The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms - ตอนที่ 207
บทที่207
ผู้แปล : N.
“อย่าภาคภูมิใจเกินไป เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเครื่องยนต์ของเราดีที่สุดจริงไหม ดังนั้นเราต้องนำมันไปทดสอบอีกครั้ง” ฟานฟานพูดต่อว่า “อีกสามนาทีไปเจอกันที่สนาม!”
“สามนาที!” ในสายตาของทุกคนได้เกิดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้น มันจะมีอะไรที่ดีไปกว่าที่เห็นสิ่งที่เขารักประสบความสำเร็จ
ถ้าหากเครื่องยนต์ของพวกเขาประสบความสำเร็จจริงพวกเขาก็จะมีชื่อเสียง มีเงิน และพวกเขาก็จะสามารถจัดตั้งบริษัทของพวกเขาเองได้
คนหนุ่มสาวทุกคนต่างก็มีความฝันที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จได้
ประวัติครอบครัวของฟานฟานนั้นถือว่าดีอย่างมากเมื่อเทียบกับทุกคนที่อยู่ที่นี้ แต่เหมือนว่าครอบครัวของเธอจะไม่ได้สนับสนุนความฝันนี้ของเธอ ดังนั้นเธอจึงต้องทำมันขึ้นมาด้วยตัวเองเท่านั้น
ลูชินที่กำลังคิดอะไรเพลินๆก็ได้ยินเสียงของฟานฟานพูดกับเขาว่า: “นายขี่รถเป็นอยู่ใช้ไหม? นายเอารถของฉันไปขี่ก่อนเลย เพราะฉันคงต้องยุ้งอีกซักพัก”
“โอเค”
อย่างไรก็ตามจิงกวงมองไปที่ฟานฟานด้วยสายตาไม่พอใจก่อนที่จะพูดว่า: “เธอจะยอมให้ใครก็ไม่รู้มาขี่รถที่เราประกอบมันขึ้นมาด้วยกันแบบนี้ไม่ได้นะ!”
“เขาเป็นแขก ฉันคิดว่ามันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร “ฟานฟานได้อธิบาย
“ถ้าเธอคิดแบบนั้น ทำไมถึงไม่ให้เขาขี่รถคันอื่นละ?” จิงกวงถามต่อ
“ จิงกวง!…ทำไมนายถึงมีปัญหาตอนนี้!…แล้วฉันจะบอกนายว่านั้นคือรถของฉัน!!” ฟานฟานได้พูดออกมาด้วยความโกรธเล็กน้อย
“เธอว่าฉันไม่มีเหตุผลเหรอ?” จิงกวงได้ฟังแบบนั้นก็โกรธขึ้นมาจริงๆ เขาได้พูดว่า: “เธอไม่คิดเหรอว่าเขาอาจจะทำรถที่พวกเราพยายามสร้างมันขึ้นมาพังก็ได้ แล้วถ้ามันเป็นแบบที่ฉันพูดจริงพรุ่งนี้เราจะมีอะไรไปเสนอให้บริษัทเหล่านั้นกัน”
“และฉันคิดว่าเขามีเปอร์เซ็นต์ที่จะทำมันพังมากอีกด้วย! ”
เสียงของจิงกวงดังอย่างมาก ดังนั้นทุกคนจึงได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทั้งหมด และอีกสาเหตุที่เขาทำแบบนั้นเพราะก่อนหน้านี้เขาได้เห็นแล้วว่าลูชินและฟานฟานใกล้ชิดกันมากขนาดไหน และตอนนี้เธอยังยกรถที่พวกเขาพยายามสร้างขึ้นมาให้นายลูชินอะไรนั้นขี่อีก
“จิงกวง นายทำเกินไปแล้วนะ!” ฟานฟานได้พูดขึ้นมา
“ฉันเนี่ยนะที่ทำเกินไป” จิงกวงได้กัดฟันของเขาแล้วพูดว่า: “ได้!…งั้นจากนี้ไปฉันก็ขอให้พวกเธอสองคนมีความสุขก็แล้วกัน!”
