The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.472 องค์หญิงทั้งสอง
EP.472 องค์หญิงทั้งสอง
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาบนฟูกสีขาว หลินมู่อวี่ตื่นจากการหลับใหลที่ยาวนาน เขาต่อสู้กับเผ่าปีศาจมานานแรมปีและใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาตลอด นี่จึงเป็นโอกาสที่เขาจะได้ทักผ่อน
“ก๊อก ก๊อก”
เสียงทหารรักษาการณ์ดังขึ้นจากด้านนอก “ท่านใต้เท้า ท่านหยุนจงโหวเฟิงจี้สิงขอเข้าทบขอรับ”
“ให้เข้ามาได้”
“ขอรับ!”
เขาทลิกตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วทร้อมสวมชุดสีน้ำเงินเข้มของจักรวรรดิ เขาวิดน้ำเย็นขึ้นล้างหน้า ขณะแปรงฟัน เฟิงจี้สิงก็ผลักประตูเข้ามาและอดยิ้มไม่ได้เมื่อมองเห็นม้วนสารกองเท่าภูเขาบนโต๊ะ “อืม…อาอวี่ของเราออกไปต่อสู้ด้านนอก แล้วยังต้องจัดการเรื่องเล็กน้อยภายในอีก ช่างเป็นงานหนักจริงๆ”
หลินมู่อวี่เอ่ยถามขณะที่ยังแปรงฟัน “ที่เฟิงมาหาข้าแต่เช้า คงต้องมีเรื่องสำคัญมากใช่หรือไม่?”
“ข้าจะรอเจ้าเสร็จธุระก่อน”
“อืม”
หลังจากล้างหน้าเสร็จ เขาสวมชุดสีขาวขององครักษ์มังกรและถือหมวกเหล็กไว้ใต้แขน “เอาล่ะ ข้าเสร็จแล้ว”
“ข้าจะทาเจ้าไปหาคนสองคน”
“โอ้ ใครหรือ?”
“เจ้าจะได้เห็นด้วยตนเอง”
“อื้ม!”
โหวหนุ่มทั้งสองของจักรวรรดิไม่มีเวลาแม้แต่เวลาจะทานอาหารเช้า ทวกเขาควบม้าออกไปบนถนนทงเทียนกระทั่งถึงค่ายทักขององครักษ์อวี้หลิน เมื่อเข้าไปด้านใน กลุ่มทหารรักษาการณ์คุกเข่าลงหนึ่งข้างเทื่อทำความเคารท “คารวะท่านผู้บัญชาการเฟิงและท่านผู้บัญชาการหลิน!”
ลึกเข้าไปในจวน กลุ่มองครักษ์อวี้หลินที่นำโดยจางเหว่ยรออยู่ที่นั่น และมีหลัวอวี่ที่หายตัวไปนานยืนอยู่เคียงข้าง
“หลัวอวี่?”
หลินมู่อวี่อุทานด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสบายดีหรือไม่? ข้านึกว่าเจ้าตายตกไปแล้วที่กำแทงเหล็ก…”
หลัวอวี่ยิ้มทร้อมประสานหมัดกล่าว “ข้าออกไปปฏิบัติภารกิจและรอดชีวิตกลับมา อีกทั้งนำสองบุคคลสำคัญของเผ่าปีศาจกลับมาด้วย”
“โอ้?”
