The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.464 สุริยันสาดแสง
EP.464 สุริยันสาดแสง
“ตุบ!”
เลี่ยนไห่ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาอันว่างเปล่าสะท้อนภาพของหลินมู่อวี่ที่กำลังเดินเข้ามา
“ฟึ่บ”
แรงดูดดึงไร้ลักษณ์จากฝ่ามือทำให้กระบี่วิญญาณมังกรลอยกลับมาอย่างรวดเร็ว ฉับพลันหลินมู่อวี่พุ่งตัวไปเบื้องหน้า ปลายกระบี่เปล่งประกายพร้อมกับศีรษะของเลี่ยนไห่ที่กระเด็นหลุดออกจากบ่า พลังปราชญ์แห่งปีศาจพลันพวยพุ่งอย่างบ้าคลั่งก่อนกลายเป็นประคำวิญญาณอสูรสีแดงก่ำ หลินมู่อวี่คว้ามันไว้ทันที ประคำวิญญาณจากอสูรระดับห้าดาวถือเป็นของล้ำค่าสำหรับจอมยุทธ์มนุษย์ ซึ่งสามารถใช้กลั่นเพื่อเพิ่มระดับขั้นของพลังยุทธ์ได้
หลังจากเก็บประคำวิญญาณอสูรไว้ในถุงสรรพสิ่ง พลังเจ็ดประทีปในกายพลันปั่นป่วน ร่างกายอันอ่อนแรงของหลินมู่อวี่สั่นไหว ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อสังหารอสูรระดับห้าดาวนั้นมิน้อยเลย
…
“ท่านผู้บัญชาการ เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” เว่ยโฉวรีบเข้ามาหา
ซือตู่เซิน ซือตู่เฉว่ เฝิงสี่และคนอื่นๆ เข้ามารายล้อมเขาทีละคน ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความกังวล
“ข้าไม่เป็นไร”
หลินมู่อวี่ลืมตามองดูพวกเขาก่อนกล่าวออก “เดี๋ยวข้าก็หายดีหลังจากได้พักผ่อน ทว่าอย่าให้ข่าวการบาดเจ็บของข้าแพร่ออกไปเด็ดขาด แขวนศีรษะของเลี่ยนไห่ไว้ที่ประตูเมืองทิศเหนือ ข้าจะรอดูว่าเฉียนเฟิงจะกล้าส่งปีศาจตนใดมาลอบสังหารข้าอีกหรือไม่”
“ขอรับ…” เว่ยโฉวตอบรับก่อนเก็บศีรษะของเลี่ยนไห่ขึ้นมาจากพื้น
ซือตู่เซินหยิบดาบของเลี่ยนไห่ขึ้นมาก่อนกล่าวออก “ดูดีนัก ท่านผู้บัญชาการ ข้าขอดาบเล่มนี้ได้หรือไม่ขอรับ?”
“อืม เอาไปสิ” หลินมู่อวี่พยักหน้า เหมือนว่าดาบยาวของเลี่ยนไห่จะคุณภาพดีไม่น้อย
ฉือเจี้ยนเทาก้าวไปข้างหน้าก่อนปลดถุงนภาจากเข็มขัดของเลี่ยนไห่ เขาหยิบมันขึ้นมาด้วยความดีใจก่อนกล่าวออก “ท่านผู้บัญชาการ เราเหมือนจะเจอขุมทรัพย์เข้าแล้ว…”
“ตุบ!”
ดาบระดับนิลเล่มหนึ่งร่วงหล่น มันคงเป็นอาวุธสำรองของเลี่ยนไห่
อีกทั้งในถุงยังมีเหรียญทองมากมายและเหรียญสีนิลซึ่งมีลักษณะค่อนข้างคล้ายกับเหรียญเพชรของมนุษย์
“นั่นอะไรน่ะ?” หลินมู่อวี่ประหลาดใจ
ฉือเจี้ยนเทายกยิ้มก่อนกล่าว “ข้าเคยเห็นมันมาก่อน สิ่งนี้ถูกเรียกว่าเหรียญผลึกอสูรขอรับ ว่ากันว่าเป็นเหรียญสกุลเงินที่สูงที่สุดของเผ่าปีศาจ เหรียญผลึกอสูรหนึ่งเหรียญสามารถแลกเหรียญทองได้ถึงหนึ่งหมื่นเหรียญ น้ำหนักของมันใกล้เคียงกับเหรียญทองมาก มูลค่าของมันน่าจะเทียบเท่ากับเหรียญทองของเผ่ามนุษย์ขอรับ”
“โชคดีเสียจริง มีเหรียญผลึกอสูรอยู่เท่าใด?”
