The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms - ตอนที่ 209
บทที่209
ผู้แปล : N.
ในร้านตอนนี้ได้มีรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ปรากฏขึ้น ด้วยการออกแบบโครงสร้างที่ทันสมัยที่สุด พ่วงด้วยระบบไฟฟ้า ระบบปรับสมดุล อุปกรณ์เบรค …
เพื่อให้ดูไม่ผิดสังเกต! ลูชินยังได้สร้างตัวถังให้เป็นสไตล์เดิมๆของมัน เพราะเขายังไม่อยากให้ใครรู้ว่าบริษัทของเขานั้นสามารถผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงได้
“ดีมาก นี้ถือได้ว่าเป็นรถคันแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยเรา ถึงแม้ว่าเบาะนี้จะนั่งไม่สบายตัวดีก็ตาม ฉันคิดว่าถ้าเราเปลี่ยนมันเป็นหนังคงดีกว่านี้ และคุณภาพของยางรถเองก็ไม่ได้มาตรฐานด้วยแบบนี้มันต้องทำให้ยางสึกเร็วอย่างแน่นอน… “ลูชินได้พูดประเด็นปัญหาที่เขาเจอ
เป็นเพราะเขาไม่สามารถหาวัสดุและเครื่องมือที่เฉพาะทางได้ จึงทำให้ประสิทธิโดยรวมของรถมอเตอร์ไซค์คันนี้ไม่ดีเท่าที่ควร
“ ถ้าดูสถานการณ์ตอนนี้ก็ถือว่าพอใช้ได้” ลูชินพูดจบก็ได้ลองขับรถมอเตอร์ไซค์ที่เขาทำขึ้นมาออกไปข้างนอก
ร้านของฟานฟานนั้นตั้งอยู่ในเขตชานเมือง มันจึงทำให้การจราจรตอนเช้ามืดนั้นมีไม่มากนัก
ลูชินได้สตาร์ทเครื่อง เสียงเครื่องยนต์คำรามออกมาไม่ดังมากนักมันแทบจะไม่แตกต่างจากเสียงเครื่องเดิมเลยก็ว่าได้ ก่อนที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาจะพุ่งออกไปจากร้าน การเร่งความเร็วจากศูนย์ถึงร้อยนั้นใช้เวลาเพียงเสี่ยววินาทีเท่านั้น นั้นจึงทำให้ลูชินเกือบพุ่งเข้าไปที่แปลงนาข้าวที่อยู่ถัดไป
โชคดีที่เขามีประสิทธิภาพเหนือคนทั่วไปหลายเท่า นั้นจึงทำให้เขาพอปรับทิศทางของรถมอเตอร์ไซค์ของเขาได้ทัน
ระหว่างทางมีคนขับรถเทรลเลอร์ขนาดใหญ่ที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่งและฟังเพลงขณะที่เขากำลังขับรถ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่เหมือนประกายไฟผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันตาฝาดไปงั้นเหรอ? “เขาดูไม่เข้าใจตัวเองก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาอีก ” แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะตาฝาดนะ!”
หลังจากนั้นเขาก็เลิกสนใจเขาได้ขับรถต่อไป เมื่อเขาขับมาซักพักก็เห็นว่าด้านหน้าของเขามีรถมอเตอร์ไซค์อยู่ แต่เมื่อเขาคิดจะขับเข้าไปใกล้กว่านี้ก็พบว่ารถมอเตอร์ไซค์ตรงหน้าได้หายไปแล้ว
“เดียวนี้มอเตอร์ไซค์มันเร็วได้ขนาดนี้เลยเหรอ?!” คนขับได้คายหมากฝรั่งออกด้วยความประหลาดใจ เพราะความเร็วที่เขาขับอยู่ตอนนี้ก็ใกล้เคียงกับความเร็วสูงสุดแล้ว การที่รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นสามารถเร่งความเร็วหนีเขาไปได้นั้นหมายความว่ารถคันนั้นต้องขี่เกิน100กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างแน่นอน
ด้วยความเร็วระดับนี้แน่นอนว่าลูชินจะต้องไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจนมากนัก นอกจากเสียงลมที่ดังเข้ามาที่หูของเขาเท่านั้น!
โชคดีที่เขาใส่หมวกกันน็อคมาด้วยไม่อย่างนั้นเขาคงจะหายใจลำบาก ลูชินยังพบว่าความเร็วที่เขากำลังใช้อยู่ตอนนี้มีความเร็วถึง 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี้มันเป็นความเร็วที่น่ากลัวอย่างมากและนี้ยังไม่ใช่ขีดจำกัดที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาสามารถทำได้ เพราะจากที่เขาคำนวณตอนที่สร้างมันขึ้นมานั้น เขาคำนวณไว้สูงถึง 11,000 ~ 20,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยที่เดียว
แต่เมื่อเขาทดลองขับจริงๆมันสามารถทำความเร็วที่ค่ามาตรฐานคือ 1,062กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี้อาจกล่าวได้ว่าภายใต้เงื่อนไขเดียวกันรถคันนี้จะมีความเร็วมากกว่าเครื่องบินทั่วไปด้วยซ้ำ!
มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถขับด้วยความเร็วขนาดนั้นได้เป็นเวลานาน เพราะมันจะกินแรงของเขามากเกินไป ลูชินได้ชะลอความเร็วของรถลงเขาคิดว่าไม่จำเป็นที่จะใช้ความเร็วระดับนั้นนานเกินไป!
