับเกินไป และคงไม่สามารถฝึกฝนได้”
“อยากเรียนกลยุทธ์ดวงดาราหรือ เดี๋ยวข้าจะสอนให้” หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย
ซือตู่เซินผงะ “ผู้บัญชาการจะสอนกลยุทธ์ดวงดาราให้จริงหรือ?”
“ทำไมล่ะ? ข้าจะเริ่มสอนการฝึกขั้นพื้นฐานให้ตั้งแต่วันนี้ ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะสามารถเรียนได้ถึงขั้นไหน เว่ยโฉวต้องการเรียนด้วยหรือไม่?”
เว่ยโฉวส่ายหัว “พลังยุทธ์ของข้าต่ำต้อยกว่าแม่ทัพเซินมาก เชิญท่านตั้งใจฝึกฝนกันเถิด”
“อืม”
ทันใดนั้น ทหารม้าจากนอกประตูค่ายรีบวิ่งเข้ามารายงาน “ท่านผู้บัญชาการ ปีศาจปรากฏตัวทางเหนือของเมืองห้าหุบเขาห่างออกไปยี่สิบไมล์และจะมาถึงที่นี่ในอีกหนึ่งชั่วโมง!”
“อืม”
หลินมู่อวี่กำหมัดพร้อมกล่าวว่า “ยังพอมีเวลา สั่งให้ทหารกองทัพมังกรผงาดทั้งหมดขึ้นไปบนกำแพงเมือง และให้หน่วยวิญญาณอัคนีส่งอาหารไปยังสนามรบแทน”
“ขอรับ!”
…
สายลมพัดผ่านหมอกหนาทางทิศตะวันออก ก่อนที่พระอาทิตย์จะสาดแสงลงมาสว่างไสว แต่หารู้ไม่ว่าสงครามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง…
หลินมู่อวี่ขึ้นไปบนกำแพงเมืองพร้อมกระบี่เล่มยาว เขามองออกไปไกลและพบว่าเมืองห้าหุบเขาค่อนข้างกว้าง อีกทั้งยังสามารถมองเห็นกองทัพปีศาจสีดำทมิฬที่กำลังคืบคลานเข้ามา
เฉียนเฟิงคงคิดสังหารเขาในครานี้
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉือเจี้ยนเทาอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ผู้บัญชาการ พวกมันมีกองกำลังอย่างน้อยหนึ่งแสนตน ขณะที่เรา…มีน้อยกว่าสองหมื่นนาย แม้จะมีปราการป้องกัน แต่เกรงว่าคงไม่สามารถต้านรับได้นาน”
“ไม่สามารถต้านรับได้นาน...”
หลินมู่อวี่กล่าวด้วยท่าทางสงบ “เฉียนเฟิงจะต้องใช้กองกำลังหลักล้อมเมืองห้าหุบเขา ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้เฟิงจี้สิงและองค์จักรพรรดินีย้อนกลับมาหาเรา แต่หากเขาไม่ล้อมเมือง เราจะออกนอกกำแพงไปสู้กับพวกปีศาจด้านหน้า แล้วให้เฟิงจี้สิงเข้าโจมตีพวกมันจากด้านหลัง ครานี้เราอาจสามารถกำจัดเฉียนเฟิงได้ในที่สุด!”
ฉือเจี้ยนเทาผงะพร้อมประสานหมัดกล่าว “ผู้บัญชาการช่างมองการณ์ไกลยิ่ง”
…
“ตึง ตึง ตึง ตึง…”
เสียงกลองดังสนั่น จากนั้นเผ่าปีศาจตั้งท่าจะเข้าล้อมเมือง ปีศาจหลายหมื่นตัวเคลื่อนตัวไปยังประตูทั้งสี่ของเมืองห้าหุบเขา ส่วนปีศาจระดับสูงขี่ม้ารอบเมืองฟังดูวุ่นวาย ขณะที่อสูรปีกบินวนทั่วท้องฟ้า แต่พวกมันไม่ได้เข้ามาใกล้มาก ดูเหมือนจะเกรงกลัวพลธนูผู้มีความสามารถอย่างเว่ยโฉว
“ในเมืองมีกล่องลูกศรเท่าใด?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
“ไม่มีเลยขอรับ”
เว่ยโฉวส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า “มีเพียงสองร้อยกล่องของกองทัพมังกรผงาดเท่านั้น ซึ่งมันเป็นอาวุธที่มีคุณภาพสูง แต่กองกำลังของเมืองห้าหุบเขาส่วนใหญ่เป็นชายชรา อ่อนแอ หรือป่วยหนัก พวกเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะใช้กล่องลูกศรเหล่านี้”
“อา…” หลินมู่อวี่ยิ้มขมขื่น “ข้าแทบน้ำตาไหลเมื่อได้ยินเช่นนั้น”
เว่ยโฉวและซือตู่เซินต่างหัวเราะ ขณะที่ซือตู่เฉว่ด้านข้างกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้บัญชาการช่างมีอารมณ์ขัน แม้กระทั่งเหตุการณ์น่าสิ่วน่าขวานเช่นนี้”
“ข้ารู้ว่ามันไม่ควร”
หลินมู่อวี่มองดูกระบวนทัพของอีกฝ่ายพร้อมกล่าวออก “ดูเหมือนว่า…เฉียนเฟิงจะไม่ได้ตั้งใจโจมตีเมือง พวกมันเพียงวางแผนเพื่อปิดล้อมเท่านั้น”
“เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น?”
