The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms - ตอนที่ 198
บทที่198
ผู้แปล : N.
ลูชินได้นำหุ่นยนต์ RI-8901 มากับเขาพร้อมกับบอดี้การ์ดและชองบินก่อนที่พวกเขาจะขึ้นเครื่องบินไปที่ฮ่องกง
ทันทีที่พวกเขามาถึงสนามบิน ชองบินได้สั่งให้รถส่วนตัวของเขาพร้อมบอดี้การ์ดจำนวนหกคนมารอไว้แล้วก่อนที่พวกเขาจะไปวิลล่าของเขา
ด้านนอกวิลล่าก็มีคนเฝ้ายามด้วย!
ลูชินได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า: “จำเป็นต้องระวังขนาดนี้เลยเหรอ?”
ชองบินได้พยักหน้า “แน่นอนว่าความปลอดภัยของคุณเป็นสิ่งจำเป็น! ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมาระหว่างที่คุณมาเยือนบริษัทของผม”
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปอีก เพราะเป้าหมายของเขามีแค่มาแก้ไขปัญหาที่บริษัทกวางจางได้ทำเอาไว้เท่านั้น
เท้าของลูชินเพิ่งเหยียบลงบนวิลล่าก็ได้มีเสียงของผู้คุ้มกันรีบเข้ามาแล้วพูดว่า: “คุณชอง พวกนั้นได้ส่งคำเชิญมาครับ”
“พวกนั้นเขียนมาว่าอะไร?” ลูชินได้ถามออกมา
“ขอเชิญคุณชองบินและประธานลูมางานเลี้ยงที่บริษัทกวางจางของเราจัดขึ้นที่พาราไดซ์คลับในคืนนี้ ”
“โอ้…คนพวกนี้เดินเกมเร็วจริงๆ!” ลูชินได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะพูดต่อว่า “ฉันคิดว่าพวกนั้นคงจับตาเราตั้งแต่เครื่องบินของเราลงจอดแล้ว”
ชองบินได้พูดว่า: “พาราไดซ์คลับถือว่าเป็นถิ่นของพวกนั้น ผมคิดว่าเราควรตอบปฏิเสธไปดีกว่า”
“ไม่!…แบบนี้ดีแล้ว ฉันจะได้แก้ไขปัญหานี้ได้เร็วขึ้น”
……
พาราไดซ์คลับถือว่าเป็นคลับส่วนตัวภายใต้ชื่อของบริษัทกวางจาก โดยที่คลับแห่งนี้มีทั้งคนดัง ผู้บริหารองค์กรขนาดใหญ่ แม้แต่สมาชิกพรรคการเมืองบางคนก็มาใช้บริการบ่อยๆ
ในคลับแห่งนี้มีการตกแต่งที่สวยงามและยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายจำนวมมากที่ถูกติดตั้งไว้ภายใน เคยมีนักข่าวที่ต้องการแอบเข้ามาและแอบเอาเรื่องนี้ไปเปิดเผยแต่นักข่าวคนนั้นก็ถูกคนร้ายซ้อมจนต้องเข้าโรงพยาบาลในวันเดียวกันและก็ถูกไล่ออกจากงานหลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาล
วันนี้สมาชิกระดับสูงหลายคนของบริษัทกวางจางได้มาจัดงานเลี้ยงที่นี่ เพื่อเป็นเจ้าภาพต้อนรับการมาของซีอีโอบริษัทลู่เทคโนโลยี จากจีนแผ่นดินใหญ่และพวกเขายังได้เตรียมที่จะเจรจาเป็นตัวแทนอีกด้วย
รถสามคันขับมาจอดที่หน้าคลับส่วนตัวลูชินและคนอื่นๆได้ลงมาจากรถ โดยที่การมาคลับครั้งนี้เขาบอกให้ชองบินไม่ต้องนำบอดี้การ์ดมาเพียงแค่จางเกวียงมาคนเดี่ยวก็พอแล้ว เห็นแบบนั้นชองบินได้ชวนเพื่อนของเขาที่ชื่อว่าฉีห่วงมาด้วย เพื่อนคนนี้ของชองบินนั้นดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าเขตในเมืองหลวง เขาคิดว่าเพื่อนของเขาอาจจะช่วยพวกเขาได้ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร
ทันทีที่พวกเขามาถึงหน้าทางเข้าคลับมีพนักงานผู้หญิงที่สวยงามคอยนำพวกเขา แต่บอดี้การ์ดที่พวกเขานำมาต้องรออยู่ข้างนอกเท่านั้น แต่จางเกวียงที่มากับลูชินนั้นไม่ได้ถูกหยุดแต่เขากลับถูกค้นตัวเพื่อหาว่ามีอาวุธอันตรายหรือไม่ ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวเข้าไปเหมือนกับลูชิน
