The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms - บทที่415
บทที่415
ผู้แปล : N.
“นายพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ!” จ้าวเฉียวเฉียวพูดต่อว่า “ถ้านายพูดว่าเป็นเพราะมันไม่ใช้คน มันถึงไม่รู้กฏจราจร ถ้าเกิดว่ามีคนข้ามถนนโดยไม่รอสัญญาณไฟจราจรละ นั้นก็ถือว่าเขาเป็นสัตว์ใช้ไหม?”
“เห็นได้ชัดว่าพวกนายก็แค่หาข้ออ้างเท่านั้นเอง”
ทั้งสามคนที่ได้ฟังจ้าวเฉียวเฉียวพูดแบบนั้น ก็แสดงสีหน้าน่าอายออกมา
“แล้วนี้พวกนายได้ทดลองใช้ระบบเรดาร์เข้าไปช่วยไหม? ไม่แน่ว่ามันอาจจะช่วยพวกนายในเรื่องนี้ได้” ลูชินได้ลองเสนอไอเดียของตัวเองลงไป
“ ระบบนั้นพวกฉันได้ลองเอาไปใช้แล้ว” เป็นจินฟานที่เป็นคนพูดขึ้นมา “ มันไม่ใช้เรื่องง่ายเลยที่จะสร้างระบบการขับขี่อัจฉริยะขึ้นมาได้ ถ้าจะพูดลงลึกไปมากกว่านี้ ฉันก็กลัวว่านายคงจะไม่เข้าใจมันหรอก…”
“เออนี้พี่ชาย! สรุปแล้วว่าบริษัทที่คุณทำงานอยู่นั้นเคยศึกษาระบบรถไร้คนขับมาก่อนจริงเหรอ?”เป็นจ้าวเฉียวเฉียวที่ได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมา
“ใช้แล้ว! แต่ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะสามารถช่วยอะไรได้ในตอนนี้” ลูชินได้หยุดลงไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “แต่ถ้าฉันได้ไปเห็นระบบที่พวกนายสร้างขึ้นมา มันก็พอมีทาง”
“งั้นก็โอเคเลย!” จินฟานเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ของลูชิน “บริษัทของเราได้ตั้งอยู่ในจังหวัดเจียงเฉิงนี้เอง ถ้าคุณมีเวลาว่างก็สามารถไปหาเราได้ตลอด เพราะยังไงช่วงนี้พวกฉันก็ว่างๆกันอยู่แล้ว “
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกเลย กลับกันเขาได้หันความสนใจไปพิจารณาลูชินแทน เขาคิดว่านายลูชินคนนี้นั้นคงเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น และเรื่องที่ฟานฟานอ้างว่านายลูชินนั้นมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้คงเป็นเพียงเรื่องโกหกเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงได้ลืมเรื่องที่พูดในวันนี้ไป ก่อนที่เขาจะหันมาดื่มและเล่าเรื่องโมๆของเขาให้กับคนอื่นฟังแทน ซึ่งในเรื่องที่เขานำมาเล่านั้น ก็เกี่ยวกับความยากลำบากในการก่อตั้งบริษัทของพวกเขาขึ้นมา และเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ได้รับความสนใจจากทุกคนเป็นอย่างมาก
แต่กับจ้าวเฉียวเฉียวมันไม่ใช้ เพราะตลอดเวลาเธอนั้นยังคงพยายามที่จะจับลูชินเอาไว้ให้ได้ แต่น่าเสียดายที่เธอนั้นไม่เคยประสบความสำเร็จ
ฟานฟานเองก็ดื่มเยอะเช่นกัน และเมื่อถึงเวลางานเลี้ยงเลิกก็เป็นเขาที่จะต้องไปส่งเธอกลับไปที่โรงแรม
ลูชินได้โยนเธอพร้อมกับจ้าวเฉียวเฉียวลงไปยังที่นอนทันทีที่เข้ามาถึง
ในอีกด้านหนึ่งห่างจากโรงแรมที่ลูชินอยู่ จินฟานและพวกกำลังพูดคุยถึงเรื่องก่อนหน้านี้กัน
“ ฉันคิดว่าคนที่ฟานฟานแนะนำมานั้นดูแปลกๆ! เขาไม่เหมือนกับพวกนักวิจัยเลย!” จางเหว่ยหนึ่งในเพื่อนของจินฟานได้พูดด้วยความสงสัย
“เฮ้! นายดื่มเยอะไปแล้ววันนี้!” จินฟานได้พูดห้ามเพื่อนของเขา “ถึงฉันจะคิดแบบนาย! แต่เราก็ต้องไว้หน้าฟานฟานด้วย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีดีอย่างที่เธอบอกเอาไว้ก็ได้!”