“มันเร็วอย่างมาก!” หลังจากรถหยุดลงประสาทของลูชินยังคงไม่ได้ลดความตึงเครียดลงตาม
ลูชินได้กลับไปที่ร้านแล้วขอให้จางเกวียงทำการตรวจสอบสภาพของรถคันนี้ และผลที่ออกมานั้นบอกว่าสภาพโดยรวมยังอยู่ในสภาพโอเค
“ถ้าเราทำรถแบบนี้ออกมาขาย มันคงเกิดปัญหาขึ้นมาอย่างแน่นอน!” ตอนนี้ลูชินได้เริ่มคิดเกี่ยวกับมูลค่าเชิงพาณิชย์ของประสิทธิภาพของรถคันนี้ เขาคิดว่ามันคงไม่เหมาะที่จะขายแบบทั่วไปแต่ถ้าสำหรับกีฬาเอ็กซ์ตรีมก็พอมีความเป็นไปได้
“แต่เจ้านายสามารถนำระบบเครื่องยนต์ไปใช้ในเชิงธุรกิจได้หลากหลายนะครับ”
ลูชินที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดได้ว่าถ้าเขานำหลักการพลังงานไฟฟ้ามาแทนที่พลังงานเชื้อเพลิงแบบเก่าก็คงดี
ครั้งล่าสุดที่จางเกวียงได้รายงานผลการทดลองแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์รุ่นปรับปรุงนั้นมีความคืบหน้าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยถ้ารุ่นนี้ทำสำเร็จตัวแบตเตอรี่จะมีขนาดเล็กลงและมีความจุเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นหนึ่ง
ถึงแม้ว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะมีความเร็วที่ต่ำเมื่อเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง แต่มันก็มีข้อดีที่ว่าการชาร์จเพียงหนึ่งครั้งสามารถใช้ได้นาน ดังนั้นจึงมีผู้บริโภคจำนวนมากที่หันมาใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามากขึ้น
แต่ถ้าเขานำแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์รุ่นปรับปรุงและระบบเครื่องยนต์มาผสานรวมกันละ? บางที่แบรนด์ของ บริษัทลู่เทคโนโลยีจะกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมี่ยมก็ได้
ยิ่งคิดลูชินก็ยิ่งตื่นเต้น เขาได้ส่งข้อความไปยังกลุ่มวีแชทของบริษัทโดยที่เขาได้ส่งข้อความไปว่า “เมื่อฉันกลับไป เราจะเริ่มวางแผนจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้น!”
เขาได้รอสิบนาทีก็ไม่เห็นมีความความตอบกลับมา เขาจึงนึกขึ้นได้ว่านี้มันยังอยู่ในช่วงเช้ามืดอยู่เลย พวกนั้นคงหลับกันอยู่คงไม่มีใครลุกขึ้นมาตอบข้อความของเขา
ตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการแข่งที่จะถึงนี้แล้วยังไงเขาก็ชนะ อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าถ้าเขานำตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งที่ออพติมัสไพรม์ให้มาอัปเกรดเครื่องยนต์ตัวนี้ของเขามันจะเกิดอะไรขึ้น และถ้าเขาไม่ใช้มันตอนนี้เขาคงจะต้องนอนไม่หลับอย่างแน่นอน
เขาคิดได้แบบนั้นก็ได้นำตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งออกมาจากพื้นที่กลุ่ม และเขาได้นำมันไปติดตั้งที่ตัวเครื่องยนต์ของเขาทันที
“ออปติมัสเป็นถึงผู้นำของพวกออโต้บอท ฉันหวังว่าเขาคงไม่ให้ของที่ใช้การไม่ได้มานะ?” ลูชินได้คิดขึ้นมา
เขานำฟิล์มป้องกันที่อยู่บนตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งออกก่อนที่จะว่างมันลงตัวเครื่องยนต์ เขาเห็นว่ามีชิ้นโลหะขนาดเล็กเช่นปรอทได้ไหลออกมาจากตัวอุปกรณ์แล้วมันได้แทรกตัวเขาไปยังตัวเครื่องยนต์!
ลูชินได้จ้องไปยังการเปลี่ยนแปลงตรงหน้า จากที่เขาอ่านมาขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาดังนั้นเขาจึงต้องสังเกตให้มั่นใจว่ามันจะไม่ใช้ดิเซปติคอน
“นายท่าน โครงสร้างของโลหะกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้มันมีความผันผวนของสนามแม่เหล็กเกิดขึ้นอย่างรุนแรง” จางเกวียงที่อยู่ด้านข้างของเขาได้รายงานการเปลี่ยนแปลงนี้ขึ้นมา
“ อืม ฉันคิดว่าเราควรถ่อยห่างออกไปอีกนิด” ลูชินได้ก้าวถอยหลังออกมาตามที่พูด เพราะเขากลัวว่ามันอาจจะเกิดการระเบิดขึ้นได้
สิบนาทีผ่านไปได้เกิดเสียงแตรของรถดังขึ้น แต่สถานการณ์โดยรวมยังคงไม่นิ่ง สามสิบนาทีต่อมา จางเกวียงได้พูดว่า: “ความผันผวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังเพิ่มขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มันใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว”
หลังจากที่จางเกวียงรายงานจบ ตัวรถตรงหน้าของเขาก็เสร็จสิ้นเช่นกัน มันได้เริ่มเคลื่อนไหวโดยที่มันได้เดินตรงไปยังพวกอุปกรณ์เครื่องมือที่อยู่ในร้าน
ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกไม่ดีอย่างมาก เพราะถ้าเกิดหุนยนต์ตอนนี้คือพวกดิเซปติคอนมันคงจะเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก ด้วยที่มันสามารถขับเคลื่อนได้สูงเกือบเทียบเท่าความเร็วเสียงถ้ามันเกิดอาละวาดขึ้นมาเขาคงไม่สามารถหยุดมันได้
คิดได้แบบนั้นลูชินก็ได้สั่งโดยจางเกวียงโดยตรงว่า “ทำลายมันซะ!”