เมื่อพวกเขาได้มาถึงห้องโถงใหญ่ ลูชินเห็นคนสามคนนั่งอยู่ที่นั่นทั้งสามคนอยู่ในชุดสูทและเมื่อพวกเขาเห็นคนใหม่เข้ามาก็ได้ยืนขึ้นพร้อมยิ้ม
ถังหลีพูดขึ้นว่า “ผมได้ยินมาว่าประธานลูจะมาฮ่องกง ดังนั้นผมในตัวแทนของบริษัทกวางจางถึงได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณ ผมหวังว่าเราคงไม่ได้ทำเรื่องขายหน้ากับคุณ”
มองไปที่โซฟาหนัง ลูกปัดเงินทองคำติดอยู่ทั่วทั้งห้องและ ฯลฯ ลูชินต้องยอมรับว่าสไตล์การตกแต่งของเจ้าของนั้นค่อนข้างดีจริงๆ เขายังได้สังเกตอีกว่านอกจากคนสามคนในห้องโถงแล้วยังมีคนสวมชุดสูทสีดำจำนวนหนึ่งยืนอยู่รอบๆพวกเขาอีกด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นพนักงานหญิงที่มีขาเรียวยาวใส่ชุดบริการตัวเล็กๆเพื่อขับความเซ็กซี่ของพวกเธอออกมาอย่างเต็มที ลูชินที่เห็นพวกเธอก็ได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยพวกเธอที่เห็นแบบนั้นก็โค้งคำนับให้ลูชินเล็กน้อยก่อนที่จะกลับไปทำงานของเธอต่อไป
“ห้องนี้ก็ไม่ใหญ่มาก ทำไมถึงมีคนคุ้มกันเยอะแบบนี้” ลูชินยังได้พูดขึ้นอีกว่า “ผมได้ยินมาว่าพวกคุณให้การตอนรับพนังงานของผมอย่างอบอุ่นเลยในตอนที่พวกเขามาทำธุรที่นี้?”
ทันทีที่ลูชินพูดจบ ชองบินที่นั่งข้างๆเขาก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ถังหลีและคนอื่นๆที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงความไม่พอใจออกมา
หนึ่งในนั้นพูดว่า: “ปรากฏว่าประธานลูต้องการมาทวงความยุติธรรมให้กับลูกน้องของตัวเอง ผมต้องบอกคุณว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยเท่านั้น เราต้องขอโทษด้วยถ้าเรื่องที่เราทำไปทำให้พวกคุณบาดเจ็บหรือไม่พอใจ” คนที่พูดนี้คือจู้เจี่ยเทา เขาก็เป็นหุ่นส่วนรุ่นก่อตั้งของบริษัทกวางจางและยังเป็นหนึ่งในผู้บริหารบริษัทฟาคอนอีกด้วย
ลูชินที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดต่อว่า: “โอ้!…ถ้ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ทำไมพวกคุณถึงได้ดูร้อนรนแบบนี้”
“คุณพูดว่าอะไรนะ!” คนที่สามที่พูดมานั้นได้ใช้คำพูดที่เริ่มหมดความอดทนกับเรื่องนี้แล้ว ชื่อของเขาคือกวงไห่ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นเจ้าของบริษัทกวางจางเท่านั้นเขายังเป็นสมาชิกสภาเมืองของเมืองหลวงอีกด้วย แม้ว่าเขาจะไม่มีอำนาจมากนัก แต่ทุกคนก็รู้ภูมิหลังของเขาได้ดีและคำพูดของเขาถือว่าเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายของคนหลายๆคนได้
“ฉีห่วง นายมาที่คลับนี้เพื่อที่จะมาคุยเรื่องที่หาลือในรัฐสภาในวันนี้เหรอ?” กวงไห่ได้พูดขึ้นมา
ฉีห่วงที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดอย่างรวดเร็วว่า: “ไม่กล้า ไม่กล้า ผมแค่มาหาความสนุกเท่านั้น”
สำหรับเขาต้องถือว่ากวงไห่นั้นคือบุคคลที่เขากลัวเป็นอย่างมาก เพราะชายตรงหน้าของเขานั้นกล้าส่งคนไปขู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขาให้ยอมแพ้หรือแม้แต่สั่งฆ่าก็เกิดมาแล้ว นั้นจึงทำให้ฝ่ายตรงข้ามของเขามักประนีประนอมหรือไม่ก็ขอลาออกด้วยเหตุผลต่างๆ
ตอนนี้ในใจของเขาได้แต่สาปแช่งว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงพาเขามาเจอเรื่องซวยแบบนี้ ถ้าเขารู้มาก่อนว่าจะต้องมาคุยกับชายแบบนี้เป็นตายยังไงเขาก็จะไม่มาเด็ดขาด!
