The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms - ตอนที่ 255
บทที่255
ผู้แปล : N.
“ฉันได้พูดคุยกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่สามรายในการไปครั้งนี้ หนึ่งในนั้นคือบริษัทสเฟียร์ พวกเขามีความกระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับทางเราอย่างมาก ยังรวมถึงบริษัทยักใหญ่อย่างแอนทีและเวอไรซอน พวกเขาก็มีความสนใจจะร่วมมือกับบริษัทของเราเช่นกัน แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นนโยบายที่ออกมาจากทางคณะกรรมาธิการการสื่อสารแห่งสหรัฐอเมริกาล่าสุด ก็เกิดอาการลังเลขึ้นมา”
“พวกเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาต้องรอให้ทางคณะกรรมาธิการการสื่อสารแห่งสหรัฐอเมริกา แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมในปลายเดือนนี้เสียก่อน พวกเขาถึงจะทำการตัดสินใจเรื่องความรวมมือกับทางเราอีกครั้ง”
บริษัทสเฟียร์ ถือว่าเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมอันดับสามในสหรัฐอเมริกา โดยมีมูลค่าทางการตลาดประมาณพันล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่ารวมตลาดทั้งโลกเกือบพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าตลาดของบริษัท AT & T (American Telephone and Telegraph Corporation) มีมูลค่ามากกว่าสองพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในเรื่องการตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศสหรัฐและตลาดในประเทศจีน นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนจีนจะซื้อโทรศัพท์มือถือจะต้องดูยี่ห้อโทรศัพท์มือถือก่อน แล้วจึงค่อยเลือกผู้ให้บริการ ส่วนชาวอเมริกันคุ้นเคยกับการซื้อผลิตภัณฑ์โดยตรงจากผู้ประกอบการ มีผู้ซื้อที่ซื้อกับผู้ประกอบการมากถึง 90% ของตลาด หากผลิตภัณฑ์ของเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือ เขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องการขายเลย
ลูชินขมวดคิ้วเล็กน้อยที่ได้ฟังแบบนั้น เขาจึงถามออกมาว่า : “ดูเหมือนว่า เรื่องนี้จะเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่ฉันคิดเอาไว้”
ในความเป็นจริงตอนนี้บริษัทลู่เทคโนโลยีเองก็พร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดสหรัฐอย่างเต็มตัว ถ้าไม่ติดปัญหาเหล่านี้ ไม่แน่ว่าตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของเขาอาจจะว่างขายทั่วอเมริกาเหนือไปแล้ว
ซู่จิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็พยักหน้าเป็นการเห็นด้วย ก่อนที่เธอจะพูดสิ่งที่เธอได้ทำการวิเคราะห์ว่า: “หากผลิตภัณฑ์ของเราเข้าสู่ตลาดสหรัฐ มันจะต้องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐอย่างแน่นอน!”
“ในตอนนี้บริษัทที่ครอบครองส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือมากที่สุดคือบริษัทแอปเปิ้ล พวกเขาครอบครองตลาดถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์! “
“หากบริษัทแอปเปิ้ลและบริษัทโทรศัพท์มือถือเจ้าอื่นพ่ายแพ้เราในตลาดสหรัฐ มันจะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐได้รับผลกระทบทันที นอกจากนี้ยังมีพวกอุตสาหกรรมชิปโทรศัพท์มือถือที่ได้รับผลกระทบ เช่น บริษัทควอลคอมม์ และ บริษัทอื่นอีกจำนวนหนึ่ง ในส่วนของบริการระบบอัจฉริยะเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือ บริษัทกลูเกิลและบริษัทไมโครซอฟท์… ”
“ที่มันเป็นแบบนั้น เพราะผลิตภัณฑ์และบริการของเราเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตเกือบทั้งหมด ดังนั้นนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกนายทุนใหญ่ และนักการเมืองของสหรัฐอเมริกาไม่พอใจที่จะเห็นบริษัทลู่เทคโนโลยีของเราเข้าสู่ตลาดสหรัฐ”
ตอนนี้อิทธิพลของบริษัทลู่เทคโนโลยีไม่ใช่สิ่งที่พวกนั้นสามารถมองข้ามได้ เพราะถ้าพวกนั้นเดินพลาดเพียงก้าวเดียว นั้นจะหมายถึงเศรษฐกิจเกือบทั้งหมดของสหรัฐจะตกเป็นของพวกเธอทันที!