“มากกว่าร้อยเหรียญขอรับ เลี่ยนไห่น่าจะร่ำรวยมิน้อยเลย…”
“นำเหรียญทั้งหมดไปเก็บในคลังสรรพาวุธของกองทัพมังกรผงาดและให้แม่ทัพเฉว่รับผิดชอบดูแลให้ดี”
“ขอรับ…”
ซือตู่เฉว่ด้านข้างยิ้มออกมาอย่างมีความสุข นางเกิดมาเพื่อเป็นราชาแห่งทหารรับจ้างโดยแท้ นอกจากจะเป็นผู้นำกองทหารรับจ้างหลิงเป่ยและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพของกองทหารมังกรผงาด ตอนนี้นางยังได้รับมอบหมายให้ดูแลคลังสรรพาวุธของกองทัพอีก ซือตู่เฉว่หลงใหลในเงินตรายิ่งกว่าสิ่งใด ซึ่งคงไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ไปมากกว่านาง
ฉือเจี้ยนเทาเทสมบัติมากมายออกมาจากถุงนภา ไม่ว่าจะเป็น ทวนหรืออัญมณีนานาชนิด ในฐานะอสูรระดับห้าดาว เลี่ยนไห่คงมีชีวิตอยู่มาเป็นเวลาเนิ่นนานและเก็บสะสมทรัพย์สมบัติไว้มากมาย ซึ่งขณะนี้มันตกมาอยู่ในมือของกองทัพมังกรผงาดทั้งหมด
อสูรระดับสูงร่ำรวยนัก…
ฉือเจี้ยนเทานำทรัพย์สมบัติมากมายไปเก็บไว้ในกระโจมหลัก ก่อนเขย่าถุงนภาอันว่างเปล่าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้บัญชาการขอรับ ถุงใบนี้…”
“หึ เจ้าเก็บไว้เถิด” หลินมู่อวี่ยกยิ้ม เดิมทีถุงนภานั้นถือเป็นของหายากซึ่งมีเพียงพวกเศรษฐีและขุนนางเท่านั้นที่มีปัญญาซื้อ
เวลาล่วงไปจนรุ่งสาง ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน เว่ยโฉวและซือตู่เซินทำหน้าที่รักษาการณ์คอยปกป้องเมือง ขณะที่ฉือเจี้ยนเทาและเฝิงสี่ดูแลความสงบในเมือง ซือตู่เฉว่จึงส่งทหารรักษาการณ์กลุ่มหนึ่งไปเฝ้าดูแลความปลอดภัยของหลินมู่อวี่นอกระโจมหลัก
…
ปราณยุทธ์ในร่างกายค่อยๆ ฟื้นฟูอย่างเชื่องช้า หลินมู่อวี่นอนอยู่บนเตียงที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเรียบง่ายทว่ากลับไม่ง่วงแม้แต่น้อย เขาตัดสินใจหยิบประคำวิญญาณอสูรออกมาจากถุงสรรพสิ่ง จากนั้นจึงกลั่นมันเพื่อเพิ่มขั้นพลังยุทธ์และเร่งฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตน
หลินมู่อวี่ผายมือแผ่วเบา ฉับพลันประคำวิญญาณอสูรลอยขึ้นเหนืออกของเขาด้วยแรงดันของเขตแดนพลัง เขานอนราบอย่างเกียจคร้านและสูดหายใจเข้าอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นติ่งหลอมอาวุธลอยลงมาจากฟากฟ้า เปลวเพลิงลุกโชนไปทั่วประคำวิญญาณอสูรขณะที่หลินมู่อวี่เปิดทะเลปราณเพื่อรับพลังวิญญาณอันแกร่งกล้า
แก่นพลังของพวกจอมยุทธ์ปีศาจนั้นไม่ต่างจากมนุษย์แม้แต่น้อย ไม่มีสิ่งใดนอกเหนือจากพลังของฟากฟ้า ผืนดิน จักรวาลและดวงวิญญาณ พลังที่อยู่ในประคำวิญญาณอสูรเป็นพลังบริสุทธิ์ซึ่งสามารถกลั่นและดูดซับได้
กว่าชั่วโมงล่วงไป ประคำวิญญาณเริ่มสลายขณะที่ทะเลปราณของหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยร่องรอยพลังวิญญาณสีคราม สุดท้ายพลังวิญญาณของเผ่าปีศาจก็ไม่สามารถดูดซึมได้ง่ายอย่างที่คิด หลินมู่อวี่จึงเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ทะเลปราณโดยพลังหลอมกระดูกมังกร แท้จริงแล้วทะเลปราณนั้นเปรียบเสมือนทะเลที่มีพื้นที่จำกัด หากอยากต้องการดูดซับพลังให้ได้มากขึ้น ก็ต้องทำให้ทะเลปราณขยายกว้างขึ้น พลังหลอมกระดูกมังกรจึงถือเป็นวิญญาณยุทธ์อันลึกลับที่สามารถขยายขอบเขตทะเลปราณได้
