The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms - ตอนที่ 312
บทที่312
ผู้แปล : N.
“ประธานซูค่ะ! จะดีกว่ามั้ยถ้าเราเปลี่ยนไปเชิญผู้กำกับจากต่างชาติแทนที่จะเป็นในประเทศ?” ผู้ช่วยของเธอยังได้พูดต่ออีกว่า “ถ้าพูดถึงในเรื่องของผู้ผลิตภาพยนตร์แนวไซไฟ ผู้กำกับจากต่างชาติดูดีกว่าผู้กำกับในประเทศของเราเป็นไหนๆ”
“เธอสามารถลองดูได้! แต่ฉันคิดว่าพวกเขาก็คงไม่สนใจคำเชิญของเราอย่างแน่นอน” ไม่ใช้ว่าเธอไม่เคยคิดที่จะทำแบบนั้น แต่เธอรู้ดีว่าเธอนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากตัวเครื่องบันทึกสามมิติเท่านั้น มันคงไม่สามารถดึงดูดพวกผู้กำกับดังๆได้
อีกไม่กี่วันต่อมาลูชินได้ถามซูเฉิงเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทของเธอ “ภาพยนตร์ของพี่ไปถึงไหนแล้ว?”
“ มันยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ!” ซูเฉิงตอบกลับมาอย่างไม่เต็มใจนัก “ ฉันได้เชิญพวกผู้กำกับและนักเขียนบทไปจำนวนมาก แต่ก็ถูกตอบกับปฏิเสธกับมาหมด ฉันคิดว่าฉันคงต้องเลื่อนการเปิดตัวภาพยนตร์ออกไปอีกนิด”
“ เกิดอะไรขึ้น” ลูชินพูดต่ออย่างรวดเร็ว “ ถ้าพูดถึงความนิยมแล้วละก็ ตอนนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักอุปกรณ์ฉายภาพสามมิติของเรา ถ้ามันสามารถทำออกมาเป็นหนังได้ แล้วทำไมถึงไม่มีผู้กำกับคนไหนสนใจที่จะทำมันกัน?”
“ฉันคิดว่าพวกนั้นคงถูกกดดันจากพวกบริษัทภาพยนตร์ยักใหญ่นะ!”ซูเฉิงตอบกับมาอย่างจนใจ
“มันเป็นแบบนี้!” ลูชินพูดต่อว่า “ดี! ช่วงนี้ผมไม่มีงานอะไรที่จะทำอยู่แล้ว งั้นผมจะอยู่ช่วยพี่เองอีกแรงเอง!”
“ นายเหรอ?” ซูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็อดจะพูดเล่นไม่ได้ว่า “ นายไม่เชื่อมือฉันเหรอไง?”
“ อ่า! มันไม่ใช้แบบนั้น! ผมนั้นเชื่อในตัวพี่เต็มรอยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แต่ผมคิดว่าถ้าเพิ่มมาอีกหนึ่งหัวมันก็อาจจะทำให้เราออกจากสถานการณ์นี้ได้เร็วขึ้น” ลูชินตอบกลับมาอย่างยิ้มๆ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้ศึกษาอุปกรณ์การฉายภาพเสมือนที่ศูนย์วิจัยอย่างจริงจัง เขารู้ว่าหลักการของอุปกรณ์บันทึกภาพนั้นไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่ใครๆต่างคิดกัน หลักการมันเป็นเพียงแค่การสแกนภาพผ่านเลเซอร์ จากนั้นก็นำข้อมูลนั้นไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะใช้โปรแกรมเฉพาะทำการปรับเปลี่ยนและฉายภาพผ่านอุปกรณ์ฉายภาพสามมิติออกมา
ถึงลูชินจะรู้หลักการของเครื่องบันทึกภาพสามมิตินี้เป็นอย่างดี แต่จะให้เขาเป็นคนสร้างภาพยนตร์แน่นอนว่าเขาทำไม่ได้ แต่เขารู้ว่าจะหาใครมาทำในเรื่องนี้ได้
บริษัทเรทเกม ตั้งอยู่ในจังหวัดเจียงเฉิง ลูชินใช้เวลาเดินทางจากนิคมภาคใต้มาถึงในวันเดียว
“ เรามาทำอะไรที่นี่?” เมื่อซูเฉิงเห็นตัวของสำนักงานใหญ่ของบริษัทเรทเกมก็รู้สึกประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะหันไปถามคนที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่ได้
“แน่นอนว่าเรากำลังมาหาฝ่ายเทคนิคในหนังให้กับพี่ยังไงละ” ลูชินตอบกับมาแบบยิ้มๆ
“อะไรนะ?” ซูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็แสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมา
“ ฮาฮาฮา! อีกเดียวพี่ก็จะรู้เองว่าผมหมายถึงอะไร” ลูชินยังคงตอบกับมาแบบยิ้มๆเหมือนเดิม
“…!”