จู้เจี่ยเทาที่เห็นว่าบรรยากาศไม่ถูกต้องเขาจึงได้เปลี่ยนเรื่องว่า: “ประธานลูโปรดนั่งลงก่อน คุณถือว่าเป็นแขกของเรา ดังนั้นเราจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คุณพอใจอย่างแน่นอน”
จู้เจี่ยเทาได้ดูแลเฉพาะลูชินเท่านั้น ส่วนชองบินและฉีห่วงนั้นเขากับไม่สนใจเลย นั้นจึงทำให้ทั้งคู่รู้สึกกดดันอย่างมาก
ลูชินนั่งลงตามคำเชิญจากนั้นถังหลีได้หัวเราะขึ้นมา: “ประธานลู ผมได้ยินมาว่ามีไวน์ชั้นดีจำนวนมากในจีนแผ่นดินใหญ่ ดังนั้นผมจึงอยากให้คุณลองดื่มไวน์ขึ้นชื่อของเราดูเพื่อที่คุณจะรู้ว่าฮ่องกงเราเองก็มีไวน์ดีๆเช่นกัน! “
ฉีห่วงพูดจบก็มีพนักงานเสิร์ฟไวน์ให้ลูชินจากนั้นเขาก็พูดต่อว่า”ถ้าคุณดื่มแล้วรู้สึกชอบมัน ไม่ต้องเกรงใจที่จะดื่มอีกเพราะผมได้มีไวน์นี้เก็บไว้ในคลับอีกมาก! “
ลูชินโบกมือปฏิเสธแล้วพูดว่า:” ไม่ต้อง!…ฉันมาที่นี่เพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจเท่านั้น ฉันไม่ต้องการเสียเวลากับเรื่องพวกนี้! “
“ ประธานลูช่างเป็นคนที่จริงจังเสมอ ได้! งั้นเรามาเริ่มคุยเรื่องตัวแทนกันได้เลย” ถังหลีพูดต่อว่า “ ผมขอพูดตรงๆเลยแล้วกัน พวกผมต้องการเป็นตัวแทนขายผลิตภัณฑ์ของคุณในฮ่องกง ผมคิดว่ามันจะเป็นการดีที่สุดแล้ว”
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตอบกลับมาตรงๆว่า: “ฉันไม่เห็นด้วยกับการรวมมือกันของพวกนาย เพราะฉันได้เลือกตัวแทนเอาไว้แล้วนั้นคือบริษัทเอเชียแปซิฟิกเทเลคอม ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะจะคุยเรื่องที่พวกนายทำร้ายร่างกายลูกน้องของฉันไม่ใช้ความร่วมมืออะไรทั้งนั้น!”
การที่ลูชินได้พูดแบบนี้แสดงว่าเขาไม่ได้กลัวกลุ่มกวางจางอะไรนี้เลย นั้นทำให้พวกของกวงไห่โกรธขึ้นมาทันที
จู้เจี่ยเทาได้พูดขึ้นมาหลังจากที่เขาพยายามระงับความโกรธของตัวเองว่า : “ผมคิดว่าคุณคงยังไม่เข้าใจว่าอะไรจะเป็นผลดีต่อธุรกิจของคุณ” เขาได้หันไปทางชองบินต่อจากนั้นได้พูดขึ้นมาว่า: “นายนามสกุลชอง นายกำลังหาเรื่องเจ็บตัวอยู่รู้ตัวไหม? ”
ชองบินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า:” คุณจู้ ผมคิดว่าเรื่องนี้เราควรต่อสู้กันผ่านการค้ามากกว่า เราไม่ควรเสียเวลามาข่มขู่อะไรที่ไร้สาระแบบนี้… “
” อะไรนะ ! “จู้เจี่ยเทาได้ตะโกนขึ้นว่า ” นายคิดว่าฉันแค่ขู่นาย? ”
” ถ้าไม่ใช้การข่มขู่แล้วมันจะเป็นอะไรไปได้เหรอครับ หรือคุณจะเป็นห่วงผม ผมคิดว่ามันก็คงไม่ใช้ ดังนั้นคุณพูดกับผมมาตรงๆเลยก็ได้ไม่ต้องพูดอ้อมๆแบบนั้นเพราะบางที่ผมก็ตีความหมายของคุณไม่ออกเหมือนกัน”
จู้เจี่ยเทาได้ยิ้มมากยิ่งขึ้นก่อนที่จะพูดว่า :“ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้มีคนในบริษัทเอเชียแปซิฟิกเทเลคอมของนายได้รับการตรวจสารเสพติดนิ คนนั้นใช้ลูกสาวของนายไหม? ฉันคิดว่าถ้าพวกสื่อข่าวได้เอาเรื่องที่ว่าลูกสาวของนายมีสารเสพติดอยู่ในร่างกายมาออกข่าว มันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของนายยังไงบ้างนะ? “
ในขณะที่จู้เจี่ยเทาพูดจบก็หัวเราะเสียงดังออกมา ก่อนที่เขาจะพูดอีกว่า “ถ้านายไม่อยากให้พวกฉันเข้าไปทำให้เกิดข่าวเท็จพวกนี้ออกมาละก็ ควรรู้จุดยืนของตัวเองเอาไว้ !”