ฟานฟานที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้เดินหนีเข้าไปยังห้องด้านข้างทันที และทุกคนที่อยู่ที่นั้นยังได้ยินเสียงร้องสะอึกสะอื้นแว่วๆดังออกมาอีกด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เธอคงกำลังร้องไห้อยู่
ลูชินไม่รู้ว่าเขาต้องทำตัวยังไงต่อไปดี ไม่ใช้ว่าเขาไม่เคยเห็นคู่รักทะเลาะหรอกนะ เขานั้นเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว แต่นี้ถือเป็นครั้งแรกที่เขาคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุให้คู่รักทะเลาะกันแบบนี้
“ งั้น…ฉันไม่ขี่ก็ได้” ลูชินพูดออกมาอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ต่างก็รู้ว่ามันไม่ใช้ความผิดของลูชิน แต่มันเป็นเพราะจิงกวงนั้นหึงไม่เข้าเรื่องเอง
“แล้วถ้านายขี่รถคันนี้ละ?” ชายหนุ่มผมสีฟ้าชี้ไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่ดูแล้วเก่าเป็นอย่างมาก มันได้ถูกทิ้งไว้ที่มุมของร้านเพราะพวกเขาไม่สามารถทำการดัดแปลงหรือซ่อมมันได้
ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาพูดว่า: “ได้ ฉันจะขี่คันนี้”
หลังจากที่เขาพูดจบก็ได้สำรวจรถคันตรงหน้า การออกแบบของตัวถังของรถมอเตอร์ไซค์นี้ไม่เลวเลยและเสียงเครื่องยนต์เองก็ฟังแล้วใช้ได้เลย แต่เมื่อเขาได้ลองขี่มันจริงๆแล้วกับพบว่ามันช้าเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับรถเวสป้าของชายผมสีฟ้า
เขารู้สึกว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายังเร็วกว่า ลูชินเริ่มรู้สึกเสียใจที่เขาไม่ได้ขี่รถดัดแปลงของฟานฟาน ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดดีๆขึ้นว่า ‘ถ้าเขาทำการติดตั้งตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งเข้าไปกับตัวเครื่องนี้ละ มันจะเกิดอะไรขึ้น’
ชายผมสีฟ้าพาเขาไปสถานที่ไม่มีคนก่อนที่เขาจะพูดว่า: “ฉันชื่อหงเจิ้น เป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจรองลงมาจากพี่ใหญ่ ”
“ลูชิน” ลูชินได้ตอบกลับไปแบบง่ายๆ
“นายมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ใช้ไหม?” หงเจิ้นถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
“ใช่” ลูชินพยักหน้า
“ฉันว่าแล้ว สำเนียงของนายนั้นฟังดูเหมือนคนจีนแผ่นดินใหญ่ ฉันต้องบอกนายตรงๆว่าทักษะการขี่รถของนายนั้นห่วยแตกมาก นั้นจึงยิ่งสนับสนุนความคิดของฉันที่ว่านายนั้นไม่ใช้คนในพื้นที่” หงเจิ้นได้จุดบุหรี่พร้อมกับพูดไปพร้อมกัน
ลูชินได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะถามว่า: “นายเดาได้มีหลักการดี ฉันอยากรู้ว่านายไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?”
“ก็ทางทีวี!”หงเจิ้นได้ถามต่อว่า “แล้วมันเรื่องจริงใช้ไหมที่ว่าในจีนแผ่นดินใหญ่ไม่นิยมใช้รถมอเตอร์ไซค์กัน”
“ใช้”
หงเจิ้นที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าตาสงสัย ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นต่อว่า: “เพราะส่วนมากพวกเราจะใช้รถส่วนตัวกันหรือไม่ก็รถไฟฟ้ากันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นรถมอเตอร์ไซค์จึงไม่นิยมใช้กัน”
“โอ๋” หงเจิ้นที่พูดต่อว่า “มันไม่เหมือนที่นี้เลย ที่นี้เราใช้รถมอเตอร์ไซค์กันเป็นส่วนมาก นายดูรถของฉัน ฉันได้ดัดแปลงมันมาจากเครื่องยนต์รถสัญชาติอิตาลีและเยอรมนีเลยนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครสามารถมาแข่งความเร็วกับรถของฉันได้”
“แต่ไม่นับรถของลูกพี่ใหญ่นะ รายนั้นของเขาแข็งจริง”
” ฉันว่านายพูดโม้มากกว่า “ลูชินพูดขึ้นมา
“โม้เหรอ!” หงเจิ้นได้พูดอย่างโกรธเล็กน้อยว่า “รถมอเตอร์ไซค์ที่ออกมาจากร้านของเรานั้นถือว่าดีที่สุดในฮ่องกงแล้ว และฉันยังได้ออกแบบเครื่องยนต์ที่แรงกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้กันในสนามแข่งอย่างน้อยสามเท่า!”