……
บริษัทเรทเกมฝ่ายพัฒนาเกม ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เป็นผู้ออกแบบเกมสามมิติอย่าง “สามก๊ก” เวอร์ชั่นที่เล่นกันอยู่ในปัจจุบันนี้
ฉินมู่เป็นหัวหน้าของพวกสถาปนิกออกแบบเกมสามก๊ก ได้พูดขึ้นว่า: “ในความคิดของฉัน เราควรจะเน้นในเรื่องของการออกแบบให้อิงกับการต่อสู้แบบทีมให้มากขึ้น พวกนายไม่ฟังครั้งที่ประธานลูพูดในงานหรือไง? เขาต้องการพัฒนาเกมนี้สู่การแข่งขันแบบอีสปอร์ต! ดังนั้นเราควรจะเน้นไปแบบผู้เล่นทีมมากกว่าผู้เล่นเดียว “
“แล้วการแต่งตัวละครับ!” นักออกแบบเกมที่อยู่ใกล้ๆได้พูดต่อว่า “จากผลสำรวจล่าสุด บอกว่าผู้เล่นจะรู้สึกดีขึ้นและใช้จ่ายเงินกับตัวเกมมากขึ้น หลังจากที่พวกเขาสามารถทำการตกแต่งตัวละครของพวกเขาให้แตกต่างจากผู้เล่นคนอื่น แล้วแบบนี้เราจำเป็นต้องทำการออกแบบชุดตัวละครให้หลากหลายขึ้นไหมครับ? “
ผลสำรวจนี้ไม่ใช้อะไรที่แปลกใหม่สำหรับพวกเขา เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องมาตรฐานทั่วไปอยู่แล้ว แต่การที่พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยุ้งยากนั้น เพราะการออกแบบชุดตัวละครให้แตกต่างกันนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากกับจำนวนที่เกิน500ชุด
ระหว่างที่พวกฉินมู่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ทางเข้าของฝ่ายพัฒนาเกมก็มีเสียงตะโกนขึ้นมา
“พระเจ้า! ฉันพึ่งได้รับเรื่องจากหัวหน้าว่าเดือนนี้เราจำเป็นต้องปล่อยทีเซอร์ตัวใหม่อีกแล้ว! ” ชายหนุ่มสวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำตะโกนออกมาอย่างว่านี้จะเป็นวันสิ้นโลกยังไงยังงั้น “ฉันทำงานจนจะบ้าอยู่แล้ว !”
คนที่เข้ามาใหม่นี้มีชื่อว่า เหวยเหว่ย เขาเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ดูแลเกมสามก๊กเช่นกัน และหน้าที่หลักของเขาคือการสร้างแผนภูมิในด่านต่างๆ ตัวละครเกม ฉากหลัง ศิลปะ….
ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือเขาทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการสร้างขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะตะโกนออกมาหลังจากที่เขาได้รับมอบหมายงานใหม่แบบนี้
“ ดูเหมือนว่าคนที่ยุ่งที่สุดจะไม่ใช้ฉันแล้วสิ!” ฉินมู่ตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“เอ้ย! รอยยิ้มนั้นหมายความว่าอะไร?” เหวยเหว่ยพูดอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก “พวกหัวหน้านี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกอนิเมชั่นเสมือนจริงเลย การสร้างตัวละครขึ้นมาหนึ่งตัวนั้นยากกว่าการสร้างตัวละแบบเกมปกติเสียอีก แล้วนี้ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องเอฟเฟกต์ต่างๆที่จะต้องมีอีก และไหนจะฉากหลังที่จะต้องทำแบบซีจีอีก เฮ้อ! ฉันละอยากจะบ้าตายให้มันรู้แล้วรู้รอดจริงๆ! “
“แต่นายก็ยังมีทีมคอยช่วยอยู่ไม่ใช้หรือไง! ” ฉินมู่ได้ตอบสวนกลับอย่างรวดเร็ว
“มันก็ใช้! แต่บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าไอ้ที่ฉันกำลังทำอยู่นั้นมันไม่ใช้เกม! แต่เป็นการ์ตูนอนิเมะหรือไม่ก็พวกภาพยนตร์มากกว่า”
“โอ้! แล้วทำไมนายถึงไม่บอกเรื่องนี้กับหัวหน้าไปตรงๆละ ไม่แน่นายอาจจะกลายเป็นผู้กำกับก็ได้ ฮาฮาฮา!” เพื่อนร่วมงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็หัวเราะขึ้นมา