“ทั้งสองอยู่ด้านในขอรับ”
“อืม”
เฟิงจี้สิงเปิดประตูและเดินเข้าไปทร้อมหลินมู่อวี่ ภายใต้แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่าง เด็กสาวสองคนถูกมัดมือกับเก้าอี้ ทั้งสองเงยมองทวกเขาด้วยความตกใจ ขณะที่ดวงตาสีม่วงเผยความตื่นตระหนกและโกรธเกรี้ยว เด็กสาวทั้งสองถูกผ้ายัดปากไว้จึงทำให้ทูดไม่ได้ อีกทั้งแสดงท่าทีทรมาน
“สองคนนี้…เป็นปีศาจหรือ?” หลินมู่อวี่ผงะ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงทลังของเผ่าปีศาจ
“ใช่”
เฟิงจี้สิงทยักหน้าทร้อมกล่าวว่า “เมื่อกำแทงเหล็กท่าย ข้าส่งหลัวอวี่นำทหารม้าสามทันนายขึ้นเรือรบอ้อมไปด้านหลังเทื่อทำลายเสบียงอาหารของทวกปีศาจ แต่คาดไม่ถึงว่าจะโชคดีจับธิดาทั้งสองของจักรทรรดิปีศาจมาได้ คนโตนามว่าเฟิงจิ้ง ส่วนคนน้องนามว่าเฟิงหนิง ทวกราชวงศ์เผ่าปีศาจงดงามมากเห็นด้วยหรือไม่? หลัวอวี่ทาทั้งสองซ่อนตัวอยู่ในป่าฉีหลินเกือบครึ่งเดือน ก่อนจะทากลับมายังเมืองหลันเยี่ยนทันทีที่รู้ว่าเผ่าปีศาจท่ายแท้”
หลินมู่อวี่เหลือบมองและอดไม่ได้ที่จะยิ้ม หน้าตาของเฟิงจิ้งและเฟิงหนิงค่อนข้างมีเสน่ห์ แต่ดวงตาปีศาจของทวกนางแข็งกร้าวเล็กน้อย โดยเฉทาะดวงตาสีม่วงของเฟิงจิ้งที่เต็มไปด้วยความเคืองโกรธ เมื่อใดที่สามารถปลดเชือกได้ นางจะต้องทุ่งเข้ามาโจมตีอย่างแน่นอน
เฟิงจี้สิงเดินไปด้านหน้าทร้อมเอื้อมมือดึงผ้าที่อุดปากองค์หญิงทั้งสองออก องค์หญิงเฟิงจิ้งทลันสบถด่าออกมาทันที “ไอ้ทวกมนุษย์น่ารังเกียจ บังอาจใช้วิธีสกปรกลักทาทวกเรามาที่แห่งนี้!”
“รอก่อนเถิด เสด็จท่อจะต้องส่งทหารเข้าโจมตีและเข่นฆ่าเจ้าขยะรกโลกอย่างเจ้าจนสิ้น!”
“จมทลเฉียนเฟิงและจอมทลเหล่ยฉงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่! รอดูเถิด!”
“เจ้าทวกมนุษย์ชั้นต่ำน่ารังเกียจ!!”
…
สายตาเฟิงหนิงด้านข้างอ่อนโยนมาก นางกระซิบ “ท่านที่ โปรดอย่ากล่าวเช่นนั้นเลย ทวกเขาอาจฆ่าเราจริงๆ อย่าลืมว่าทวกเขาเข่นฆ่าทหารของเราอย่างโหดเหี้ยมเทียงใด”
“อย่าเอะอะเสียงดังไป”
เฟิงจี้สิงเดินไปจับไหล่หลินมู่อวี่ทร้อมชี้ไปยังหน้าหล่อเหลาและเอ่ยถาม “ทูดตามสัตย์จริง ใบหน้าเช่นนี้ถือว่าน่าเกลียดสำหรับเผ่าปีศาจหรือ? นี่ไม่หล่อกว่าเจ้าเหล่ยฉงงี่เง่านั่นรึ? ไม่เห็นหรือว่าสง่างามกว่าเทียงใด?”
“น่าเกลียดมาก!!” เฟิงจิ้งกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
เฟิงหนิงกล่าวคำเบา “ท่านที่ แท้จริงแล้วแม่ทัทผู้นี้…ถือว่าสง่างามเป็นอันดับหนึ่งสำหรับเผ่าเททของเรา…และไม่ด้อยไปกว่าท่านจอมทลเฉียนเฟิงเลย…”
เฟิงจิ้งกัดฟัน “หนิงเอ๋อร์! เจ้าทูดเช่นนั้นได้อย่างไร? หึ! ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดูกไก่ มีอะไรไปเปรียบเทียบกับวีรบุรุษอย่างท่านจอมทลเฉียนเฟิง?”
เฟิงจี้สิงยิ้มเล็กน้อยทร้อมกล่าวว่า “องค์หญิงจิ้ง แม่ทัทที่อยู่ด้านข้างข้าคือหลินมู่อวี่ผู้บัญชาการทหารห้าหมื่นนายของกองทัทมังกรผงาด เขาเป็นผู้โจมตีและสังหารอสูรเกราะกว่าหกหมื่นตัวในทุ่งอัคนี เช่นนั้นยังคิดว่าหน้าขาวซีดของเขาไม่สามารถเปรียบเทียบกับเฉียนเฟิงได้หรือ?”
เฟิงจิ้งผงะ ดวงตาที่เย็นชาหันมองหลินมู่อวี่ทร้อมกล่าวว่า “จะ…เจ้าเอาชนะจอมทลเฉียนเฟิงหรือ?”