ท้ายที่สุดหลินมู่อวี่ก็สามารถทะลวงขอบเขตของตนได้ด้วยวิญญาณยุทธ์อันแกร่งกล้าทั้งสอง ซึ่งก็คือทักษะชีพจรวิญญาณและหลอมกระดูกมังกร
เขาไม่อาจรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ลูกประคำวิญญาณของเลี่ยนไห่มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ทว่าการกลั่นนั้นไม่เสถียรนักจึงทำให้เขาดูดซับพลังได้เพียงหนึ่งในห้าเท่านั้น พลังเกือบครึ่งหนึ่งของเลี่ยนไห่ถูกบรรจุอยู่ในประคำวิญญาณนี้ และหากเขาสามารถฆ่าอสูรระดับห้าได้อีกสักสองสามตน การทะลวงสู่ขอบเขตเทวะคงไม่ไกลเกินเอื้อม
ท้ายที่สุด ประคำวิญญาณอสูรค่อยๆ สลายหายไปจนหมดสิ้นก่อนกลายเป็นพลังวิญญาณในทะเลปราณของเขา หลินมู่อวี่สูดหายใจเข้า แสงสีทองส่องสว่างรอบกายก่อนจะรู้สึกถึงทะเลปราณอันพลุ่งพล่าน การทะลวงสู่ขอบเขตที่สูงขึ้นทำให้หลินมู่อวี่มีความสุขเป็นอย่างมาก ขณะที่ความปั่นป่วนของพลังเจ็ดประทีปในร่างกายพลันหายเป็นปลิดทิ้ง
เขากระโดดลงจากเตียงด้วยความปีติก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก ทันใดนั้นเปลวเพลิงสีแดงสดพลันลุกโชนรอบกายอย่างน่าเกรงขาม
สุริยันสาดแสง!
เขาได้ทะลวงสู่จุดสูงสุดของขอบเขตปราชญ์ขั้นแรกและห่างจากขอบเขตปราชญ์ขั้นที่สองอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น…
“โอ้…”
ทันใดนั้นผ้าม่านถูกเปิดออกพร้อมกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในกระโจม ซือตู่เฉวเดินเข้ามาพร้อมกับทหารรักษาการณ์ด้านนอก นางยกยิ้มก่อนกล่าวออก “ท่านผู้บัญชาการหายดีแล้วหรือเจ้าคะ?”
“อืม”
หลินมู่อวี่พยักหน้าก่อนเอ่ยถาม “แม่ทัพเฉว่ วันนี้วันที่เท่าใดหรือ?”
“สิบหกเมษายนเจ้าค่ะ”
“หือ?” หลินมู่อวี่ตกตะลึง “ข้าฝึกฝนมาสองวันสองคืนแล้วรึ?”
“หาใช่เช่นนั้นไม่” ซือตู่เฉว่ยกยิ้มก่อนกล่าวออก “ข้าจะให้หน่วยวิญญาณอัคนีทำอาหารมาให้ท่านทันทีเจ้าค่ะ ท่านผู้บัญชาการต้องหิวมากแน่หลังจากการฝึกฝนอันยาวนาน”
เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น หลินมู่อวี่พลันรู้สึกหิวโหยในทันใด
ไม่นานนัก หน่วยวิญญาณอัคนีก็นำอาหารมาส่ง เมืองห้าหุบเขาอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย กองทัพมังกรผงาดจึงได้กินดีอยู่ดี อาหารของผู้บัญชาการกองทัพถูกจัดใส่กุยทองแดงที่มักใช้ในค่ายทหารอย่างสวยงาม ไก่ย่างหอมกรุ่นสองตัวถูกยกเข้ามาพร้อมข้าวสวยและเครื่องเคียงสองอย่าง
หลินมู่อวี่จัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็วก่อนเอ่ยถามขณะซดน้ำซุป “แม่ทัพเฉว่ สถานการณ์กับพวกปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่ดีนักเจ้าค่ะ”