“พวกมันปักหลักไกลจากเมืองเกินไป และไม่มีท่าทีจะเข้าล้อมแต่อย่างใด อีกทั้งข้าไม่เห็นบันไดพาดหรือรถบันไดเลย เขาคงไม่มีแผนจะโจมตีเมืองจริงๆ”
“พวกเราควรทำอย่างไร?”
“ไม่ต้องรีบร้อน รอดูการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายก่อน”
“ขอรับ”
…
กระทั่งเที่ยงวัน ในที่สุดเผ่าปีศาจได้ล้อมเมืองห้าหุบเขา ขณะเดียวกันนกตัวหนึ่งร่อนลงบนไหล่หลินมู่อวี่ มันมีสีขาวนวลและดูคุ้นเคย
“เสี่ยวไป๋?” หลินมู่อวี่เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
นกส่งสารกระโดดเข้ามาถูแก้มหลินมู่อวี่ ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันว่านกตัวนี้คือเสี่ยวไป๋ เขาพลันแกะม้วนสารออกอย่างรวดเร็วและพบลายมือที่งดงามของฉู่เหยาเขียนว่า “อาอวี่ ข้าและเจ้าหน้าที่สมาพันธ์โอสถถูกพวกปีศาจจับตัวและเข่นฆ่า แต่ขณะนี้พวกเราได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพของเฟิงจี้สิงแล้ว เขารวบรวมทหารห้าหมื่นนายเคลื่อนทัพไปยังเมืองลี่เฉิงทางต้นแม่น้ำต้าวเจียง ข้าไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเจ้าเป็นเช่นไร แต่เชื่อว่าเสี่ยวไป๋จะต้องหาเจ้าเจอ ได้โปรดส่งสารกลับมาด้วย…ฉู่เหยา”
เมื่อมองลายมือของฉู่เหยา หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในใจ เขากล่าวขณะที่ลูบหัวเสี่ยวไป๋แผ่วเบา “เตรียมปากกาเหล็กและกระดาษให้ข้าที”
“ขอรับ”
หลังจากรับปากกาเหล็กและกระดาษจากเว่ยโฉว เขารีบเขียนตอบกลับทันทีว่า “ข้านำทหารหนึ่งหมื่นนายประจำการในเมืองห้าหุบเขาและถูกปีศาจนับแสนปิดล้อม ขณะนี้พวกมันยังไม่เริ่มโจมตีเมือง ขอให้พี่เฟิงอย่าหุนหันพลันแล่นและนำทัพไปทางป่าล่ามังกร เนื่องจากเสี่ยวซีได้นำกองทัพกว่าเก้าหมื่นนายไปค้นหาเสี่ยวอิน พี่ฉู่เหยาโปรดรักษาตัวเองให้ดี…หลินมู่อวี่”
“พรึ่บ!” เสี่ยวไป๋บินออกไปทางเหนืออย่างรวดเร็วราวกับลูกศร
หลินมู่อวี่อธิษฐานขอให้เสี่ยวไป๋สามารถผ่านแนวป้องกันของอสูรปีกออกไปได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามเสี่ยวไป๋ได้รับการฝึกฝนพิเศษจนสามารถบินในระดับสูงมาก ซึ่งเป็นความสูงที่พวกอสูรปีกไม่สามารถเอื้อมถึง
…
“ลี่เฉิง…”
เว่ยโฉวมองสารในมือพร้อมกล่าวว่า “ลี่เฉิงเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรไม่ถึงหนึ่งแสนคน หากผู้บัญชาการเฟิงประจำการอยู่ที่นั่น ข้าเกรงว่าเขาคงไม่สามารถมาช่วยพวกเราได้…”
“อืม แต่เราไม่มีทางเลือกอื่น”
“ขอรับ…”
ขณะเดียวกันเฝิงสี่พลันขี่ม้าเข้ามาพร้อมรายงาน “ผู้บัญชาการ ผู้ส่งสารของเผ่าปีศาจนอกประตูเมืองทางเหนือบอกว่า จอมพลเฉียนเฟิงต้องการพบท่านขอรับ”
“อืม เข้าใจแล้ว ข้าจะไป”