แต่ก็อาจจะมีบริษัทยักใหญ่บางเจ้าที่สามารถรอดจากวิกฤตนี้ไปได้ เช่น บริษัทกลูเกิล บริษัทไมโครซอฟท์ บริษัทแอปเปิ้ล และบริษัทซัมซุม ที่บริษัทเหล่านี้สามารถรอดได้นั้น เพราะอิทธิพลที่พวกเขานั้นได้ขยายไปยังประเทศต่างๆ ไม่ใช้อยู่แค่ที่สหรัฐเท่านั้น!
ยอดขายโทรศัพท์ของแอปเปิ้ลในช่วงต้นปีนี้ คิดเป็น 3% ของค่าจีดีพีของสหรัฐอเมริกาทั้งหมด โดยที่พวกเขาสามารถทำรายได้ถึงสองแสนล้านดอลลาร์สหรัฐในต่างประเทศ และซีอีโอโคโค้เองก็ยังได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า บริษัทแอปเปิ้ลจะให้การสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐอย่างเต็มทีในปีนี้อีกด้วย
หากมีบริษัทลู่เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมา มันอาจจะทำให้ตลาดในอเมริกาเหนือทั้งหมดได้รับผลกระทบนับไม่ถ้วน นักลงทุนในวอลล์สตรีทอาจจะทำการขายหุ้นของพวกเขาเนื่องจากเหตุการณ์นี้ และถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริง นี้จะถือว่าเป็นวิกฤตโลกครั้งที่สามอย่างแน่นอน
จากมุมมองนี้พวกนายทุนส่วนใหญ่และเจ้าหน้าที่ของรัฐในสหรัฐอเมริกา จึงต้องระวังบริษัท Red Letter อย่างไม่อาจจะเลี่ยงได้ และพวกเขาจะต้องไม่ปล่อยให้พวกนั้นเข้าสู่ตลาดสหรัฐได้อย่างเด็ดขาด
ซู่จิงได้ถามต่อว่า: ” คุณคิดว่าเราควรจะชะลอการเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาเอาไว้ชั่วคราวดีไหม? แล้วเราหันไปสนใจในการเปิดตลาดที่ยุโรปแทน!”
ลูชินคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า: “บริษัทลู่เทคโนโลยีในปัจจุบันมีอิทธิพลเพียงในประเทศจีน และพื้นที่โดยรอบเท่านั้น หากเราต้องการก้าวขึ้นไปสู่ตลาดระดับโลกจริง ตลาดที่อเมริกาเหนือเป็นก้าวที่สำคัญอย่างมาก รองลงมาคือตลาดที่ประเทศแคนาดา นี่คือสองประเทศที่สำคัญที่สุด แต่ตอนนี้เรากับมาติดปัญหาในตลาดอเมริกาเหนือเพราะทัศนคติของพวกนักลงทุนและพวกรัฐบาล เราจึงเหลือทางเลือกไม่มากนัก ดังนั้นฉันคิดว่าเราคงต้องหันไปเลือกประเทศรองลงมาได้เท่านั้น “
“เฮ้อ! ฉันก็คิดแบบนั้น “
ในความคิดของลูชิน เขาไม่ต้องการประนีประนอมอะไรกับสหรัฐทั้งนั้น เพราะเขารู้ดีว่าที่พวกนั้นทำลงไปเพียงเพราะกลัวว่าผลประโยชน์ที่พวกเขามีนั้นจะหายไป ดังนั้นเขาจึงจะทำให้พวกนั้นเสียใจที่สร้างปัญหานี้ขึ้นมา!
ความคิดก็ส่วนความคิด แต่สถานการณ์จริงมันมีเรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก เพราะในประเทศจีนเองพวกนั้นก็ถูกกีดกันเช่นกัน และการที่บริษัทลู่เทคโนโลยีของเขาสามารถเติบโตในประเทศจีนได้มากขนาดนี้ก็ เพราะพวกเขารับการคุ้มครองโดยนโยบายในประเทศ
แต่การที่เขาต้องการนำบริษัทของเขาไปเปิดตลาดในสหรัฐอเมริกานั้น ก็ถือว่าบริษัทของเขาเป็นบริษัทข้ามชาติ จึงไม่ได้รับการคุ้มครองโดยนโยบายอะไร ดังนั้นมันจึงไม่ใช้เรื่องแปลกที่พวกเขาจะถูกกีดกันจากนโยบายของประเทศนั้นๆ
แน่นอนว่าสถานการณ์นี้เกิดกับบริษัทลู่เทคโนโลยีเท่านั้น โดยความแข็งแกร่งที่พวกเขามีมันทำให้นักลงทุนเหล่านั้นกลัว แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นบริษัทอื่นเข้าไปเปิดตลาดที่สหรัฐ พวกนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะพวกนักลงทุนรู้ว่าบริษัทพวกนั้นไม่สามารถสู้พวกเขาได้
…..