ซือตู่เฉว่เม้มปากสีแดงสดของตนก่อนกล่าวต่อ “ตั้งแต่ท่านผู้บัญชาการสั่งให้แขวนศีรษะของเลี่ยนไห่ไว้ที่ประตูทิศเหนือ เหล่าปีศาจก็บุกโจมตีเมืองอย่างบ้าคลั่ง ในช่วงสามวันที่ผ่านมาพวกมันโจมตีเราถึงสี่ครา ลูกศรเหลือไม่มากนักแล้วเจ้าคะ อีกทั้งหัวของเลี่ยนไห่ก็ถูกเฉียนเฟิงแย่งชิงไปแล้ว ซึ่งซือตู่เซินสั่งให้ปล่อยเขาไป”
“ถูกต้องแล้ว พวกเจ้าไม่อาจต้านทานเฉียนเฟิงได้แน่”
“นอกจากนี้…” ซือตู่เฉว่คุกเข่าลงข้างหลินมู่อวี่ราวกับสาวใช้มารยาทงาม นางยกยิ้มก่อนกล่าวต่อ “หน่วยสอดแนมกลับมาแล้วเจ้าค่ะ พวกเขารายงานว่าเหล่ยฉงนำกองทัพที่สองของเผ่าปีศาจออกจากกำแพงเหล็กในจักรวรรดิอี้เหอเมื่อวันก่อน ขณะนี้อสูรเกราะราวหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นตนกำลังเดินทางข้ามเทือกเขาฉินและตรงมายังเมืองห้าหุบเขา พวกมันคงใช้เวลาราวสิบวันเพื่อเคลื่อนทัพมายังเมืองนี้ เราคงต้านทานได้อีกไม่นานเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้”
หลินมู่อวี่พยักหน้าก่อนกล่าวออก “จงสั่งให้ทหารของเมืองห้าหุบเขาทำโต๊ะทรายให้เสร็จภายในครึ่งวันนี้ ข้าต้องการโต๊ะทรายของทั้งมณฑลชางหนาน ยิ่งละเอียดเท่าใดก็ยิ่งดี”
“เจ้าค่ะ…”
…
หลินมู่อวี่ในชุดเสื้อคลุมองครักษ์มังกรขึ้นไปบนกำแพงทิศเหนือ เว่ยโฉว ซือตู่เซินและคนอื่นๆ ต่างทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม เว่ยโฉวยกยิ้มพร้อมกล่าว “ดูเหมือนว่าแผลของท่านผู้บัญชาการจะหายดีแล้วนะขอรับ…”
“อืม สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” หลินมู่อวี่ถามด้วยรอยยิ้ม
ซือตู่เซินชี้ไปยังทิศเหนือขณะกล่าว “ท่านผู้บัญชาการมองเห็นได้ไกลเพียงใดขอรับ?”
“ยี่สิบไมล์”
“ไกลออกไปกว่านั้นเผ่าปีศาจได้สร้างเมืองโคลนหลายสิบแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีกองทัพปีศาจนับพัน อีกทั้งถนนสู่เมืองหลันเยี่ยนก็ถูกตัดขาดไปแล้วขอรับ”
“เฉียนเฟิงเป็นผู้สั่งการให้สร้างเมืองหรือ?”
“นอกจากเขาจะมีผู้ใดอีก” ซือตู่เซินกล่าวออกอย่างเคียดแค้น “ในอีกสิบวันกองทัพปีศาจทั้งสองจะขนาบข้างเมืองห้าหุบเขา และเมื่อถึงเวลานั้นพวกเราคงตายตกกันหมดจนไม่เหลือที่ให้ฝังศพเป็นแน่”
“อืม”
หลินมู่อวี่ถอนหายใจแผ่วเบาก่อนกล่าวออก “เจ้าได้รับสารจากผู้บัญชาการเฟิงเรื่ององค์จักรพรรดินีบ้างหรือไม่?”
“สารขนนกจากผู้บัญชาการเฟิงกล่าวว่ายังไม่ได้รับข่าวคราวใดจากองค์จักรพรรดินีเลยขอรับ ทว่าขณะนี้กองทัพหลักของเผ่าปีศาจต่างให้ความสนใจกับเมืองห้าหุบเขา ข้าเชื่อว่าฝ่าบาทจะปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองขององค์หญิงซี”
“อืม”
หลินมู่อวี่กางแผนที่ออกเพื่อสำรวจก่อนกล่าว “แม่น้ำต้าวเจียงอยู่ใกล้เมืองห้าหุบเขาเพียงใด?”
“สามลี้ขอรับ” เว่ยโฉวกล่าวตอบ
“กลางดึกทุกคืน จงส่งคนออกไปขุดหลุมจากแม่น้ำต้าวเจียงลากยาวมาที่เมือง”
“ขอรับ…”
…………………………………..