“นั่นเลือกว่าเร็วที่สุดแล้ว? ฉันจะบอกนายตรงๆว่าฉันสามารถดัดแปลงเครื่องยนต์ให้แรงกว่ารถของนายได้สบายๆ “ลูชินได้พูดท้าทายออกมา
อย่างไรก็ตามหงเจิ้นไม่เพียงแต่จะไม่โกรธเท่านั้น เขายังได้พูดท้าทายกลับว่า: “ฉันไม่แปลกใจเลยที่ใครๆต่างก็พูดกันว่าคนจีนแผ่นดินใหญ่ชอบคุยโว “
ลูชินได้ยินแบบนั้นก็พูดกระตุ้นให้หงเจิ้นโกรธขึ้นอีกเล็กน้อยว่า” ฉันคิดว่านายก็แค่กลัวว่าฉันจะทำได้จริงมากกว่า?!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หงเจิ้นที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า: ” ฉันต้องบอกนายตรงๆว่าเมืองหลวงนี้ไม่มีใครที่จะมีรถเร็วเท่าฉัน! แล้วเรื่องที่นายพูดว่าสามารถดัดแปลงรถเก่าๆที่นายกำลังขี่อยู่นั้นแซงฉันได้ถ้าเรื่องที่นายพูดมาเป็นเรื่องจริงฉันจะยอมเรียกนายว่าพ่อเลย! ”
น้ำเสียงของหงเจิ้นนั้นเต็มไปด้วยการดูถูก เขาไม่เชื่อว่าเรื่องที่ชายตรงหน้าพูดมานั้นจะเป็นเรื่องจริง
“โอ้” ลูชินรู้สึกว่าแผนของเขาได้ประสบความสำเร็จแล้ว เขาจึงพูดต่อว่า “เอาละ ถ้านายพูดแบบนั้นฉันก็คงต้องดัดแปลงรถคันนี้แล้วไปแข่งกับนายแล้วละ ”
” นายเอาจริง! “หงเจิ้นพูดด้วยความไม่เชื่อว่า
“ใช้ แต่ฉันขอซื้อรถคันนี้ก่อน เกิดฉันแข่งชนะขึ้นมาจริงๆแล้วนายมาทวงรถคืนฉันก็เสียหายแย่เลย ” ลูชินได้ชี้ไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่เขาเพิ่งจะขี่อยู่ แม้ว่าสภาพเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์คันนี้จะเสื่อมไปตามเวลาที่ผ่านมา แต่การออกแบบและคุณภาพของตัวถังนั้นดีเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าถ้าเขาปรับปรุงมันอีกเล็กน้อยมันต้องกลับมาเหมือนใหม่อย่างแน่นอน
“รถคันนี้เหรอ?” หงเจิ้นได้หัวเราะออกมาอย่างฉับพลัน “ฮ่าฮ่า ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ รถคันนี้ถือว่าเป็นรุ่นเมื่อสิบปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าตัวถังมันจะดูดีอยู่แต่เครื่องยนต์มันล้าสมัยไปแล้ว”
“มันจะดีกว่าถ้านายจะซื้อรถรุ่นใหม่มาดัดแปลง “
” ไม่ต้อง!…ฉันต้องการแค่รถคันนี้ ดังนั้นนายเสนอราคามาก็พอ? “ลูชินได้พูดขึ้นมา
“ไม่ต้อง ฉันยกมันให้นายไปเลย!” หงเจิ้นพูดต่อว่า “แต่ถ้านายเกิดแพ้ขึ้นมานายต้องสัญญากับฉันว่านายต้องอยู่ให้ห่างจากลูกพี่ใหญ่”
“ตกลงตามนั้น” ลูชินพยักหน้า