วันรุ่งขึ้นลูชินยังได้อนุมัติแผนการจัดซื้อใหม่โดยเฉพาะ เขาได้ทำการสั่งซื้อเครื่องบินส่วนตัวขนาดเล็ก จำนวน 15 ลำ จากบริษัทอากาศยานสองแห่ง โดยที่คิดเป็นเงินสูงถึง หนึ่งพันล้านหยวน
และเครื่องบินที่แพงที่สุดมีราคาถึง 250 ล้านหยวน โดยที่เครื่องบินลำนี้จะได้รับการออกแบบและตกแต่งภายในอย่างหรูหราที่สุด ดังนั้นมันไม่แปลกเลยที่เครื่องบินลำนี้จะมีราคาสูงแบบนี้
แต่ราคานี้ก็ยังไม่ใช้ราคาที่แพงมากมายอะไร เมื่อเทียบกับเครื่องบินที่พวกเศรษฐีระดับโลกใช้กัน ที่มันมีราคาเพียงแค่นี้ เพราะลูชินไม่เต็มใจที่จะใช้จ่ายเกินหนึ่งพันล้านหยวนเพื่อซื้อเครื่องบินก็เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นเขาคงซื้อเครื่องบินที่แพงกว่านี้ไปแล้ว
หลังจากซื้อเครื่องบินเสร็จแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการเลือกนักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ซึ่งเรื่องนี้เขาได้ยกหน้าที่ให้ลูกน้องที่บริษัทจัดการทั้งหมด
ก่อนที่เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเขาจะมาถึง ลูชินเองก็ได้บินไปที่สหรัฐอเมริกาก่อนแล้ว เพราะในอีกไม่กี่วันคณะกรรมการการสื่อสารแห่งสหพันธรัฐสหรัฐจะประกาศผลของบริษัทลู่เทคโนโลยีดังนั้นเขาจึงต้องไปพบกับใครบางคนเสียก่อน
คนที่เขาจะไปพบคือประธานคนปัจจุบันของบริษัท At & t (American Telephone And Telegraph)
โดยที่บริษัทนี้มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองดัลลัส เท็กซัส ผู้ก่อนตั้งรุ่นก่อนคือ เบลล์ ฟาร์ครอน
เขาไม่เพียงแต่จะทำธุรกิจการสื่อสารและเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เขาถือว่าเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของวงการในช่วงนั้นเลยก็ว่าได้
และบริษัทนี้ยังถือว่าเป็นบริษัทชั้นนำของโลกมาตั้งแต่นั้นมา ในตอนนี้บริษัทของเขาก็ยังถือว่าเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำของโลก โดยติดอันดับหนึ่งในสิบบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก! อาจกล่าวได้ว่าบริษัท At & t เป็นสัตว์ร้ายยักษ์ใหญ่ในตลาดเศรษฐกิจโลกก็ว่าได้!
ที่อาคารสำนักงานใหญ่ At & t ลูชินได้เห็นประธานคนปัจจุบัน เขาชอบให้คนอื่นเรียกเขาว่ากรู เขาอายุประมาณสี่สิบปี เป็นคนผิวสี เขาใส่เสื้อผ้าสีขาวซึ่งการใส่แบบนี้มันเป็นการตัดกับผิวของเขาอย่างมาก และลักษณะการแต่งการโดยรวมของเขานั้นถือว่าเป็นมาตรฐานทั่วไปที่คนฝั่งอเมริกาสวมใส่กัน ถ้าเขาไปเดินในที่สาธารณะคนทั่วไปอาจจะไม่มีทางรู้เลยว่า ชายที่เดินสวนกับพวกเขาไปนั้นคือคนที่ถือหางเสือเรือของบริษัทข้ามชาติที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ
“ประธานลู! ดีใจที่ได้พบคุณ” กรูจับมือกับลูชินอย่างสนิทสม เขาไม่ได้พูดภาษาจีนกลางแต่ลูชินก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อสารดี
“ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติมากเช่นกัน!” ลูชินได้นั่งตรงข้ามเขาหลังจากการแลกเปลี่ยนที่เรียบง่าย ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะเริ่มเจรจาเรื่องความร่วมมือของพวกเขา