“พวกนายหยุดคุยเรื่องนี้ได้แล้ว! เรื่องนี้มันไม่สำคัญเท่าที่นายนั้นได้พาผู้หญิงสุดเอ็กถึงสองคนไปส่งที่โรงแรมหรอก… ฉันละอิจฉาเขาจริง ๆ !” เพื่อนอีกคนได้พูดขัดขึ้นมา
“แม่ง! มันน่าอิจฉาจริงๆนั้นแหละ” จางเหว่ยที่ดื่มมากเกินไป ก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ไปเต็มๆ “งั้นเราก็แยกย้ายกันตรงนี้เถอะ เพราะฉันเองก็ลืมไปว่าจะต้องไปทำธุระอีกอย่างหนึ่ง”
“ไอ้บ้าเอ้ย! นายเมาขนาดนี้แล้วยังคิดจะไป…อีกเหรอไง! นายควรกลับไปนอนได้แล้ว”
……
ที่บ้านสุดหรูของลูชิน ไฟยังคงสว่างอยู่ทั่วทั้งบ้าน ซู่จิงเองก็ยังได้สวมชุดนอนและนั่งอยู่บนโซฟาเพื่อดูภาพยนตร์ที่ฉายอยู่
“กลับมาแล้วเหรอ?” เธอที่เห็นว่าลูชินได้เดินเข้ามายังตัวบ้านก็ได้พูดทักขึ้น
“ใช้แล้ว! วันนี้ผมก็ได้ดื่มมานิดหน่อย ตอนนี้ผมก็เกิดอารมณ์แล้วด้วย” ลูชินที่ได้พูดมาถึงตรงนี้ก็ได้หยุดไปซักพัก ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า “เพราะงั้นผมจะ….”
“คุณ … “
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ลูชินก็ได้ลุกขึ้นนั่งที่เตียง แล้วเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเริ่มค้นหาข้อมูลบางอย่าง
สิ่งแรกที่เขาค้นหานั้นเป็นข้อมูลเกี่ยวกับระบบรถไร้คนขับของบริษัทของเขา เห็นได้ชัดว่าโครงการนี้ได้รับการวิจัยและพัฒนาเพียงสามเดือนเท่านั้นก่อนที่มันจะถูกสั่งปิดไป
จากนั้นก็เป็นข้อมูลของบริษัทของจินฟาน
ตัวแทนทางกฎหมายและซีอีโอของบริษัท คือ จินฟาน ส่วนผู้ก่อตั้งบริษัทนั้นจะมีทั้งหมดสามคนด้วยกัน นั้นคือตัวของจินฟานเองและเพื่อนอีกสองคนที่ลูชินได้เจอก่อนหน้านี้
ในส่วนของพนักงานที่ทำงานอยู่ในบริษัทนั้นมีทั้งหมด9คน ส่วนทุนจดทะเบียนบริษัทของพวกเขาเองก็ถือว่าสูงใช้ได้ถ้าเทียบกับบริษัทน้องใหม่แบบนี้ พวกเขาใช้เงินจดทะเบียนถึง 10 ล้านหยวน
และโครงการที่พวกเขารับผิดชอบนั้น ลูชินเห็นมีเพียงโครงการเดียวเท่านั้น มันก็คือการพัฒนาระบบรถไร้คนขับนั้นเอง
ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสามเองก็ได้สร้างชื่อให้ตัวเองมาในการชนะอันดับหนึ่ง ในโครงการของสถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติประเทศจีน ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะสามารถระดมเงินทุนได้มากขนาดนี้
แต่หลังจากเหตุการณ์ที่รถไร้คนขับของพวกเขาได้ฆ่าสุนัขที่วิ่งตัดหน้าในครั้งนั้น ทำให้ทางองค์กรการลงทุนต่างๆที่เคยเป็นผู้ให้เงินวิจัยต่างก็เพิ่มความระมัดระวังในการจ่ายเงินมากขึ้น
“ทำไมคุณถึงต้องการเปิดโครงการรถไร้คนขับขึ้นมาอีกครั้ง?” ซู่จิงได้คลานออกมาจากเตียงพร้อมกับมีรอยแดงบนใบหน้าของเธอเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะได้เอนศีรษะพิงหน้าอกของลูชินด้วยความถวิลหา
“มันมีอะไรที่น่าสนใจเล็กน้อยในวันนี้นะ” ลูชินได้จับเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดต่อว่า “ในตอนนี้เราเองก็เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างปัญญาประดิษฐ์แล้ว ผมจึงคิดว่าถ้าเรานำมันมาปรับนิดๆหน่อยๆก็คงจะสามารถใช้ได้กับโครงการนี้ได้”