“ฉันคิดว่ามันก็ใช้ได้นะถ้านายคิดจะสร้างเป็นหนัง! ฉันเห็นเอฟเฟ็กต์ที่นายออกแบบแล้วมันเป็นอะไรที่หนังในตอนนี้ไม่สามารถทำได้ ” ฉินมู่เองก็ได้หยุดล้อเล่นก่อนที่เขาจะพูดถึงความเป็นไปได้นี้ออกมา
“ฉันจะเก็บเรื่องนี้ไปคิดก็แล้วกัน! แต่ตอนนี้พวกเราควรจะแยกย้ายกันไปทำงานกันได้แล้ว”
ทุกคนที่ได้ฟังแบบนั้นก็เริ่มแยกย้ายกันไปยังพื้นที่งานของตัวเอง แต่ระหว่างนั้นเองหัวหน้าฝ่ายได้เดินเข้ามายังห้อง ก่อนที่เขาจะตะโกนเรียก: “เหวยเหว่ย! นายมากับฉันเดียวนี้”
“มีอะไรเหรอครับ!” เหวยเหว่ยรีบวิ่งมาทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเอง
“ ประธานต้องการพบกับนาย” หัวหน้าฝ่ายได้ตอบกับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เหวยเหว่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมา เพราะก่อนหน้าที่เขาจะมาที่นี้เขาก็ได้พบกับประธานหลิวตรงทางเดิน แต่เขาก็ไม่เห็นว่าประธานจะมีอะไรพูดกับเขา
“เป็นประธานลูต้องการพบนาย!” หัวหน้าฝ่ายยังคงตอบกับมาโดยใช้น้ำเสียงโทนเดิม
“ ประธานลู?” ตาของเหวยเว่ยเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อนี้“ ทำไมประธานลูถึงต้องกับพบผมละ? หัวหน้าพอบอกผมได้ไหม?”
เขารู้สึกสับสนเล็กน้อยที่ประธานลูต้องการพบเขา เพราะคนอย่างประธานลูนั้นไม่มีทางที่เขาจะได้พบง่ายๆ แต่วันนี้คนระดับนั้นกับมาเรียกเขาเข้าไปพบซะอย่างงั้น
“ ฮาฮาฮา! นายกำลังจะมีโชคแล้วยังไงละ” หัวหน้าฝ่ายได้เปลี่ยนน้ำเสียงพูดทันทีที่เข้าพูดประโยคนี้จบ : “ฉันแอบได้ยินมาว่าเพราะงานที่นายทำนั้นออกมาดีมาก! ประธานลูเลยต้องการเห็นหน้าของคนทำมัน ดังนั้นนายไม่ต้องกังวลกับมันเกินไป ทำตัวตามสบายแบบปกติก็พอแล้ว”
“อะไรนะ?” เหวยเหว่ยที่ได้ฟังแบบนั้นก็เต็มไปด้วยคำถาม แต่หัวหน้าของเขาก็ปฏิเสธที่จะพูดอะไรเพิ่มอีก
ทันทีที่เขาเข้ามาในสำนักงานใหญ่ เขาเห็นคนสองคนนั่งอยู่เขานั้นสามารถรู้ได้ทันทีว่าผู้ชายที่นั่งตรงตำแหน่งประธานนั้นคือประธานลู ส่วนผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นเขากับไม่เคยเห็นเธอมาก่อน หรือว่าเธอจะเป็นแฟนใหม่ของประธานลูกัน?
“สวัสดีครับประธานลู!” เหวยเหว่ยรีบทักทายอย่างรวดเร็ว
“นายเป็นคนทำตัวทีเซอร์ตอนเปิดเกมสามก๊กใช้ไหม?” ลูชินได้เข้าประเด็นทันที
“ใช่ครับ! เป็นผมเอง” เหวยเหว่ยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เขาเคยพบประธานลู
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า: “นายนั่งลงก่อนสิ!”
“อะไรนะครับ?” เหวยเหว่ยที่ได้ยินคำพูดของประธานลู ตอนแรกเขาก็ยังงงอยู่แต่เขาก็ใช้เวลาไม่นานที่จะนั่งลง หลังจากที่เขานั่งลงแล้วเขาก็ได้ตอบออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช้งานที่ผมทำเองทั้งหมดหรอกครับ ยังมีเพื่อนร่วมงานของผมอีกที่ช่วยกันในครั้งนี้ ดังนั้นผมคงไม่สามารถรับคำชมของประธานลูได้!”
“ โอ้! เป็นแบบนี้นี่เอง” ลูชินได้พยักหน้าเป็นการรับรู้
เหวยเหว่ยยังไม่เข้าใจสิ่งที่ประธานลูเพิ่งพูดออกมา ลูชินก็พูดต่อว่า : “ฉันได้เห็นแล้วว่าตัวทีเซอร์ที่พวกนายทำออกมานั้นมันสุดยอดแค่ไหน ฉันไม่คิดจริงๆว่าบริษัทของฉันจะมีคนที่สุดยอดแบบนี้อยู่ด้วย”
“ผมขอเป็นตัวแทนของเพื่อนร่วมงานทั้งหมดขอบคุณสำหรับการยกย่องของประธานลูครับ!” เหวยเหว่ยตอบอย่างพอใจ