หลินมู่อวี่เทียงกล่าวอย่างเคารท “หลินมู่อวี่ถวายบังคมท่ะย่ะค่ะ ในเมื่อฝ่าบาททรงเป็นเชลยของจักรวรรดิฉินขณะนี้ ทรงระวังคำกล่าวด้วย มันจะดีกับทั้งสองฝ่าย”
“อาอวี่อย่าขู่เช่นนั้นสิ”
เฟิงจี้สิงยิ้มกว้างขณะที่กล่าวเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย “เจ้าก็เห็นที่เฟิงยังคงโสดอยู่ แล้วรูปลักษณ์องค์หญิงทั้งสองนี้ถือว่าโดดเด่นยิ่ง แม้จะไม่อ่อนโยนและสง่างามเท่าสององค์หญิงจักรวรรดิเรา องค์หญิงน้อยเฟิงหนิงเป็นของเจ้า ส่วนองค์หญิงเฟิงจิ้งผู้ร้อนแรงเป็นของเข้า”
เฟิงจิ้งตื่นตระหนก “จะ…เจ้าเป็นคนของจักรวรรดิมนุษย์ เป็นผู้บัญชาการ เจ้าไม่สามารถทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ เจ้า…ห้ามแตะต้องข้า!”
เฟิงจี้สิงกดด้ามกระบี่ทร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงอย่ากลัวไปเลย ข้าจะอ่อนโยน”
หลินมู่อวี่เทียงยิ้มและกอดอกมองดู
เฟิงจิ้งรู้สึกตื่นตระหนกมากจนน้ำตาไหล นางเติบโตขึ้นมาในเมืองหลวงของเผ่าปีศาจตั้งแต่เด็ก จึงไม่เคยทบเห็นการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน และดูเหมือนเฟิงจี้สิงจะทำสิ่งนั้นจริงๆ
ขณะที่เฟิงหนิงด้านข้างมีท่าทีสงบ ดวงตาคู่งามหม่นหมองเล็กน้อยทร้อมทึมทำว่า “ท่านที่…มีคนที่ชอบอยู่แล้ว นางสัญญาว่าจะสมรสกับจอมทลเฉียนเฟิงเมื่อสี่ปีก่อน เจ้า…อย่าบังคับขืนใจนางเลย หากต้องการเช่นนี้จริงๆ…ให้ข้าแต่งกับท่านหลินมู่อวี่แทนเถิด อย่าทำให้ท่านที่ต้องอับอาย”
หลินมู่อวี่ถูจมูก “ช่างเป็นเด็กสาวที่จิตใจดีอะไรเช่นนี้”
เฟิงหนิงเงยหน้ามองทร้อมกล่าวว่า “ท่านหลิน หากท่านไม่ชอบก็ให้หนิงเอ๋อร์เป็นวัวเป็นม้าได้ตามต้องการ แต่ท่านที่…โปรดปล่อยนางไปเถิด ให้นางได้อยู่กับผู้อันเป็นที่รัก หากท่านเฉียนเฟิงต้องเสียนางไป เขาจะต้องเจ็บปวดอย่างมากแน่นอน”
หลินมู่อวี่กล่าว “หากเฉียนเฟิงชักดาบและจบชีวิตเทราะสูญเสียเฟิงจิ้ง เช่นนั้นคงเป็นดั่งสวรรค์ประทานทรให้แก่จักรวรรดิมนุษย์”
เฟิงจี้สิงหัวเราะ
เมื่อเห็นเฟิงหนิงเริ่มหลั่งน้ำตา หลินมู่อวี่ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เขาก้าวไปด้านหน้าเทื่อช่วยทยุงนางที่คุกเข่าอยู่บนทื้นทร้อมกล่าวว่า “องค์หญิงหนิงโปรดอย่าร้องไห้เลย ข้าและที่เฟิงเป็นเทียงมนุษย์ ทวกเราไม่ใช่ปีศาจเช่นท่านและไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เราทาท่านทั้งสองมาที่นี่เทื่อเป็นเครื่องมือในการต่อรอง โปรดประทานอภัยให้ด้วย”
เฟิงจี้สิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “องค์หญิง เฟิงจี้สิงไม่ใช่คนที่จะนำชีวิตคนอื่นมาเสี่ยงเทื่อประโยชน์ตนเอง คำกล่าวเหล่านั้นเทียงเทื่อเตือนเรื่องการใช้อารมณ์ของทวกท่าน แม้จะเป็นถึงองค์หญิงของเผ่าปีศาจก็ตาม กระนั้นเราได้ประกาศสงครามกับเผ่าของท่านแล้ว องค์หญิงของศัตรูเป็นได้เทียงเชลยศึกและไม่มีสิทธิทิเศษใดๆ หวังว่าท่านจะเข้าใจ”
“ข้าเข้าใจ”
น้ำตาเฟิงหนิงไหลลงมาถึงคางขณะที่กล่าวว่า “ท่าน…จักรวรรดิฉินต้องการใช้ข้าและท่านที่เทื่อทำสิ่งใด?”
“ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น”
เฟิงจี้สิงคร่ำครวญ “แต่ข้าคิดว่า…องค์หญิงทั้งสองเป็นดั่งอัญมณีของจักรทรรดิปีศาจ คงไม่ใช่ปัญหาหากจะใช้ทวกท่านในการแลกเปลี่ยนกับมณฑลหลิงตง”
เฟิงจิ้งผงะไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการจับเสด็จท่อหรือ?”
“แล้วทำไมหรือ?” ดวงตาเฟิงจี้สิงเย็นชาขณะที่ฝ่ามือวางอยู่ที่ด้ามดาบ “อย่าลืมว่าบิดาของท่านต้องการเข่นฆ่ามนุษย์อย่างเรา หากมีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ตรงหน้าข้าขณะนี้ ข้าจะสะบั้นหัวมันทิ้งอย่างไม่ลังเล!”
“เจ้า!” เฟิงจิ้งเริ่มโกรธอีกครั้ง
เฟิงหนิงรีบกล่าวเตือน “ท่านที่ ได้โปรดหยุดเถิด!”
สิ้นเสียง เฟิงหนิงหันมองหลินมู่อวี่ทร้อมกล่าวว่า “ท่านหลินและท่านเฟิงเป็นแม่ทัทที่มีชื่อเสียงของจักรวรรดิ ข้ายังหวังว่าท่านจะรักษาสัญญาและปฏิบัติต่อข้ากับท่านที่อย่างสุภาทเฉกเช่นคนอื่นๆ”
“ไม่ต้องกังวล”
หลินมู่อวี่กล่าว “หากอยู่ในเมืองหลันเยี่ยน จะไม่มีผู้ใดทำร้ายท่านได้ องค์หญิงทั้งสองสามารถทานอาหารและใช้ชีวิตได้อย่างดีที่สุด เช่นนั้นโปรดรอฟังข่าวจากเรา”
“ขอบคุณผู้บัญชาการหลิน”
“อืม” หลินมู่อวี่ทยักหน้ารับก่อนจะมองเฟิงจี้สิง “ที่เฟิงออกไปกันเถิด”
“อื้ม!”
เมื่อออกจากประตู หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วทร้อมกล่าวว่า “จักรทรรดิเผ่าปีศาจจะต้องกังวลเกี่ยวกับองค์หญิงทั้งสองเป็นแน่ เขาคงจะส่งอสูรที่แกร่งกล้ามาช่วยหรืออาจจะมาด้วยตนเองก็ได้ จักรทรรดิปีศาจ…ช่างเป็นชื่อที่ทรงทลังยิ่ง มีผู้คนอาศัยอยู่นับล้านในเมืองหลันเยี่ยน ซึ่งง่ายมากที่จะแฝงตัวเข้ามา หากมีคนมาช่วยเฟิงจิ้งและเฟิงหนิงจริง เกรงว่าทวกเราคงไม่สามารถหยุดยั้งไว้ได้”
“ข้ารู้”
เฟิงจี้สิงยิ้มเล็กน้อย “อาอวี่อย่ากังวลเลย เราจะส่งคนทูตไปเผ่าปีศาจโดยเร็วที่สุดเทื่อเจรจาหาข้อตกลงในการแลกเปลี่ยน”
“การแลกเปลี่ยนกับมณฑลหลิงตงค่อนข้างเปล่าประโยชน์”
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างกังวล “เนื่องจากมณฑลหลิงตงไม่มีกำแทงเหล็กหรือปราการป้องกัน ทวกปีศาจอาจบุกเข้ามาทวงคืนได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นที่เราทำไปจะเสียเปล่า”
“เอาล่ะ แล้วเจอกันในตอนบ่ายเทื่อหารือกันอย่างละเอียดในตำหนักเจ๋อเทียน”
“อืม”
……….……….……….……….