“แต่คุณก็รู้ว่าตอนนี้ได้มีบริษัทยักใหญ่จำนวนมากที่ได้สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน!” ซู่จิงได้รูดนิ้วมือของเธอขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่อุปกรณ์ฉายภาพที่เปิดอยู่บนเตียงจะได้ฉายภาพที่เธอต้องการออกมา
“เทคโนโลยีการขับขี่แบบไร้คนขับนั้น ได้ถูกริเริ่มโดยบริษัทกูเกิล ต่อมาก็ได้รับการพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัทยักใหญ่อย่างบีเอ็ม ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็ได้เริ่มนำรถทดลองมาขับตามท้องถนนมากขึ้น …นี้ยังไม่รวมถึงสถาบันนานาชาติจำนวนมากที่มีการพัฒนาระบบนี้มาอย่างต่อเนื่อง”
“ในประเทศของเราเองก็มีบริษัทจำนวนมากที่พัฒนาระบบรถไร้คนขับนี้ได้ถึงจุดที่สามารถนำออกมาทดสอบตามท้องถนนปกติได้ “
“ในส่วนของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีข่าวว่ารถยนต์แบบไร้คนขับบางที่ถูกพัฒนามาจากบริษัทยักใหญ่บางแห่งได้รับอนุญาตชั่วคราวให้ถูกนำมาใช้ในได้ตามท้องถนนแล้ว แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนได้เกิดเหตุของการทดสอบระบบรถไร้คนขับนี้ขึ้น…”
“เรื่องนั้นผมก็รู้เช่นกัน! แน่นอนว่าการนำระบบรถไร้คนขับไปใช้นั้นอาจจะมีความเสี่ยงต่อเรื่องของอุบัติเหตุขึ้นได้ แต่ผมก็คิดว่ามันจะถูกแก้ไขได้โดยระบบปัญญาประดิษฐ์ของเรา “ลูชินได้พูดต่อว่า ” แต่เรื่องนี้เราค่อยพูดถึงมันพรุ่งนี้กันเถอะ ตอนนี้คุณควรจะนอนได้แล้ว “
ในวันถัดไปลูชินได้ทำการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องระบบรถไร้คนขับนี้เล็กน้อย และเขายังได้เข้าไปพบกับบุคคลที่รับผิดชอบโครงการที่บริษัทของเขาอีกด้วย
และหลังจากนั้น เขาได้ตัดสินใจที่จะดูไปดูบริษัทของจินฟานก่อน ถ้าหากระบบที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมานั้นมีความเป็นไปได้ที่น่าสนใจ เขาก็คิดที่จะเข้าซื้อบริษัทของเขาเพื่อที่จะได้นำระบบนั้นมาพัฒนาต่อในชื่อแบรนด์ของบริษัทลู่เทคโนโลยีแทน
เช้าวันนั้นลูชินได้ทำการนัดให้ฟานฟานติดต่อไปยังจินฟาน เพื่อที่เขาจะเข้าไปดูระบบรถไร้คนขับที่บริษัทของพวกเขา
หลังจากที่ลูชินและฟานฟานเดินทางจากบริษัทลู่เทคโนโลยีมาไม่นาน พวกเขาก็พบกับอาคารธุรกิจที่ไม่กี่ชั้น และตรงทางเข้ายังได้แขวนป้ายเล็กๆ ที่บอกว่านี้เป็นบริษัท “ทินเนอร์” !
ในช่วงเวลาเก้าโมงเช้านั้นเป็นช่วงเวลาที่พนักงานของบริษัทได้เริ่มทำงานแล้ว พวกเขายังทำการทดสอบระบบรถไร้คนขับซ้ำๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่เกิดขึ้นในอุบัติเหตุครั้งก่อน
จินฟานได้รับโทรศัพท์ ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับจางเหว่ยและคนอื่นๆว่า “ตอนนี้ฟานฟานได้พาลูชินมาที่บริษัทของเราแล้ว และเขาต้องการดูผลการทดสอบระบบรถไร้คนขับของเรา “
“ สรุปแล้วนายลูชินคนนี้เป็นผู้เชี่ยญชาญจริงเหรอ?” จางเหว่ยรู้สึกงงงวยทันทีที่ได้ฟังเรื่องนี้
“ใครจะไปรู้? เขาก็อาจจะแค่มาดูเพื่อไม่ให้เป็นการเสียหน้าของตัวเองก็ได้” จินฟานได้ยักไหล่อย่างไม่ได้สนใจอะไร